ผิดมากไหมที่นักแสดงรับบทที่ไม่ตรงเพศในชีวิตจริง ?

55 4
.
คุณเป็นอีกคนหรือไม่ที่เชื่อว่า "การสวมบทบาทเป็นคนอื่น" คือนิยามที่อธิบายความหมายของศิลปะการแสดงได้ชัดเจนที่สุด บางคนอาจจะเลือกใช้คำที่แรงกว่าว่าเป็นการ "เสแสร้ง" ในการแสดงทุกท่วงท่าให้ผู้ชมเชื่อว่านักแสดงได้เข้าถึงบทบาทนั้นอย่างแท้จริง

แต่เมื่อหลายปีที่ผ่านมานี้ กระแสต่อต้านการคัดเลือกนักแสดงCisgender* ในการรับบทเพศทางเลือกเพิ่มสูงขึ้น จนสามารถกดดันให้นักแสดงให้สละสิทธิ์ รวมไปถึงผู้สร้างที่ต้องเปลี่ยนแปลงแผนการสร้างผลงานในรูปแบบใหม่ หลายคนยืนยันว่า รับไม่ได้หากนักแสดงไม่ยอมอยู่ใน "เลน" ของเพศตัวเอง และกล่าวหาว่าเหล่า Cisgender พยายามฉกฉวยโอกาสร้างชื่อเสียงด้วยการแสดงบทที่ไม่ตรงกับตัวตนในชีวิตจริง ทั้งๆที่ควรจะสนับสนุนให้นักแสดง trans ได้แสดงตัวตนและความสามารถให้สังคมยอมรับ

แล้วอนาคตของวงการแสดงที่อยู่ท่ามกลาม movement นี้จะเป็นเช่นไร ? เราลองมาคุยกันค่ะ

*Cisgender  คือ บุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศและการแสดงออกที่สะท้อนเพศของตนเองตรงกับเพศที่มีมาแต่กำเนิด  ดังนั้นจะมีแต่ผู้หญิงและผู้ชายเท่านั้น

การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านนักแสดง Cisgender ที่ปรารถนาจะแสดงบทบาทที่ไม่ใช่เพศที่แท้จริงของตัวเองเริ่มแพร่หลายขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เรายังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด เมื่อหนัง Oscar อย่าง Moonlight ที่ถูกยกย่องว่าเป็นผลงานสุดยอดเยี่ยมที่นำเสนอเส้นทางการดำเนินชีวิตเด็กหนุ่มเกย์ผิวดำในสังคมที่เสื่อมโทรม กวาดรางวัลมามากมายไล่แทบไม่หมด หรือจะเป็น Call me by your name ที่ผู้ชมมากมายปลาบปลื้มว่าเป็นหนังรักที่งดงามที่สุดโดยไม่มีกำแพงอคติต่อเกย์มาปิดกั้น

และน่าจะพูดได้ว่าผลงานที่เกี่ยวกับชาวรักร่วมเพศหลายเรื่องจะได้รับไฟเขียวให้เปิดทางไปสู่ความสำเร็จโดยไม่ต้องรับมือกับดราม่าเรื่อง casting เท่าใดนัก ดาราเจ้าบทบาททั้งหลายต่างก็รับบทเกย์มาแล้วทั้งนั้น




แต่เมื่อมาถึงหนังtransที่แสดงโดยนักแสดง Cisgender กลับสร้างกระแสความโต้แย้งที่ร้อนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ     ที่ผ่านมา นักแสดงชั้นนำหลายคนมุ่งมั่นในการสวมบทบาท trans เพื่อพิสูจน์ความสามารถให้โลกได้จดจำ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเสียงวิจารณ์ในด้านลบไปได้เลย

เมื่อ Hilary Swank จะคว้ารางวัล Oscar อันทรงเกียรติในบทชายข้ามเพศจาก Boy don't cryและตอกย้ำด้วยความสำเร็จของ Jared Leto จาก Dallas Buyers Club เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็นธรรมที่นักแสดงที่ใช้อภิสิทธิ์คว้าบทที่ควรเป็นของชาว trans จริงๆก็เริ่มกระหึ่มขึ้นมา รวมไปถึง Felicity Hoffman (Transamerica) หรือ Eddie Redmayne ( The Danish Girl) จะได้เข้าชิง Oscar แต่พวกเค้าก็ต้องพบกับกระแสกดดันจากผู้ที่เรียกร้องสิทธิ trans จากวงการ Hollywood



เพราะอะไรจึงมีการเรียกร้องให้คัดเเลือกเฉพาะนักแสดง trans มารับบท trans ?




นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ trans ยืนยันว่า  นี่คือการปิดกั้นไม่ให้ชาว trans ได้เข้าถึงโอกาสทางการแสดง

Jen Richards นางเอก trans และนักเขียนบทได้บอกเล่าถึงเหตุผลที่ต้องเรียกร้องให้นักแสดง transได้เข้าร่วม auditionไว้ว่า

" ปัญหาคือ นักแสดง trans ถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงโอกาสตั้งแต่เริ่มแรกค่ะ พวกเค้าไม่ได้การยอมรับให้ไปทดสอบหน้ากล้อง ถ้าไม่ใช่บท trans ก็อย่าหวังว่าจะมีสิทธิ์ได้เล่น ขนาดบท trans แท้ๆก็ยังไม่ได้  และเราก็ได้เจอแต่สถานการณ์ที่รับไม่ได้เลยจริงๆ"
Jeffrey Tambor    นักแสดงนำแห่งTransparent  ที่สร้างความฮือฮาจากบทบาทชายสูงเกษียณที่ตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นผู้หญิงข้ามเพศหลังจากแต่งงานมีครอบครัวมาหลายสิบปี   ฝีมือการแสดงที่ถูกชื่นชมว่ายอดเยี่ยมโดนใจทำให้เขาคว้ามาได้ทั้งรางวัล Golden Globe และ Emmy   :และเขาก็ได้ใช้โอกาสในการกล่าวคำขอบคุณเพื่อรับรางวัลบนเวทีในการเรียกร้องว่า

"โปรดให้โอกาสให้กับนักแสดง trans ด้วยเถอะ เรียกพวกเค้ามา audition ให้พวกเค้าได้บอกถึงเรื่องราวตัวเอง และอีกอย่าง ผมคงรู้สึกดีหากตัวเองกลายมาเป็นบุคคล Cisgender คนสุดท้ายที่ได้รับบทผู้หญิงข้ามเพศในละครโทรทัศน์ เรายังจะต้องปรับปรุงกันต่อไปนะครับ"

(แต่เรื่องราวหักมุมหนักเมื่อ Jeffrey ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดนักแสดง transและผู้ช่วย ใน Transparent จนถูกไล่ออก)




Jen Richards ยังยืนยันว่าการคัดเลือกนักแสดง Cisgender มารับบท trans นั้นทำให้ผู้คนสับสนและอาจจะเกิดอคติต่อชุมชนชาว trans ตัวจริง   และคำพูดของเธอก็  Laverne Cox  นางเอก trans ที่ประสบความสำเร็จจาก Orange is the new black หยิบยกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องการ cast  นักแสดงtrans

"Jeffrey Tambor แสดงได้เก่งกาจไม่แพ้กับ Jared Leto แต่ถ้ามีผู้ชมที่ยังขาดความรู้เรื่องชาว trans ได้เห็นหนุ่ม Sexy เคราเข้ม อย่าง Jared Leto ขึ้นไปรับรางวัลการแสดง   มันก็เปรียบเป็นการส่งสารไปถึงผู้ชมว่า ที่จริงแล้วนะ ผู้หญิงข้ามเพศก็คือผู้ชายนั่นเอง"

แต่ Lavern ก็ยืนยันว่า เธอไม่เคร่งครัดว่า เฉพาะนักแสดง trans เท่านั้นจึงจะรับบทนี้ได้

" ไม่มีวันที่ชั้นจะไปเจ้ากี้เจ้าการบอกนักแสดงคนอื่นว่าควรหรือไม่ควรรับบทใด  ศิลปะก็ยังเป็นศิลปะ และศิลปินก็ควรทำทุกอย่างที่ต้องการได้อย่างเสรี แต่มันก้หลีกเลี่ยงผลของการกระทำไม่ได้  ทั้งการแสดงเสรีในการแสดงความคิดเห็นและเสรีในการแสดงออก แต่มันก็มีผลกระทบจากการแสดงความคิดเห็นนั้นด้วย ดังนั้นคำพูดโต้แย้งจาก Jen Richards ก็น่ารับฟังอยู่นะคะ "








การไม่ cast นักแสดง trans ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นการแบ่งแยกเหมือนกับการเหยียดผิว

Transface  คือคำที่ปรากฏขึ้นทุกครั้งเมื่อมีดราม่า casting     นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิชาว trans ได้ชี้ว่า  การหากินกับภาพความเป็น trans โดยไม่ใช้นักแสดง trans ไม่ได้แตกต่างจากพฤติกรรม blackface*  


 *หมายถึงการลอกเลียนแบบคนผิวดำซึ่งมีต้นกำเนิดจากการแสดงล้อเลียนคนผิวดำในอดีต กลายมาเป็นแนวทางปฏิบัติว่า  หากคน race อื่นที่ไม่ใช่ผิวดำจงใจเปลี่ยนสีผิวให้เข้มเพื่อแสดงออกว่าเป็นคนผิวดำ ถือว่าเป็นพฤติกรรมเหยียดสีผิวที่รับไม่ได้





ถึงจะแค่คิดพิจารณาเพื่อรับเลนบท trans  ก็ถูกถล่มด่าจนต้องประกาศขอโทษ

ดราม่า "ไม่ใช่ transแต่อยากได้บท trans " ล่าสุดเกิดขึ้น เมื่อนางเอกเจ้าของรางวัล Oscar ได้เปิดเผยว่า เธอกำลังพิจารณาบทของผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่กระบวนการข้ามเพศ  

"มันเป็นบทตัวคนผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่ความเป็น trans เธอเป็นหญิงที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นผู้ชาย"


"เธอเป็นตัวละครที่ชั้นปลาบปลื้มและคิดว่านี่เป็นโพรเจคท์ที่อาจจะตกลงรับเล่นค่ะ ชั้นอยากจะได้รับประสบการณ์และทำความเข้าใจในโลกของ trans ชั้นอยากจะดำดิ่งเข้าถึงเหมือนกับตอนที่แสดงเรื่อง Bruised    สำหรับชั้นแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมากมาย และมันน่าจะเป็นผลงานการแสดงเรื่องต่อไปของชั้น นั่นหมายถึงว่าชั้นจะต้องตัดผมออกหมดด้วย  ชั้นอยากจะได้สร้างประสบการณ์ เรียนรู้ และสำรวจค้นหา "
Halle แสดงความเห็นอย่างเชื่อมั่นว่า หนัง trans เรื่องนี้เป็นมุมมองของผู้หญิง

" มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชั้นที่จะได้นำเสนอเรื่องพวกนี้   นี่คือเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องราวความเป็นหญิงที่ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นชาย ชั้นอยากจะเข้าใจถึงสาเหตุ และขั้นตอนว่าเกิดขึ้นอย่างไร  อยากจะเข้าถึงมันอย่างถ่องแท้ค่ะ"



ถ้อยคำที่ Halle ใช้เรียกบุคคลข้ามเพศด้วยสรรพนามของเพศสภาพที่ติดตัวมาตอนเกิดนั้นทำให้ชุมชนชาว trans กลุ่มหนึ่งออกโรงต่อต้าน Halle อย่างไม่ยั้ง เพราะถือว่า ไม่ว่าจะมีลักษณะทางกายภาพเช่นใด สังคมควรจะยอมรับตัวตนภายในของบุคคลช้ามเพศ แม้จะยังไม่ได้ผ่าตัดแปลงเพศหรือใช้ฮอร์โมนเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายก็ตาม

และมันก็กลายมาเป็นประเด็นร้อนที่บีบให้นางเอกสาวงามนั่งไม่ติด

หลังจากถูกวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน  Halle ก็ได้ประกาศขอโทษทาง social media ว่าเธอทำผิดพลาดไปและเข้าใจแล้วว่า  ผู้หญิง Cisgender อย่างเธอไม่ควรพิจารณารับบท trans  เธอสัญญาว่าจะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนี้ ไม่ว่าต่อหน้าและหรืออยู่หลังกล้องก็จะสนับสนุนชุมชนชาว trans   แต่ถามว่ามันเป็นการจบเรื่องด้วยดีหรือไม่   เราคงไม่มั่นใจจะตอบเช่นนั้น  โดยเฉพาะเมื่อมองย้อนกลับไปที่ดราม่า Scarlett Johansson




อิสระเสรีในการเลือกรับบทของนักแสดง


Scarlettอาจจะอยู่ห่างไกลกับคำว่าตกต่ำ แต่เมื่อเธอตัดสินใจรับบทผู้ชายข้ามเพศในproject หนัง Rub & Tug ก็ทำให้หลายคนมีมุมมองในตัวเธอเปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าเธอจะยอมถอนตัวในที่สุด แต่ก็ถูกจิกกัดยืดเยื้อ ไม่ว่าจะเป็นบทความเสียดสีไปจนถึง meme ล้อเลียน ถึงขนาดก็จิกกัดหนักว่า ไม่ใช่แค่บท transเท่านั้น ถึงจะเป็นบทคนผิวดำ เธอก็คงจะรีบคว้าไว้เพราะไม่แคร์ต่อคำติติง

แม้ Scarlett จะเป็นนางเอกที่ประสบความสำเร็จสูง ทั้งรายได้ที่พุ่งสู่อันดับหนึ่งของนางเอกที่ทำเงินมากที่สุด และการเข้าชิงรางวัลการแสดง  แต่ชาวเน็ทจำนวนมากกลับมองเธอเป็นนางเอกที่เย่อหยิ่งและโหยหาความดังจนไม่แคร์ว่าบทบาทที่ได้รับเหมาะสมหรือไม่   และนั่นเป็นดราม่าต่อเนื่องมาจากหนัง Ghost in the shell นั่นเองค่ะ
Scarlett  สวนกลับคำวิจารณ์โดยไม่ห่วงว่าจะเสียคะแนนนิยม  เมื่อมีเสียงครหาหนาหูเมื่อมีการเปิดเผยว่าเธอจะรับบทมาเฟียชายข้ามเพศที่มีตัวตนในชีวิตจริง  เธอได้ส่งประชาสัมพันธ์ตอบคำถามสื่อว่า ให้ลองไปถามแบบนี้เหล่านักแสดงดังคนอื่นๆที่รับบท trans ดูบ้าง     แต่เมื่อรับแรงกดดันไม่ไหว เธอก็จึงประกาศถอนตัวจากหนัง   เรื่องราวเหมือนจะจบเพียงแค่นั้น  แต่เมื่อได้โอกาสให้สัมภาษณ์กับสื่อดัง  เธอก็ได้โอกาสโต้ดราม่านี้ว่า

"ในฐานะที่เป็นนักแสดง ชั้นควรจะได้เล่นได้ทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นคน ต้นไม้ หรือสัตว์ เพราะนั่นคืองานของชั้นและเป็นสิ่งที่ชั้นจะต้องทำเพื่อตอบโจทย์งาน ตอนนี้มีการขีดเส้นแบ่งทางสังคมขึ้นมามากมาย และประเด็นความถูกต้องทางการเมืองก็ถูกสะท้อนผ่านผลงานทางศิลปะ"





Elle Fanning  ถูกประนามว่า "แย่งบทมาจากนักแสดงtrans "


"น่าประหวั่นพรั่นพรึง"   "สร้างความเสียหายต่อชาว trans "   นี่คือคำโจมตีต่อหนังเรื่อง Girl  ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของนักเต้นบัลเลต์ trans   แม้ว่าผลงานเรื่องนี้จะได้รับ standing ovation ใน Cannes และคว้ารางวัลมามากมาย  นั่นเป็นเพราะว่านักแสดงนำเป็นนักเต้นชายมากความสามารถ มิใช่ ผู้หญิงข้ามเพศ



แม้แต่นักแสดงที่อยู่ในกลุ่มชาวเพศทางเลือก ก็ถูกกดดันอย่างหนักเมื่อรับบท trans

Matt Bomer สร้าวชื่อเสียงโด่งดังในวงการแสดงมาเนิ่นนานในฐานะนักแสดงเกย์ที่รับบทเป็น Cisgender  แต่เมื่อเขาเปิดเผยบทบาทใหม่ในภาพของโสเภณีสาวข้ามเพศ   องค์กรและผู้คนที่เคยยกให้เขาเป็นความภูมิใจของชาวเพศทางเลือกก็ออกมาสับแหลก!


Jamie Clayton นางเอกสาว trans จากซีรีส์Sense8  ได้ต่อว่ากระทบกระเทียบไปถึง Matt  Bomer ที่รับบท trans    และเปิดเผยให้ผู้คนได้ทราบว่า  เธอพยายามติดต่อไปยัง Matt  เพื่อถกประเด็นความขัดแย้งนี้ แต่เขากลับ block เธอไปเฉยๆ    
จากที่เคยเป็นนักแสดงที่องค์กรเพศทางเลือกอย่าง Pride.com แสดงความชื่นชมนับถือ    แต่ Matt ได้รับแรงกดดันจากหลายฝ่ายและยกเลิกการ block นางเอก trans  ซึ่ง  Pride.com  ได้แสดงความช็อคต่อเหตุการณ์นี้ไว้ว่า

" เราทั้งประหลาดใจและผิดหวังที่ Matt ได้แสดงออกเช่นนี้ ถ้า Matt จะแสดงบท trans การค้นคว้าข้อมูลและความทุ่มเทต่อบทถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เราหวังว่าเขาจะยอมรับการติดต่อจาก Jamie แทนที่จะปฏิเสธเธอไปโดยไม่ไว้หน้ากัน แน่นอนว่าเรายังไม่ได้ฟังความจากทาง Matt แต่ตอนนี้เราไม่ปลื้มกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักนิด"


Timothy McNeil  นักเขียนบทและผู้กำกับหนังเรื่องนี้ได้ยืนยันว่า ถึงจะมีการจุดประเด็นขัดแย้ง  ถึงจะย้อนเวลากลับไปได้ ก็จะไม่เปลี่ยนตัวนักแสดงนำไปเป็นคนอื่นเพราะเชื่อมั่นในความทุ่มเทของ Matt    แต่ผู้สร้างหนังรายอื่นย่อมจะต้องเตรียมพร้อมรับกับศึกนี้

จากกรณีการถอนตัวจากหนังของ Scarlett และ Halle อาจจะเป็นกรณีตัวอย่างชัดเจนว่า เมื่อตกลงใจรับบทนี้แล้ว ดราม่าที่ตามมาอาจจะฉุดให้ชื่อเสียงเสียหาย และสูญเสียแรงสนับสนุนจากชุมชนชาว trans และส่งผลให้เปลี่ยนโฉมหน้าการ cast นักแสดง ดังหนังเรื่อง Rub & Tug ที่สร้างกระแสฉาวโฉ่ตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายทำ ก็มีรายงานล่าสุดว่าเปลี่ยนมาค้นหานักแสดงชายข้ามเพศมารับบท Dante “Tex” Gill แทนที่นางเอกดังอย่าง Scarlett และยังมีนักเขียนบทเป็นผู้หญิงข้ามเพศอีกด้วย

เมือคิดถึงในอนาคตข้างหน้า อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า จะได้เห็นนักแสดง Cisgender ในบทบาท trans ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ



คุณผู้อ่านล่ะคะ   รับได้ไหมหากตัวละคร trans จะถูกถ่ายทอดโดยนักแสดง Cisgender หรือสนับแนวคิดว่า ศิลปินควรจะแสดงออกได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องมีความเคลื่อนไหวทางสังคมมากำกับ 




The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE