คิดยังไงกับ อยู่ก่อนแต่ง Vs แต่งก่อนอยู่

คือวันนี้เราคุยกับแฟน เหมือนจะกลายเป็นเรื่องเกือบทะเลาะกัน
เพราะเรื่องอยู่ก่อนแต่ง กับ แต่งก่อนอยู่ ที่เราคุยกัน
แฟนถามว่าเราจะไปอยู่ด้วยกันได้ไหม
เราก็แบบไม่ได้ ไม่อนุญาต ..
เหมือนแฟนเราเขาก็ทำท่าอารมณ์เสีย ทำเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าเราเป็นคนหัวโบราณ
เขาบอกว่า ยังเป็นคนหัวโบราณอยู่หรอเนี่ย นึกว่าเป็นคนหัวทันสมัย งี่เง่า
เรื่องแค่นี้เอง เราจะได้เรียนรู้ใช้ชีวิตกัน ถ้าไปไม่รอดก็จะได้รู้
เราก็ถามต่อว่า ไม่รอดแล้วทำไงต่อ... (ในใจเราคิดว่า เลิกล่ะซิ)
เขาก็ตอบว่าจะได้ปรับปรุง
เราก็อ่าวว แล้วมันต่างอะไรกับแต่งก่อนอยู่

อยู่ไป เราไม่ชอบนิสัยกัน เราก็บอกกัน ปรับปรุงกันได้เหมือนกันหนิ
แฟนก็บอกว่า ไม่ใช่ใช่ไม่เหมือนกัน..

 

สำหรับเรานะ ตอนเราเป็นแฟนเราก็คงเรียนรู้กันประมาณหนึ่งแล้วไม่ใช่หรอ

ทั้งเวลาที่อีกฝ่ายดีใจ เสียใจ โกรธ
เราก็คงได้รับรู้บ้างแล้วหล่ะว่าเขาเป็นอย่างไร
ถ้าเราไม่ชอบ หรือยอมรับไม่ได้ก็คงเลิกกันไป..
ถ้ากลัวรู้จักกันไม่ดี ก็คบไปนานๆสิ แต่งทีก็จะได้มั่นใจ
หรือเราคิดแปลกไปคนเดียว กับการแต่งก่อนอยู่


เราก็ไม่ได้ว่า อยู่ก่อนแต่งไม่ดี แต่เราแค่รู้สึกว่า (สำหรับเรานะ)

ถ้าเกิดฉันพลาดฉันท้อง แล้วเธอก็ไม่อยากยอมรับเรา เราจะทำอย่างไร ...

เธอก็แค่เซย์กูดบายกะเรางั้นหรอ อะไรคือหลักประกันในชีวิตเราบ้าง

เผื่อเธอแค่อยากอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ อยู่กันแบบไม่แต่ง 
ครอบครัวเรา พ่อแม่หัวโบราณ เราก็ไม่อยากทำให้พ่อกับแม่เสียใจก็แค่นั้น


เพื่อนๆคิดอย่างไรกันบ้างคะ

 

Discussion (21)

