เรื่องเล่าของ Brooke Shields : ตราบาปของเด็กสาวที่มีชื่อว่ามีใบหน้าสวยที่สุดแห่งยุค

36 13

ภาพของผู้คนมากมายที่ได้คลื่อนไหวรณรงค์ให้ผู้ใหญ่ร่วมมือกันเพื่อปกป้องสิทธิเด็กและต่อต้านการใช้สื่อเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์จากเด็กยุคสมัยที่ก้าวสู่สู่ความเจริญก้าวหน้า  อาจจะทำให้คุณรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้รู้ว่า   ย้อนไปเมื่อยุค 80s  เคยเกิดปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้ในตัวเด็กหญิงผู้มีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา   แต่เส้นทางอันเจิดจรัสในวงการมายาของเธอกลับพ่วงมาด้วยความฉาวโฉ่ ทั้งๆที่ยังเป็นเพียงเด็กหญิงไร้เดียงสา กลับถูกผู้ใหญ่หากินด้วยการตีตราเธอทางเพศหลายครั้งหลายครา   เพื่อแลกกับชื่อเสียงโด่งดัง เธอก็ต้องพบความมืดหม่นในชีวิตจนถูกเปรียบเทียบไว้ว่านี่เป็นคำสาปแห่งความงามที่ตามหลอกหลอนเธอมาทั้งชีวิต   แม้แต่ตัวเธอเองที่เติบโตมาเป็นแม่คนก็ยอมรับตรงๆว่า    ช่างเป็นเรื่องน่าทึ่งที่เธอสามารถเอาตัวรอดมาได้ถึงทุกวันนี้!   จากประสบการณ์เลวร้ายที่ถูกคนในครอบครัวนำสู่วิถี sexualise  จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังมีภาพสุดช็อคในวัยเด็กแชร์เกลื่อนในโลกออนไลน์     

เรื่องราวชวนสะเทือนใจ Brooke Shields  ที่เคยถูกยกย่องให้เป็นเจ้าของใบหน้าที่งดงามที่สุดแห่งยุคจะเป็นเช่นไร  มาติดตามกับเราได้เลยคะ่

The  Face Of 80s era

Brooke สร้างความตรึงคราใจให้กับผู้คนด้วยดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายเจิดจ้า คิ้วคมเข้มที่เรียงตัวสุดเป๊ะ ผิวพรรณที่ดูเปล่งปลั่งราวกับกลีบกุหลาบ ว่ากันว่า เมื่อแม่ของ Brooke Shields ได้ประจักษ์ถึงความงดงามของลูกสาวที่ฉายแววโดดเด่นมาตั้งแต่ยังเป็นทารก ก็ประกาศอย่างมาดมั่นว่า จะนำทางให้เธอก้าวไปสู่ความสำเร็จในวงการบันเทิงให้จงได้ เพราะเธอคือเด็กที่ช่างงดงามกว่าใคร!

ภายใต้การจัดการของแม่ Brooke เริ่มรับงานถ่ายแบบมาตั้งแต่วัยตั้งไข่ และกลายมาเป็นนางแบบเด็กเนื้อหอมที่ได้รับคำชื่นชมจาก Eileen Ford ผู้ก่อนตั้ง Modeling Agency ชื่อดังว่า
'เธอเป็นนางแบบเด็กมืออาชีพที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เธอมีรูปลักษณ์โตราวกับผู้ใหญ่และมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน"
หากเป็นยุคนี้ หากมีผู้ใหญ่คนใดให้คำจำกัดความเด็กใสๆที่ฟังดูหมิ่นเหม่ ย่อมไม่พ้นถูก call out และยัดเยียดข้อกล่าวหาว่า โพรโมทโรคใคร่เด็ก แต่ทันทีที่เธอเริ่มเป็นสาว ก็ได้รับการยกย่องจากสื่อทรงอิทธิพลว่า เธอคือตัวแทนแห่งความงามแห่งยุค 80s

แต่ status นั้น กลับกลายเป็นตราบาปทั้งชีวิต จูบแรกของเธอเกิดขึ้นในวัย 11 ต่อหน้าทีมงานถ่ายทำหนังเพศชายมากมาย และคนที่ได้รับจูบนั้นไปคือพระเอกวัย 29 ที่มีวัยอ่อนกว่าพ่อแท้ๆของเธอเพียงไม่กี่ปี ร้ายแรงกว่านั้น เธอยังต้องเปลือยกายถ่ายหนังและถ่ายแบบให้กับนิตยสารโป๊เปลือยโดยไม่มีสิทธิ์ต่อต้านการตัดสินใจของผู้ใหญ่แม้แต่น้อย...

