[Review]เปรียบเทียบสกินแคร์ Hi-End 2 พี่ใหญ่ประจำกรุน้อย ๆ ของเรา l Lancome Absolue Soft Cream VS Cream De Lamer

100 24


สวัสดีค่ะ ชาวจีบันนิสต้าที่น่ารักทุกคนนน หลังจากช่วงที่ผ่านมาพอจะมีเวลาอยู่บ้างก็เลยขอลองหยิบพี่ใหญ่ประจำกรุน้อยๆ ของเราทั้ง 2 ตัว คือ LANCOME Absolue Soft Cream กับ LAMER Cream De Lamer มาเทียบกันซะเลยว่า ทั้งคู่จะมีความเหมือนหรือความต่างยังไงบ้าง มาดูกันนน!



LANCÔME Absolue Soft Cream (30ml/6,000)

ครีมฟื้นฟูผิวด้วยสารสกัดจากแกรนด์โรส เน้นเรื่องผิวอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย, ปรับสมดุลความชุ่มชื้น ปลอบปละโลมผิว และเปล่งปลั่งกระจ่างใส ส่วนไซส์ขนาด 60ml ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 12,500 บาท เปลี่ยน refill ได้ ราคา 10,500 บาท ไม่ต้องทิ้งกระปุก และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อครั้งถัดไป ด้านในเป็นแคปซูลครีม 


LAMER Cream De Lamer (60ml/13,700)

ครีมบำรุงเข้มข้นด้วยสารสกัดที่มีต้นกำเนิดจากท้องทะเล เน้นฟื้นฟูผิวแห้งเป็นพิเศษ, ลดเลือนริ้วรอย, ผิวอิ่มฟู รูขุมขนกระชับ ถ้าเอาตามคำเคลมโดยรวมถือว่ามีบางส่วนที่คลายกัน เช่น ลดเลือนริ้วรอย ปรับสมดุลความชุ่มชื้น ฯลฯ 


ราคาถ้าคิดจากไซส์ปริมาณที่เท่ากัน เหมือนจะมีความห่างกันไม่มาก ประมาณ 1,200 บาท (แต่ก็เหมือนจะซื้อสกินแคร์ดีๆ ได้อีก 1 ตัวเลยเด้อ ;w;) แถม LANCÔME สามารถเปลี่ยนรีฟิลด้านใน ลดการใช้วัสดุด้านนอกโดยสิ้นเปลือง แอบรักษ์โลก 



แพคเกจ


LANCÔME เป็นกระปุกแบบฝาปิดที่ไม่มั่นใจว่าทำมาจากแก้วหรือพลาสติก ค่อนข้างแข็งแรงและมีน้ำหนักพอสมควร รอบนอกเคลือบด้วยสีทองดูหรูหรา


LAMER เป็นกระปุกแบบฝาปิดที่ไม่มั่นใจว่าทำมาจากอะไรเหมือนกัน แต่เนื้อวัสดุมีความคล้ายกันกับลังโคม ค่อนข้างแข็งแรงและมีน้ำหนัก โดยรอบเป็นสีขาวดูมินิมอล เรียบง่าย แต่ดูดี 



ส่วนประกอบ


LANCÔME : ตัวชูของเขาคือ Grand Rose Extracts ใช้ดอกกุหลาบพันธุ์พิเศษที่ถูกเพาะเพื่อลังโคมโดยเฉพาะและเก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม (ประกอบด้วยRose Extract, Rose Essential Oil and Rose Concentrate) ช่วยให้ผิวอิ่มฟู อ่อนเยาว์ Essential Oils (Meadowfoam Seed, Apricot, Passion Fruit, Rice Bran) & Shea Butter ช่วยเติมเต็มความเนียนนุ่มชุ่มชื้นแบบเน้นๆ และ Pro-Xylane™ลดเลือนริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวแข็งแรง + กระจ่างใส มีซิลิโคน+น้ำหอม ใครไม่มั่นใจว่าแพ้มั้ยควรเทสต์ก่อนเด้อ


