𝑺𝒐𝒐𝒕𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒀𝒐𝒖𝒓𝒔𝒆𝒍𝒇 : สร้างบรรยากาศให้ห้องน่าอยู่ด้วยน้ำมันหอมระเหย

81 17

สวัสดีค่า 


วันนี้อยากจะมาแชร์ Favorite อีกหนึ่งอย่าง

นอกเหนือไปจากเครื่องสำอางและสกินแคร์ค่ะ 


ส่วนตัวเป็นคนชอบสร้างบรรยากาศและจัดสภาพห้องก่อนการทำกิจกรรมใดๆ โดยเฉพาะเวลาทำงานหรือเวลาที่ต้องการพักผ่อน 


ปัญหาของมีนเวลาทำงานก็คือถ้าบรรยากาศไม่ได้จะคิดงานไม่ค่อยออก 55555 เช่น ถ้าแสงไฟสลัวหรือเกิดเงามากไป จะปวดหัวถึงขั้นปวดไมเกรนกันเลยทีเดียว มีนเลยไปค้นหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการสร้างบรรยากาศในการทำงาน จนไปเจอเรื่อง “กลิ่น” ที่สามารถช่วยให้เราผ่อนคลายและโฟกัสระหว่างการทำงานได้ 


แรกๆ ก็เริ่มจากการใช้สเปรย์ปรับอากาศ ก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไร แถมบางกลิ่นทำให้ปวดหัวหนักกว่าเดิม จากนั้นก็ลองใช้เทียนหอม ก็ชอบนะคะ แต่รู้สึกว่าน้องเค้าหมดเร็วเกินไป และไม่สามารถควบคุมปริมาณของความหอมได้ บางทีมากเกินไป 55555 ก็เลยหันไปลองก้านไม้ที่จุ่มน้ำหอม (Reed Difusser) อันนี้ก็มีความหมดเร็วอีกเช่นกัน 


หลังจากตามหามาเนิ่นนาน ก็พบกับ Aroma Diffuser นี่คือตอบโจทย์มากกกกกกกก (นี่จะเรียกน้องว่า "ขุยๆ" เพราะพ่นควันฉุยๆ) เพราะมีอายุการใช้งานนาน ทำความสะอาดได้ และสามารถเล่นแร่แปรธาตุกับน้ำมันหอมระเหยที่เราชอบได้อย่างสนุกสนาน


เรามาทำความรู้จักกับกลิ่นบำบัดอย่างคร่าวๆ กันดีกว่า 


ต้องออกตัวก่อนนะคะ ว่าเราไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไร เพียงแต่สนใจและหาข้อมูลประกอบการใช้เท่านั้นค่า :)


Aromatherapy

เป็นศาสตร์หนึ่งในการสร้างความผ่อนคลาย ที่มีมายาวนานมากๆ เราจะใช้ประโยชน์จากน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) ทั้งเรื่องของสุขภาพกายและสุขภาพจิต เช่น บรรเทาความตึงเครียด ช่วยเสริมการทำงานของระบบหายใจ บรรเทาอาการปวด การอักเสบของกล้ามเนื้อ การติดเชื้อ ระบบหมุนเวียนของเลือด รวมถึงอาการนอนไม่หลับได้ด้วย ซึ่งเราสามารถใช้ได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การนวด การแช่ตัว และที่เราจะพูดถึงกันวันนี้ก็คือ “การสูดดม” ผ่านเครื่องที่เรียกว่า Aroma Diffuser

Aroma Diffuser คืออะไร


Aroma Diffuser เป็นเครื่องกระจายกลิ่น (5555 พอแปลภาษาไทยแล้วดูแปลกๆ เหมือนกันนะคะ) โดยจะใช้คลื่น Ultrasonic ในการกระจายความหอม ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงกว่า 2เมกะเฮิร์ตซ์/วินาที ทำให้น้ำแตกตัวเป็นไอน้ำ และนำเอาน้ำมันหอมระเหยออกมาสู่อากาศ เป็นกระบวนการที่ไม่ผ่านความร้อน จึงปลอดภัยค่ะ 


ข้อดีอีกอย่างนอกจากคุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยที่เราได้รับแล้ว ไอน้ำที่ออกมายังทำให้อากาศไม่แห้งจนเกินไปด้วยค่ะ เจ้าเครื่องนี้ส่วนมากแล้วจะมีระยะเวลาในการใช้อยู่ที่ 30 นาที จนถึง 3 ชั่วโมง แล้วแต่ขนาดและยี่ห้อ หลังจากที่เครื่องตัดแล้ว ก็ควรพักเครื่องอย่างน้อย 30 นาที เพื่อไม่ให้เครื่องทำงานหนักเกินไป 