  แม่คือผู้กำหนดเส้นทางสู่วงการมายา

เคยมีการวิเคราะห์ว่า พฤติกรรมควบคุมบงการของพ่อแม่ที่เข้ามาทำหน้าที่จัดการอาชีพของดารานางแบบวัยใสนั้นอาจจะมาจากปมภายในจิตใจที่ตัวเองไม่สามารถสร้างฝันให้เป็นจริงได้จนเกิดเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อเล็งเห็นถึงศักยภาพของลูกน้อยก็เดิมพันทุกอย่างเพื่อผลักดันให้ลูกประสบความสำเร็จเพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเอง และหลายคนเชื่อว่า มันอาจจะอธิบายสิ่งที่เกิดกับ Brooke ได้ Teri แม่ของเคยเธอทำงานเป็นนางแบบแต่ไม่ได้มีชื่อเสียงนัก เมื่อลูกสาวเริ่มโด่งดังจนงานไหลมาเทมา แม่ก็ยังขอพื้นที่ให้ตัวเองด้วยการร่วมแสดงสมทบในหนังที่ Brooke รับบทนำ แต่หน้าที่สำคัญของ Teri ก็คือ ปั้นลูกสาวให้เป็นดาวดัง แม้จะถูกประนามว่าเป็นวิธีที่ต่ำทรามน่ารังเกียจ แต่เจ้าตัสไม่ได้แสงดทีท่าเดือดเนื้อร้อนใจ และยังเลือกงานติดเรทให้กับลูกสาววัยเยาว์ติดๆกัน ส่วนตัวคนที่รับกรรมก็ยอมรับว่า ที่ยอมทำตามแม่ทุกอย่างก็เพราะความรัก

"เมื่อคุณเป็นลูกคนเดียวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติคือ คุณปรารถนาจะปกป้องผู้ให้กำเนิดและอยากให้เค้ามีชีวิตที่แสนยืนยาว ฉันอยากจะปกป้องแม่ และมันก็ถูกสื่อออกมาด้วยการกระทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ตัวเอง และทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกของเราแข็งแกร่ง"
และความหมายของการทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความรักที่มีต่อแม่ก็คือการยินยอมเปลื้องผ้าทำงานหน้ากล้อง จากเดิมที่พยายามสร้างสร้างชื่อเสียงจากอาชีพนางแบบเด็กที่ผู้คนคุ้นหน้าคุ้นตาจากโฆษณาสินค้า เธอก็แจ้งเกิดเปรี้ยงปังตั้งแต่อายุ 11- 12 ปีด้วยหนังฉาวโลก Pretty Baby อันเป็นที่ของฉายาติดตัวเธออีกหลายปี   ใครเล่าจะลืมภาพของโสเภณีเด็กที่แต่งเนื้อแต่งตัวยั่วยวนชายกลัดมันในฉากชวนช็อค แม้จะเป็นผลงานที่ย้อนในปี 1978 ที่มุมมองต่อสิทธิเด็กยังแตกต่างจากปัจจุบัน แต่ผู้คนก็ประนาม Teri อย่างโกรธเกรี้ยวว่า นี่คือการทารุณกรรมลูกสาวให้ต้องแบกรับความอับอายไปตลอดชีวิต!
แต่ Teri กลับโต้ตอบกระแสโจมตีจากสังคมว่า การกระทำของเธอมาจากความมุ่งมั่นผลักดันให้ลูกสาวได้ดีเท่าที่สุดเท่าที่คนเป็นแม่สามารถทำได้ และการใช้ความได้เปรียบของใบหน้าอันงดงามของลูกสาวมาเป็นจุดขายยังเป็นการตัดสินใจที่ 'ชาญฉลาด"

" Brooke มีความสวยดุจผลงานศิลปะ และไม่ต่างจากภาพวาดอันงดงามชิ้นอื่นๆ โลกควรจะได้ชื่นชมและเพลิดเพลินในตัวเธอ"

"ไม่เพียงแต่ผู้คนได้ประจักษ์ถึงความใสซื่อไร้เดียงสาที่ปรากฏอย่างแจ่มแจ้ง  ภาพของเด็กที่ดูเซ็กซี่ก็ดึงดูดใจคนพวกนั้น" 
Teri ประกาศยืนยันการตัดสินใจให้ลูกสาวสร้างชื่อจากภาพลักษณ์วัตถุทางเพศ เธอให้สัมภาษณ์อย่างเต็มปากเต็มคำคำต่อหน้าลูกสาว และกล่าวหาว่า กลุ่มคนที่โจมตีผลงานของ Brooke เป็นพวกขี้อิจฉา แต่เมื่อชาวเน็ทย้อนกลับไปชมสัมภาษณ์นั้นและเห็นสีหน้าที่แฝงความอึดอัดคับข้องใจของเด็กสาวกลับรู้สึกจุกในอกแทนเธอ
ช่วงเวลาแห่งความ peak ของอาชีพในวงการบันเทิง Brook ที่ภายนอกดูโตกว่าวัยมีท่าทางขี้อายและมีแม่คอยประกบไปทุกอีเวนท์ ยามที่ไปให้สัมภาษณ์ใน talk show เธอก็ดูเคอะเขินไม่ต่างจากเด็กๆทั่วไป เธอต้องคอยมองไปทางแม่ที่เป็นผู้แสดงความคิดเห็นแทนเสมอ แต่หลังจากที่ได้ยินใครๆพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเธอสวยมากแค่ไหน มันกลับกลายเป็นอาวุธทิ่มแทงจิตใจมาทั้งชีวิต หากเธอไร้ซึ่งความงามแล้ว จะเป็นตัวอะไรสำหรับผู้คน?

"สิ่งที่ยากลำบากที่สุดสำหรับฉันคือการได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ฉันพยายามไม่มองในกระจก ฉันเกิดมาพร้อมกับใบหน้าแบบนี้จึงไม่อยากไปคิดหมกมุ่นกับมัน และอยากจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ฉันสามารถจัดการมันได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากไม่ได้มีความสวย"

เด็กที่ถูกบีบคั้นด้วย Sexualisation ท่ามกลางสายตาคนทั้งโลก

Brooke เคยถูกจับมาเปรียบเทียบกับ Britney Spears ที่ได้รับผลกระทบจาก sexualisation  ในวัยอ่อนเยาว์  พวกเธอสร้างเสียงกล่าวขวัญด้วยภาพลักษณ์สาว virgin ที่แสนเย้ายวนใจ แต่หลายคนชี้ว่า อย่างน้อยๆ Britney ก็สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จเมื่อเข้าสู่วัยที่เป็นสาวแล้ว  แต่ Brooke  ในวัยเพียง 11 ปีต้องถูกแม่บีบให้รับบทโสเภณีเด็กและถ่ายฉาก nude     ประสบการณ์จูบแรกของเธอเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ  เพราะเธอต้องทำมันกับพระเอกวัยเกือบสามสิบ แต่ยุคนั้นไม่ได้เห็นความสำคัญของ consent เมื่อเธอไม่สามารถทำใจจูบชายวัยฉกรรจ์ลง ผู้กำกับก็โมโหโกรธา และตัวพระเอกต้องมาเกลี้ยกล่อมเธอว่า มันเป็นเพียงการเสแสร้ง ไม่รับว่าเป็นจูบจริงๆ ด้วยความอ่อนใสไร้เดียงสาจึงคล้อยตามเพื่อเอาใจผู้ใหญ่ในกองถ่าย  ทั้งๆที่ไม่มีใครให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเธอเพื่อให้รับมือกับเรื่องนี้เลย

อายุเพียง10 ปี แม่ก็กล่อมให้ถ่ายภาพเปลือย และเข้าฉากเลิฟซีน

"ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เพราะอะไรแม่ถึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกที่ควร..."

 เรื่องราวยิ่งไปกันใหญ่เมื่อมีคดีความแย่งสิทธิ์รูปภาพเปลือยที่แม่จูงมือ Brooke  ไปถ่ายกับช่างภาพ Playboy    ภาพของเด็กหญิงวัยเพียงสิบขวบที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆนอกจากmakeup จัดเต็มและโพสราวกับดาวยั่ว Playboy ทำให้โลกต้องตกตะลึง  แม่ของเธอคือผู้เซ็นต์ยินยอมและรับเงินค่าตอบแทนไปเพียงน้อยนิด  แต่เมื่อ  Brooke โด่งดังเปรี้ยงปัง  แม่กลับพลิกลำฟ้องร้องช่างภาพที่สร้างรายได้จากภาพเซ็ทนี้เพราะมัน 'ทำลายชื่อเสียง' ของลูกสาวเธอ  ในขณะที่สังคมต่างประนามเธอว่า   วินาทีแรกที่กล่อมให้ลูกสาววัยใสเปลื้องผ้าหน้ากล้องเพื่อความดัง    Brooke ก็ถูกเหยียบย่ำไปถึงจิตวิญญาณแล้ว    ตัวเธอในวัยเด็กอาจจะยังไม่รับรู้ถึงผลกระทบจากงานถ่ายภาพโป๊เปลือย แต่เมื่อเติบโตขึ้นมา  มันย่อมเป็นความอัปยศที่เลี่ยงไม่พ้น  เพราะคนที่ชักนำให้เธอทำสิ่งนี้คือแม่แท้ๆ