Lamer : จุดเด่นเขาอยู่ที่ Miracle Broth หรือน้ำสาหร่ายหมัก เขาว่าช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอย + รักษารอยไหม้จากสารเคมี + แผลเป็น + Sesamum Indicum (Sesame) Seed Oil บรรเทาผิวจากการไหม้ + สารต้านอนุมูลอิสระจากพืชอีกกลุ่มหนึ่ง + มีแร่ธาตุ 6 ตัว คือ แมกนีเซียม โซเดียม โพแทสเซียม คอปเปอร์ แคลเซียม แมกนีเซียม ซิ้งค์ โดยรวมเราว่าผิวแห้ง-ผสมน่าจะเหมาะมากกว่าผิวมัน+อุดตันง่ายเพราะมีเบสกลุ่ม mineral oil+ปิโตรเลียม+สารที่ให้ความข้นอื่นๆ รวมแล้วประมาณเกือบหรือนับสิบตัว ซึ่งอาจดีต่อผิวแห้งลอก แต่ก็ทำให้เนื้อมีความหนักและมีโอกาสอุดตันได้ค่ะ 




เนื้อสัมผัส


LANCÔME เป็นครีมเนื้อเบาสีชมพูอ่อน ปกติเราชอบใช้ครีมหนักๆ เลยรู้สึกว่าตัวนี้เบากว่าครีมทั่วไปที่เรามี เนื้อละมุน ไม่ต้องวอร์ม สามารถปาดที่ผิวได้เลย เป็นอีกตัวที่รู้สึกว่าเนื้อซึมลงผิวได้ดี แต่จะรู้สึกว่าผิวฟูขึ้นหลังประมาณนอนแล้วตื่นมา กลิ่นมีความหอมละมุนจากกุหลาบ รู้สึกผ่อนคลาย


Lamer เป็นเนื้อครีมสีขาวเข้มข้นและค่อนข้างหนักกว่าครีมทั่วไป ควรใช้วิธีวอร์มที่ปลายนิ้วมือให้ละลายก่อนแล้วแตะกดลงบนผิวเบาๆ เนื้อจะประมาณว่า แน่น > วอร์มแล้วละลาย > ไปแน่นในผิวอีกที เลยจะรู้สึกว่าผิวแน่นทันทีที่ใช้ กลิ่นหอมอ่อนๆ เย็นๆ เป็นเอกลักษณ์ประจำ Lamer แอบรู้สึกสดชื่นเบาๆ



ความเห็นส่วนตัว :


- ความเหมือน


1) คำเคลม (บางส่วน) ค่อนข้างตอบโจทย์ปัญหาปรับสมดุลความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย ผิวอิ่มฟู

2) ราคา เนื่องจากทั้งคู่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มค่อนข้างไฮประจำแบรนด์ Absolue Soft Cream ซึ่งอยู่ในไลน์ของ Absolue เขาเรียกว่ายังไงบ่มั่นใจ ประมาณว่า ไลน์พรีเมี่ยมประจำแบรนด์ Lancôme ส่วน Cream De Lamer ก็เป็นเหมือนตัวตำนานที่ยังมีลมหายใจ ราคาของทั้งคู่เลยค่อนข้างสูงเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบในระดับปริมาณเท่ากันเหมือน Cream De Lamer จะแพงกว่าเล็กน้อย

3) แพคเกจ เป็นกระปุกฝาหมุน (แม้จะไม่ค่อยชอบแพคเกจสไตล์นี้เท่าไหร่ เพราะต้องเปิดให้เนื้อครีมสัมผัสกับอากาศบ่อยๆ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ ;w;) มีดีไซน์เรียบหรู และวัสดุสมราคา

.

- ความต่าง

เอาจริงๆ เราว่า ค่อนข้างจะมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร

1) ฟีลลิ่งเนื้อสัมผัส ครีม Lancôme มีความเบา ไม่หนักหรือเหนอะผิว ซึมลงสู่ผิวได้ดีแบบไม่ต้องวอร์มก่อนก็ได้ และให้กลิ่นละมุนแบบกุหลาบ ในขณะที่ Lamer เป็นครีมสีขาวเข้มข้นเนื้อหนัก จำเป็นต้องวอร์มเพื่อให้เนื้อละลายก่อน กลิ่นหอมแบบสุขุมเป็นเอกลักษณ์ ไฮๆ หน่อย

2) ตอบโจทย์สภาพผิว คิดว่า Lancôme เหมาะกับทุกสภาพผิว ผิวผสม-ผิวมันใช้ได้เลย แต่ Lamer ค่อนข้างเหมาะกับผิวแห้ง-ผสมมากกว่า จะรู้สึกว่านางปังมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผิวมันใช้ไม่ได้เลย แนะนำให้ลองไปเทสต์ดูก่อนเด้อ ใครที่เป็นชาวผิวระคายเคืองง่ายหรือแพ้ง่ายแล้วไม่มั่นใจ ถึงเราจะระคายเคืองง่ายเหมือนกัน+ใช้แล้วโอเค แต่ก็อยากให้ไปลองเทสต์ก่อนสอยจริงทั้งคู่เด้อ

3) เวลาที่ใช้สกินแคร์ Lancôme เขาว่าเป็นครีมทาตอนเช้า แต่ปกติเราใช้ทั้งเช้าและก่อนนอนเลย ใช้ได้ทั้ง 2 เวลา แต่ Lamer ช่วงอากาศร้อนของประเทศไทยเราใช้ตอนเช้าไม่ค่อยไหวค่ะ แต่ใช้ช่วงผิวแห้ง อากาศแห้ง แล้วดีงาม และจริงๆ ก็ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้บ่อยเท่าไหร่ค่ะ ใช้แบบเขียมๆ เอา ;w;


4) ความรู้สึกส่วนตัว 

Absolue Soft Cream เป็นอีกตัวที่ลองแล้วรักมาก เนื้อสัมผัสดี กลิ่นละมุน ใช้ได้บ่อยทั้งเช้า-เย็น ผลลัพธ์เรื่องความชุ่มชื้น + ผิวอิ่มฟู ละเอียด นุ่มเด้ง ถือว่าทำได้ดีเป็นแนวแบบไม่ปุบปับทันที แต่ส่วนตัว 2-3 วันก็จะเริ่มเห็นผลแล้ว ยิ่งใช้ผิวยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ได้อีก (ส่วนตัวแนะนำให้ใช้คู่กับ Genifique คู่บุญยิ่งเห็นผลไว+ชัดขึ้น)

Cream De Lamer เป็นอีกตัวที่ใครใช้ดีก็ชอบเลย บางคนก็ว่าเฉยๆ แต่ถามว่าชอบมั้ย ส่วนตัวประทับใจเด้อ โดยเฉพาะเรื่องเนื้อสัมผัส+ฟื้นผิวกรังๆ ให้กลับมาเป็นคนได้ไวขึ้น รู้สึกว่า ผิวแน่น อิ่มฟู ยิ่งใช้ติดต่อกันแล้วยิ่งรู้สึกผิวแข็งแรง แต่ถ้าไม่ใช่คนผิวแห้ง + หวังผลจาก Miracle Broth คิดว่าไปลองตัวอื่นของ Lamer น่าจะโอเคกว่าค่ะ หรือถ้าหวังแค่ผลเรื่องความชุ่มชื้นอย่างเดียวตัวอื่นน่าจะคุ้มกว่าเด้อ


หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ แต่ถ้าจะให้ดีขอแนะนำให้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือไปลองเทสต์เนื้อสัมผัส ด้วยตัวเองก่อนสอยจะดีกว่านะคะ ยังไงก็ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าน้า สวัสดีค่ะ รักรักรัก <3




turtle.yolq

turtle.yolq

สวัสดีค่ะ เราเป็นแค่สาวเด๋อที่ชอบความสวยความงาม บางครั้งรีวิวอะไรผิดพลาดไปขออภัยด้วยนะคะ
ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆทุกท่านในสังคมดีๆ ณ จีบันแห่งนี้ค่ะ > <

ฝากเพจน้อยๆ ในอ้อมใจกับ น้องเต่ารีวิว เจ้าค่ะ <3

FULL PROFILE