ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นลูกครึ่ง

บางคนอาจจะอยากเกิดมาเป็นลูกครึ่งบ้าง เเต่ผมไม่อยากเป็นเลยครับ... ผมเป็นลูกครึ่ง ไทย-ญี่ปุ่น เเม่เป็นคนไทย พ่อเป็นคนญี่ปุ่น ตั้งแต่เด็กจนโตผมอยู่กับแม่เป็นส่วนใหญ่ส่วนพ่อของผมจะมาหาบ้างในวันหยุด พ่อทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดเลยไม่ค่อยได้เจอกัน ผมมีนามสกุลที่ผสมไทยกับญี่ปุ่น ใครๆที่อ่านชื่อของผมก็ต้องทักอยู่แล้วว่า"เป็นลูกครึ่งเหรอ?" และจะตามมาด้วยคำถามนี้คือ"พูดญี่ปุ่นได้รึเปล่า?"
คำตอบคือ ไม่ พ่อไม่ได้อยู่กับผมบ่อยๆเพราะต้องไปทำงานต่างจังหวัด มิหน่ำซ้ำ พอพบเจอกันทีไรก็จะเเกล้งผมกับน้องให้เจ็บตัวกันเสมอ ผมเกือบตายเพราะพ่อจะเเกล้งผลักผมลงหน้าผาและเกือบตายจากการถูกผลักลงบ่อปลา พ่อไม่เคยที่จะสอนภาษาญี่ปุ่นให้ผมด้วยซ้ำ กลับมาบ้านทีก็นอนเล่นดูอนิเมะ ผมเกลียดทุกครั้งที่ต้องบอกนามสกุลกับคนอื่น ในชั้นเรียนทุกปีจะมีคนที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเสมอ ผมไม่ชอบเลยที่ต้องเเสดงทำเป็นว่าตัวเองเก่งภาษาญี่ปุ่น ทำเป็นรอบรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่นเเต่ไม่เลยผมไม่เคยรู้อะไรสักอย่างเลย  พอขึ้นมัธยม1มาผมได้สมัครเรียนภาษาจีนเพื่อที่จะได้ไม่กดดันมาก เเต่ครูกลับพูดว่า "เธอเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเเท้ๆทำไมพูดสำเนียงญี่ปุ่นหรือจีนไม่ได้เลย!?" ขึ้นมัธยม2มาผมก็ถูกเพื่อนในห้องล้อว่าทำไมไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นเลย ผมก็ทำได้เเค่ตอบบ่ายเบี่ยงว่าผมกับพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน พวกเค้าจะได้เลิกล้อผมสักที ผมอ้อนวอนกับแม่ว่าได้โปรด เปลี่ยนชื่อผมเถอะผมทนไม่ไหวกับเเรงกดดันพวกนี้อีกเเล้ว มันเป็นคำสาปที่แก้ไม่หายและจะติดตัวตลอดไป ผมเครียดมากเลยครับทุกคนเอาแต่ล้อผม พวกคุณอย่ามาให้กำลังใจกับผมด้วยคำว่า"อย่าไปสนคำพูดพวกนั้น" เลยผมรู้สึกว่านั่นก็คงช่วยอะไรไม่ได้... ตลอดหลายปีนี้ผมศึกษาภาษาญี่ปุ่นมาตลอด และพยายามเป็นหน้าเป็นตาให้เเม่โดยการทำคะเเนนข้อสอบภาษาญี่ปุ่นให้เต็มทุกครั้ง! มันกดดันนะ...

Discussion (7)

เป็นกำลังใจให้ค่าาา
ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เป็นกำลังใจให้สู้กับแรงกดดันต่างๆค่ะ ผ่านมันไปได้ด้วยดีนะคะ
หากจะให้ไม่สนใจก็คงไม่ใช่คำตอบที่คุณจะชอบ แต่อยากจะบอกว่าคนเราแต่ละคนคงจะมีความสามารถที่ต่างกันออกไป การที่คนอื่นมองเราแบบไหนไม่สำคัญเท่าเรามองตัวเราเอง คุณค่าของเรามีอีกมากมายที่คนอื่นๆไม่ทันได้สัมผัส และการเก่งภาษาก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ อยากให้คุณได้พัฒนาทักษะที่ดีนี้ไว้แบบไม่กดดันตัวเองจนเกินไปนะ ยังไงก็ยังเป็นกำลังใจให้นะคะ
อืมม์.. แนะนำให้ใช้ 'ความกดดัน' เหล่านั้นมาเป็น 'แรงผลักดัน' ในการใช้ชีวิตค่ะ การเรียนภาษาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นภาษาไหน มันเป็นทักษะที่ดีที่จะช่วยให้คุณเองมีช่องทางการทำรายได้ที่มากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ถ้ามองยาวๆไปถึงอนาคต การมีสกิลนี้ขึ้นมามันต่อยอดไปได้เยอะนะ คุณเองก็ชอบวาดรูปอยู่แล้วด้วย ถ้าจะบินไปญป.เพื่อต่อยอดทางการวาดการ์ตูน การได้ภาษา ญป.จะช่วยเป็นใบเบิกทางที่ดีค่ะ (เพราะที่โน่นเค้าไม่ค่อยพูดภาษาอื่นกัน) พี่ชายเรา.. นางเรียน ญป. ตั้งแต่ม.ต้นแบบสู้ตาย เพื่อเติมเต็มความฝันที่อยากเป็นนักวาดการ์ตูน ญป. ตัดภาพมาปัจจุบัน นางเป็นเซนเซอยู่ที่โน่นจนตั้งรกรากมีครอบครอบไปแล้วเรียบร้อย (แต่นางก็มีบ่นบ้างว่า สังคมที่โน่นกดดันกว่าที่ไทยอีก แต่ถ้าทำแล้วมีความสุขก็โอเคแหละ) วันนี้คุณอายุเท่านี้อาจจะคิดว่าความกดดันที่เจอมันมากมาย  แต่พอโตขึ้น เรื่องที่ต้องรับผิดชอบก็เป็นชะงักติดหลังเพิ่มขึ้นด้วย  วันนึงในตอนนั้น ถ้าคุณหันกลับมามองอดีต  คุณจะรู้เลยว่าเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่ต้องแคร์คนอื่นมาก ตัวเราเองก็ไม่ทุกข์ เพราะสุดท้ายแล้วคนเราก็มักจะโฟกัสแต่กับเรื่องของตัวเองเท่านั้นแหละ~ หวังว่าจะเจอหนทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุข และใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดนะพ่อหนุ่มม✌🏻