10 จุดเช็คอินในมิวนิค ประเทศเยอรมัน

68 23
สวัสดีชาวจีบันทุกท่านค่า
มีใครชอบออกเดินทางไปเที่ยวกันบ้าง??
เวลาออกทริปแต่มีเวลาจำกัด ทำให้ต้องตัดสินใจว่าจะเที่ยวที่ไหนดี
กระทู้นี้จินนี่จัดเต็มรวม 10 จุดเช็คอินในมิวนิค ประเทศเยอรมัน
ให้เป็นข้อมูลแก่คนที่กำลังตัดสินใจเลือกที่เที่ยวค่ะ

คำแนะนำ

1. เตรียมพาสปอร์ต&วีซ่า
มาเที่ยวเมืองมิวนิคต้องขอวีซ่าเชงเก้น ถ้าไม่มีก็อดเข้าประเทศน้า
2. ดูระยะเวลาและงบประมาณสำหรับการเที่ยว
จะได้เลือกที่เที่ยวได้อย่างเหมาะสม
3. มิวนิคมี 4 ฤดู
ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
โดยแต่ละฤดูกาลจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มีนาคม, มิถุนายน, กันยายน และธันวาคม ควรเลือกใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศนะคะ
4. ปลั๊กไฟ
ควรเตรียมหัวแปลงปลั๊กไฟ เพราะมิวนิคใช้ปลั๊กไฟคนละแบบกับในเมืองไทยค่า
5. วันหยุดร้านค้า
ร้านค้าส่วนใหญ่ในมิวนิคมักจะปิดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการของที่นี่ค่ะ

เตรียมพร้อม…ตามมาเที่ยวเช็คอินกันได้เลยค่ะ

1. Oktoberfest

พิกัด: Theresienwiese, Bavariaring, 80336 München
Oktoberfest คือเทศกาลเบียร์ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองมิวนิค ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม ถือเป็นเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ใครๆก็อยากไปมากที่สุด ภายในงานเหมือนงานวัดขนาดใหญ่ ประกอบด้วย เต้นท์เบียร์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เครื่องเล่นทันสมัยต่างๆ ผู้คนต่างนิยมใส่ชุดบาวาเรียดั้งเดิมมาเที่ยวงานกัน งานนี้เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ห้ามเอารถเข็นเด็ก และสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่เข้าไปข้างใน กำหนดจัดงาน Oktoberfest ปี 2019 มีขึ้นระหว่างวันที่ 21 กันยายน – 6 ตุลาคม เริ่มต้นในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้เอง งานนี้คนรักเบียร์ต้องไม่พลาดนะคะ

2.Marienplatz / Neues Rathaus

พิกัด: Marienplatz, 80331 München
Marienplatz หรือจตุรัสมาเรียนพลัทซ์ เป็นแลนด์มาร์คใจกลางเมืองมิวนิค เป็นศูนย์กลางแหล่งช็อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวทุกคนนิยมมากัน
(คลิ๊กดูที่นี่ รีวิวถนนย่านช็อปปิ้งชื่อดังใจกลางเมืองมิวนิค)
ไฮไลท์ที่ทุกคนนิยมถ่ายรูปเช็คอินกันคือ Neues Rathaus (New Town Hall) ศาลากลางแห่งใหม่ที่มักเป็นจุดเฉลิมฉลอง และกิจกรรมต่างๆ บนหอคอยของศาลากลางใหม่จะมีหอระฆัง Glockenspiel ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำทุกวันเวลา 11.00 น. /12.00 น. โดยเพิ่มรอบเวลา 17.00 น. เฉพาะเดือนมีนาคมถึงตุลาคม

ในช่วงวันที่ 27 พฤศจิกายน – 24 ธันวาคม ของทุกปีจะมีตลาดคริสต์มาสขายสินค้ามีต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ และประดับไฟตกแต่งสวยงามทั่วทั้งบริเวณจตุรัสมาเรียนพลัทซ์

3.Residenz München

พิกัด: Residenzstraße 1, 80333 München
Residenz München (Munich Residence) พระราชวังเรสซิเดนซ์ มิวนิค ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ภายในเต็มไปด้วยของโบราณ ฝาผนังและเพดานสีทองลวดลายวิจิตร จัดว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในบาวาเรีย ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1385 และเคยเป็นที่ประทับและทรงงานของกษัตริย์แห่งแคว้นบาวาเรีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1508 – 1918

ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชม 3 โซน อันประกอบด้วย 1) พิพิทภัณฑ์พระราชวังเรสซิเดนซ์ 2) คลังสมบัติ และ 3) โรงละคร ค่าเข้าชมทั้งหมดราคา 13 ยูโร โดยเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าชมฟรี ภายในสามารถถ่ายรูปได้แต่ต้องไม่เปิดแฟลชค่ะ

จุดเด่นของพระราชวังเรสซิเดนซ์ มิวนิค คือ "Antiquarium" ห้องโถงยาวเก่าแก่หลังคาโค้งเหมือนอุโมงค์ จัดว่าเป็นห้องโถงสไตล์เรอเนซองส์ที่ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์เลยทีเดียว

4.Hofgarten

พิกัด: Hofgartenstraße 1, 80538 München
Hofgarten (Court Garden) สวนขนาดใหญ่ของพระราชวังเรสซิเดนซ์ ที่ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองมิวนิค เหมาะสำหรับไปเที่ยวถ่ายรูปสวยๆไม่ว่าฤดูจะเป็นฤดูไหน ภายในสวนจะมีศาลาทรงกลมเรียกว่า “Diana Temple” น้ำพุ และต้นไม้พุ่มประดับล้อมรอบ

5. Schloss Nymphenburg

พิกัด: Schloß Nymphenburg 1, 80638 München
Schloss Nymphenburg (Nymphenburg Palace) พระราชวังนิมเฟนเบิร์กถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1664 เพื่อเป็นที่พำนักในฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งแคว้นบาวาเรีย ต่อมาถูกขยาย ต่อเติม และออกแบบตกแต่งใหม่ ในปี ค.ศ. 1745 ให้เป็นลักษณะครึ่งวงกลม โดยมีที่พักของกษัตริย์ตั้งอยู่อยู่ด้านหน้าของพระราชวัง และที่พักของพวกลูกขุนนั้นจะอยู่ล้อมรอบ พื้นที่และอาคารทั้งหมดตกแต่งสวยงามคลาสสิค ด้านหน้าจะเป็นคลองเต็มไปด้วยฝูงเป็ดและฝูงหงส์ ด้านหลังอุทยานมีน้ำพุและสวนตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามลงตัว
ข้างในพระราชวังเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งต้องเสียค่าเข้าชม 11.5 ยูโร (ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. – 15 ต.ค.) และ 8.5 ยูโร (ระหว่างวันที่ 16 ต.ค.– 31 มี.ค.) ในฤดูหนาวที่อากาศเย็นจัดจนน้ำในคลองกลายเป็นน้ำแข็ง ผู้คนก็จะมาเล่นสเก็ตกัน พระราชวังนี้อยู่ในตัวเมืองมิวนิคเดินทางมาได้สะดวก เหมาะสำหรับการมาเที่ยวถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ แนะนำให้มาอย่างยิ่งห้ามพลาด!!

6. Schloss Blutenburg

พิกัด: Seldweg 15, 81247 München
Schloss Blutenburg (Blutenburg Palace) พระราชวังบลูเทนเบิร์ก ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของมิวนิคบนฝั่งแม่น้ำ Würm ถูกสร้างขึ้นสมัย Albert III, Duke of Bavaria ในปี ค.ศ. 1438-1439 ไว้สำหรับล่าสัตว์ ภายหลัง Duke Sigismund ผู้สืบทอดราชบัลลังค์ Albert III สละราชบัลลังก์และได้อาศัยอยู่ที่บลูเทนเบิร์กจนเสียชีวิต ปราสาทนี้ถูกทิ้งร้างไว้นานจนมีการบรูณะใหม่ในปี ค.ศ. 1680-81ภายในกำแพงและหอคอยป้อมปราการจะมีโบสถ์แบบกอธิคตอนปลายและห้องสมุดเยาวชนนานาชาติ ลานด้านในปกคลุมด้วยต้นแอปเปิ้ล ค่าเข้าชมโบสถ์ฟรี บางครั้งอาจจะมีคนมาจัดพิธีแต่งงานด้วย ด้านนอกวังจะมีสวนขนาดใหญ่คนนิยมมาวิ่งและขี่จักรยานกัน ในฤดูร้อนก็จะมีทุ่งดอกทานตะวันให้ถ่ายรูปเล่นสวยๆด้วยค่ะ

7. Schloss Neuschwanstein

พิกัด: Neuschwansteinstraße 20, 87645 Schwangau
Schloss Neuschwanstein (Neuschwanstein Castle) ปราสาทที่สร้างบนเนินเขาสมัยกษัตริย์แห่งแคว้นบาวาเรีย King Ludwid II ในปี ค.ศ. 1864 เพื่อเป็นที่ประทับแห่งใหม่ แต่สุดท้ายปราสาทก็สร้างไม่เสร็จ King Ludwid II ก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน

ปัจจุบันปราสาทเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าขมและเป็นที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ทำรายได้ให้ประเทศอย่างมาก โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 25 ยูโร เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าชมฟรี ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปและห้ามนำรถเข็นเข้าไปข้างใน