แต่ในขณะที่ผู้คนอยากจะให้เธอแสดงความโกรธแค้นในการกระทำของแม่   Brooke ยืนยันว่า  เธอไม่รู้สึกเช่นนั้นกับแม่  เพราะได้เห็นกับตาตัวเองมาตลอดว่า   แม่ขาดความมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหน   และเธอก็ต้องพยายามปกป้องแม่มาโดยตลอด 

" หากจะไม่ให้แก้ตัวแทนแม่เลย ก็เป็นเรื่องที่ทำใจยากสำหรับฉัน แต่เมื่อพวกเค้าตั้งคำถามเรื่องนี้มากๆเข้าก็ทำให้คิดว่า แย่แล้ว ฉันต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง"
"เมื่อแม่ให้กำเนิดลูก แล้วลูกก็มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ มันจึงวิธีที่ช่วยพวกเราให้อยู่รอดได้ หน้าตาของฉันคือเครื่องมือที่ช่วยหาเลี้ยงตัว ฉันรู้สึกปลาบปลื้มเมื่อเป็นที่ยอมรับ ฉันชอบทำงานและชอบตอนอยู่ในกองถ่าย เราใช้เวลาที่สนุกสนาและเดินทางไปทั่ว สำหรับฉันจึงไม่ใช่เรื่องภาระรับผิดชอบหนักหนาเหมือนกับการตั้งเป้าหมายเพื่อซื้อรถซื้อบ้าน แต่เป็นการทำงานเพื่อผลตอบแทนไปเรื่อยๆ และพวกเราก็ทำแบบนี้ติดต่อกันหลายปี"

แต่ปัญหาใหญ่ที่เธอต้องรับมือคืออาการติดสุราของแม่ เพราะนี่คือสาเหตุที่ทำให้แม่ตัดสินใจโดยไม่อยู่กับร่องกับรอย และยังแสดงพฤติกรรมที่ทำให้เธอรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการปกป้อง เปรียบดั่งการถูกทารุณทางความรู้สึก แม่ออกไปดื่มเหล้า ปล่อยให้เธออยู่กับเพื่อนบ้านผู้ชายที่รู้จักกันเพราะไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงมาดูแล หรือทิ่มแทงเธอด้วยคำพูด body shaming แต่ยามที่ไม่ได้ดื่มเหล้า แม่ของเธอก็คอยปกป้องอยู่เคียงข้างดุจเงาตามตัว เมื่อใครโจมตีแม่ของเธอ เธอก็ไม่สามารถรับฟังอยู่เฉยๆได้ ต้องคอยใช้เหตุผลต่างๆมาอธิบายการกระทำของแม่ แต่ในที่สุดก็ปฏิเสธต่อไปไม่ได้ว่า สิ่งที่แม่คิดว่าถูกต้องนั้นส่งผลกระทบต่อตัวเธอแค่ไหน

แม่ของ Brooke จากไปด้วยวัย 79 ด้วยโรคสมองเสื่อม และแม้ว่าสังคมจะเรียกร้องให้เธอตัดขาดหรือโกรธเกลียดแม่ แต่เธอกลับรู้สึกเศร้าเกินกว่าจะเกลียดผู้ให้กำเนิดได้ลง

"แม้แต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก ฉันก็มีความสงสารเห็นใจในตัวแม่ เหมือนมีปีศาจอยู่ในใจ แม่คิดจริงๆว่าได้ทำเรื่องที่ถูกต้องแล้ว"

โลกออนไลน์เกรี้ยวกราด สื่อยุค 70s นิยามเด็กหญิงวัย 12 ว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของสาวบริสุทธิ์ที่กำลังหัดร่าน

สิ่งที่เคยดูคล้ายกับเป็นเรื่องที่สังคมมองผ่านเมื่อลายสิบปีก่อน ตอนนี้กลับกลายมาเป็นความเลวทรามผิดศีลธรรม หลังจากที่เรื่องราวของ Brooke ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงผ่าน documentary ที่ออนแอร์เมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ทำให้มีผู้เสาะหาข้อมูลมายืนยันการกระทำไม่เหมาะสมของสื่อต่อเด็กหญิงที่ยังยังห่างจากวัยบรรลุนิติภาวะหลายปี เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหานิตยสาร High Times เมื่อปี 1978 ในบทความนักเขียนชายได้บรรยาย Brooke Shields ที่เพิ่งจะอายุ 12 ปีว่า
"เธอมีผมสีน้ำตาลที่สวยเลอค่า ผิวขาวเนียนดูบริสุทธิ์ ดวงตาสีฟ้าดุจบาปรสเลิศล้ำ รูปร่างบอบบางที่ค่อยๆเปลี่ยนเข้าสู่เว้าโค้งแบบผู้หญิงเต็มตัว" อันเป็นส่วนผสมอันเย้ายวนใจระหว่างสาวบริสุทธิ์อเมริกันและเด็กสาวที่หัดร่าน! และยังเปรียบเทียบว่า เธอแตกต่างจาก Jodie Foster ที่มีภาพลักษณ์เด็กสาวนักเลง หรือ Tatum O’Neal ที่ดูเหมือนกับเด็ก เพราะเธอคือสาววัยทีนในแฟนตาซีของหลายคนที่กลายมามีชีวิตเลือดเนื้อจริงๆ เพราเธอโตพอที่จะลุกเร้าความปรารถนา แต่ก็อายุน้อยเกินไปที่จะลงมือแตะต้อง
 นักเขียนคนดังกล่าวบรรยายความรู้สึกต่อไปราวกับว่าเขากำลังน้ำลายหกไปด้วย