อ้อ นอกจากนี้ตัวเราเองก็ควรจะพักจากการสูดดมกลิ่นด้วยค่ะ แม้ว่าน้ำมันหอมระเหยจะมีประโยชน์ แต่อะไรที่มากเกินไปอาจเป็นโทษได้เช่นกัน ข้อแนะนำสำคัญอีกข้อก็คือ เราควรจะใช้น้ำมันหอมระเหย 100% นะ เพื่อประโยชน์ของเรา เพราะเราต้องสูดดมเข้าสู่ร่างกายเนาะ 


ยี่ห้อที่มีนใช้มี 2 อันค่ะ 


1. เพ-ลา (PEYLAA) ร้านมีอยู่ที่สยามสแควร์ฝั่งร้อนค่ะ (เหมือนว่าจะมีที่จตุจักรด้วย) ซื้อมานานมากน่าจะ 2-3 ปีที่แล้ว ราคา 990 บาท ใช้ได้ 30-180 นาที ร้านนี้เค้ามีน้ำมันหอมระเหยที่ผสมมาให้แล้วนะคะ (Blend) จะมีกลิ่นแบบป่าๆ กลิ่นสดชื่น และอื่นๆ ให้เราเลือกใช้ตามความชอบได้เลย หรือถ้าชอบกลิ่นไหนเป็นพิเศษ ก็เลือกแบบที่ไม่ผสมก็ได้ค่ะ 


2. Minigood น้องตัวอวบอ้วนมาก แถมราคาดีมากๆ คือ 790 บาท มาในปริมาณ 300 ml ใช้ได้ยาวๆ เลยค่ะคือ 30-360 นาที น้องพ่นควันออกมาแรงมาก สะใจดี ซึ่งราคาและรูปทรงก็จะแตกต่างกันไป มีทั้งยี่ห้อ Brand อย่าง Muji, Thann หรือจะไปลองดูตามจตุจัตร หรือ Online ก็ได้ค่ะ แต่ก่อนจะซื้ออ่านข้อมูลและรายละเอียดกันดีๆ ก่อนนะคะ 

วิธีการใช้ 

ใส่น้ำลงในเครื่อง Aroma Diffuser ในปริมาณที่เครื่องกำหนด จากนั้นเลือกน้ำมันหอมระเหยที่ชอบ หยดลงไป 4-6 หยด ปิดฝาก เปิดเครื่อง เพียงเท่านี้ก็ได้กลิ่นหอมๆ ในห้องแล้วค่ะ 


วิธีการทำความสะอาด 

ทางร้านแนะนำว่าเวลาใช้แต่ละครั้งให้ใช้ให้หมด ถ้าเหลือน้ำ ก็ให้เอาไปเททิ้ง ไม่อย่างนั้นจะทำให้เครื่องมีกลิ่นอับค่ะ วิธีทำความสะอาดก็สามารถใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ เช็ดให้ทั่ว และบริเวณแผ่นกลมๆ ตรงกลางเครื่อง ก็ใช้คอตตอนบัด เช็ดเบาๆ ให้สะอาด เพราะบริเวณนั้นเป็นบริเวณที่สำคัญ ในการสั่น ultrasonic ค่ะ เบามือนะ


เพียงเท่านี้ “ขุยๆ” ของเราก็พร้อมใช้งานแล้วค่ะ


หลังจากที่รู้จักเครื่องกันไปแล้วมาดู Collection ของมีนกันว่ามีกลิ่นอะไรบ้าง 

แต่ละอันมีคุณสมบัติอะไร ทุกตัวที่มีเป็น 100% essential oils ค่ะ

ภูตะวัน

เริ่มที่แบรนด์ไทยกันก่อนค่ะ เป็นยี่ห้อแรกเลยที่ซื้อมา กลิ่นแรกๆ ที่ใช้ก็คือ Perpermint และ Lavender ค่ะ เพราะสรรพคุณของเค้าชัดเจนมากๆ เริ่มเข้าวงการด้วย 2 ตัวนี้ถือว่าไม่ผิดหวังเลยค่ะ (ไว้จะอธิบายรายละเอียดในส่วนต่อไปนะคะ) 


ปัจจุบันใน Collection ก็จะมีด้วยกัน 3 กลิ่นก็คือ 


1) Orange น้ำมันหอมระเหยจากส้ม มีคุณสมบัติช่วยคลายความเครียด ช่วยให้ผ่อนคลาย แถมยังช่วยเรื่องการนอนหลับด้วยนะ ความสดชื่นของส้มทำให้กะปรี้กะเปร่า 


2) Lavender เป็นอีกหนึ่งน้ำมันหอมระเหยที่ได้รับความนิยมมากๆ เพราะสรรพคุณที่หลากหลายของเค้านี่ล่ะค่ะ ช่วยฆ่าเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย รักษาสมดุลของระบบประสาท ให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจเลย แถมยังช่วยคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อด้วย สำหรับใครที่นอนไม่ค่อยหลับ น้ำมันหอมระเหยตัวช่วยให้เราผ่อนคลายและหลับสบายขึ้นด้วยค่ะ ยิ่งที่ช่วงไมเกรนหรือรอบเดือนมาทีไรลาเวนเดอร์ก็มาช่วยปลอบประโลมจิตใจได้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ ส่วนตัวแล้วชอบเอามาผสมกับครีมทาผิวด้วยนะ ให้กลิ่นหอม ผ่อนคลาย ทาก่อนนอนคือฟินมากๆ 


3) Kaffir Lime มะกรูดไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก กลิ่นนี้หอมมากค่ะ มะกรูดเค้าช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีมากๆ อีกทั้งยังช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ สดชื่น ช่วยเรื่องกำไหลเวียนของโลหิต

Thursday Plantation 


1) Tea Tree สรรพคุณของ Tea Tree คือช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบต่างได้ดีค่ะ จริงๆ ตัวนี้ซื้อมาแต้มสิว 555555 แต่ว่าใช้ไม่หมดสักที แล้วก็รู้สึกว่าบางทีใช้แล้วแอบแสบร้อนเล็กน้อย แม้ว่าสิวจะยุบลงก็ตาม เลยคิดว่าหยุดใช้แล้วเอามาสูดดมแทนดีกว่า 


Tea Tree Oil สกัดมาจากใบของต้นทีทรี เป็นพืชพื้นเมืองแถบประเทศออสเตรเลีย ถ้านำมาใช้สูดดม ก็จะเพิ่มความสดชื่น ช่วยปรับอากาศให้อากาศบริสุทธิ์ค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยดับกลิ่นได้ดีเลยล่ะ

Muji


1) Tea Tree 

2) Peppermint ขอบอกว่ากลิ่นนี้เป็นลูกรักเลยค่ะ เป็นคนบ้ากลิ่นมิ้นต์มาก ผลิตภัณฑ์ไหนมีมิ้นต์เป็นส่วนประกอบ ก็จะรีบพุ่งตัวไปค่ะ ด้วยกลิ่นและสรรพคุณของเค้า ทำให้หลงรักมากๆ peppermint เป็นน้ำมันหอมระเหยที่ได้รับความนิยมอีกกลิ่นหนึ่งค่ะ กลิ่นหอมเย็น ช่วยให้สดชื่น ตื่นตัว คลายความอ่อนล้าได้ดีมากๆ ยิ่งถ้าเป็นไมเกรนแล้วสูดดมกลิ่นนี้ จะช่วยผ่อนคลายได้ดี ใครที่เมารถ เมาเรือ มึนๆ สูดดมแล้วก็จะดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ เพราะมีสรรพคุณที่ช่วยฆ่าเชื้อได้ด้วย


Blended กลิ่นพวกนี้เป็นกลิ่นเฉพาะที่ทาง Muji ได้ผสมไว้ เป็นการผสมหลายๆ กลิ่นเข้าไว้ด้วยกันค่ะ ซึ่งที่แนะนำเลยก็จะเป็น 2 ตัวนี้


1) Muji - Clear กลิ่นหอมสะอาด ช่วยให้ตื่นตัว สดชื่นดีมากๆ ส่วนผสม Lemon (Italy), Peppermint (US), Lavender (France), Eucalyptus (China), Holy Leaf (China)

2) Muji - Relax เน้นไปที่ความผ่อนคลายค่ะ ช่วยให้โฟกัสได้ดี ส่วนผสม Lavender (France), Sweet Orange (Egypt), Geranium (Brazil) , Horwood (China) แต่ถ้าใครสายทดลองเหมือนมีน ก็ซื้อแยกๆ มาผสมเองก็ได้ค่ะ สนุกดี  

Radha Beauty

จริงๆ ตัวนี้เค้ามาเป็น set ค่ะ แบบว่ารวมกลิ่นยอดฮิตมาให้เลย อันนี้คุณป้าซื้อมาให้จากอเมริกา ราคาไม่แพงมากด้วย และมีกลิ่นให้ลองเล่นมากมายเลย


1) Rosemary กลิ่นหอมสดชื่นมากๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำ ทำให้ Focus มากขึ้น ช่วยกระตุ้นให้รู้สึกสดชื่น ตื่นตัว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต คลายเครียดได้ นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องทางเดินหายใจอย่างอาการคัดจมูกด้วยค่ะ ตัวนี้เหมาะกับเอาไปผสมกับน้ำมันนวดต่างๆ เพื่อใช้สลายเซลลูไลท์ได้นะ แต่นั่นแหละ ราคาเค้าสูงมากๆ ฉะนั้นใช้แค่สูดดมก็พอ 555555


2) Eucalyptus ยูคาลิปตัส เป็นพืชอีกชนิดที่หอมสดชื่นมากๆ จำได้เลยว่าเมื่อก่อนตอนเด็กๆ ที่บ้านมีต้นนี้ เวลาเด็ดใบมาดมก็รู้สึกสดชื่น พอมีน้ำมันหอมระเหยก็ไม่ลังเลที่จะเลือกตัวนี้มาใช้ค่ะ สรรพคุณของเค้าคือช่วยลดอาการที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจต่างๆ เช่นคัดจมูก หายใจติดขัด เป็นหวัดต่างๆ เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ ให้อากาศภายหอมสดชื่น


3) Lemongrass มาถึงกลิ่นตะไคร้กันบ้างค่ะ ตัวนี้เป็นตะไคร้บ้าน มีกลิ่นหอมละมุนกว่ากลิ่นตะไคร้หอม (Citronella) ที่ใช้ไล่ยุงนั่นล่ะค่ะ ตัวนี้จะช่วยดับกลิ่น ไล่แมลงต่างๆ ได้ มีความสดชื่น


4) Frankincense แฟรงคินเซนส์ หรือ กำยาน เป็นยางของต้นไม้ ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกา ตัวนี้ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายได้ดี กลิ่นมาความอบอุ่น ช่วยให้หายใจสะดวก


5) Orange กลิ่นส้มของแบรนด์นี้หอมสดชื่น มีความละมุนๆ


6) Peppermint เราว่าทางฝั่งอเมริกา กลิ่นจะโปร่งๆ เผ็ดร้อน ถึงกลิ่นมากๆ ชอบสุดเลย


7) Tea Tree

8) Lavender


Manufaktura


เป็นแบรนด์จากประเทศเช็ก ช่วงนั้นไปทำงานและไปเจอมา รักมาก เพราะแบรนด์นี้มีความอโรม่าขั้นสุด ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเค้าทำมาจากธรรมชาติ เข้าไปในร้านคือกลิ่นหอม สดชื่นและผ่อนคลาย เหมือนเข้าไปอยู่ในสปาเลยค่ะ ผลิตภัณฑ์หลักๆ ก็จะเป็นพวกสกินแคร์ต่างๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมถึงผลิตภัณฑ์สปาด้วย ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย ใครไปเที่ยวแถบยุโรปต้องแวะนะ !


1) Peppermint แง กลิ่นโปรด ไปที่ไหนก็ต้องซื้อ แต่จะบอกว่ากลิ่นมิ้นต์ทางฝั่งยุโรปจะไม่เหมือนกับที่ไทยเลย เค้าจะมีความหอมที่ลึกและโปร่งกว่า รู้สึกสดชื่นมากกว่าค่ะ 


2) Litsea Cubeba เป็นพืชตระกูลตะไคร้ คนไทยเรียกกันว่า ตะไคร้ต้น และถูกเรียกว่า Mountain Pepper ในภาษาจีน มักขึ้นตามพื้นที่สูงๆ ใกล้แหล่งน้ำ เป็นไม้ยืนต้น ช่วยแก้หวัด คัดจมูก มีกลิ่นคล้ายๆ กับตะไคร้ที่ผสมกับเลม่อนหรือมะนาว ให้กลิ่นที่สดชื่น สะอาดๆ 


3) Grapefruit เป็นผลไม้ตระกูลส้ม ให้ความสดชื่นขั้นสุด กระตุ้นให้ตื่นตัว คลายความกังวล ช่วยการไหลเวียนของโลหิต 


4) Pine (Pinus Sylvestris) น้ำมันหอมระเหยจากต้นไพน์ ช่วยเรื่องระบบการหายใจ ฆ่าเชื้อโรค บรรเทาอาการคัดจมูก หายใจไม่สะดวก กลิ่นสดชื่นแต่จะมีความอุ่นๆ เขียวนิดๆ กลิ่นหอมนวล เหมือนยกต้นไม้มาทั้งสวนเลย ส่วนมากกลิ่นที่ได้มาจาก Manufaktura จะเป็นกลิ่นที่หาซื้อไม่ได้จากไทยค่ะ (ยกเว้น Peppermint ฮ่าๆๆ) 

ข้อแนะนำในการเลือกน้ำมันหอมระเหย


เลือกน้ำมันหอมระเหย 100% หรือภาษาอังกฤษคือ 100% Essentail oils ที่ทำมาจากธรรมชาติ แทนการใช้ Fragrance Oils หรือพวกหัวน้ำหอมสังเคราะห์ อาจจะต้องลองศึกษาเพิ่มเติมสักหน่อยค่ะ ว่ากลิ่นไหนสามารถผลิตน้ำมันได้จริงบ้างและมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ถ้าไปเจอแบบกลิ่นชอคโกแลต กลิ่นขนม กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ อะไรพวกนี้อาจจะเป็นหัวน้ำหอมค่ะ




นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังในการใช้น้ำมันหอมระเหยด้วยนะคะ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เด็ก ผู้ป่วยลมชัก หรือความดันโลหิตสูง ไม่ควรใช้ค่ะ หรือถ้าจะใช้แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน 


เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยมีความเข้มข้นสูง ถ้าใช้สูดดมโดยตรงเป็นเวลานานอาจะมีผลข้างเคียงได้ หรือถ้าต้องการนำมาใช้กับร่างกายในปริมาณมาก ควรทำให้เจอจางก่อน เช่นผสมน้ำ ผสมน้ำมัน 


อย่าลืมศึกษาน้ำมันหอมระเหยก่อนการใช้งานด้วยนะ ! ทุกสิ่งล้วนมีข้อดีข้อเสีย ฉะนั้นใช้ในปริมาณที่พอเหมาะค่า 

My Favorite Scents

ขอเลือกมายี่ห้อละกลิ่นแล้วกันนะคะ

Muji - Clear สำหรับวันขี้เกียจๆ ก็หยิบตัวนี้มาหยดเลยค่ะ ผสมมาเรียบร้อยแล้ว ถูกจริตมากๆ ชอบใช้เวลาทำงานหรือเวลาที่อยากพักผ่อนค่ะ 


Manufaktura - Grapefruit ติดใจกลิ่นของ Grapefruit มากๆ ค่ะ ไปลองกลิ่นมาหลายยี่ห้อแล้ว แต่รู้สึกว่าชอบของแบรนด์นี้มากสุด เป็นกลิ่นที่ดมแล้วไม่ขม 5555 สดชื่นและเฟรชมากๆ 


ภูตะวัน - Orange สำหรับกลิ่นส้มของภูตะวัน เราว่าเค้าเลือกมาได้ดี กลิ่นมีความจริงมากๆ เหมือนกำลังปอกส้มกินสดๆ แบบได้กลิ่นจากน้ำมันบนผิวส้มเลย 555555 


Radha Beauty - Peppermint จากที่สังเกตมา pepperminit ของแต่ละที่ก็จะมีกลิ่นเฉพาะที่แตกต่างกันไปค่ะ ฉะนั้นใน collection ที่มี ก็จะมีมิ้นต์ทุกยี่ห้อ ! ส่วนตัวแล้วชอบของ Radha Beauty ที่มาจากทางฝั่งอเมริกาและยูโรป กลิ่นของ Muji มากกว่าที่ซื้อจากไทยค่ะ คือรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีความเขียวๆ คือสดชื่นพุ่งตรงมาเลย เอาจริงๆ ก็กลายเป็นคนชอบทดลองกลิ่นมิ้นต์ไปโดยปริยาย 


จริงๆ แล้วกลิ่นที่มีอยู่ใน Collection ทั้งหมดนี้คือเลือกมาแล้วจริงๆ ค่ะ ชอบทุกอัน เพียงแต่ว่าก็จะสลับผัดเปลี่ยนกันไปตามโอกาส บางทีก็หยิบนั่นมาผสมนี่ ให้ได้กลิ่นที่ชอบในแต่ละช่วง

เป็นอีกหัวข้อที่ตั้งใจทำมากๆ เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะเลยล่ะค่ะ 


หวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับใครที่ชอบความหอมแบบธรรมชาติ 

สายอโรม่า หรือสนใจสรรพคุณของน้ำมันหอมระเหย 


มาเป็นครอบครัว “ขุยๆ” กันนะค้าาาา


Mini_Meen

Mini_Meen

☀ SKINCARE
☀ BEAUTY STUFFS ☀ -----

☁ MUSIC ALCHEMIST & LECTURER
☁ PHOTOGRAPHY LOVER
☁ ART ADMIRER ☁ -----

☾ NICE TO MEET YOU ALL ☾

FULL PROFILE