รวมจังหวะช็อตฟีลหน้าไมค์ของชาว Hollywood

31 13


แม่ Paris ล้วงลิปสติกมาทา...ตอนคนอื่นกำลังกล่าวคำขอบคุณกลางเวที

Kathy Hilton อาจจะไม่ได้โด่งดังเปรี้ยงปร้างเหมือนกับลูกสาว แต่ก็ในภาพลักษณ์ของสาวสังคมจากตระกูลมหาเศรษฐีก็ดึงดูดความสนใจจนได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในรายการ Real Housewives of Beverly Hills แน่นอนว่า ทั้งฐานะทางการเงินที่ฟู่ฟ่า และ connection หนาปึ้กกับผู้ทรงอิทธิพลจะทำให้เธอมีภาพลักษณ์ของคุณนายแห่งคฤหาสน์ Bel Air ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวางตัวในสังคม

แต่บนเวที People’s Choice Awards 2022 ระหว่างที่ขณะที่ Mariska Hargitay นางเอกแห่ง Law & Order กำลังกล่าวคำขอบคุณที่ชวนซาบซึ้งและสร้างแรงบันดาลใจจากการเรียกร้องให้เพื่อนมนุษย์ที่มีความแตกต่างหลากหลายได้หันมาปฏิบัติต่อกันด้วยความเมตตา สร้างความเข้าใจเพื่อเป็นสะพานในการอาศัยร่วมกันอย่างปรองดอง วินาทีที่ Kathy หยิบลิปสติกจากกระเป๋ามาทาหน้าตาเฉย ชาวเน็ทต่างก็จิกกัดเธอกันอย่างพร้อมเพรียงว่า ช่างหาทำ! และเป็นพฤติกรรมที่ส่อถึงความไร้มารยาท แค่ยืนนิ่งๆเพื่อให้เกียรติผู้ที่ได้รับรางวัลไม่กี่นาทีจะหนักหนาสักแต่ไหน!




เสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์ดุเดือดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาว่าเธอเคยชินกับชีวิตภิสิทธิ์ชนจนไม่สนเรื่องให้เกียรติคนรอบข้างและการรักษามารยาทพื้นฐาน บ้างก็ฟันธงว่าเธอหิวแสงจัดจนแย่งซีนผู้ได้รางวัล หรือหนักกว่าคือขุดคุ้ยเรื่องฉาวโฉ่ของครอบครัวมาทับถมให้สนุกปาก Kathy จึงตัดสินใจออกมาขอโทษ Mariska และยืนยันว่า พยายามติดต่อด้วยการส่งข้อความหานางเอกซีรีส์ดังเพื่ออยากจะนัดพบ เธอรู้สึกย่ำแย่ แต่ไม่ได้ตั้งใจแสดงกิริยาหยาบคายบนเวที ในตอนแรก เธอพยายามจะกากระดาษชำระเพราะรู้สึกเหมือนกำลังจะจาม เมื่อไม่เห็นว่ามีกระดาษในกระเป๋า เธอจึงรู้สึกประหม่าขึ้นมา มือก็ควานหาลิปสติกขึ้นมาทา และคิดไปเองว่า Mariska กำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่ กล้องจึงไม่น่าจับมาที่เธอ

ฟังดูแล้วก็เหมือนกับเป็นอุบัติเหตุที่เตือนใจให้คนรักษากิริยามารยาทท่ามกลางสายตาสาธารณชน แม้ว่า Kathy จะทาลิปสติกบนเวทีเพราะคิดว่าอยู่นอกเฟรม แต่แขกเหรื่อในงานจำนวนไม่น้อยก็น่าจะสังเกตเห็นและสะดุดใจกับภาพตรงหน้าอยู่ดี ผลลงเอยกลับเป็นภาพที่น่าอับอาย กลายเป็นเป้าให้สังคมออนไลน์พิพากษา!

เอ๊ะ แต่มีใครชี้เป้าได้มั้ยว่าเธอทาลิปแบรนด์อะไร??



