[BEAUTY BIBLE] เคล็ดลับดูแลผิวสวยใส 4 ขั้นตอน By : OnnBaby


สวัสดีค่ะ

วันนี้ออนก็จะมาทำเป็น Beauty Bible Vol.4 ให้ดูกันค่ะ
เนื่องจากว่าตั้งแต่ที่ออนตั้งเป็น Facebook ของตัวเองเล็กๆ ขึ้นมา เพื่อให้คนได้เข้ามาถาม
เกี่ยวกับปัญหา หรือพุดคุยเกี่ยวกับเรื่องสวยๆงามๆขึ้น ( ถ้าอยากรู้ Facebook จิ้มกุ๊กไก่หลังชื่อของออน
ได้เลยค่ะ ) ซึ่งออนก็จะเจอคำถามเยอะมากๆว่า

" เครื่องสำอางยี่ห้อไหน ใช้แล้วไม่เป็นสิวอุดตันคะ? "
" มีเบส/รองพื้น/แป้ง อะไรที่ใช้แล้วไม่อุดตันบ้างมั้ยคะ? "
" หน้ามัน จำเป็นต้องทาม๊อยเจอร์ไรเซอร์รึเปล่าคะ? "


ซึ่งออนจะขอพูดเป็นวิธีง่ายๆจะได้จำง่ายๆเลยนะคะ
ว่าผิวเราสามารถสวยใสได้ด้วย 4 ขั้นตอนนี้ ( ถ้าเราปฏิบัติดูแลอย่างสม่ำเสมอ
และทั้งนี้ทั้งนั้น ผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ คนนี้ใช้ตัวนี้ไม่แพ้ อีกคนอาจจะแพ้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับ
สภาพผิว พันธุกรรม และอีกหลายปัจจัยค่ะ ดังนั้นไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่า อันนี้ใช้แล้วจะไม่แพ้
ใช้แล้วจะไม่อุดตันนะคะ )





1. ล้างหน้า


ก่อนอื่นเลย เราต้องเริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาดค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ออนมั่นใจว่าผู้หญิงแทบทุกคน
ทากันแดดก่อนออกจากบ้าน หรืออย่างน้อยๆก็ต้องแป้งฝุ่น แป้งพัฟกันบ้างแหละ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะมีสารเคมี
ตกค้างในหน้าของเราได้ ถ้าเราไม่ล้างหน้าให้สะอาด บางคนบอกว่าโฟมอย่างเดียวก็พอ หรือเพื่อนฝรั่งของออน
งงมากกับการที่ออนมีทั้ง cleanser และโฟมล้างหน้า เพราะเค้าบอกว่าเค้าทากันแดด ทารองพื้น ทาแป้ง
และ point make-up ท้ังหลาย อาบน้ำไป ก็ล้างไปในตัวแล้ว จะใช้ทำไมเยอะๆ

ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นความคิดที่ผิดมากๆ ถ้าลองสังเกตุดีๆ ผิวฝรั่งตอนเด็กๆ-วัยรุ่นจะดีมาก แต่พอเริ่มอายุ
เข้า 30 ปีหรือเกินขึ้น ผิวฝรั่งจะแย่มากๆ จะมีทั้งกระ ฝ้า รอยเหี่ยว ย่น ไม่มีความสดใสอยู่เลย ดังนั้นมาเริ่มดูแลผิว
ของเรากันตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า เพราะอยากจะบอกว่าถ้าเรามีการล้างหน้าที่สะอาดเนี่ย สิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน
ของเรา รวมถึงสารเคมีที่ตกค้าง ก็จะหลุดออกไปจากผิวเราก่อน 1 ชั้นละ มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีผลิตภัณฑ์ทำความ
สะอาดผิวแบบไหนบ้าง

Cleansing Oil
= น้ำมันเช็ดล้างเครื่องสำอางค์ เหมาะสำหรับเครื่องสำอางที่กันน้ำ เพราะน้ำมัน
จะสามารถแปรสภาพ และทำความสะอาด พวกตัวที่กันน้ำให้ออกได้หมดจด เหมาะสำหรับคนที่แต่ง
หน้าค่อนข้างหนา เช่น ใช้พวกกันแดดกันน้ำ รองพื้น แป้งผสมรองพื้น คอนซีลเล่อร์ ฯลฯ