"ไม่ว่าจะเป็นชายหน้ามืดตาบอดหรือชายเทียม เธอคือความปรารถนาชวนวาบหวาบใจ เธอคือน้องสาว ลูกสาว วัตถุทางเพศ คนรัก สาวมั่วโลกีย์ เป็นผู้ที่พวกเราต้องรอคอยให้เธอเบ่งบานในอีกสิบปีต่อมา"

นี่หรือคือสิ่งที่ชายวัยฉกรรจ์พูดถึงเด็กหญิงวัย12 ปี?? ในปีนั้น เธออาจจะมีรับบทโสเภณีเด็กสะเทือนโลกในหนัง 1 เรื่อง แต่ตัวตนของ Brooke ในโลกแห่งความเป็นจริงกลับถูกเหมารวมว่า เธอมีพฤติกรรมเย้ายวนผู้ชายไม่ต่างจากบทบาทในหนังพีเรียดที่บอกเล่าเรื่องราวกว่าร้อยปีก่อนซึ่งเป็นยุคที่มีโสเภณีเด็กอย่างเปิดเผย ต่างจากยุคใหม่ที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และนักแสดงเด็กเพียงแต่ถ่ายทอดบทบาทตามที่ผู้กำกับต้องการเท่านั้น สื่อกลับกล่าวถึงเธอด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย ทั้งๆที่เธอยังน่าจะเรียนชั้นประถมอยู่ด้วยซ้ำ

หากคุณมีคนใกล้ชิดเป็นเด็กวัยนี้ก็คงม่ีความอยากจะลากคนเขียนอะไรแบบนี้เข้าคุก หรือประนามให้ไร้ที่ยืนในสังคมว่าเป็นคนชี้นำพวกใคร่เด็ก กระแสสังคมออนไลน์ต่างชี้ไปทางเดียวกันว่า นี่คือพฤติกรรมที่น่ารังเกียจที่ยากจะทำใจยอมรับว่าเกิดขึ้นจริงในยุคที่โลกกำลังก้าวสู่ความโมเดิร์น และหลายคนโทษไปที่แม่ของ Brooke ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้สื่อล้ำเส้นศีลธรรมหยามเกียรติลูกสาวที่ยังไร้เดียงสา

อ่อนประสบการณ์เกินไปที่จะรู้ว่าตัวเองถูกตีค่าเป็นวัตถุทางเพศ

"ฉันยังอ่อนต่อโลก เป็นเพียงเด็กไร้เดียงสา ฉันไม่ได้เป็นเหมือนกับ Lolita  ฉันไม่ได้เข้าใจถึงเรื่องเพศก่อนวัยแต่อย่างใด"

เมื่อเริ่มเติบโตขึ้นมาอีกนิด Brooke ก็คว้าสถานะนางแบบ comercial ที่โด่งดังที่สุด เพราะเธอไม่ได้มีรูปร่างผอมบางเหมือนกับ supermodel จึงละความพยายามที่จะเข้าสู่วงการ high fashion แต่ก็ประสบความสำเร็จถึงขนาดถ่ายแบบบนปก Vogue ในฐานะนางแบบที่เด็กที่สุดในยุคนั้น แต่การตัดสินใจรับงานก็ยังขึ้นตรงกับแม่ของเธอ ซึ่งรูปแบบของงานนั้นก็แทบจะปิดบังแม้แต่น้อยว่า แม่ต้องการให้เธอกลายเป็น sex symbol วัยใส ทั้งๆที่รับบทแรงสะเทือนโลกใน Pretty Baby ไปแล้ว ภาพ Brooke วัย14 ในหนัง Blue Lagoon ที่ต้องเปลื้องผ้าผ่อนเข้าฉากแนบเนื้อกับพระเอกก็ยิ่งทำให้ผู้คนโจษจันหนักขึ้นอีก แม้จะมีการยืนยันว่า ในฉากเปลือยล่อนจ้อนจะใช้นักแสดงตัวแทน และปกปิดสัดส่วนของเธอด้วยเส้นผม แต่เธอก็ยืนยันว่าหนังที่มีฉากเด็กๆวิ่งเปลือยบนชายหาดแบบนี้จะไม่มีทางถูกปล่อยผ่านในยุคปัจจุบัน

ไม่เพียงเท่านั้น ไม่นานต่อมา เธอก็ตกลงรับบทนำใน Endless Love (หรืออาจจะพูดให้ถูกว่าแม่ของเธอเป็นผู้ตกลง) ที่ในตอนแรกเมื่อถ่ายทำเสร็จ สมาคมภาพยนตร์อเมริกันได้ฟันธงว่านี่คือหนังเรท X !!! ส่งผลให้ผู้กำกับต้องเร่งแก้ไขเพื่อลดทอนฉากร่วมเพศของ Brooke กับพระเอกออกไปและส่งให้สมาคมประเมินใหม่ถึง 5 ครั้งจึงจะได้คำรับรองว่าเป็นหนังเรท R หรือกล่าวได้ว่า เธอเกือบจะได้เป็นนักแสดงหนังโป๊เรท X วัย 15 ไปแล้ว!
ภาพของ Brooke ในโฆษณา Calvin Klein อาจจะถูกยกให้เป็นโฆษณาสุด iconic แห่งยุค 80s แต่เธอยอมรับว่า ตัวเธอที่ถูกสั่งให้ปลดประดุมเสื้อจนเหลือเม็ดเดียวไว้พอหมิ่นเหม่และใช้สโลแกนติดหู "คุณอยากรู้ไหมว่ามีอะไรที่กั้นขวางระหว่างฉันกับ Calvin ของฉัน ....ก็ไม่มีอะไรเลยน่ะสิ" กลับไม่รู้เลยว่าประโยคนั้นมีความหมายสองแง่สองง่าม เพราะเธอมีอายุเพียง 15 ปี นอกจากทำงานแล้วก็ไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวทางเพศจนทะลุปรุโปร่ง

"ฉันถูกสื่อออกมาในด้านที่ไม่เหมาะไม่ควร และโฆษณาตัวนั้นก็สื่อลามกดีๆนี่เอง สำหรับประโยคที่ว่าไม่มีอะไรที่กั้นขวางระหว่างฉันกับ Calvin มันเป็นประโยคทั่วไปที่ติดปากของฉันเลยล่ะ ไม่มีอะไรจะมากั้นขวางฉันกับสุนัขหรือม้าของฉันได้ หรือไม่มีอะไรมาขวางฉันกับแม่ได้"
"ถ้าเพียงแต่พวกเค้าบอกฉันมาก่อนว่าประโยคนี้มันมีความหมายสองแง่สองง่าม แต่พวกเค้าไม่ได้อธิบายใดๆ ทำไมกันเหรอ? พวกเค้าอยากจะให้ฉันสื่ออะไรที่แตกต่างออกมางั้นเหรอ? ฉันไม่ได้รู้สึกเอะใจใดๆทั้งนั้นว่ามันมีเจตนาส่อไปถึงเรื่องทางเพศ"

"Richard Avedon (ช่างภาพ) มาหาแม่ฉันแล้วบอกว่าเราจะทำโฆษณาที่แสนจะโดดเด่น ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้มาเข้าร่วมในการถ่ายทำ ฉันคิดว่าเป็นเพราะ Avedonต้องแบกรับกับความกดดันกับการทำงานที่มีความเสี่ยงสูง การจัดท่าทางนั้นถูกเลือกมาอย่างเฉพาะเจาะจงและตั้งใจให้ออกมาเป็นเช่นนั้น"

เรียวขาเหยียดยาวที่ยกสูงและคำพูดบอกใบ้เป็นนัยว่าเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน บวกกับมุมกล้องที่ซูมเข้าไปที่เป้ากางเกงทำให้โฆษณาดังเป็นพลุแตก แต่ก็นำกระแสโจมตีตามมา ประเทศ Canada ตัดสินใจห้ามฉายโฆษณาตัวนี้ บรรดา paparazzi และผู้คนตะโกนใส่แม่ของเธอว่าปล่อยให้มีภาพออกมาได้เช่นไร และมันได้สร้างความกระทบกระเทือนใจเธอที่ยังเด็ก เธอช็อคมากที่หลายคนเชื่อกันว่า เธอรู้ดีแก่ใจว่างานตัวนี้ขายเรื่องเพศเพื่อสร้างกระแส ทั้งๆที่เธอไม่ได้เจนจัดอย่างที่ใคนอื่นมอง