ชื่อปริศนา  Adele Dazeem

เพลง Let It Go จาก Frozen  ได้กลายมาเป็นผลงานสุด iconic ที่ทำให้นักแสดง musical Idina Menzel  ผู้ได้รับฉายาว่าราชนิกูลแห่ง Broadway  ได้ก้าวสู่ความสำเร็จในโลก Hollywood    นอกจากจะได้สานต่อผลงานการแสดงและดนตรีกับ  Disney  ก็เดินสายทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วโลก  ผู้คนมากมายต่างรู้จักเธอฐานะนักร้องและนักแสดงที่พากย์เสียง  Elsa   แต่เมื่อหลายปีก่อน หนึ่งในกลุ่มคนที่ไม่คุ้นชื่อของเธอต้องรวม John Travolta เข้าไปด้วย

Adele Dazeem ชื่อบุคคลปริศนาที่พระเอกชื่อดังได้เรียกขานในงานประกาศรางวัล Oscar ปี 2014 ทำให้ผู้ชมในงานและทางบ้านงุนงงกันอย่างถ้วนหน้า ไดอะล็อคที่ของเขาก็บ่งชี้ชัดเจนว่า ผู้ที่กำลังเริ่มต้นการแสดงคือ Idina Menzel เธอคือศิลปินสาวงามที่ขับขานเพลง Let It Go จาก Frozen animation ที่ได้รับรางวัล Oscar แล้ว Adele มาจากไหน???

คงไม่ต้องแปลกใจที่ John จะกลายเป็น meme ให้ชาวเน็ทล้อเลียนอยู่นานสองนาน ชื่อสกุลของ Idina ไม่ได้ถึงขนาดเป็นชื่อ exotic ที่ออกเสียงยากเย็น และไม่ได้ใกล้เคียงกับชื่อที่เขาพูดออกมาเต็มปากเต็มคำ John ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความละอายใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการไม่เตรียมพร้อม ในตอนแรกผู้ช่วยหลังเวทีนัดแนะกับเขาว่า มีเวลาอีก 15นาทีที่จะเตรียมขึ้นไปพูด แต่อยู่ดีๆก็มีคนาบอกว่าอีกนาทีเดียวก็ต้องขึ้นเวทีแล้ว เขามารู้ในภายหลังว่า ผู้ช่วยตัวจริงของเขาติดอยู่ในลิฟท์และไม่สามารถติดต่อกับผู้จัดการงานได้ จึงมีผู้ช่วยสำรองเข้ามาทำหน้าที่แทนอย่างฉุกละหุก

เขายังเผยเหตุผลที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่าได้พบกับ Goldie Hawn นางเอกอาวุโสที่เขาปลาบปลื้ม เธอทั้งสวยมีเสน่ห์จนเขาหลงลืมไปหมดว่าจะต้องพูดอะไร อยู่ดีๆผู้ช่วยก็บอกว่าต้องออกไปได้แล้ว เขาเอาแต่สับสนว่า ชื่อของศิลปินที่ต้องออกไปแนะนำคืออะไร ไม่ได้คุ้นเคยกับการสะกดคำ และยังไม่ได้ซ้อมมาก่อน Adele Dazeem จึงกลายมาเป็นชื่อปริศนาในตำนานของ Oscar ด้วยฉะนี้





John ได้รับโอกาสแก้ตัวด้วยการขึ้นเวที Oscar พร้อมกับ Idina ในปีต่อมา  แต่ภาพที่ออกมาก็ยังสร้างความอึดอัดให้กับผู้ชม  เขาเชยคางลูบแก้มเธอด้วยท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยจนอีกฝ่ายรับมือด้วยการยิ้มแล้วหันมาทางผู้ชมคล้ายจะบอกว่า "เอ๊ะ ยังไง?"   ชาวเน็ทมองว่า เขามีท่าทางแบบชายกลางคน creepy  สวนทางกับภาพลักษณ์พระเอกหนุ่มใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ   แม้แต่พิธีกรของงาน Neil Patrick Harris   ก็ยังเล่น joke ว่า  "๋ John Travolta จะกลับมาขึ้นเวทีนี้อีกครั้งเพื่อขออภัยต่อ Idina จากการลูบหน้าเธอไปทั่ว"


แม้ตัวแทนของ  John  จะออกมาแถลงว่า   ภาพที่จุดประเด็นวิจารณ์คือสิ่งที่ได้วางแผนมาแล้วล่วงหน้า  ไม่ได้เป็นการจู่โจมสัมผัสร่างกายของนักแสดงสาวโดยที่เธอไม่ยินยอม  แต่หลายคนกลับฝังใจกับภาพลักษณ์  creepy แบบลบไม่ออก เพราะไม่นานก่อนหน้านี้ในงานเดียวกัน เขาก็ได้เดินมาจูบแก้ม  Scarlett Johansson แบบไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวมาแล้ว

ตำนาน Imma let you finish...