Cleansing Cream/Cleansing Water = ตัวนี้จะเบากว่า Cleansing Oil ลงมาหน่อย จะล้างเครื่องสำอางค์
ได้ปานกลาง แต่จะไม่เหมาะที่จะใช้ล้างเครื่องสำอางที่กันน้ำ เพราะอย่างชื่อก็บอกว่า " กันน้ำ " ดังนั้นเราจะ
มาใช้ " Cleansing แบบน้ำ " ล้างได้ยังไง พอจะเข้าใจที่ออนพูดใช่มั้ยคะ

Eyes & Lips Make-Up Remover
= ในแบบครึ่งน้ำครึ่งน้ำมัน ( สีฟ้ากับใสๆ ) ตัวนี้เหมาะที่จะใช้เช็ด
เครื่องสำอางในบริเวณที่บอบบาง เช่นตากับปาก เพราะว่าประสิทธิภาพในการทำความสะอาดจะสูงกว่า
ทำให้ไม่ต้องถู หรือเช็ดแรงๆ ให้ตาเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย อารมณ์ประมาณแบบว่า แปะไว้เบาๆ แล้วเช็ดออก
ก็หลุดค่ะ ไม่ต้องถูซ้ำไปซ้ำมา ผิวเราจะช้ำปล่าวๆ และทำให้ริ้วรอยเกิดเร็วขึ้นด้วยค่ะ

ที่เหลือก็จะเป็นพวกโฟมกับเจลล้างหน้า ที่เหมือนมาเป็นอีกตัวนึง ในการช่วยล้างอีกที ยกตัวอย่างง่ายๆ

ก่อนล้างจาน จานสกปรก = ก่อนล้างหน้า หน้ามีสิ่งสกปรกอุดตัน มีเครื่องสำอางทิ้งไว้อยู่
ล้างน้ำที่ 1 เพื่อชำระสิ่งสกปรกรอบแรกก่อน = ใช้ Cleansing Oil/Cream/Water เช็ดสิ่งสกปรกรอบแรกก่อน
ล้างน้ำที่ 2 เพื่อที่จะให้แน่ใจว่าสะอาดจริงๆ  = ตามด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าสะอาดจริงๆ


พอยกตัวอย่างแบบนี้ขึ้นมา พอจะนึกกันออกแล้วใช่มั้ยคะ?





2. การบำรุงผิวด้วยม๊อยเจอร์ไรเซอร์



หลายๆคนอาจจะไม่ได้สนใจในขั้นตอนนี้มากนัก เรียกว่าทาๆไป เดี๋ยวหน้าแห้ง หน้าลอก
แต่ไม่ได้สนใจว่าจริงๆแล้ว ครีมบำรุงผิวที่เราใช้อยู่ มันตรงกับปัญหาผิว รวมถึงความต้องการผิวของเรารึเปล่า
และหลายๆคนมองว่าตัวเองเป็นคนผิวมัน ดังนั้นไม่ต้องใช้ครีมบำรุงหรอก ยิ่งทายิ่งมัน โน่นนั่นนี่

จะบอกว่าอ้นนี้เป็นความคิดที่ผิดมากๆ เพราะขั้นตอนนี้คือขั้นตอนที่จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยของผิวเรา
และที่สำคัญยังเป็นตัวหลักที่จะให้ผิวเราดูสดใส มีน้ำมีนวล เปล่งประกาย มีออร่า ฯลฯ อีกด้วย
สำหรับคนผิวแห้ง-ผิวธรรมดา คงจะไม่มีปัญหาสำหรับเรื่องม๊อยเจอร์ไรเซอร์เท่าไหร่นัก เพราะสามารถเน้นพวก
ครีมบำรุงผิวชนิดเข้มข้นได้เลย แต่สำหรับคนผิวผสม-ผิวมันมาก อาจจะเป็นปัญหา เพราะว่าใช้โน่นนี่นั่นแล้ว
หน้ามันระหว่างวัน ทำยังไงดี .. อยากจะบอกว่าผิวคนเรามีการผลิตน้ำมันขึ้นมาเพื่อเคลือบผิวหน้าไว้ตลอด
ยิ่งถ้าผิวหน้าเรายิ่งแห้ง เพราะขาดการบำรุง ก็ยิ่งทำให้ต่อมผลิตน้ำมัน พยายามจะผลิตน้ำมันออกมามากเท่านั้น

ดังนั้นถ้าคนผิวมัน ออนแนะนำว่าตอนกลางคืนเราโปะครีมบำรุงเข้าไปเลยค่ะ หน้าจะเหนียวจะเหนอะก็ปล่อยมันไป
แล้วพอตอนเช้า เราก็ใช้ครีมบำรุงให้น้อยลง เพื่อที่หน้าจะได้ไม่มันเกินไปในระหว่างวันค่ะ เพราะวิธีนี้จะช่วยให้ผิว
ของเราไม่ขาดน้ำ และไม่ทำให้ผิวมันด้วย เป็นการปรับสมดุลผิวแบบมั่วๆในวิธีของออน ที่ออนลองใช้มาหลาย
เดือนแล้วรู้สึกว่าได้ผล เพราะกลางคืนออนจะใส่ม๊อยเจอร์ไรเซอร์ที่เข้มข้นกว่า และทาเยอะกว่า ส่วนตอนเช้า
ออนก็จะทาเบาๆ เพราะว่าจะต้องลงกันแดด ลงเบส โน่นนี่อีก เดี๋ยวจะเหนอะเกินไป

และจะบอกว่าการที่เราบำรุงผิวเนี่ย ช่วยให้ผิวเกิดริ้วรอยช้าลงมากๆค่ะ เดี๋ยวจะยกตัวอย่างให้ดูนะคะ

ดินแห้งๆ ไม่มีน้ำ ดินแตก เป็นรอยเต็มไปหมด  = ผิวขาดน้ำ ขาดการบำรุง ถ้าแห้ง มีรอยแตก
ดินที่มีน้ำหล่อเลี้ยงชุ่มชื้นตลอดเวลา = ผิวหน้าที่ดูชุ่มชื้นตลอดเวลา ไม่มีรอยแห้ง รอยแตก


ดังนั้นยิ่งอายุมากขึ้น เราก็ต้องยิ่งบำรุง และถ้าอายุยังน้อย เราก็รีบบำรุงเลยค่ะ
จะได้ชะลอได้เร็วๆ ไม่ต้องพึ่งการดึงหน้า เก็บหน้า ให้เจ็บตัวปล่าวๆ





3. การสครับหรือการขัดผิวหน้า



ออนเคยเป็นคนนึงที่ไม่ยอมสครับหน้ามาก่อน เพราะเชื่อว่าสครับแล้วจะทำให้หน้าบาง
แต่กลับมาเจอว่า ผิวหน้าเรามี Dead cells หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วเยอะมาก เพราะว่าไม่ได้มีการสครับ
แต่จะบอกว่าใครที่ผิวแพ้ง่าย หรือผิวบางมากอยู่แล้ว ไม่ควรสครับนะคะ เพราะอย่างคุณแม่ออนผิวโดนแดด
โดนลม ก็แดงไปหมด สครับไม่ได้เลยค่ะ ถ้าสครับปุ๊บจะแดงปั๊บเลย ดังนั้นเราต้องดูสภาพผิวของเราเองก่อน

ออนจะสครับหน้าอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือบางครั้งก็สองอาทิตย์ต่อ 1 ครั้ง
ไม่ได้ถูซะหน้าพัง แค่เอาเม็ดสครับวางบนหน้า เอามือถือวนเบาๆ ไม่ลงน้ำหนัก แค่เหมือนกับเป็นการขจัด
สิ่งสกปรก ตกค้างอีกรอบ หรือพวกเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เกาะอยู่ ให้หลุดไป โดยการสครับหน้าจะช่วยให้
ผิวหน้าดูสดใสขึ้นมา เพราะเซลล์เก่าๆได้หลุดออกไป เผยผิวใหม่ รวมถึงช่วยให้การทาครีมบำรุงทั้งหลาย
ซึมเข้าผิวหน้าได้มากขึ้นอีกด้วย เพราะว่าผิวเราสดๆใหม่ๆ ไม่มีอะไรมาเกาะ มาปิดบังผิวอยู่

ตัวอย่างง่ายๆที่อยากยกให้ดู

มีของหรือเศษขยะอุดตันตรงที่ระบายน้ำในที่ล้างจาน = มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วเกาะอยู่บนผิวหน้าเรา
ค่อยๆหยิบเศษขยะออก = ค่อยๆสครับผิวหน้า
ไม่มีเศษขยะ น้ำไหลผ่านได้สะดวก = ผิวหน้าไม่มีเซลล์ผิวที่ตายเกาะและปิดผิว ครีมบำรุงซึมเข้าผิวหน้าได้สะดวก


พอครีมซึมเข้าผิวหน้าสะดวก ครีมก็จะมีประสิทธิภาพเต็มที่ในการบำรุงผิวหน้าเรา
ไม่ใช่ว่าทาไว้ เคลือบไว้ แล้วไม่ได้ซึม ทาไปก็ไร้ประโยชน์ เสียเงิน และเสียเวลา





4. การมาส์กหรือการพอกหน้า


ออนเริ่มมาส์กหน้าตั้งแต่อายุไม่มากเลยค่ะ เพราะคุณแม่เป็นคนรักสวยรักงาม
ชนิดที่ว่าลองทุกอย่าง ดีบ้าง แพ้บ้าง โน่นนี่นั่น แต่ออนจะได้ผลมากกว่า เพราะผิวออนไม่แพ้อะไรง่ายๆ
1 ใน 20 หรือน้อยกว่านั้นจริงๆถึงจะแพ้ ซึ่งมาส์กนี่มีหลายแบบมากๆ ถึงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
การเอาโยเกิร์ตมาพอก ผสมโน่นนี่ เป็นสูตรธรรมชาติ หรือพวกมาส์กสำหรับรูปทั้งแบบแผ่น
( Mask Sheet ) หรือแบบเป็นครีมๆ เจลๆ ที่มาในรูปแบบของหลอดหรือกระปุก

มาส์กอันนี้ออนมองว่าเหมือนเป็นตัวเสริมขึ้นมา ช่วยในตอนที่หน้าแย่จริงๆ หรืออยากผ่อนคลายสบายๆ
เพราะมาส์กเวลาใช้แล้วออนจะรู้สึกว่าหน้าออนได้พัก และบำรุงไปในตัว ที่สำคัญจะเข้มข้นกว่าการ
ทาม๊อยเจอร์ไรเซอร์ปกปติ ( จากความรู้สึกออนนะคะ ) ออนจะมองว่าปัญหาผิว และความต้องการของ
ผิวออนมีอะไรบ้าง เช่น ผิวหมองคล้ำ ผิวดูเหนื่อยล้าจากการแต่งหน้าบ่อย ผิวกร้านไม่นุ่ม
ดังนั้นออนก็จะหามาส์กที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อที่จะได้เห็นผลที่ชัดเจน มากกว่าการโปะๆมาส์กๆไป
โดยไม่ได้สนใจว่ามันตรงกับปัญหาหรือความต้องของผิวเรามั้ย ออนไม่รู้จะยกตัวอย่างอะไรเกี่ยวกับมาส์กให้อ่าน
เพราะนึกไม่ออกจริงๆ

ออนจะมาส์กอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งค่ะ โดยการมาส์กเนี่ย บางทีก็เห็นผลเลย
บางทีก็ต้องใช้เวลาในการเห็นผล ซึงออนไม่อยากให้มองว่าใช้ครั้งเดียว ไม่เห็นผล ไม่ใช้แล้ว ไม่ดีเลย
อยากให้ลองใช้ติดต่อกัน 1-2 เดือน แล้วสังเกตุว่า ปัญหาของผิวเรามันดีขึ้นมั้ย จากการที่เราใช้มาส์ก
มาช่วยแก้ปัญหา เราแต่งหน้าบ่อยเหมือนเดิม แต่หน้าโทรมน้อยลงมั้ย หน้าเรานิ่มขึ้นรึเปล่า





อย่างอาทิตย์ก่อนที่ออนไป Christmas Eve Make-Up Shopping Day ที่เซ็นทรัลชิดลม
แล้วก็ได้แวะไป counter ของ Kanebo เพราะว่าจะไปดูเบสของ Coffret D'or
แล้วก็ได้มา ( ดูได้จากกระทู้นี้ค่ะ
คลิก ) แล้วระหว่างรอจ่ายเงินก็เห็นเครื่องตรวจเช็คสภาพผิว
ก็เลยอยากลองตรวจดู เพราะอยากรู้ว่าผิวมีปัญหาอะไร ตรงไหน อย่างไรบ้าง





ตอนแรกที่ตรวจก็เห็นสภาพผิวตัวเองออกมาเป็นแบบนี้แอบช๊อก เพราะดูน่ากลัว น่าเกลียดมาก
มีแต่ลายๆเต็มไปหมด แต่ BA บอกว่ายิ่งลายเยอะจากด้านในยิ่งดี เพราะหมายความว่าเป็นคนผิว
ละเอียดมาก แอบดีใจสุดๆ



ส่วนปัญหาของผิวจะมีรอยดำ กับ dead cells นิดหน่อย  เพราะช่วงที่ผ่านมาออนค่อนข้างขี้เกียจ
สครับและมาส์กหน้ามากๆ นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร รูขุมขนปกติ



BA บอกว่าระดับความชุ่มชื้นของผิวออนดีมาก สูงมาก และเป็นผิวมัน ไม่ใช่ผิวผสม
ออนก็เลยแอบงงๆว่าทำไมถ้าออนผิวมัน แล้วทำไมระหว่างวันหน้าไม่มัน ก็เลยแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า
อาจจะเพราะว่าออนบำรุงให้ความชุ่มชื้น ไม่ให้ผิวขาดน้ำเต็มที่รึเปล่า ต่อมผลิตน้ำมัน เลยไม่ต้องผลิตน้ำมันออกมา
เคลือบผิวเยอะๆ ให้หน้ามันระหว่างวัน และที่สำคัญก่อนการตรวจเช็ตสภาพผิว จะต้องถามอายุก่อนว่าอายุเท่าไหร่
ผลออกมาว่า ผิวออนอ่อนกว่าอายุ ซึ่งดีใจมากกก







ออนเคยทำ VDO ไว้เป็นการรีวิวสกินแคร์ที่ออนใช้ ยังไงลองดูเป็นแนวทางเลือกได้ค่ะ
แต่ขอย้ำว่า สิ่งที่ดีกับออน อาจจะไม่ได้ดีสำหรับคนอื่นก็ได้ ดังน้ันความสวยมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอค่ะ



ส่วนถ้าใครไม่สะดวกดู VDO สามารถไปอ่านที่ออนสรุปไว้ได้ในกระทู้เก่าค่ะ
คลิก





วันนี้ต้องขอจบกันไปก่อนเท่านี้นะค้า
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับสาวๆบ้างนะคะ

อย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะค้า
ขอบคุณมากๆค่าที่ติดตามและอ่านกัน

 

Discussion (78)

พี่ออนน่ารั๊กมากๆๆๆ  ผิวดีด้วย >//////<
รู้มั้ยว่าวันๆแอร์กดอ่านกระทู้พี่ออนตลอดเลย

ขอบคุณมากๆนะค่ะ แบ่งกันสวยเน๊อะ : )
 หน้าเนียนใสมากๆ :D
หน้าคุณออน เนียนใสมากๆ เลย  อิจฉา อยากมีผิวแบบนี้บ้าง

หน้าใสมากเลยค่ะ อยากหน้าเนียนอย่างนี้บ้างจัง  ดูแลตัวเองดีมากเลย
มีความรู้เยอะมากเลยค่ะ ชอบจัง จะนำไปใช้ดูบ้าง
ติดตามมาหลายรีวิวแล้ว และจะติดตามต่อไปนะคะ

ปล.ชอบเวลารีวิวแล้วไม่เน้นแบรนด์ และราคาแพง แต่เน้นของที่ใช้ดีจริง ชอบค่ะ

 คุฯน้องหน้าใสมากๆๆๆๆๆๆ อิฉา จริงๆๆ ต้องรีบดูแลตัวเองซะแล้วเรา