ผมว่าค่อนข้างจำเป็นเลยนะ ฝรั่งส่วนไหญ่เค้าก็อยู่ก่อนแต่งกันนี่แหละ ถ้านิสัยไปกันไม่ได้จะได้เลิกก่อน อีกฝ่ายอาจจะเฟคมาตลอด บางทีมีปัญหาเอาแต่ใจบ้าง นอกใจบ้าง สูบเลือดสูบเนื้อกันบ้าง ผมว่าควรจะอยู่กัน 3-5 ปีไปเลยเอาไห้เฟคไม่ได้ เพราะอยู่กันปีแรกๆยังเฟคกันได้อยู่ บางคนก็มาสูบเลือดสูบเนื้อเป็นแมงดาบ้าง แต่งงานกันไช้ถุงยางกันยากแล้ว ผมเห็นปัญหาหนักสุดของพวกแต่งก่อนคือติดเอดส์เลยนะ แล้วก็มีนอกใจ มีเ อาแต่ใจบังคับอีกฝ่าย ด่าทอสาดเสียเทเสียตลอดชีวิต ก็มี สูบเลือดสูบเนื้อจนหมดตัวก็มี แต่ก๋ต้องทนเพราะแต่งกันแล้ว สมัยนี้จำเป็น โดยเฉพสะกับฝ่ายที่มีฐานะการเงินดีกว่าอีกฝ่ายมาก ต้องลองอยู่กันก่อน
เราเป็นอีกคนหนึ่งที่ตกอยู่ในประสบการณ์นี้ "แต่งก่อนอยู่ อยู่ก่อนแต่" ตอนนี้เราอายุ 28 เราเป็นคน กทม. ลูกสาวคนเดียวอาศัยอยู่กับพ่อแม่มาตลอด แฟนอายุ 33 คบกันมา 4 ปี รู้จักกันเพราะทำงานที่เดียว พ่อแม่ฝ่ายเรารับรู้ว่าคบกัน แต่พ่อแม่ฝ่ายเขากับเรายังไม่เคยได้รู้จักพบปะกันเลย เขาเป็นคน ตจว. มาเรียนและทำงานที่กทม. เราเคยไปบ้านเขาที่ ตจว. 3 ครั้ง แต่ 2ปี หลังเขาต้องกลับบ้านไปเปิดธุรกิจส่วนตัว เราก็ยังติดต่อกันอยู่ เขาอยากให้เราไปช่วยกิจการที่ ตจว.ต้องการคนที่ไว้ใจได้มาช่วยดูเรื่องเงิน ไปอยู่ด้วยกันแต่ง เราเลยปรึกษาที่บ้านว่าต้องทำไงดี พ่อแม่บอกว่าก็ต้องมาทำให้ถูกต้องจะหมั้นจะแต่งก็ให้ผู้ใหญ่มาคุยและให้รับรู้กันทั้ง 2 ฝ่าย แต่จะให้ไปอยู่โดยไม่ทำตามนั้นคงไม่ได้ ผู้หญิงเสียหายมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว เราเอาเรื่องนี้ไปบอกกับแฟนเขาก็บอกว่าถ้าไม่มีพ่อแม่ไปได้ไหม อึ้ง! ทั้งๆที่พ่อแม่เขายังมีชีวิตอยู่นะ ถามเขาว่าเพราะอะไร เขาตอบว่าไม่อยากให้มาวุ่นวาย กรรม!(แม่เขาเป็นพวกชอบหาลูกสะใภ้ให้ลูกตัวเอง เช่นลูกสาวเพื่อน ส่วนพ่อเขาง่ายๆ ยังไงก็ได้)สรุปเขาก็ยังไม่ตอบตกลง ผ่านไป 2 ปี กิจการดีมีทีมงาน กลับมาต่อว่าเราว่า เราไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทุกวันนี้ที่เจริญขึ้นเพราะได้เพื่อน ลูกน้อง คนงาน แต่คนที่เป็นแฟนไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วอย่างนี้จะให้แต่งงานมาเพื่อชุบมือเปิบหรอ เห้ย! เราก็บอกว่าเราพร้อมจะไปช่วยตลอดแต่ในเมื่อคุณยังไม่มาทำให้มันถูกต้อยฉันจะไปได้ยังไง เขายังพูดมาอีกว่ามันไม่มีที่ตรงนั้นให้เราแล้ว บลาๆ ๆ แล้วจะให้เราทำยังไง?
คห7และ8 ค่ะ ตอนนี้ที่อยากทำคือ อยากไปถ่ายพรีเวดดิ้งเก็บไว้ค่ะ และมีเจ้าตัวน้อยถ่ายด้วย เราว่าคงน่ารักมาก คิดไว้นานหลายปีแต่ไม่มีโอกาสไปถ่ายสักที

ของเรามีสองกรณีมาให้อ่านดูนะคะ เพื่อนเราทั้งคู่เลยค่ะ

คู่รก อยู่ก่อนแต่งตั้งแต่เรียนปีหนึ่งรักกันมากค่ะจนตอนนี้ก็ยังอยู่ด้วยกันตอนนี้ท้องแล้วค่ะเค้าสองคนมีงานมีการทำ รู้ว่าสามารถดูแลลูกได้ แต่งไม่แต่งไม่สำคัญแล้วค่ะไปจดทะเบียนสมรสกันแล้วตั้งแต่รู้ว่าท้องค่ะเค้ายินดีมากกับการที่จะมีลูกเพราะทั้งคู่อยากมีลูกมากๆ ตอนนี้สมใจละ เราถามว่าอยากแต่งงานมั้ย ตัวผู้ชายบอกว่าจะแต่งแน่นอนเพราะให้เกียรติฝ่ายหญิงด้วยแต่ให้คลอดก่อน แต่ฝ่ายหญิงต้องการให้ลูกอยู่ในงานแต่งด้วยให้สองขวบก่อนค่อยจัดงานแต่ง คือเค้าไม่แคร์ใครจะว่ายังไง คนสองคนอยู่ด้วยกัน ดูแลกันและกันอย่างดีบอกเลยว่าตอนแรกพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่เอาเลยค่ะ พ่อแม่ฝ่ายชายก็ไม่เอาเพราะเค้ามองว่าผู้หญิงดีๆที่ไหนจะมาอยู่กับผู้ชายเป็นคู่ผัวตัวเมียกันขนาดนี้ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน เอาง่ายๆนะคะเค้ามองงว่าเพื่อนเราง่ายอ่ะค่ะ ส่วนพ่อแม่ฝ่ายหญิงก้อมองว่าฝ่ายชายไม่ให้เกียรติ แต่สุดท้ายเมื่ออธิบายและพิสูจน์ตัวเองฝ่าฟันกันมาขนาดนี้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจค่ะตอนนี้ก็ประมาณ เกือบเจ็ดปีแล้วค่ะ  สำหรับคู่นี้โอเค ผ่านค่ะ เราชื่นชมด้วยที่ฝ่ายชายเค้ายังคิดจะจัดงานแต่งเพื่อให้เกียรติภรรยา

*****************************************

อีกคู่นะคะ อยู่ด้วยกันตั้งแต่ปี 2 ค่ะร่อแร่มาตลอด ฝ่ายชายมีกิ๊กไปทั่วเลยค่ะฝ่ายหญิงก็คอยตามหึงหวง สามีชั้นนะ อย่ามายุ่ง อยู่ด้วยกันแล้วนะ เรามองว่าคู่นี้มีแต่เสียกับเสียค่ะ(ฝ่ายหญิงนะคะ)แต่ไม่รู้ประคับประคองกันมายังไงถึงปลายปีที่แล้ว เมื่อฝ่ายหญิงพูดเรื่องแต่งงาน ตัวผู้ชายและพ่อแม่ฝ่ายชายก็บอกว่า ก็อยู่ด้วยกันขนาดนี้แล้วคงไม่มีอะไรต้องให้เกียรติแล้วล่ะจะแต่งไปทำไม อันนี้ได้ยินแล้วปรี๊ดมากกกกกกกค่ะ เราไม่ได้โดนเองยังโกรธแทนเลย จนตอนนี้ก็เลิกกันไปแล้วค่ะ 

 

นี่คือกร๊ตัวอย่างค่ะ สำหรับเรา เรามองว่ามันอยู่ที่คนสองคนจริงๆค่ะถ้าคนมันจะดีมันก็ต้องดีแบบคู่แรกล่ะค่ะอยู่ที่ว่าเค้าจะนึกถึงเรา จะทำเพื่อเราแค่ไหน จะแต่งก่อนอยู่หรืออยู่ก่อนแต่งมันก็มีโอกาสหย่าร้างหรือเลิกกกันได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าถ้าไม่ได้แต่งถ้าเลิกกันไปเราก็สือสาวโสดแต่ถ้าแต่งแล้วเลิกกันเราก็คือแม่หม้ายดีๆนี่ล่ะค่ะ อย่าคิดมาก เราก็ยึดตามที่เราคิดนั่นแหละ เราคิดยังไงก็บอกเค้าไปนั่นแหละดีแล้ส สำหรับตัวเราไม่คิดจะอยู่ก่อนแต่งค่ะสำหรับเราตัวเรา เราไม่ชอบมันแปลกๆต่างคนต่างอยู่มีชีวิตเป็นของตัวเองมีช่องว่างระหว่างกันบ้างแบบนี้ดีมากแล้ว ยังไงก็ขอให้ปรัยความเข้าใจและคุยกันให้เข้าใจเร็วๆนะคะ

ขอโทษนะค่ะที่เราจะบอกว่าผู้ชายเห็นแก่ตัวมากค่ะ นอกจากไม่ให้เกียรติ (เรื่องของอยู่ก่อนแต่งและคำว่าคุณที่แรงๆ) เรื่องแค่นี้เอง เราก็เป็นคนหนึ่งที่คิดเหมือนกับคุณ เราเคยถามแฟนเราว่าถ้ายอมจะทำอะไรเราไหม (ถามเพราะอยากรู้ว่าเค้าคิดยังไง) แฟนเราบอกว่าไม่ทำเพราะว่ากลัวจะมีปัญหาตามมาเช่นการท้อง ซึ่งเราเข้าใจอารมณ์ของผู้ชายนะคิดแบบไหน  แต่ว่าถ้าถึงขั้นไม่ยอมจนถึงต้องถกเถียงกันนี่ไม่ไหวเท่าไร แบบที่คุณบอกถูกต้องแล้วแหละค่ะ พยายามอธิบายให้เค้าเข้าใจนะค่ะ ถ้าเค้ายังแบบนี้เราคิดว่าผู้ชายแบบนี้ไม่โอเคเลย