หากโมเมนท์ที่ Will Smith ขึ้นไปตบหน้า  Chris Rock บนเวที  Oscar จะกลายมาเป็นโมเมนท์ความรุนแรงที่โลกไม่ลืม  ประโยค  Imma Let You Finish ของ  Kanye ก็คือหนึ่งในตำนานการดูหมิ่นกลางเวทีที่ไม่ต่างจากการตบหน้าด้วยคำพูด    ในตอนนั้น Taylor Swift  ยังอายุไม่ถึงยี่สิบซะด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องเผชิญกับความอับอายและกดดันที่เกิดขึ้นจากดราม่านี้  แม้คนมากมายจะออกมาปกป้องเธอ  และกราดใส่  Kanye ว่าคุกคามศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงด้วยการประกาศว่า วีดีโอของ Beyonce  ต่างหากที่เลิศเลอเป็นที่สุด แต่ก็เธอก็ถูกแย่งชิงโมเมนท์ที่จะเปล่งประกายไป  แทนที่จะภาคภูมิใจกับความสำเร็จได้อย่างเต็มที่ แต่สังคมกลับโจษจันแต่เรื่อง Kanye

สีหน้าสุดเหวอของ Beyonce ที่รับชมอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อในงานก็แสดงออกชัดเจนว่าเธอไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับคำพูดของ Kanye เธอยังได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่น่ายกย่องด้วยการเชิญ Taylor ขึ้นมาตอนที่เธอขึ้นไปรับรางวัลสาขาอื่น เพราะปรารถนาจะให้ Taylorได้เฉลิมฉลองกับช่วงเวลาที่เป็นของเธอจริงๆ การแสดงพลังเพื่อนหญิงที่สนับสนุนกันอย่างเข้มแข็งนี้ได้รับความชื่นชมมาถึงปัจจุบัน


อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่นี่จะกลายมาเป็น scandal ใหญ่ที่สุดของ VMAs แต่มันก็ทำให้ศิลปินสาวทั้งสองที่ถูกลากมาพัวพันต้องเสียอกเสียใจจนร้องไห้ จากคำบอกเล่าของอดีตผู้บริหาร Viacom เขาได้พบ Taylor และ Beyonce ที่กำลังหลั่งน้ำตากับครอบครัวที่หลังเวทีจนต้องขออภัยพวกเธอในสิ่งที่เกิดขึ้


บรรยากาศไม่ได้เสียหายเฉพาะในช่วงเวลานั้น ในเวลาต่อมา Beyonce และ Jay Z ก็ค่อยๆเหินห่างจาก Kanye แม้จะดูเหมือนว่า พวกเค้าจะได้ก้าวข้ามเหตุการณ์บนเวทีVMAs ไปได้แล้ว แต่เมื่อ Kanye ทำลายชื่อเสียงของ Beyonce อีก ในที่สุดก็แร็พเพอร์ที่เคยเป็นเพื่อนซี้ก็แทบจะตัดความสัมพันธ์กันไป จนปัจจุบันก็ไม่เห็น Kanye และ ครอบครัว Carter คบหากันอีก




 Jennifer Lawrence กับประโยค  "ฉันเอาชนะ Meryl ได้" บนเวที Golden Globe

Jennifer Lawrence เคยได้รับคำชมว่าเป็นนางเอกรุ่นใหม่ทีน่ารักติดดิน ไม่ได้ยกตัวว่าดูสูงส่งกว่าใคร แฟนๆต่างรู้สึกเอ็นดูที่เธอแสดงอากัปกิริยาแบบ fangirl เมื่อได้เจอนักแสดงและศิลปินที่หลาบปลื้มกลางอีเวนท์ เธอเป็นสาวงามที่ดูเปิ่นโก๊ะ ไม่ห่วงสวย และชอบยิงมุกแบบห่ามๆ แต่ช่วงดวลาหลายปีต่อมา ชาวเน็ทจำนวนมากต่างกล่าวหาว่า นี่คือยุทธการสร้างกระแสด้วยการสร้าง persona ที่เข้าถึงได้ สร้างความเข้าใจว่า เธอคือ ดาราดังที่ทำตัวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ทั้งๆที่จริงแล้ว เธอแสดงทัศนคติเย่อหยิ่งน่าหมั่นไส้ จนไม่ได้มีภาพลักษณ์ของหวานใจอเมริกาอีกต่อไป

และหนึ่งในคำพูด I Beat Meryl ในการกล่าวคำขอบคุณเพื่อรับรางวัลลูกโลกทองคำเมื่อสิบปีก่อนก็เคยถูกหยิบยกเข้ามาเป็นหลักฐานว่า J Law คือหนึ่งในนางเอกที่แรงเข้าขั้นตัวแม่ จากคำพูดหาญกล้าท้าชนกับนักแสดงชั้นครู
แต่เธอจะพูดยังไงเกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้?

แม้สื่อบางเจ้าจะอธิบายแทน J law ว่า เธอหยิบยกบทพูดจากหนัง The First Wives Club ในปี 1996 มาเล่นมุก
Meryl ไม่ได้แสดงหนังเรื่องนี้ แต่มันเป็นบทของ Bette Midler ที่พูดกับ Goldie Hawn ที่รับบทเป็นนางเอกรางวัล Oscar ว่า
"ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นนางเอกฝีมือฉกาจ เธอคว้า Oscar เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้มาแล้ว" และได้หยิบรางวัลสีทองมาชมและพูดว่า
"มันเขียนไว้ว่า ฉันเอาชนะ Meryl ได้"

แต่ถึงจะบอกว่าเป็นมุกเล่นคำจากบทหนังคอเมดี้ยุค 90s แต่ชาวเน็ทหลายคนก็ชี้ว่า J Law จงใจสร้างหยาม Meryl ที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงสาขาเดียวกันจากผลงาน Hope Springs แต่พลาดรางวัลนี้ไป และแสร้งทำเป็นบอกว่า เอาบทพูดในหนังมาสร้างความฮา และเชื่อว่า นี่คือสัญญาณที่สื่อถึงความเหิมเกริมยกตัวว่าเอาชนะนางเอกระดับแรวหน้าตลอดกาลของ Hollywood รวมถึง Lindsay Lohan ที่ออกมาประกาศว่า ไม่ว่าใครก็อย่าได้มาลบหลู่ Meryl



ฝ่าย J Law ได้ออกมาตอบโต้กระแสวิจารณ์ว่า...

"มันเป็นคำพูดจาก'First Wives Club' ค่ะ เป็นสิ่งที่ Bette Midler บรรยายถึงรางวัลลูกโลกทองคำ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะไม่มีใครเล่นมุกนี้มาก่อน เธอพูดว่า ดูสิว่ามันเขียนว่าอะไร มันเขียนว่า ฉันเอาชนะ Meryl"

"ฉันไม่คิดเลยว่า Lindsay Lohanจะเอาเรื่องนี้ไปบ่น โลก Twitter กราดกันเกรี้ยวใหญ่" นางเอกดังพูดขำๆ

"ฉันก็มาคิดว่า เรื่องนี้ทำให้คนมองฉันเป็นอย่างไรเหรอ? คิดว่าฉันไม่ปลื้ม Meryl Streep? คิดกันไปเหรอว่า ฉันคอยจ้องจะจิกกัดเธอคนนั้นมานานแล้วและในที่สุดก็มีโอกาสที่รอคอยให้เกิดขึ้นมานาน"

"ฉันอยากจะเปิดใจต่อสาธารณชนว่า มันเป็นการ quote บทในหนังมาย่ะ พวกงี่เง่า!"

