รีวิว Netflix Limited Series เพราะช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ~

46 10
ออกตัวก่อนว่า รู้แหล่ะว่ารีวิวหนังนั้นมันไม่เข้ากับ Jeban แต่ก็อยากแชร์ให้ได้ดูกันนะคะ

พึ่งผ่าน Juneteenth มาหมาดๆ ทำให้คิดถึง Netflix Limited Series เรื่องนึงที่เคยดูเลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆดูกันค่ะ
แต่เราจะไม่แชร์แค่เรื่องเดียว วันนี้จัดไป 3 เรื่องหนักๆค่า

(ใครสงสัยว่า Juneteenth คืออะไร มันคือวันฉลองอิสระภาพของคนผิวสีที่เคยถูกเป็น ทาสในสมัยนู้นนนะคะ)

ส้มติดเรทจาก IMDb ไว้ให้ด้วยนะ เพราะคิดว่า การฟังรีวิวจากคนคนเดียวทำให้เกิด bias ได้ แต่แอพนี้เค้าหารค่าเฉลี่ยของทุกคนเอาไว้ให้ ทำให้น่าเชื่อถือมากๆ
(ส่วนตัวถ้าหนังเรท 7 ขึ้นไปคือหนังดี, ยกเว้นหนังผี ได้ 6 ก็ถือว่าบุญแล้ว)

ปล. ทุกเรื่องสร้างมาจากเรื่องจริงค่า

1. When They see us.
เริ่มที่เรื่องแรก เรื่องนี้เหมาะแก่การดูในช่วงเดือนนี้มากนะคะ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว (ตอนนี้ก็ประท้วงกันด้วย เราต้องเกาะกระแส)

เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มทั้ง 5 คน ที่ถูกตั้งข้อหา ข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่งที่ออกไปวิ่งใน Central Park และทำร้ายเธอจนเกือบเสียชีวิต

แต่ประเด็นคือ เด็กพวกนี้อยู่ในที่เกิดเหตุจริง แต่พวกเค้าไม่ได้เป็นคนก่อเหตุเนี่ยสิ
แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ก็ต้องสู้คดีกันนะคะ

แต่เด็กน้อยก็คือเด็กน้อย ถูกตำรวจข่มขู่ให้สารภาพตอนสอบปากคำ และคนที่จัดการให้เด็กๆรับโทษได้นั้น คือทนายนะคะ นางเคยถูกมองว่าเป็นฮีโร่ แต่จะใช่หรือไม่นั้นไปดูเอาเอง

เรื่องนี้อิงมาจากเรื่องจริงนะคะ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และคำสั่งศาลนั้นจะเป็นยังไง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การดูมากๆ เพราะสะท้อนถึงความกลัวและช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ต้องเสียไปในคุก รวมถึงระบบยุติธรรม ที่อยุติธรรมสุดๆ (ฟังดูคุ้นๆอยู่นะ) ทุกวันนี้ทุกคนยังมีชีวิตอยู่และได้มาออกรายการของ Oprah Winfrey (สามารถหาดูได้ใน Netflix เช่นกัน)
แอบบอกว่าตอนนี้ ทนายยื่นเรื่องฟ้อง Netflix ไปแล้วนะคะ

2. Unbelievable
มาต่อกันที่เรื่องที่ 2
เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาวคนหนึ่ง ที่ถูกบุกเข้ามาข่มขืนถึงในห้องนอน โดยที่เจ้าโจรนี้ ไม่ทิ้งร่องรอยหรือหลักฐานเอาไว้เลย (เห้ย!!! มันไม่ใช่โจรกระจอกซะแล้ว)

พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นสิ่งที่ต้องทำก็คือแจ้งความถูกไหมคะ??
แต่การที่นางแจ้งความไปนั้น ทำให้ถูกตำรวจ หมอ นักสืบ และคนรอบตัวให้นางเล่าและเรียบเรียงเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยที่ไม่รู้สึกเลยว่ามีคนแคร์ความรู้สึกนาง จนนางเริ่มคิดว่า เห้ยนี่เราทำถูกแล้วใช่ไหม???

เท่านั้นยังไม่พอ การที่ตำรวจหาหลักฐานไม่ได้ ก็เริ่มโบ้ยไปว่า นางคิดไปเองรึปล่าวว่าถูกข่มขืน หรืออาจต้องการเรียกร้องความสนใจ -0-
แถมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตการทำงาน และเพื่อนของนางอีกด้วย

บอกตรงๆว่าเรื่องนี้ Unbelievable สมชื่อจริงๆ ค่ะ
ถ้าใครอยากรู้ว่าคนก่อเหตุ คือใคร และใช้วิธีการยังไง และนักสืบที่ได้รับเข้ามาทำคดีจะปิดคดีได้ไหม ไปตามดูได้นะคะ

เจ้าโจรคนนี้เป็น serial rapist ด้วยนะ น่ากลัวสุดๆไปเลย



3. Unorthodox.
มาถึงเรื่องสุดท้าย
เรื่องนี้อิงมาจากชีวิตจริงของ Deborah Feldman นะคะ (ทีแรกคิดว่าเรื่องแต่ง)

เชื่อว่าหลายคนคงรู้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น คือสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว
แต่จะมีใครรู้บ้างคะ ว่าชาวยิวจริงๆนั้นเค้าเป็นยังไง และใช้ชีวิตกันแบบไหน

เรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องแต่งงานตามประเพณี และชาวยิวนั้น หลังแต่งงาน ผู้หญิงต้องโกนหัวและใส่วิก เพื่อไม่ให้ใครเห็นเส้นผม (ทำเพื่อใครและทำไมนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ - - ใครรู้คอมเม้นได้นะ)

เส้นเรื่องหลักๆของเรื่องนี้คือนางไม่สามารถเข้ากับสังคมชาวยิวได้เพราะเหตุผลบางอย่าง เลยหนีออกจาก Williamsburg, Brooklyn ไปอยู่เยอรมณี และได้ค้นพบโลกภายนอกเป็นครั้งแรกในชีวิต

ใครจะไปเชื่อว่า นิวยอร์คนั้น ยังมีมุมต่างๆมากมายที่คนทั่วไปไม่รู้ 
แถมภาพ Ultra Orthodox ให้ด้านล่าง แบบว่านึกว่ากลับไปอยู่ยุค 90. ใครที่เคยผ่านไปแถว Brooklyn แล้วเจอ Ultra Orthodox มาแชร์ปสก บ้างนะคะ.
3 เรื่องนี้เอาไว้ดูเล่นๆแต่แอบมีความรู้, ส่วนความยาวหนัง รับรองว่า 4 ตอนจบ
ดูแล้วชอบหรือไม่ชอบเรื่องไหนมารีวิวให้ฟังบ้างนะคะ :)

ใครไม่ชอบหนังหนักๆผ่านได้น้า~


Som_Naphisa

Som_Naphisa

ทาสหมา Corgi เห็นก้นแล้วน่าขย้ำ
ชอบเที่ยว กิน เล่นโซเชี่ยล อ่านรีวิว ดูการ์ตูน ซื้อเสื้อผ้ามือสอง และท่องเว็บ
ซื้อของถูกแพงปะปนกันไปแล้วแต่สภาพเงินในกระเป๋าตังค์
ขี้เห่อ ชอบเวอร์ ชอบซื้อของใช้เพราะรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ดูคุณภาพ
อยากมาลองรีวิวประสบการณ์ทำอะไรต่างๆ ผ่านตัวหนังสือ

FULL PROFILE