ปราสาทนอยชวานสไตน์มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นภูเขาอยู่ด้านหลัง อีกทั้งยังเป็นปราสาทต้นแบบปราสาทในการ์ตูนดิสนีย์เรื่องซินเดอเรลล่าและเจ้าหญิงนิทรา ถือว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งในมิวนิคที่ควรมาเยือน แม้ว่าจะต้องเสียเวลานั่งรถมาไกลมาก

แนะนำให้จองตั๋วเข้าชมในปราสาทมาก่อนทางออนไลน์ เพราะต่อคิวซื้อหน้างานนานมาก และอย่าลืมแวะทานโดนัททอดหน้าปราสาทนะคะ อร่อยมากให้ 5 ดาวเลย


8. Neues Schloss Herrenchiemsee

พิกัด: 83209 Herrenchiemsee
Neues Schloss Herrenchiemsee (Herrenchiemsee New Palace) พระราชวังอีกแห่งหนึ่งของ King Ludwid II ตั้งอยู่บน Herreninsel ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบ Chiemsee มีไอเดียสร้างตามแบบพระราชวังแวร์ซายส์ของ King Louis XIV แห่งประเทศฝรั่งเศส พระราชวัง Herrenchiemsee สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1878 แต่ยังไม่ทันเสร็จ King Ludwid II ก็สิ้นพระชนม์ก่อน ค่าเข้าชมภายในพระราชวังรวมทั้งพิพิทภัณฑ์ King Ludwid II ราคา 11 ยูโร เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าชมฟรี สามารถนำเข้าเข็นเข้าชมได้ แต่ห้ามถ่ายรูปภายในพระราชวัง

9.Tierpark Hellabrunn

พิกัด: Tierparkstraße 30, 81543 München
Tierpark Hellabrunn (Hellabrunn Zoo) สวนสัตว์แห่งแรกของโลกที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 100 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1911 ตั้งอยู่บริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำ Isar สวนสัตว์เฮลลาบรูนน์ไม่ใช่แค่สวนสัตว์ธรรมดา แต่ภูมิทัศน์ถูกออกแบบให้เป็นธรรมชาติ และจัดพื้นที่สงวนไว้ให้เหมาะเป็นที่อยู่ของสัตว์ต่างๆ ซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่ในกรงขัง
สวนสัตว์เฮลลาบรูนน์เหมาะสำหรับเด็ก คนรักสัตว์และธรรมชาติ เพราะจะได้เรียนรู้พฤติกรรม ถิ่นอาศัยของสัตว์และชมสัตว์หายากต่างๆ ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 15 ยูโร และเด็กอายุ 4-14 ปี ราคา 6 ยูโร ถ้ามาเป็นครอบครัวราคาจะถูกลง ภายในสวนสัตว์จะมีรถเข็นให้ยืมสำหรับใส่สัมภาระหรือให้เด็กนั่งด้วย

10. BMW Welt

พิกัด: Am Olympiapark 1, 80809 München
BMW Welt (BMW World) โลกแห่งยนตรกรรมของ BMW Group ภายในอาคารจะมีทั้งโชว์รูมรถนิทรรศการจัดแสดงรถยนต์ BMW และร้านขายของที่ระลึกของ BMW เข้าชมได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้รถบางคันอาจจะไม่ล็อค เราก็สามารถเปิดเข้าไปนั่งและสัมผัสได้อย่างอิสระ ฝั่งตรงข้าม BMW Welt จะเป็นพิพิทภัณฑ์ BMW ซึ่งต้องเสียค่าเข้าชม 10 ยูโร
ครบทั้งหมด 10 สถานที่เที่ยวในมิวนิคแล้วค่ะ แต่ว่ายังมีที่เที่ยวสวยๆอีกมากมายนะคะ นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนในเมืองมิวนิคเท่านั้น หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่วางแผนมาเที่ยว หากใครกำลังเตรียมตัวเดินทางมาในช่วงนี้ ก็ถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่จะได้ไปร่วมงานเทศกาลเบียร์ด้วยค่า ใครชอบกระทู้ฝากกดติดตามและกดเลิฟด้วยน้า :) 
 
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามารับชมมากๆค่า
__________
ใครสนใจอยากตามเข้ามาแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องกิน เที่ยว เมคอัพ สกินแคร์ และไลฟ์สไตล์ชีวิตต่างประเทศ เข้ามาได้ที่ FB & IG @jinnysista นะคะ

Bye!!


jinnysista

jinnysista

ชื่อเล่น “จินนี่”
แม่บ้านอาศัยอยู่ที่ประเทศเดนมาร์กค่ะ
เขียนรีวิวเป็นงานอดิเรก แชร์เรื่องกิน เที่ยว เมคอัพ สกินแคร์ และไลฟ์สไตล์ของตนเอง รวมทั้งการใช้ชีวิตในต่างประเทศค่า

FULL PROFILE