Jen ยกย่อง Meryl ว่าเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ เธอคือสุดแห่งที่สุด และน่าจะเห็นกันได้ชัดเจนว่า ระหว่างพวกเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบ bad blood ดังที่บางคนคาดคิดไว้ Meryl ทักทายนางเอกดังรุ่นหลังอย่างสนิทใจในอีเวนท์และเคยร่วมงานแสดงหนัง Don't look up ด้วยกันมาแล้ว





ชาวเน็ทวิจารณ์  Cate Blanchett เสียมารยาทเรื่องรสนิยมทางดนตรีของ   Margot Robbie

ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยอมรับว่า ได้ผ่าน Emo Phase ในช่วงที่เป็นวัยรุ่น และในบางครั้งก็หวนรำลึกถึงสไตล์ที่สุดโต่งแตกต่างจากตัวตนในปัจจุบัน Margot Robbie ได้บอกเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความทรงจำในรายการของ Graham Norton ว่า เธอเคยคลั่งดนตรี heavy metal แม้ว่าจะเริ่มสร้างชื่อเสียงในวงการบันเทิงออสเตรเลียจากการแสดงซีรีส์ Neighbours เธอก็ไมไ่ด้ทิ้งตัวตนนั้นไป

"ฉันจะฟังแต่ดนตรี heavy metal ย้อมผมดำแล้วหั่นผมด้วยใบมีดโกน ก็นะ ดู goth อยู่บ้าง"



แต่ข้อมูลนี้อาจจะสร้างความฉงนใจให้กับ Cate Blanchett ที่นั่งติดกันอยู่บ้าง

"มีคนชอบดนตรี heavy metal อยู่เหรอ? มันเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบด้วยใจจริงใช่มั้ย"


Margot อธิบายอย่างจริงจังว่า เธอชอบดนตรีแนวนี้อย่างแท้จริง จนถึงปัจจุบันก็ยังชอบ

"ฉันจำได้ว่าตอนที่ไปคอนเสิร์ตของ Slipknot สมัยที่เล่นซีรีส์ Neighbours มันเป็นสถานที่ที่มีคนจดจำตัวตนฉันได้มากที่สุดเลยค่ะ ไปที่อื่นก็ไม่เคยมีคนมาทักเท่ากับในคอนเสิร์ต Slipknot เลย"





สองประโยคคำถามของ Cate ทำให้ชาวเน็ท รวมถึงแฟนๆดนตรี Heavy Metal เสียความรู้สึก  พวกเค้ามองว่า ท่าทางและน้ำเสียงของเธอนั้นไม่ต่างจากการดูหมิ่นผู้ที่มีความชื่นชอบที่แตกต่าง   ดนตรีประเภทนี้อาจจะไม่ได้พุ่งสู่กระแสหลักจนได้รับคำอวยจากสื่อและพุ่งสู่ชาร์ทต่างๆของโลกเหมือนกับแนว Pop หรือ Hip Hop และ R&B แต่ก็มีแฟนๆติดตามอย่างเหนียวแน่น  เธอไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินความชอบของคนอื่นที่ชอบในสิ่งที่แตกต่าง และน่าจะให้เกียรติกันบ้าง เพราะอย่างน้อยที่ก็เป็นสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ไปทั่วโลก ไม่ใช่การแสดงหนังตามบทบาทที่ถูกกำหนด

"มีแต่ฉันรึเปล่าที่คิดว่า Cate Blanchett ทำตัวหัวสูงใส่ Margot Robbie เรื่องที่เธอชอบดนตรี metal คือดูแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนไปหมดตอนที่เธอทำท่าทางเหยียดกัน ดีใจนะที่ Margot ยืนหยัดรักษาตัวตนเป็นอย่างดี"

"รู้สึกหงุดหงิดมากที่คนบางคนเอาแต่มองว่าดนตรี metal จะสื่อถึงอะไรแย่ๆ จะทำหน้าทำตาพูดจาจิกกัดแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน? คลังเพลงของ Cate Blanchett จะน่าเบื่อสักแค่ไหนนะ? ต้องขอชื่นชม Margot Robbie เลย"

"ผิดหวังที่ได้เห็นทัศนคติของ   Cate Blanchett  เรื่องดนตรี metal   ฉันอายุ 36  แล้ว และมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันก้าวข้ามช่วงเวลาที่มืดมนในชีวิตมาได้  พวกนักดนตรีและแฟนๆที่ฉันได้พบในวงการ metal ก็ยังเป็นคนนิสัยน่ารักที่สุดที่เคยได้พบมา"
บทเรียนจากเรื่องนี้คือคำพูดสั้นๆ เพราะความอยากรู้อยากเห็นอาจจะทำให้คนอื่นเสื่อมศรัทธาในตัวคุณได้  เพียงเพราะมันไม่ใช่ field หรือตรงกับรสนิยมของเรา ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ตกยุคหรือผู้คนไม่ให้ความสำคัญแล้ว  ทุกวันนี้คอนเสิร์ต metal ยังดึงดูดผู้ชมเข้าชมล้นหลาม และตัวศิลปินชื่อดังอย่าง  Slipknot เองจะต้องคอยระแวดระวังสังเกตเรื่องความปลอดภัยของผู้ชม จากโศกนาฏกรรมเหยียบกันตายที่เกิดจากความคลั่งไคล้ยากจะควบคุมสถานการณ์ในคอนเสิร์ต    คงไม่ต้องแปลกใจว่าแฟนๆดนตรี heavy metal จะปรี๊ดจัดเมื่อได้ยินคำถามที่ตีความได้ว่ากำลังด้อยค่ากัน



jokes เรื่องเพศของ  Regina Hall  ที่ทำให้ผู้คนทวงถามเรื่องความสองมาตรฐานระหว่างหญิงชาย

 Oscar ปีที่แล้วอาจจะถูกวีรกรรมของ  Will Smith ดึงดูดความสนใจไปจนหมด  แต่แนวทางการนำเสนอมุกที่สร้างเสียงเฮฮาของพิธีกรสาว  Regina Hall  ก็ทำให้สังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเหมาะสม  เพราะคำพูดสองแง่สองง่ามต่อพระเอกหนุ่มหล่อหลายคนบนเวทีนั้นย่อมจุดกระแสโจมตีอย่างแรงหากสลับเพศพิธีกรเป็นผู้ชาย  แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิง ผู้ชมจึงหัวเราะเฮฮาเมื่อเธอแสดงท่าทางหยาบโลนใส่เพศชาย

ชาวเน็ทหลายคนฟันธงว่า หากมีพิธีกรผู้ชายพูดกับคนดังหญิงแบบเดียวกัน Regina พวกเค้าก็คงถูกประนามว่ามีพฤติกรรมบ้ากาม ดูหมิ่นศักดิ์ศรีด้วยการตีค่าผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ เธอประกาศว่า ตอนนี้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเพราะเชื้อ Covid ระบาด จึงเรียกหนุ่มโสดมารวมตัวและนัดแนะให้พวกเค้าไปหลังเวทีเพื่อตรวจหาเชื้อด้วยการถอดหน้ากากและเปลือยกาย จากนั้นจะต้องตรวจหาเชื้อในน้ำลายทางปากด้วยลิ้นของเธอและทำสิ่งที่โลดโผนเร้าใจแบบอื่นต่อ


เธอยังพุ่งเป้าหมายไปยัง Jacob Elordi แบบยั่วๆว่า เขาจะต้องตรวจด้วยวิธี PCR แบบ'ล้ำลึก' และย้ำว่า พระเอกหนุ่มวัย 24 นั้นผ่านวัยอายุที่ยอมให้ร่วมประเวณีได้ตามกฎหมายแล้ว ( เขาโด่งดังจากบทหนุ่มมัธยมใน Euphoria)





อาจจะมีเสียงหัวเราะให้กับมุกใต้สะดือของเธอก็จริง แต่ก็มีผู้สังเกตว่า แขกในงานบางคนก็ดูสะอึกกับมุกนี้ บ้างก็หัวเราะแบบฝืดๆ แต่ชาวเน็ทไม่ได้เห็นความจำเป็นในการรักษามารยาทเหมือนกับคนในงาน พวกเค้าโจมตีดุเดือดว่า นี่คือการคุกคามทางเพศ และตีตราผู้ชายเป็นวัตถุ เธอทั้งสัมผัสร่างกายและแสดงออกว่าต้องการมีเพศสัมพันธ์กับนักแสดงชื่อดังบนเวที และไม่มีทางที่พิธีกรผู้ชายจะถูกปล่อยผ่านให้ทำแบบเดียวกัน หากสังคมต้องการให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศอย่างแท้จริง ก็ต้องให้เกียรติกันทุกฝ่าย ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวแบบ MeToo หากมีคนมากมายเห็นดีเห็นงามว่าจาบจ้วงผู้ชายเรื่องทางเพศได้ แล้วจะสังคมจะให้ความสำคัญเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศอย่างแท้จริงได้เช่นไร


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE