แชร์ประสบการณ์แต่งหน้า 10 ปี (ทุกคนต้องมียุคมืด)

56 17

สวัสดีค่ะทุกคนนน เมื่อเดือนมกราคาที่ผ่านมาก

ตอนนี้ 20 แล้วค่ะ เรารู้สึกว่าการที่อายุ 20 มันต้องโตมากๆเเล้วแน่ๆ
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ยังไม่ไปถึงไหนเลย
แต่ว่า ถ้าพูดถึงเรื่องที่ทำมาตลอด คือก็แต่งหน้านี่แหละ
วันนี้ก็เลย อยากจะแชร์ประสบการณ์การแต่งหน้า
ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ จะแตกต่างกันมากแค่ไหนนะ
กระทู้นี้ ตั้งใจทำเพื่อให้กำลังใจหลายๆคน ที่แต่งหน้าไม่เป็น
หรืือไม่มั่นใจในตัวเองนะคะ ถ้าพร้อมแล้ว มานั่ง time machine กันค่ะ :)
.
.
.
.
ย้อนไปเมื่อตอนเริ่มแรกเลย แจนเป็นเด็กกิจกรรมค่ะ
แต่เวลามีงานเเสดง ก็ต้องมานั่งต่อคิว กันตั้งแต่ตี 4-5 ความคิดตอนเด็กๆคือ
อยากนอนต่อ 55555 มานั่งรอตั้งนานยังไม่ได้แต่สักที การแต่งหน้ามันยากขนาดนั้นเลยหรอ หลังจากนั้น ก็เริ่มถามแม่กว่า แต่งหน้ายังไง ยากไหมคะ
จนแต่งหน้าเองครั้งแรกตอนไปประกวดเดินแบบค่ะ 555555555

ตอนแรกก็เริ่มจากการลงรองพื้นเลยฮะ
ว่า เวลาต่อแถวที่โรงเรียน
จะเป็น บูธลงรองพื้น บูธเขียนคิ้ว บูธทาตาบลาๆ
ซึ่งเริ่มจากรองพื้นก่อน ปีถัดมาก ก็เริ่มแต่งตาเองบ้าง
อะไรทำไม่ได้ ก็ไปให้แม่ๆทำให้ค่าบ (งานโรงเรียนมีปีละครั้ง)

ถ้าถามว่าตอนเด็กๆ เคยโดนผู้ใหญ่ หรือใครว่าไหม

บอกเลยว่าตลอด บอกใครว่าชอบแต่งหน้า

คำแรกที่ออกจากปากเขา คือคำว่า "แก่แดด"

จริงๆที่เราเริ่มแต่งหน้า มันไม่ได้เพราะมันทำให้เราสวย

แต่เราแค่รู้สึกว่า มันได้เงิน ก็เท่านั้น

ทุกครั้งเราแต่งหน้าไปรำ เราก็ได้เงิน

เราแต่งหน้าไปประกวดถ้าเราชนะ เราจะได้เงิน

เราไม่เคยเสียใจกับคำที่เขาต่อว่าเราเลย 

เพราะเรามีเหตุผลของเรา ก็เท่านั้น

เพียงแต่ว่า เขาไม่เข้าใจ และเขาไม่ได้รู้

2013 นี่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของแจนจริงๆเลย

เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนั้น รับจ้างไปรำตามงานต่างๆ

แล้วเราก็ต้องแต่งหน้าเอง แต่ว่า เรากลับเบื่อการแต่งหน้า

แบบเดิมๆ ที่ว่า รำไทย ต้อง ดำ น้ำตาล

จนเราไปเจอคนๆนึงค่ะ พี่ "แพรี่พาย" นั่นเอง

เจอพี่แพรจาก vdo ของ Maybelline แล้วแบบว่า

เห้ยย แบบนี้นี่แหละ ที่จะแต่งไปรำพรุ่งนี้



การที่เราได้เจอพี่แพร มันทำให้เราหลุดออกจากกรอบเดิมๆได้จริงๆ

เราตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เล่นสีสันแปลกๆ ครั้งแรกที่เจอ

คือ นีออนไปเลยแม่และอีกอย่าง

แจนได้เจอพี่ๆหลายๆคนเลย ที่เราชอบอะไรเหมือนกัน

คุยภาษาเดียวกัน จนบางคนตอนนี้ก็สนิทกันมากก

เหมือนเป็นพี่เป็นน้องกันเลย 55555

ช่วง 2014 - 2015 ก็แต่งเล่นๆเรื่อยเปื่อย

งานรำ ก็ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะขึ้นม.ต้น

ต้องตั้งใจเรียนมากขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้งการแต่งหน้า

แต่ก็กลับมาจากโรงเรียนก็ฝึกทุกวันเลย 555เปิด

ยูทูปดูนี่แหละ ยุคสมัยนั้น ป้าพิม พี่นีน่าบิวตี้เวิล พี่แนนมาสเกียร่า

จุดพีคจุดที่ 2 คือ เมื่อปี 2016 NYX ได้มาเปิดสาขาที่ไทยค่ะ

และเขาก็มีกิจกรรมแจกของแบบยิ่งใหญ่มากก

ด้วยความที่เป็าเด็ก ไม่มีเงินซื้อเครื่องสำอาง

ก็นี่แหละ ฝึกแต่งทุกวัน โพสทุกๆวัน

ดูของคนอื่นว่าเอ๋...เขาแต่งยังไง

ทำยังไงดี ถึงจะได้รางวัล

สรุป ก็ได้รางวัลปลอมใจมาค่ะ ได้แต่กระเป๋า 55555 

แต่ภูมิใจมาก และก็รู้สึกตัวว่าฝีมือพัฒนาขึ้นมากๆ

แต่ช่วงนั้น NYX ก็มีกิจกรมมทุกเดือนเลย

แน่นอนว่า เราก็เล่นทุกเดือนเลยค่ะ

55555555 ฟาดหมดทุกงาน

จนทีมงานจำได้

และในปีเดียวกัน ก็เริ่มทำ Jeban ด้วยแหละ

(พึ่งเห็นว่าอยู่กับจีบันมา 5 ปี แล้ว)

ได้กำลังใจจากพี่ๆในนี้เยอะมากๆ

ขอบคุณทางจีบันด้วยนะคะ ที่ทำให้เด็กคนนี้

ได้มาแสดงความเป็นตัวเอง

ย้อนไป 5 ปีตอนนั้น มันยากมากๆ ที่จะทำให้คนรอบข้างยอมรับ

ช่วงม.2 เป็นช่วงที่หาทำมากเหมือนกัน

ลองผิดลองถูกทุกอย่างเลย

เคยมีคนมาถามว่า ไม่กล้ากรีดอายไลเนอร์เลย

กลัวเลอะ แจนเข้าใจมากๆ แต่รู้อะไรไหมคะ

ถ้าเราไม่กล้าเลอะ เราก็จะไม่รู้

เทคนิคคือ ขังตัวเองไว้ในห้อง

เตรียมเมคอัพรีมูฟเวอร์ เตรียมเครื่องสำอาง

แล้วลองทำเลย ถ้ามันไม่สวย ก็แค่ลบ แล้วทำใหม่

มันไม่มีใครเห็นค่ะ มีแค่เรา คนที่ได้ก็คือเรา

ในปีเดียวกัน แจนก็เริ่มรับแต่งหน้า ก็เริ่มจากแต่งหน้าหลีดเลยค่ะ

อาจจะโชคดีหน่อย ที่คุณแม่เปิดร้านเช่าชุดไทย

ดังนั้น พอลูกค้ามาเช่าชุด เราก็แอบขายของเลยว่า

"แต่งหน้า ทำผมไหมคะ"


2016 - 2017 เนี่ย ก็เริ่มมีแบรนด์ต่างๆให้ความสนใจ

มาสปอนเซอร์บ้าง มีเอเจอซี่ติดต่อ ซึ่งก็ขอขอบคุณมากๆ

อย่างน้อยก็เริ่มหาเงินได้จากการแต่งหน้าอีกครั้ง

มันดีใจมากๆ เลยนะ เหมือนหาค่าขนม ค่าเครื่องสำอางที่อยากได้




2017 แจนได้ตัดสินใจประกวด NYX Thailand face award

ซึ่งตอนนั้นทำเต็มที่มากๆ แต่ก็ได้แค่เข้ารอบ 30 คน

ปีนั้น เป็นปีที่ได้คุยกับพ่อตรงๆ ว่าเราชอบแต่งหน้า

เราอยากมาด้านนี้ เราอยากให้คุณพ่อเข้าใจ

อันนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนติดต่อให้ไปร่วมทีมสอนแต่งหน้า

คือตื่นเต้นมากกกกกก ไม่เคยสอนใครเลย

แต่ก็ผ่านมาด้วยดี พี่ๆน่ารักมากๆค่ะ

2017 อีกเช่นเคย แจนว่า

เกือบทุกคนต้องผ่านจุดนี้

จุดที่ลอง เพ้นท์ตัวแบบจัดเต็ม

แบบหาทำกันมากกก มันก็สนุกดีเหมือนกันนะคะ

แต่ละลุค เล่นเอา ปวดหลังเลย

แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ทำแล้ว

แอบคิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย

จุดพีคที่ 3 ตอนั้นอยู่ประมาน ม.5 ค่ะ

ก็ต้องหาที่เรียน มหาลัยแล้ว แต่ว่า

ประเทศไทยไม่มีที่สอนแต่งหน้าจริงๆจังๆเลย

ตอนแรกจะถอดใจ เพราะตอนนั้นรู้สึกว่า

ตัวเองไม่พัฒนาเลย ท้อแท้เล็กน้อย

แต่พี่ฉัตร ได้ประกาศหา Young makeup artist thailand

ก็คือ คนที่มีความสามารถแต่งหน้า อายุระหว่า 15-25 ปี

จะได้ไปเรียนแต่งหน้ากับพี่ฉัตร รวมถึงได้เป็นทีม ครอบครัวน้องฉัตรด้วยค่ะ

แจนก้แค่ลอง challenge ตัวเองดูว่า ถ้าเข้ารอบไปได้

จะแต่งหน้าต่อ ถ้าไม่ได้ จะวางมือ และจะโฟกัสกับการเข้ามหาลัย

หลังจากนั้นแจนก็ได้ไปต่อกับเส้นทางช่างแต่งหน้า

ก็ขอบคุณพี่ฉัตรด้วยนะคะ ที่ทำโครงการนี้ขึ้นมา

เหมือนตอนนั้นกำลังหลงทาง แต่ว่าพี่ฉัตรมาทำให้ทางมันชัดเจนขึ้น

หลังจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ก็เข้าปีที่ 3 แล้วค่ะ

ปัจจุบัน ก็เป็นช่างแต่งหน้า บิวตี้บล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ 

บางครั้งก็ไปช่วยพี่ฉัตรสอนแต่งหน้าเวลามี workshop

ตลอด 3 ปีมานี้ ก็จริงจังกับการเป็นช่างแต่งหน้า มีลูกค้ามากขึ้น

ควบคู่กับทำ Blogger เราได้เทคนิคอะไร ก็มาแชร์ต่อๆ ในกับเพื่อนๆ พี่ๆตลอด

ส่วนเรื่องมหาลัย ตอนนี้เรียน มศว ออกแบบแฟชั่นค่ะ

แต่ก็พักแต่งหน้าไปเกือบ 1 ปีเลย เพราะติววาดรูป 

แต่แจนก็เอาผลงานแต่งหน้า

ไปใส่ไว้ในแฟ้มผลงานด้วย 


สุดท้าย ก็ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่อ่านจนมาถึงตอนนี้

แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์เฉยๆ เเจนเองก็พัฒนาช้าเหมือนกัน ที่ 10 ปีพึ่งจะได้แค่นี้ บางคนพึ่งแต่ง 2-3 ปี ก็เก่งแล้ว 555555

ส่วนใครที่อยากติดตาม สามารถติดตามได้ในจีบันนี่แหละ

ต้องขอบคุณจีบันมากๆจริงๆ ถ้าไม่มีจีบัน ก็คงไม่มีลีแจนวันนี้หรอกมั้งง

ส่วนเรื่องของอนาคต ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะชอบแต่งหน้าอยู่ไหม

แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้ทำแล้วมีความสุขค่ะ 

และเชื่อว่า พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนก็มีความสุขเหมือนกันใช่ไหมคะ

สุดท้ายจริงๆละอยากเป็นกำลังใจให้หลายๆคนว่า อย่ายอมแพ้นะ !

ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่เราได้มาง่ายๆ ถ้าเรายิ่งได้มันมายาก

เราจะรู้คุณค่ามันมากๆเลย

วันนี้ลาไปก่อนนะคะ เจอกันใหม่ กระทู้หน้า

ผิดพลาดตรงไหน ขออภัยด้วยนะคะ

ใครสงสัย มีคำถาม อยากกอด ทักมาได้ตลอดเลยนะคะ 

ขอบคุณค่ะ


 lleejan :)