วิธีจัดการของคนดัง เมื่อถูกปล่อยภาพที่ไม่อยากให้ใครเห็น

57 12
ดูเหมือนว่า topic การแต่งภาพบนsocial media ของเหล่าคนดังจะไม่เคยห่างหายไปจากกระแสความสนใจของผู้คน     และมักถูกลากมาเป็นดราม่าจนเข้าของภาพต้องออกมาโต้ตอบข้อกล่าวหาต่างๆ

แต่จะมีใครสักกี่คนที่กดถ่ายรูปหนึ่งช็อทแล้วแชร์ให้โลกได้รู้ทันทีโดยไม่ต้องหามุม  และแสงเงาที่ดูดีที่สุด แล้วแชร์ให้โลกได้รับรู้ทันทีโดยไม่ต้อง  edit อะไรเลย  ?


ราคาของชีวิตที่ดูเลิศเลอของเหล่าคนดังต้องแลกกับการถูกจับผิดทุกการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะระแวดระวังขนาดไหน แม้ผู้คนมากมายจะรู้ดีแก่ใจว่า ไม่ว่าใครก็อยากจะมีภาพที่ดูสวยงามคุณภาพเดียวกับ magazine ที่มีช่างภาพและทีมรีทัชมืออาชีพเป็นผู้ควบคุมดูแลผลงาน แต่เมื่อใดก็ตามที่ภาพที่ดู "ไม่สมบูรณ์แบบ" จากการรีทัชถูกเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงดราม่าไปได้เลย

แล้วคนดังจัดการกับภาพที่ไม่พึงปรารถนาให้ชาวโลกได้เห็นกันอย่างไร ?

มาติดตามกันค่ะ


ส่งทีมกฎหมายเตือนสื่อต่างๆให้ลบภาพออกไป


แม้ว่าสมาชิกครอบครัว Kardashianจะต้องผจญกับการจับผิดเรื่องแต่งภาพจนกลายเป็นหัวข้อ gossip มาไม่รู้กี่ครั้ง และอาจจะทำให้คณคิดว่า ประเด็นเดิมๆอันนี้จะไม่ดึงดูดชาวเน็ทให้เกาะติดได้แล้ว  แต่เมื่อผู้ช่วยของ Khloe ได้  post ภาพของเธอในชุดว่ายน้ำในขณะพักผ่อนกับครอบครัวช่วง Easter ที่ผ่านมา  ชาวเน็ทก็ร่วมแสดงความเห็นกันอย่างหลากหลาย  ทั้งในด้านบวกด้วยการชื่นชมว่า  แม้จะไม่ใช้ filter ตามปกติ แต่เธอก็ดูดี  ไม่มีอะไรชวนอับอาย   แต่แน่นอนว่า เธอไม่สามารถหลบเลี่ยงคำพูดเยาะเย้ยว่า  เธอเป็นพวกจอมปลอมที่นำเสนอความงามออกสื่อด้วยการบิดเบือนความจริง 

ภาพที่ถูกชาวเน็ท capture อย่างรวดเร็วถูกส่งต่อกันไปอย่างกว้างขวางทาง social media ได้กลายมาเป็นประเด็นร้อนแรงและกลายมาเป็น top 10 storiesจากสื่อต่างๆ แต่เพียงไม่นานต่อมา PageSix ก็ได้รายงานว่า ทีมของ Khloe พยายามเต็มที่เพื่อลบภาพนี้ออกไปจากโลกออนไลน์ พวกเค้าส่งคำขู่เรื่องการดำเนินการทางกฎหมายไปสื่อต่างๆ ไม่ให้เผยแพร่ภาพของ Khloe แต่แทบลอยด์ทรงอิทธิพลอย่าง Daily Mail และ The Sun ก็ยังปักภาพของเธอไว้อย่างเหนียวแน่น


เมื่อชาวเน็ทได้ทราบถึงเจตนาในการลบภาพที่ไม่ได้รีทัชออกไป ก็เกิดเสียงเหน็บแนมว่ตามมาา นี่เป็นความพยายามสวนทางกับสโลแกนของแบรนด์เสื้อผ้า Good American ของเธอที่โปรยไว้อย่างน่าฟังว่า

" นำเสนอการเปิดใจยอมรับรูปร่างทุกแบบ"

เพราะแม้ทีมของเธอจะยืนยันว่า Khloe ดูสวยปิ๊งในรูปนี้ รวมถึงชาวเน็ทที่ร่วมสนับสนุนว่า แม้จะไม่ใช่มุมที่ดูเป๊ะที่สุด หรือแต่งภาพสไตล์บ้าน Kardashian แต่เธอก็ดูดีมากอยู่แล้ว แต่การขู่สื่อต่างๆไม่ให้แชร์ภาพออกไปนั้น ไม่ได้แสดงถึงการส่งเสริมให้ผู้คนยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นดังที่เธอเคยพร่ำบอกมาหลายครั้ง




หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าภาพบิกินี่แบบ  no filter ที่เผยช่วงเอวที่ไม่ได้คอดกิ่วและผิวที่ไม่เรียบเนียนเหมือนกับภาพบน Instagram ของ Khloeนั้นไม่ได้ดูย่ำแย่  ตรงกันข้าม  เมื่อพูดถึงมาตรฐานความงาม (แบบชาวตะวันตก) ในภาพไม่ได้เปิดเผยส่วนเกินหรือความหย่อนคล้อยใดๆ    แต่เมื่อเจ้าตัวแสดงออกชัดเจนว่า   ทำใจยอมรับให้คนแชร์ภาพนี้ออกไปไม่ได้   ก็ทำให้ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยจิกกัดว่า  นี่คือพฤติกรรมของคนดังที่เป็นตัวอย่างย่ำแย่สำหรับหญิงสาวที่จะยิ่งขาดความมั่นใจ    และไม่สามารถยอมรับรูปร่างที่ไม่มีเอวเล็กเป็นมดตะนอยและผิวที่วาววิ้งเรียบเนียนไร้ริ้วรอยใดๆได้

Piers Morgan อริลำดับต้นๆของบ้าน Kardashian ไม่รอช้า เปิดฉากโจมตีว่า

" เมื่อใครบางคนปล่อยภาพไร้การตกแต่งออกมา การหลอกลวงก็ถูกเปิดเผย Khloé Kardashian ไม่ได้มีรูปร่างเหมือนกับถูกปั้นมาราวกับธิดาVenus แต่อย่างใด เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างธรรมดาทั่วไป"

" มันไม่ใช่เรื่องน่าอับอายแม้แต่น้อย แต่ที่ผ่านมาเธอสร้างความร่ำรวยจากการแสแสร้งแกล้งเป็นคนที่ดูแตกต่างและพิเศษจากตัวตนจริง แต่นาทีที่หน้ากากที่ปกปิดไว้หลุดออกไป ก็ทำให้เธอก็ปรี๊ดจัด"







ผิดตรงไหนที่แต่งภาพให้สวยเป๊ะ ?

Gemma Atkinson นางเอกชาวอังกฤษเป็นหนึ่งเสียงที่ปกป้อง Khloe อย่างเต็มตัว เธอได้ออกโรงโต้กระแสกดดันเรื่องการแต่งภาพของดารา reality show ชื่อดังไว้ดังนี้

" ผู้คนตามจิกกัด Khloe เพราะภาพbikini ของเธอมีเซลลูไลท์นิดหน่อยแล้วเธอก็พยายามลบภาพนั้นออกไปจากinternet นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ?"

" ลองหาผู้หญิงสักคนที่ไม่มีเซลลูไลท์มาโชว์หน่อย แล้วก็ผู้หญิงที่ไปเที่ยวกลางคืนกับแกงค์เพื่อนสาว อย่างน้อยต้องมีสักคนสองคนที่พูดว่า ถ่ายใหม่อีกรอบเลย ฉันไม่ปลื้มรูปนี้ หรือ อย่า postรูปนั้นนะ อย่าได้บังอาจมา tag กัน"

" ทุกๆคนก็ทำแบบนี้เหมือนกัน เป็นเรื่องที่ปกติมาก ทำไมทุกคนถึงตามจิกกัดเพียงคนเดียวที่แต่งภาพตัวเองล่ะ"

" เราต่างก็รู้เรื่องนี้กันอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องชวนช็อคสักหน่อย หยุดทำตัวร้ายกาจกับคนอื่นได้แล้ว หัดถนอมน้ำใจกันบ้าง"


Gemma ไม่ได้พูดเกินจริงไปแม้แต่น้อย จะมีใครบ้างที่ถ่ายรูป bikini แล้วไม่แขม่วหน้าท้อง บิดตัว วางแขนขาในองศาที่ช่วยให้ดูเพรียว ตากล้องต้องรู้มุม แสงต้องได้ ไม่งั้นคงไม่ได้ปรากฏบนหน้า social media ให้เพื่อนฝูงได้ชื่นชม แม้แต่นางแบบที่รอบเอว 24 นิ้ว ทั้งสวยใสไร้ไขมันก็ยังต้องเทรนการแขม่วหน้าท้องแต่ทำหน้าผ่อนคลายจนเชี่ยวชาญ

แต่กระแสโจมตียังดำเนินต่อไป จน Khloe ต้องออกมาชี้แจง




post  วีดีโอพิสูจน์สัดส่วนที่แท้จริง

จุดเด่นของ Khloe  จากพี่น้องครอบครัวเดียวกันคือนิสัยโผงผางและเปิดเผย  หลังจากที่สื่อมากหมายหลายเจ้า CCN ยัน Daily Mail เล่นข่าวเรื่องภาพ no filter ของเธอกันพร้อมหน้า  เธอก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการโชว์สัดส่วนทาง video   และยืนยันว่า  เธอไม่ได้ใช้ photoshop  หรือ filter ใดๆเลย


ตัดพ้อเรื่องความกดดันจากมาตรฐานความงามที่ยากจะเอื้อมถึง
หลังจากนั้น  Khloe ได้เปิดใจยาวเหยียดถึงดราม่าแต่งภาพเพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่า  เธอรู้สึกกดดันมากเพียงใด....

"เฮ้ ทุกคน นี่คือตัวฉันที่ไม่ได้ใช้retouchและ filter  ภาพที่ถูก postไปเมื่อสัปดาห์นี้ก็สวยดีค่ะ แต่สำหรับคนที่ต้องผจญกับเรื่องรูปลักษณ์มาตลอดชีวิตนั้น เวลาที่มีคน post ภาพที่ดูไม่ค่อยดี แสงดูแย่ หรือเป็นภาพที่ไม่สามารถนำเสนอรูปลักษณ์ในความเป็นจริงที่ต้องทุ่มเทอย่างหนักเพื่อจะได้หุ่นแบบนี้มา แล้วถูกแชร์ให้ทั้งโลกได้รับรู้ เราก็ควรมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะขอห้ามไม่ให้แชร์ภาพนั้นออกไป ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม"

"ความจริงก็คือ ทั้งชีวิตของฉันต้องเจอแรงกดดัน การเยาะเย้ยถากถางและการประเมินเพื่อให้มีรูปลักษณ์ที่ไร้ที่ติ การที่ต้องเข้าถึงมาตรฐานของคนอื่นๆที่มาคอยกำกับว่าฉันต้องมีรูปร่างหน้าตาแบบใดนั้นมันเป็นเรื่องยากเย็นเกินรับไหว ทั้งบอกว่า Khloe เป็นพี่/น้องสาวอ้วนเผละ Khloe เป็นพี่/น้องสาวอัปลักษณ์ พ่อของเธอไม่ใช่พ่อตามสายเลือดเพราะเธอดูไม่เหมือนพี่น้องคนอื่นเลย มีวิธีเดียวที่เธอจะลดน้ำหนักได้ก็มีแต่การใช้ศัลยกรรมช่วยเท่านั้นแหละ จะให้บรรยายเพิ่มดีรึเปล่าคะ ?

แล้วจะมีใครสนใจบ้างล่ะว่าเธอรู้สึกอย่างไรบ้างเพราะเธอเติบโตมาท่ามกลาวชีวิตแบบอภิสิทธิ์ชน เธอเป็นดาราreality show ดังนั้นเธอต้องทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดตามมา แน่นอนว่าฉันไม่ได้เรียกร้องขอความเห็นใจ แต่อยากจะขอร้องให้รับรู้ว่าฉันก็ยังเป็นคนมีเลือดเนื้อ"

"ฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ขอยืนยันได้เลยว่าฉันพยายามใช้ชีวิตด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและมีจิตใจเมตตา ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เคยทำผิดพลาด แต่ฉันไม่ได้จะพูดโกหกกันนะ การที่ต้องพยายามไขว่คว้าให้ถึงมาตรฐานที่แทบเป็นไม่ได้ที่ผู้คนกำหนดกฎเกณฑ์ให้ฉันนั้นมันช่างเหลือทนจริงๆ"


ตลอดเวลาเป็นสิบปีที่ผ่านมา ทุกๆข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์แบบจะถูกตามจับผิดอย่างละเอียดลออ แม้แต่จุดที่เล็กที่สุดก็ถูกนำมาล้อเลียน ฉันถูกคนทั้งโลกตอกย้ำกับเรื่องเหล่านี้ทุกวัน เมื่อฉันนำคำวิจารณ์มาเป็นแรงผลักดันเพื่อเปลี่ยนตัวเองจนมีรูปร่างที่ดูดีที่สุดเปรียบกับที่ผ่านมา คนอื่นกลับกล่าวหาว่า ฉันไม่ได้ทุ่มเทออกกำลังจนมีรูปร่างแบบนี้แต่เป็นการใช้เงินซื้อมันมาต่างหาก"

" คุณคงไม่มีทางเคยชินกับการที่ต้องถูกพิพากษาและโจมตีต่างๆนานา และคอยถูกย้ำเตือนว่าดูไม่สวย แต่จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคุณได้ยินเรื่องนี้บ่อยๆเข้า คุณก็จะเริ่มเชื่อว่ามันเป็นความจริง"

"นี่คือรูปแบบความรู้สึกของฉันที่ถูกกำหนดจากปัจจัยแวดล้อม นั่นก็คือ ฉัยรู้สึกว่า ถ้าหากฉันจะเป็นตัวเอง ฉันก็จะดูไม่สวยพอ"


"ฉันชอบใช้ filter ดีๆ ใช้แสงเงาช่วยด้วย และแต่งภาพตรงนู้นตรงนี้ ก็เหมือนกับการแต่งหน้า ทำเล็บ หรือสวมรองเท้าส้นสูง มันเป็นการนำเสนอตัวเองสู่สายตาโลกในรูปแบบที่ฉันอยากจะให้ทุกคนเห็น และฉันก็จะทำมันต่อโดยไม่รู้สึกผิด   รูปร่าง ภาพลักษณ์ และการตัดสินใจจะนำเสนอออกมาเป็นแบบไหนมันก็เป็นทางเลือกของฉัน มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นที่จะมาตัดสินใจหรือประเมินว่านี่คือสิ่งที่ควรยอมรับหรือไม่อีกต่อไปแล้ว"

"สำหรับใครที่ต้องพบกับความกดดันให้รู้สึกว่าดูดีไม่พอ ฉันขอบอกว่าฉันรับรู้และเข้าใจ ทุกๆวันครอบครัวและเพื่อนฝูงคอยบอกฉันตลอดว่าฉันเป็นคนสวย แต่ฉันรู้ว่า จะต้องเชื่อมั่นมาจากภายใน เราต่างก็มีความโดดเด่นและสมบูรณ์แบบในแบบฉบับของเราเอง ไม่ว่าจะเลือกนำเสนอออกมาเช่นไร ฉันได้ตระหนักแล้วว่า เราไม่สามารถจะมีชีวิตเพื่อไขว่คว้าความสมบูรณ์แบบตามที่ผู้อื่นกำหนดมาให้ ทำในสิ่งที่คุณต้องการและเช็คให้แน่ใจว่าทำไปแล้วจะมีความสุขในหัวใจคุณ"


แต่ก็ได้มีการตั้งคำถามตามมาว่า มาตรฐานความงามที่ Khloe ระบุไว้นั้น    สังคมเป็นฝ่ายบีบคั้นเธอให้เธอรู้สึกหมดความมั่นใจ  หรือแท้จริงแล้ว จะเป็นคนใกล้ตัวที่จูงใจให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง   จากความเชื่อที่ว่า ครอบครัว Kardashian ได้จุดประกายแนวคิดความงามแบบ slim thick   นั่นคือ รูปร่างที่ดูคล้ายกับนาฬิกาทราย แต่มีก้นใหญ่พุ่งที่ดูแตกต่างจากขาไซส์เล็ก  ซึ่งในอดีต นี่ไม่ใช่รูปร่างที่สร้างเสียงกล่าวขวัญจนกลายเป็นเรื่อง mainstream

หลายคนยังจำจดจำคำพูดของ Khloe ที่เปิดใจในรายการ TV ถึงแรงกดดันในการลดน้ำหนักในรายการ Revenge Body*ได้ว่า ครอบครัวของเธอได้แนะนำให้เธอลดน้ำหนัก เพราะหากปล่อยไว้ ก็จะทำลายภาพลักษณ์ brand ครอบครัวที่ร่วมสร้างขึ้นมา เธอยอมรับว่า แม้จะเป็นคำพูดที่หวังดีจากสมาชิกครอบครัว แต่ก็ทำให้เธอเจ็บปวดเช่นกัน และทำให้หลายคนเชื่อว่า การพยายามรักษา brand ของครอบครัวต่างหากที่ทำให้เธอต้องไขว่คว้าเพื่อไปให้ถึงมาตรฐานความงามที่เป็นไปไม่ได้


*รายการTVที่ Khloeจะทำหน้าที่mentor ให้กับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์และมีlifestyle ที่ทำให้ดูดีจากภายในสู่ภายนอก




ออกรายการ TV ตอบโต้กระแสโจมตี : ถูก agency แต่งภาพให้ดูแย่เกินจริง

ช่วงระยะเวลาหลายปีมานี้ หลายคนเชื่อว่า ภาพcandid ของ Kim K ที่พวกเราได้ติดตามกันนั้นเป็นฝีมือpaparazzi ส่วนตัวที่ร่วมงานกับบ้าน Kardashian จากท่วงท่าการเยื้องย่างและมุมกล้องที่ทำให้พวกเธอดูดีที่สุด Kim เองก็เคยประกาศว่า แฟนๆสามารถ post ภาพของเธอได้ตามสะดวกโดยไม่ต้องกลัวเอเจนซี่ของช่างภาพเหล่านี้มาขู่ฟ้อง เพราะเธอได้ร่วมงานกับเอเจนซี่ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพของตัวเอง (เซเลบหลายคนเคยถูกฟ้องทั้งๆที่ post ภาพตัวเอง เพราะเอเจนซีเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นั่นเอง) นั่นหมายความว่า เธอมีอำนาจคอยตรวจสอบภาพที่ดูดีตรงมาตรฐานของตัวเอง และปล่อยภาพเหล่านั้นถึงมือสื่อโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจิกกัด



Jayden Seyfarth  ตากล้องวัยเพียงยี่สิบผู้บินลัดฟ้าจากAustraliaมาหาโอกาสที่แดนลุงแซมได้เล่าประสบการณ์ว่า  Kim ได้ร่วมงานกับช่างภาพ Splash ด้วยการนัดแนะสถานที่ให้ไปดักรอถ่ายภาพด้วยข้อตกลงที่แฟร์ๆว่า
"เธอจะเป็นผู้เลือกภาพเองและภาพเหล่านั้นผ่านphotoshop มาแล้ว มันเป็นเรื่องที่paparazziที่นี่รู้กันดี ส่วน paparazzi จากสังกัดอื่นไม่ค่อยอยากจะไปดักรอเธอที่แถวบ้านเธอแล้ว เพราะเธอเก็บตัวเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าจะออกจากบ้านที เธอจะให้ค่าเหนื่อยกับ Splash และแบ่งรายได้ 60% ที่ขายภาพของเธอให้กับสื่อ"

ส่วนอดีตช่างภาพของ Splash ที่ไม่ประสงค์จะระบุนามให้ข้อมูลที่แตกต่างไปจากนั้นเล็กน้อย เค้าบอกว่า Kim จะแบ่งรายได้ไป40% เท่านั้น



แต่ภาพทริปใน Mexico ในปี 2017  ก็ได้สร้างปรากฏการณ์  break the internet     สื่อต่างโหมกระหน่ำเรื่องการ retouch  ภาพและสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงไฟลุกต่อภาพที่ Kimได้เปิดเผยสัดส่วนโค้งเว้าบนชายหาดที่ดูแตกต่างจากภาพ set  นี้      paparazzi  ผู้เป็นเจ้าของผลงานอยู่ในสังกัด Backgrid   มิใช่ Splash ที่ร่ำลือว่าเป็น partner ของ Kim

ที่จริงแล้ว ตลอดมา  Kim ก็เคยเปิดประเด็นเรื่องความไม่มั่นใจเรื่องเซลลูไลท์มาหลายครั้ง  ซึ่งนั่นเป็นการจุดประกายให้เธอสร้างSKIMS ธุรกิจ shapewear ที่ขายดิบขายดี    แต่ที่ผ่านมานั้น  ไม่ว่าเธอจะใส่ thong ตัวจิ๋วหรือเว้าสูงแค่ไหน  ก็ไม่เคยปรากฏร่องรอยไม่ราบเรียบบนผิวพรรณมาก่อน       ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ภาพเหล่านี้ได้ดึงดูดให้ชาวเน็ทที่ไม่ปลื้มเจ้าตัวเป็นทุนเดิมส่งข้อความเยาะเย้ยสะเทือนไปทั่ว social media    เพียงไม่นานจากนั้น  Kim ก็ได้ tweet ด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง+ ประชดว่า ต่อไปเธอจะพยายามนำเสนอvideo โชว์ภาพที่แสงและมุมสวยก็แล้วกัน

เมื่อเหตุการณ์นี้ได้ปรากฏในรายการ Keeping Up With The Kardashians ก็สร้างความคลางแคลงใจให้กับชาวเน็ทจำนวนหนึ่งที่คุ้นเคยกับดราม่าของครอบครัวนี้ พวกเค้านำเสนอแนวคิดว่า หรือภาพเซลลูไลท์ของ Kim จะเป็นส่วนหนึ่งของ plot รายการ ? ท่าทางอันหงุดหงิดของ Kim และคำพูดยืนยันว่า "ตัวจริงฉันไม่ได้เหมือนในรูปพวกนั้นสักหน่อย"
 เธอแสดงความผิดหวังที่จองทริปไปอย่างส่วนตัวกับเพื่อนๆ แต่ถูกติดตามถ่ายภาพมาเผยแพร่ทั่ว internet และถูก body-shame อย่างหนัก  ในเวลาต่อมา  Kim ก็ได้ถกประเด็นนี้ในราบการ The View  
"ฉันเจอรูปจากทริป Mexico ที่ดูแย่เอามากๆ   มีคนใช้ photoshop แต่งและเพิ่มความคมชัดจนมันดูเป็นแบบนั้น"

" ตอนนั้นหุ่นของฉันก็ไม่ว้าวเท่าไรค่ะ ฉันไม่ได้ออกกำลังกายมา 12 สัปดาห์ ฉันผ่าตัดมดลูกไปสองครั้ง เราถ่ายทำเรื่องนี้ในรายการด้วยนะคะ"


"ตอนนั้นฉันก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมีคนไปเน้นความคมชัดทำให้ภาพยิ่งดูแย่ลงไปอีกแล้วเอาไปเผยแพร่ ฉันก็ฮึดว่า จะต้องกลับมาสวยปิ๊งให้ได้ ฉันเริ่มออกกำลังกับเทรนเนอร์สาวนักเพาะกายเลยค่ะ"




Kim จะชี้แจงเรื่องราวแตกต่างจาก Khloe ที่ยอมรับว่าปลื้มการแต่งภาพให้ดูดี และโต้กลับว่าเป็นช่างภาพต่างหากที่ใช้ photoshop เน้นจุดด้อยให้ชัดเจนเพื่อสร้างกระแส    หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เห็นภาพแบบเดียวกันตามมาอีกเลย  ทั้งจาก paparazzi  และ social media     ราชินี internet ก็ดูมั่นใจกับรูปร่าง slim thick และผิวสี bronze ที่สวยเปล่งประกายไร้เซลลูไลท์     จนกระทั่ง Khloe ต้องรับมือกับดราม่าแต่งรูปครั้งล่าสุด ทั้งชาวเน็ทและสื่อต่างก็ขุดคุ้ยภาพเดิมมาวิเคราะห์กันยกใหญ่    


ข้อถกเถียงเรื่องนี้จึงดูไม่สิ้นสุดลงไปง่ายๆ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งภาพให้เป๊ะของคนดังก็แสดงความเชื่อมั่นว่า พฤติกรรมนี้ได้สร้างความกดดันให้กับคนหนุ่มสาวที่คอยเปรียบเทียบตัวเองกับ influencer ที่งดงามไร้ที่ติไปทุกตารางนิ้ว ส่งผลให้ self- esteemตกต่ำ เพราะหมกมุ่นกับความสมบูรณ์แบบจนเกิดความวิตกกังวลที่ตัวเองเป็นเหมือนคนดังไม่ได้
  แต่ถ้าให้ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา การretouch ภาพผิวเปลือกส้มให้ดู smooth ก่อนแชร์ให้คนอื่นชมนั้นไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ ? ถึงจะไม่ได้สร้างรายได้ด้วยชื่อเสียงเรื่องความงามไร้ที่ติเหมือนกับ Kim K พวกเราหลายคนก็ต้องตัดเลือกภาพที่ดูดีที่สุด และแต่งภาพช่วยเหมือนกัน     แม้จะมีการรณรงค์ให้เปิดใจยอมรับข้อบกพร่องและเลิกใช้ความคิดเห็นของคนอื่นมากดดันตัวเอง    แต่พวกเราต่างก็รู้ดีว่า   บางคนที่จิกกัดดาราอย่างดุเดือดก็แต่งภาพตัวเองเช่นเดียวกัน


เมื่อเพื่อนเก่า post ภาพสมัยวัยรุ่น  -  ส่งข้อความขอให้ลบภาพออกอย่างห่างเหิน


กรณีนี้อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกเข้าถึง   เพราะไม่ใช่ภาพที่หลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ  แต่เป็นการแชน์ภาพจากคนรู้จักโดยไม่ผ่านการ approve ของเรา    และที่ฟังดูน่าเหนื่อยใจกว่านั้นก็คือ  เมื่อขอร้องให้ลบภาพนั้นออกไป กลับถูกอีกฝ่ายนำไปต่อว่าเสียๆหายๆ 

ผู้เปิดประเด็นนี้คือนางเอกหน้าจิ้มลิ้ม Rachel Bilson ( นางเอกที่มีชื่อในยุค 2000s จากซีรีส์ The OC) เมื่อเธอได้แชร์ภาพกับเพื่อนเก่าสมัยมัธยมคนหนึ่ง ทำให้สื่อหลายเจ้าให้ความสนใจ เพราะเพื่อนคนดังกล่าวคือ Rami Malek ที่กำลังเข้าชิงรางวัล Oscar จากบทบาท Freddie Mercury แห่ง Bohemian Rhapsody นั่นเอง

Rachel ได้ทักทายเพื่อนเก่าแบบหยิกแกมหยอกว่า ไปเอาสร้อยคอโซ่ทองมาจากไหนน่ะ รวมถึงแอชแทกว่า ควรค่าต่อรางวัล Oscar


ซึ่งในขณะนั้น ไม่ได้มีใครเฉลียวใจ หรือตามเกาะติดว่าพวกเค้ามีความสนิทสนมกันมากแค่ไหน หรือภาพนั้นยังปรากฏอยู่บน Instagram ของ Rachel หรือไม่


จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้   Rachel ได้ระบายด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจว่า    พระเอกที่เคยเป็นเพื่อนกันได้ขอให้ลบภาพออก และเขาไม่มีทีท่าที่อบอุ่นต่อเธอแต่อย่างใด

" ฉันpostภาพจากทริปมัธยมปลายไปที่ Broadway New York ค่ะ พวกเราเนิร์ดมาก ทั้งสองคนต่างก็ดูเฉิ่มสุดๆ แต่ฉันโชว์ภาพนี้เพราะมันตลกดี และฉันว่าการที่เราสามารถล้อเลียนตัวเองได้มันสำคัญมากเลยนะ เขาใส่โซ่ทองไง ฉันก็เลยบอกไปว่า เอาโซ่ทองมาจากไหนฮึ อะไรประมาณนั้น ฉันก็แค่ฮาๆน่ะ เราเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน"

แต่จากนั้นเธอต้องประหลาดใจ เมื่อได้รับDMจาก Rami ที่ฟังดูเย็นชาห่างเหิน

" มันไม่ได้เป็นการทักทายกันแบบ เฮ้ สบายดีมั้ย แต่เขาพุ่งตรงไปที่คำขอว่า ผมจะรู้สึกขอบคุณหากคุณลบภาพนั้นออก ผมเป็นคนที่หวงความเป็นส่วนตัวมาก"

" ฉันก็แบบว่า โอ๊ย ตายแล้ว รู้สึกร้อนรุ่มจนเหงื่อตกเลย ฉันประสาทเสียเลยว่า นี่ทำอะไรผิดไป เขาเคยเป็นเพื่อนที่ดี มันก็ภาพตลกๆ ฉันไม่ใช่คนที่คอยเข้มงวดจริงจังกับตัวเอง"
เธอลบภาพออกทันทีและส่งข้อความอวยพรให้เขาคว้ารางวัลการแสดงที่ยิ่งใหญ่มาให้ได้ แต่เขาไม่เคยตอบกลับมา

"ฉันก็เสียความรู้สึกนะ เพราะแต่ก่อนเขาแสนดีมากและเราก็เป็นเพื่อนที่ดี ฉันเป็นพวกที่ไม่ซีเรียส โดยเฉพาะเมื่อเราได้สร้างชื่อเสียงในระดับนี้ แต่รู้มั้ย ถ้าเขาต้องการจะได้รับการนับถือในแบบฉบับของเขา ฉันก็เคารพเรื่องนี้นะ ฉันลบภาพออก แต่ฉันก็รู้สึกแย่กับวิธีจัดการเรื่องนี้อยู่นิดนึง"


หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินจาก stylist ของRamy ว่า เขาไม่โอเคเพราะคิดว่าตัวเองดูไม่ค่อยดีนักในภาพนั้น
"OK ฉันเสียใจ แต่เราอายุแค่16เองนะ เรื่องเกิดขึ้นก่อนจะประกาศรางวัลOscar แล้ว Josh Schwartz( ผู้สร้างThe OC) ก็บอกว่า ฉันทำให้เขาดูแย่ไปแล้ว เขากำลังเข้าชิงรางวัล และชั้นก็ถามกลับไปว่า หมายความว่าไงอะ นี่มันเพื่อนฉันนะ และมันก็เป็นภาพที่ตลกด้วย"


บางคนอาจจะสงสัยว่า Rachelที่เล่าเรื่องราวมาถึงขนาดนี้จะรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่า เธอพลาดตรงไหน ?







จากการบรรยายภาพเจ้าปัญหาและคำบอกเล่าเรื่องราวของRachel ก็น่าจะทำให้หลายคนเดาออกว่า แม้ว่าพวกเค้าจะเป็นเพื่อนสมัยวัยทีน แต่ก็คงไม่ได้พูดคุยกันมานานแล้ว ยังมีสิ่งสำคัญในสังคมที่ยึดมั่นเรื่องการไม่ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว นั่นก็คือการถามหา approve จากอีกฝ่ายที่อยู่ในภาพ มันเห็นได้ชัดว่า Rachel จงใจแซวเพื่อนเก่าเพราะกระแสความนิยมจากผลงานดังที่ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ และเธอก็รู้ดีว่า มันไม่ใช่ภาพที่ดีที่สุดของเขา ( Rami ดูเจ้าเนื้อกว่าปัจจุบันอยู่บ้าง) สิ่งที่เธอคิดว่า "แค่ขำๆ" สำหรับอีกฝ่าย อาจจะมีเรื่องราวอีกแง่มุมที่ไม่อยากนึกถึง หรืออาจจะมีเหตุผลที่ตัวเธอเองไม่เข้าใจ และถึงแม้อีกฝ่ายจะดูเย็นชาไม่สานต่อไมตรีที่เธอส่งคำอวยพรให้ แต่เรื่องก็ควรจะจบอยู่ตรงนั้น ตรงกันข้าม Rachel กลับนำ Rami มาเผาในสัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะยัดเยียดให้เขาเป็นผู้ร้ายที่หมกมุ่นกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากกว่ามิตรภาพของเพื่อนสมัยมัธยม



แม้การให้สัมภาษณ์ของ Rachel จะดูเป็นการเหน็บแนมเพื่อนเก่าอย่างไม่อ้อมค้อม แต่ชาวเน็ทหลายคนได้ให้ความเห็นว่า หากเป็น Rami ก็คงทำแบบเดียวกัน ถึงอาจจะมีผู้ที่มองว่า มันอาจจะไม่เป็นประเด็นชวนบาดหมาง หาก Rami ตอบกลับ Rachel ตามมารยาท แต่ก็ชี้ว่า เธอต่างหากที่ทำตัวผิดมารยาทก่อน หนำซ้ำยังแฉเรื่องนี้ออกสื่อ ทำให้พระเอกเชื้อสาย Egypt ถูกวิจารณ์ว่า กังวลกับภาพที่เคยเป็นหนุ่มร่างอวบมากซะจนต้องมาบีบให้เพื่อนเก่าลบภาพ    หลังจากนี้ พวกเค้าอาจจะมองหน้ากันไม่ติดก็เป็นได้


และเราเชื่อมั่นว่า  ต้องมีคนประสบกับเหตุการณ์คล้ายคลึงกันมาก่อน  ไม่งั้นจะมีปุ่มขออนุญาตก่อนจะ tag ไว้เพื่ออะไร ?    ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถขำขันไปกับตอนที่คนอื่นpostภาพที่ดู "พัง" โดนไม่บอกกล่าวก่อน  หรือที่จริง ถ้าพลั้งมือแชร์ภาพไปแล้ว  การขอโทษขอโพยด้วยความเข้าใจอีกฝ่ายมันเป็นสิ่งที่ง่ายดายไม่ต้องใช้พลังงานซะด้วยซ้ำ  และไม่จำเป็นที่ต้องเอาอีกฝ่ายไปนินทาให้คนอื่นฟังแต่อย่างใด  แทนที่จะจบกันได้ดี แต่คงแย่ไปกว่าเดิม


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE