The Internet is forever
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับตัวลิลี่นั้นน่าจะอธิบายเรื่องการเบี่ยงเบนเรื่องตัวตนของเธอในยุค tumblr ได้ค่อนข้างชัดเจน เพราะตัวเธอในช่วงทีนเอจนั้นได้ทวีทประกาศถึงความชื่นชมraceผิวขาวอย่างเต็มที่ และแสดงความปรารถนาว่าเธออยากจะเป็นฝรั่งมากเพียงใด
ถามว่าเธอเสียหายมั้ย เราก็ว่าไม่ มีแฟนที่เชื่อว่าเธอเปลี่ยนไปจากสมัยเป็นวัยทีนแล้ว แต่ถ้าคิดถึงความรู้สึกของผู้ชายเอเชียนที่เคยถูกพูดถึงในแง่นั้น ก็มีตัวอย่างเสียงตอบรับที่เผ็ดร้อนจากบล็อกเกอร์หนุ่มชาวอเมริกัน The Love Life Of An Asian Guy ที่ถูกแชร์ออกไปนับพัน และคอมเมนท์ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับเขา
Discussion (14)
อื้อหือ wannabe สุดๆ
ความคิดแบบนี้เปลี่ยนได้จริงๆ เหรอ? ไม่เชื่ออ่ะ เป็นคนเอเชียซะเปล่าดันมาเหยียดกันเอง
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับตัวลิลี่นั้นน่าจะอธิบายเรื่องการเบี่ยงเบนเรื่องตัวตนของเธอในยุค tumblr ได้ค่อนข้างชัดเจน เพราะตัวเธอในช่วงทีนเอจนั้นได้ทวีทประกาศถึงความชื่นชมraceผิวขาวอย่างเต็มที่ และแสดงความปรารถนาว่าเธออยากจะเป็นฝรั่งมากเพียงใด
"ชั้นอยู่ในพาร์ตีย์ที่คนในงานต่างก็เป็นลูกครึ่งฟิลิปปิโนครึ่งฝรั่งขาว อิจฉามากๆเลย"
"อ้าว แล้วเธอไม่ใช่ลูกครึ่งเหมือนกันรึไง"
"ไม่ ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีน่ะสิ"
"หนุ่มหล่อผิวขาวที่ชอบสาวเอเชียนน่ะทำให้ชั้นมีอารมณ์"
"ขั้นจะแต่งงานกับหนุ่มฝรั่งอย่างแน่นอน ชั้นอยากได้เบบี๋ลูกครึ่ง"
"พ่อของชั้นยังเชียร์เลย พ่อบอกว่าถ้าเค้าผิวขาวล่ะพ่ออนุญาต"
อย่างไรก็ตาม ถ้าลองคิดว่านี่คืออารมณ์ของสาววัยรุ่นที่พร่ำเพ้อถึงการแต่งงานกับฝรั่งรูปหล่อและลูกน้อยตาสีน้ำเงิน มันก็ไม่ต่างอะไรกับแฟนเกิร์ลวัยทีนทั้งหลายที่โพสขอแต่งงานกับศิลปินหนุ่มที่พวกเค้าคลั่งไคล้ มันก็ไม่น่าจะแตกต่างอะไรกับการประกาศ White Fever ของลิลี่ บางคนยืนยันว่าจะเดทกับหนุ่มตี๋เท่านั้น บ้างก็ว่าต้องเป็นหนุ่มผิวดำสุดฮ็อท สเป็คใครก็สเป็คมัน มันอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องออกสื่อใหญ่โตอะไร หากทวีทของลิลี่ไม่ได้พ่วงข้อความที่แสดงความเหยียดหยามต่อผู้ชายเอเชียนดังนี้
"ถ้ามีผู้ชายเอเชียนหัวล้านตัวเตี้ยมาขอเลี้ยงดริงค์ชั้นอีกทีล่ะก็ชั้นจะอ้วกใส่ซะเลย" (ถ้าเป็นตาแก่ฝรั่งหัวล้านแล้วจะไม่อ้วกใช่มั้ย?)
"ผู้ชายเอเชียนที่ชูมือทำสัญลักษณ์สันติเป็นพวก....(คำหยาบ)
ลองนึกดูว่า หากเป็นคนดังในโลกอินเตอร์เน็ทที่มีผิวขาวอย่าวไคลี่ เจนเนอร์พูดประโยคเดียวกันสิคะ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตแค่ไหน ซึ่งเราเป็นคนเหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะสีผิวเดียวกันหรือไม่ เหยียดก็คือเหยียด เเธอจะชอบคนผิวขาวมากแค่ไหน ก็เป็นเรื่องรสนิยม แต่มันหาได้มีความจำเป็นอื่นใดที่จะต้องหยามหยันคนเอเชียนหรือผิวดำตามที่เห็นล่าง
"ช่วยคิดชื่อหมาน่ารักๆหน่อยสิจะเอาไปตั้งให้เบบี๋ผิวดำ"
"ชั้นรักแอฟริกา และอีโบล่าก็เริ่ดเหมือนกัน"
ตอนแรกก็มีการหงายการ์ด ยังเด็กอยู่ มีใครไม่เคยพูดอะไรงี่เง่าตอนยังเป็นเด็กมั่ง
"อธิบายมาสิว่าชั้นบูชาความขาวตรงไหน ชั้นชอบกินอาหารเอเชียน ชอบท่องเที่ยวในเอเชีย ขอทีเถอะ " ( คุณผู้อ่านน่าจะได้ยินjokeล้อเลียนคนเหยียดผิวดำแล้วมักอ้างว่าตัวเองมีเพื่อนคนผิวดำและชอบวัฒนธรรมคนผิวดำมาแล้วนะ )
และลงท้ายด้วยการขอโทษ
ถามว่าเธอเสียหายมั้ย เราก็ว่าไม่ มีแฟนที่เชื่อว่าเธอเปลี่ยนไปจากสมัยเป็นวัยทีนแล้ว แต่ถ้าคิดถึงความรู้สึกของผู้ชายเอเชียนที่เคยถูกพูดถึงในแง่นั้น ก็มีตัวอย่างเสียงตอบรับที่เผ็ดร้อนจากบล็อกเกอร์หนุ่มชาวอเมริกัน The Love Life Of An Asian Guy ที่ถูกแชร์ออกไปนับพัน และคอมเมนท์ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับเขา
เรื่องนี้ถูกเว็บข่าวต่างประเทศไปหลายเจ้า ฝ่ายที่โจมตีเธอนั้นคาดหวังที่จะให้ลิลี่สูญเสียดีลกับแบรนด์ทีเป็นพรีเซนเตอร์ อย่างไรก็ดี มันอาจจะไม่ได้ส่งลกระทบกับตัวเธอมากเท่าที่ถูกแช่งชักไว้ เจ้าตัวยังมีผู้ติดตามหลักล้านและมีคอมเมนท์มากมายที่ชื่นชมในความสวยน่ารัก หลายคนยังมองว่าเป็นความผิดพลาดในวัยรุ่นซึ่งใครๆก็พลาดกันได้ เธอน่าจะได้บทเรียนและเปลี่ยนความคิดตามที่ได้ประกาศขอโทษไปก่อนหน้า
เน็ทไอดอลสาวน่ารักไซส์มินิที่หลายคนต่างเข้าใจว่าเธอมีเชื้อสายตะวันตก เธอบอกว่าสมัครอินสตาแกรมเพียงเพื่อโพสท์เซลฟี่และใช้ฟิลเทอร์เท่านั้น ไม่ได้คาดหวังความดังอลังการ
ลิลี่เป็นสาวซิดนีย์เชื้อสายฟิลิปปินส์ที่ย้ายถิ่นฐานมายังออสเตรเลีย เธอสร้างชื่อมาจากtumblrจนมีแฟนๆติดตาม และมาเปรี้ยงกับinstagram จนมีผู้ติดตามกว่าสามล้านคนและไดเ้ดีลกับแบรนดืเครื่องสำอางต่างประเทศไปจนถึงเปิดตัวลิปสติดของตัวเองได้สำเร็จ
ถ้าเป็นแฟนๆฝั่งเอเชีย ภาพลักษณ์ของเธอคือสาวปากอิ่มรูปร่างบอบบางน่ารักและดูเซ็กซี่ไปในเวลาเดียวกัน เมื่อลิลี่โด่งดังขึ้นมาในระยะเวลาไม่นาน ก็เริ่่มมีเสียงไถ่ถามถึงประวัติความเป็นมา และก็ได้ความว่า ชื่อสกุลจริงของเธอคือ Macapinlac ที่เป็นชื่อที่common ในหมู่ชาวฟิลิปปิน่า เธอมีเชื้อสายPinoy แท้ๆ ตามในโพรไฟล์ระบุว่าเธอเกิดและเติบโตที่ซิดนีย์ (ครอบครัวอาจจะย้่ายมาลงหลักปักฐานอย่างเต็มตัวภายหลัง แต่ก็แย้งกับบางคนที่บอกว่าเธอเกิดที่ angeles จังหวัดpampangaที่ฟิลิปปินส์) ซึ่งขัดกับสิ่งที่คนที่ติดตามเธอมาจากtumblr ที่แย้งว่า อ้าว ก็ไหนบอกว่าเป็นลูกครึ่งไม่ใช่เหรอ คนที่ติดตามมาจากtumblr จะบอกต่อตามที่ลิลี่บอกว่าเป็นลูกครึ่งสวีดิช บ้างก็ว่ายูเครเนี่ยน หรือก็อาจจะเป็นโครเอเชียน
หลายคนน่าจะคิดตรงกันนะว่า เรื่อง race มันเป็นเพียงลักษณะทางกายภาพ ยกตัวอย่างจากหนังแนวสืบสวนทั้งหลาย ตำรวจจะบรรยายลักษณะคนจากเพศ race สีผม ส่วนสูง เวลามีคนหายแล้วครอบครัวไปแจ้งความ ถ้าเป็นคนเอเชียนก็คงไม่ระบุว่าลูกครึ่งผิวขาวใช่มั้ยล่ะ ก็ง่ายๆแบบนี้แหละ ถามเราว่าต้องภูมิจกับ race มั้ย มันก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวเรา ไม่ได้ย้อมกลับไปมาได้ชั่วคราวแบบสีผม ถ้าไม่โอเคในตัวตนแล้วจ้องคอยบอกคนอื่นในสิ่งที่ไม่ใช่ สักวันก็ต้องมีคนรู้ความจริงและตั้งคำถามกลับหรือแม้กระทั่งติเตียนเรื่องคำโป้ปดอันนี้ แต่เรื่องนี้ก็ดูจะเลือนหายไป กลายเป็นว่ามันแค่เป็นเรื่องjokeขำๆที่เธออำคนอื่นเล่นสมัยยังเป็นวัยรุ่นเท่านั้น
* ส่วนเรื่องความภูมิใจในความเป็นPinoy เรามองว่าลิลี่เค้าเป็นสาวออสซี่ มันไม่น่าแปลกใจอะไรกับที่เธอเหินห่างกับสังคมวัฒนธรรมจากบ้านเกิดของครอบครัว เราไม่คิดว่าเธอต้องแสดงความชืนชมบูชาต่อประเทศฟิลิปปินส์ แต่ในฐานะคนเอเชียนที่อาศัยในออสเตรเลียแล้ว บางคนก็อาจจะคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจเรื่องความเหลื่อมล้ำและเหยียดเชื้อชาติที่แม้จะมีออสเตรเลียจะมีกฎหมายdiscriminationบังคับใช้ก็ตาม บางคนอาจจะโชคดีไม่เจออะไรหนักหนามากนัก หรือบางคนก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงหากมีคนผิวขาวจะโกนด่าให้กลับประเทศไปซะและมองข้ามอคติที่สัมผัสได้เพียงแต่อีกฝ่ายอาจจะไม่พูดออกมาตรงๆ (เพราะผิดกฎหมาย)
อย่างไรก็ดี เพื่อนฝูงจากซิดนีย์ที่ได้ติดตามเรื่องของลิลี่มาบ้างก็ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ลิลีต่างจากสาวออสซี่ทั่วไปตรงการนำเสนอภาพทีปรับแต่งให้ผิวตัวเองดูขาวขึ้นมากกว่าสีผิวจริงที่แม้จะไม่ได้เป็นสีผิวแทนเฉดบรอนซ์แนวคาร์แดชเชียน แต่ก็เป็นคนผิวสองสีซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนในจากการปรากฏตัวในรายการทีวีหรือในชีวิตจริงนอกอินสตาแกรม แม้ว่าจะเป็นแนวคิดที่ดูปกติของสาวเอเชียนก็ตาม แต่ใออสเตรเลียนั้น แม้แต่คนที่มีเชื้อสายเอเชียตะวันออกที่มีผิวขาวสว่างมากก็ยังอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทนเรืองรอง (ดั่งในกรณีสาวออสซี่เชื้อสายจีนผู้หนึ่งที่ต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้าจากโรคมะเร็งผิวหนังเพราะเธออบตัวทำผิวแทนมากเกินไป)