ในยุคนั้น  Calvin Klein ประสบความสำเร็จได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังในวงการแฟชั่น แม้แต่ตัวเจ้าของแบรนด์ก็ยังบอกกับ Brooke ว่า  เธอคือคนที่พลิกชีวิตและอาชีพการงานของเขาให้ไปอยู่ในอีกระดับ  แต่หากเป็นยุคนี้ หากจะจับเด็กสาววัย 15 มาปลดกระดุมแล้วพูดจายั่วเย้าด้วยนัยยะแฝง แบรนด์อาจจะถูก  call  out จนภาพลักษณ์เสียหายซะมากกว่า

ถูกเหมารวมว่าเป็น sex symbol ไร้สมอง ทั้งๆที่เป็นเด็กสาวใฝ่ดีมีผลการเรียนโดดเด่น

จากเด็กที่สร้างชื่อลือลั่นด้วยการถูกตีตราเป็นเพียงวัตถุทางเพศ และถูกจับตามองถึงความเป็นไปได้ว่าเธอจะเลือกเส้นทางที่อื้อฉาวยิ่งกว่าเดิม Brooke ได้ทำให้สังคมต้องเปลี่ยนมุมมมองต่อเธอใหม่ เพราะไม่เพียงแต่เธอจะรอดพ้นต่อสิ่งยั่วยุในวงการ Hollywood เธอยังพิสูจน์ว่า แม้จะทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และต้องรับมือกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ เธอก็ให้ความสำคัญกับการศึกษาและเส้นทางอนาคต และขอพักงานในวงการยาวๆเพื่อเข้าเรียนใน Princeton มหาลัยชั้นนำแหล่งรวบรวมหัวกะทิ นั่นช่างเป็นสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่หลายคนคาดไว้ ชื่อของเธอถูกนำไปผูกติดกับภาพเด็กสาวผู้ฉาวโฉ่ที่กำลังจะเสียผู้เสียคน แต่เธอกลับใช้ประสบการณ์ในการทำงการแสดงมาทำ thesis แต่เริ่มต้นก็ถูกหยามหยันจากบรรณาธิการนิตยสารของมหาวิทยาลัยที่นำเสนอบทความแนะนำนักศึกษาชายถึงวิธีเพื่อจะได้ขึ้นเตียงกับ Brooke Shields และเมื่อตัดสินใจกินนอนที่หอในมหาวิทยาลัย รูมเมทของเธอก็ต้องเดือดร้อนเมื่อแฟนที่คลั่งไคล้เธอคอยโทรเข้ามา หรือไม่ก็บุกมาหาจนถูกจับกุมไปหลายราย กรณีที่สื่อทำข่าวเกรียวกราวคือ เด็กหนุ่มจากโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงกับมหาวืิทยาลัยได้ส่งจดหมายขู่ให้เธอยอมมี sex ด้วย มิเช่นนั้นจะลงมือฆาตกรรมประธานาธิบดี Reagan! แม้มหาวิทยาลัยจะวางมาตรการป้องกันต่างๆ แต่ก็ทำให้เธอต้องย้ายออกไปอาศัยในอพาร์ทเมนท์และว่าจ้างบอดี้การ์ดสองคนให้มาดูแล

(เป็นสิ่งที่ยืนยันชัดว่า เธอดังมากจริงๆ กระแสความคลั่งไคล้ไม่ต่างจากอิทเกิร์ลในยุคนี้เลย)

ชีวิตในมหาวิทยาลัย Ivy League ที่คนรอบข้างไม่เปิดใจยอมรับ

ไม่ต่างจากหนัง Legally Blonde ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย Ivy League ของ Brooke ไม่ได้ราบรื่นสวยงามไปหมด เพราะมีคนมองเธอด้วยอคติว่า นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับ sex symbol ศิษย์เก่าที่เข้าเรียนในช่วงเวลาเดียวกันได้เล่าประสบการณ์ว่า นักศึกษาหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงการเสวนากับนางเอกคนงามอย่างเต็มที่ ตัวเธอเองก็ยอมรับถึงความเปล่าเปลี่ยวหงอยเหงาที่คนรอบข้างพยายามเว้นพื้นที่ให้กับเธอ เพราะอาจจะรู้สึกเกรงใจและไม่คุ้นเคยกับการวางตัวต่อหน้าคนดัง ตัวเธอที่โหยหาการยอมรับและอยากจะมีส่วนร่วมกับทุกคนกลับต้องรู้สึกแปลกแยกราวกับถูกกีดกัน ทำให้ต้องโทรไปคร่ำครวญกับแม่เพราะรับกับความเหงาไม่ได้จนอยากจะหนีกลับบ้าน แต่ในที่สุดเธอก็ปรับตัวกับสังคมมหาวิทยาลัยและมุ่งมั่นจบคว้าปริญญามาได้

Brooke เรียนจบในสาขากลุ่มภาษาโรมานซ์และวรรณกรรมภาษาฝรั่งเศสพ่วงมาด้วยเกียรตินิยม แม้แต่พ่อของเธอก็ยังประหลาดใจที่ลูกสาวประสบความสำเร็จทางการศึกษา ไม่ได้กลายไปเป็นสาวใจแตกอย่างที่หลายคนปรามาส แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เธอได้จาก Princeton ก็คือ การค้นพบว่า เธอสามารถประสบความสำเร็จในการศึกษาจากความทุ่มเทของเธอ ไม่ต้องพึ่งพาหรือต้องวิ่งตามคำสั่งของบรรดาผู้ใหญ่ที่เข้ามาบงการชีวิต

ชีวิตที่เข้ารูปเข้ารอยและพยายามสร้างความสุขในวัยผู้ใหญ่

"ฉันต้องต่อสู้กับอะไรหลายอย่างมาตั้งแต่ยังเด็ก และต้องยืนหยัดเพื่อก้าวต่อไป แต่ฉันก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพื่อจะแก้ตัวให้กับระบบวงการนี้   ในวันนี้ฉันสามารถมองกลับไปที่ตัวตนเด็กหญิงในอดีตแล้วบอกตัวเองว่า เธอทำมันได้แล้ว เธอรอดพ้นมาได้"

ในปัจจุบัน Brooke ไม่ได้ห่างหายไปจากวงการบันเทิง เธอทั้งแสดงหนังและละครโทรทัศน์ ทางด้านชีวิตครอบครัวก็ดูอบอุ่นมีความสุข เธอใช้ชีวิตคู่กับสามีผู้กำกับมานานกว่าสองทศวรรษ ส่วนลูกๆก็เติบโตเป็นสาวทั้งสองคน โดยที่มุ่งมั่นทางการศึกษาไม่ต่างจากแม่ผู้โด่งดัง

ลั่น   ไม่มีทางปล่อยให้ลูกสาวตัวเองถ่ายภาพหวือหวาก่อนวัยที่เหมาะสม

สิ่งที่ชวนเจ็บปวดใจเมื่อ Brooke ได้กลายเป็นแม่คนก็คือคำถามของลูกสาวของเธอ เมื่อพวกเค้าได้เห็นภาพจากหนัง Pretty Baby ลูกสาวของเธอก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสะพรึงว่า นี่มันสื่อลามกอนาจารเด็กชัดๆ!
"แม่จะยอมให้พวกเราถ่ายหนังอะไรแบบนี้ตอนอายุ 11 รึเปล่า?"
"ไม่" Brooke ตอบอย่างหนักแน่นโดยไม่ต้องลังเล
Brooke เผยว่า เมื่อ Grier ลูกสาวคนเล็กวัย 16 ได้เห็นภาพที่แม่พยายามปิดบังมาตลอดก็ต้องตกตะลึงและรู้สึกเศร้าสร้อยจนร่ำไห้
"ถึงแม่จะอธิบายยังไงก็ไม่สามารถทำให้เรื่องราวมันฟังดูดีขึ้นมาได้ และหนูรู้สึกแย่ที่ได้เห็นสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับแม่"

ส่วน Rowan ลูกสาวคนโตยืนยันว่า เธอไม่มีทางดูหนังเรื่อง Blue Lagoon อย่างเด็ดขาด และทุกคนต่างเห็นด้วยว่า หนังเรื่อง Pretty Baby ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้ในสมัยนี้ และคงไม่น่าแปลกใจที่เด็กสาววัยรุ่นทั้งสองเกิดความกระทบกระเทือนใจจากอดีตของแม่ นั่นเป็นเพราะว่า ตอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา Brooke ได้ทุ่มเทปกป้องเลี้ยงดูพวกเค้าให้ไกลห่างจาก sexualisation ดั่งที่เธอเคยประสบมาในวัยเยาว์ เธอเป็นแม่ที่เข้มงวด แต่ก็ใส่ใจประโยชน์สูงสุดและความสุขของลูกๆเสมอ
เรื่องราวของ  Brooke ได้ทำให้สังคมวิจารณ์อื้ออึงถึงยุคล้าหลังจนเด็กๆ ต้องถูก abuse ต่อหน้าคนทั้งโลก น่าโล่งใจไม่น้อยที่ทุกวันนี้ผู้คนได้ให้ความสำคัญกับสิทธิเด็กและร่วมเป็นหูเป็นตาไม่ให้เกิดการนำเด็กมาใช้หากินจากเรื่องทางเพศ  


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE