ไต้หวันที่รัก ชั้นรักเธอ ^^

19 8

ทริปไต้หวันครั้งนี้ต้องบอกเลยว่า มันเป็นทริปที่กะทันหันมากๆๆ คืออยากไป นั่งดูรูป ชวนเพื่อน และได้ตั๋วภายในหนึ่งชั่วโมง มันคืออารายยยยย มันเร็วไปไหม ฮ่าา

แต่ถือว่าสมใจอยากมากๆค่ะ อยากไปมานานมากๆ หลังจากที่ได้ดูรายการอาหารที่ไต้หวัน(อ่อนไหวกับของกินมากค่ะ) และซี่รีย์ไต้หวัน วิถีชีวิต ในความรู้สึกเราคือมันดูชิลดี ดูสบายๆ และเที่ยวไม่ยาก

การเที่ยวของเราดูไม่เป็นแบบแผนมากนะคะ แค่ลิส สถานที่ไป สถานที่กินมาคร่าวๆ แล้วก็ไปลุยกันที่นั่นเลย ด้วยความที่เราไปพักที่บ้านเพื่อน และเราพูดจีนได้เพราะฉะนั้นเที่ยวชิลค่ะ

มาเริ่มต้นที่วันเเรกของการเดินทางดีกว่าเนอะ

วันที่ 1

เราเดินทางด้วยสายการบิน VAIR เวลา10.20 ในช่วงเช้าๆๆ สายการบินโลว์ครอส ที่แอร์เปิดตัวด้วยความมุ้งมิ้งเหลือเกิน นางและนายเดินออกมาทีละคนด้วยท่าทีที่สดใส โบกมือไปมา ให้ความรู้สึกถึงนี่เรากำลังอยู่บนรถไฟที่มุ่งหน้าไปดิสนีเเลนด์ แต่เอาเถอะมันน่ารักจริงๆ

นั่งเม้ากับเพื่อนสาวผู้ร่วมเดินทางอีกสองคน จนลืมความง่วงไปเลย เม้าไปได้ตั้งเเต่ขึ้นเครื่องยันล้อเครื่องบินเเตะพื้นสนามบินเถาหยวน แล้วก็ถึงงงง เราเดินออกมาตามทางเรื่อยก็จะเจอบูทขายซิมโทรศัพ์ มีอยู่สองค่ายให้เลือกค่ะ ค่ายไหนก็ได้ ราคาพอกันเลย เราเเวะไปที่บูทที่คนน้อยสุดจัดการเลือกเเพคเกจเล่นอินเตอเนทให้เหมาะสมกับการเดินทางของเรา ที่นี้จะมีให้เลือกแบบใช้งาน 3 วัน, 5 วัน, 7 วัน ประมาณนี้เราจำได้ไม่เเม่นนะคะ เราอยู่สี่วันเลยเลือกแบบใช้ห้าวันมาเลย จัดการทดลองใช้เนทเรียบร้อย ก็ผ่านตมกันไปเลยค่ะ ออกมาสักพัก บรึ้ยยย มันหนาว มันเย็น ลืมไปว่าเดือนที่เราไปนี่คือธันวา อากาศค่อนข้างเย็นทีเดียวนะเตรียมเสื้อหนาวกันด้วยหล่ะ อิอิ พร้อมไหมหยิบเสื้อหนาวเเล้วออกจากสนามบินกันเถอะ

อ่ะๆๆ ก่อนออก เราไปหาร้านสะดวกซื้อในสนามบินนี่แหละ และจัดการซื้อบัตร easy card ที่ไว้้ใช้ในการเดินทางก่อนเลย บัตรเดียวใช้ได้ทุกอย่างกับการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่นี่ ทั้งรถเมล์ รถใต้ดิน และซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ บัตรก็มีให้เลือกหลายลาย น่ารักมุ้งมิ้งทั้งนั้นนนน

ขอโทษที่รูปไม่ชัดอย่างเเรง อิอิ เนื่องจากเราพักที่บ้านเพื่อน ฉะนั้นจึงไม่ได้อยู่ในเเห่ลงท่องเที่ยวแต่อย่างใด การเดินทางจึงยากนิดนึง เรารู้เเต่ว่าใกล้สถานีรถไฟจงลี่ ก็ถามทางเค้าไป สรุปได้นั่งรถบัสจากสนามบินจนสุดสายเลย แล้วต่อเเทกซี่ไปบ้านเพื่อน เดินทางไปชั่วโมงนึงได้หล่ะ ถึงปัปท้องก็ร้อง หลังจากทักทายเฮฮาปาจิงโกะกับคุณน้าเพื่อนเเล้ว คุณน้าก็ได้ไปปล่อยเราเเถวถนนจงหยวน ที่เค้าว่าย่านนี้ของกินเยอะ มีแหล่งชอปปิ้ง และใกล้มหาลัย อิอิ หิวตาลายเเว้วว ตามมาเร็วๆๆ

เดินๆไปก็เริ่มที่อันนี้ก่อนเลย คล้ายๆเกี๊ยวซ่านะ เเต่รูปร่างเป็นทรงกลมมีไส้หมู และผัก ราคาประมาณ 10 บาทไทย (คือค่าเงินไต้หวนกับบ้านเราไม่ต่างกันมาก 1 THB = 1.125 TWD) เฮ้ยเทอมันอร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยย มันช่าย เจอก็ซื้อกินนะ

แค่เปาเกี๊ยวซ่ามันไม่อยู่ท้องเนอะ ต่อๆๆ นั่นอาราอ่ะ คือคนเข้าแถวยาววว ฌอ้ย เหมือนกระเพาะปลา มีเส้น และน้ำเหนียวๆ เฮ้ยคือดูไป มันเป็นเตี๊ยวปูหล่ะ ปูเน้นๆ เป็นก้อนเลย ไม่หมกเม็ด จัดไปสิ รออะไร ยืนกินข้างร้านก็ได้ ราคาเเค่ประมาณ 40 บาทเท่านั้้นเอ้งง ถูกมาก ถ้าเทียบกับปูที่ได้รับ

คือเทอ ขอโทษที่ถ่ายมาไม่เห็นปู แต่ขาวๆก้อนๆ ที่อยู่ในนั้นล่างๆ มันคือปู และเทอเอ้ยย มันอร่อยลมกล่อมมากเบยยยยยยยยยยย สมเเล้วที่เค้าต่อเเถวกัน ปลื้มปลิ่มน้ำตาจิไหล แต่กินกันเเค่นี้ก็ยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะเลยนะ เราต้องเดินต่อค่ะ ไปหยุดยืนดูหม่าล่าอยู่พักนึง แต่ด้วยความที่มันเป็นการกินที่ดูสั่งยากมาก ไม่รู้จะเริ่มสังยังไง ที่นั่งก็ไม่มี คนขายก็ไม่สนใจเรา เราเลยตัดสินใจเดินต่อไปจนได้สิ่งนี้ค่ะคุณผู้โช้มมมม

บอกไม่ถูกกว่ามันคืออะไร แต่มันคือ วุ้นเส้นใส่หัวใช้เท้า และเต้าหู้ เฮ้ยเทอออ มันอร่อยอีกเเล้ว นี่ชั้นหิวหรือเป็นโรคท้องมาร หรือยังไง ทำไมอะไรก็ดูถูกจริตชั้นไปหมด เเต่เทออันนี้มันก็ดีงามจริงๆ มันกลมกล่อมอีกเเล้ว ก็ถ้ามีโอกาสก็ลองเนอะ ฮ่าาา

เราสามคน ผู้หญิงตัวน้อยๆ ยังคงเดินต่อไปค่ะ เสื้อผ้าถนนเส้นนี้เยอะ แต่เป็นเเฟชันหน้าหนาวหมดเลย เกรงว่ากลับมาเมืองไทยใส่เเล้วจักก้าจะเปียกให้เป็นราคีแก่เสื้อผ้า เลยไม่ดูดีกว่า เดินดูไปเรื่อยๆ เข้าตรอกนู้น ออกตรอกนี้ เท่าทีเห็นหมวกกันน๊อคที่นี่น่ารักมุ้งมิ้งมาก เป็นลายการ์ตูนน่ารักทั้งนั้นเลย เเต่จะซื้อกลับก็หนักไป เอาเป็นว่าดูของกินต่อหล่ะกัน ตามมาๆๆ ดูของหวานกันบ้าง

แป้งย่างหละเทอ ย่างเเล้วมันก็จะพองตัว แล้วให้เราเลือกซอสได้ มีหลายอย่างอยู่ ทั้งชอกโกแลต งาดำ งาข้าว และอื่นๆอีกมากมาย แต่สิ่งที่เราเลือกคือ ซอสงาดำหล่ะ

แป้งอุ่นๆ นุ่มๆ อารมณ์คล้ายกับโมจิ ราดด้วยซอสงาดำหอมๆ หวานลงตัว อ้ามมม เออใช้ได้หล่ะ แต่หวานไปหน่อย คนชอบหวานก็น่าจะชอบสิ่งนี้

เดินมาตั้งนาน เมื่อเรามาเมืองไต้หวันสิ่งที่เราจะขาดไม่ได้เลยจริงๆ ทาด้าาาา ชานมไข่มุกกกก มีอยู่ทุกหัวมุมถนน อย่างกับเซเว่นอีเลฟเว่น ลองกินเจ้าแรกก่อนนะ

ชานมไข่มุก ออริจินอล หอมชาดีค่ะ กลิ่นชาจะชัดกว่าบ้านเรา ก็ไม่รู้สินะ เราว่าอร่อย ฮ่าาา

มาต่อเจ้าที่สองนี่ เจ้าถิ่นเค้าว่า เจ้านี้สิอร่อย จัดไปรออะไร เเม้ว่าท้องจะเเตก เราอย่าได้กลัวค่ะ อากาศหนาวต้องใช้พลังงานเยอะ ฮ่าา

เจ้านี้เราว่าเค้าหอมชามากกว่าาเจ้าแรกที่กิน กลิ่นชาหอมเวลากิน ไข่มุกก็หนึบหนับ โอเคเลยฮ่ะ อร่อยยยย (เฮ้ย นี่ชั้นเป็นอารายกินขนาดนี้ ฮ่าา)

เสร็จจากนี้ก็กลับที่พัก เตรียมวางแผนพรุ่งนี้กันเเล้วหล่ะ วันนี้มิไหว เหนื่อยเกิ๊นนนน หนักพุงด้วยที่สำคัญ รีบกลับเอาพุงไปนอนดีกว่า อิอิ (วิถีคนอ้วนชัดๆๆ) แต่ช้าก่อน ใครมาไต้หวันจะรู้เลยที่นี่มันสวรรค์ของคนชอบมารกหน้า คือขายกันเยอะมากจนเลือกซื้อไม่ถูก นี่ก่อนนอนเลยจัดกันไปหน่อย ฮ่าา

ฝันดีราตรีสวัสดิ์วันเเรกคร้า

วันที่ 2

ตื่นเช้าเลยแปดโมง แต่กว่าจะได้ออกเดินทางสิบโมง กว่าจะขุดออกจากที่นอนกันได้ ฮ่าาา วันนี้เราจะเข้าเมืองไทเปกัน เที่ยวในเมืองบ้างอะไรบ้าง โอ้วเย ตามมาๆ เช้าๆก็กินข้าวเช้าก่อน เค้าว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะทุกคน อาหารเช้าเราก็ง่ายๆ เเวะกินที่ร้านโย่งเหอ เป็นเฟรนชายมีขายทั่วไป จัดไปกับน้ำเต้าหู้ ซาลาปา เกี๊ยว และเอ่อเหมือนเส้นก๊วยเตี๊ยวพันแฮมกับไข่ อร่อยนะเทอ ชอบๆๆๆ เช้าๆไม่รู้จะกินอะไรก็จัดนี่ไปนะ อิอิ

เรานั่งรถไฟจากสถานีเน่ยลี่ ไปลงที่สถานีตรงตึก 101 เลย ใช้เวลาทั้งสิ้น 40 นาที ยืนห้อยโหนกันไป ตามสถานีใหญ่จะมีศูนยืบริการนักท่องเที่ยวอยู่ เพื่อนอายุไม่เกิน 30 ปีเข้าไปทำบัตร travel youth กันได้ ไว้ใช้ลดราคาเข้าชมสถานที่ต่างๆนะ

ออกมานอกสถานีก็เจอตึกเลย ไฮไลท์ของที่นี่เค้า

จะเข้าไปชมตึกก็ได้น้า เสียค่าบัตรกันประมาณ 500 บาท เเต่เรานั้นสามสาวไม่ค่ะ วางแผนไว้ว่า สามารถเข้าไปที่สตาบัคชัั้นสามสิบกว่าได้ ได้ชมวิว พร้อมจิบกาแฟ มันเลิศ แต่ๆต้องจองคิวล่วงหน้าหนึ่งวันอดค่ะ

แต่เพื่อนคนไหนสนใจจองคิวก่อนเลยนะ เข้าไปในตัวตึกออฟฟิส บอกคุณพี่ยามล้ำบึ๊กว่า จะไปสตาบัคจ่ะพ่อหนุ่ม เเล้วเค้าจะปล่อยเราไป แล้วให้ไปที่ตู้กดบัตรนัดเข้าตึก เพื่อไปสตาบัคได้ค่ะ วางแผนกันก่อนน้า เด้วอดขึ้นไปเเบบเรา เศร้าเลย

ในเมื่อไม่ได้ขึ้นไป เราสามสาวเลยออกมาหามุมถ่ายรูปกัน เดินไปมา ข้ามถนนไปตรงข้ามกับตึก 101 แล้วเดินไปทางซ้าย เฮ้ยย เจอรถเมลในหนังสือของ Jimmy Liao : When the moon forgot.

ใครติดตามผลงานของนักเขียนคนนี้ ต้องชอบหล่ะ เราชอบมากก เราอยากจะกรี๊ดดด

ที่ไต้หวันสถานที่เที่ยวเค้าจะมีตรายางปั้มๆอยู่เเทบจะทุกที่เลย เพื่อนคนไหนชอบเขียน ชอบบันทึกพกสมุดไปเก็บตราปั้มแต่ทีได้เลยน้า น่ารักฝุดๆ

มีพี่หมีขับรถเมลอยู๋ น่ารักม๊วากกกก

จากนั้นเราไปต่อกันที่ เจียงไคเช็ค ข้าวปลาไม่ได้กินเลย เที่ยวลื้มมมม

เรามาทันได้ดูช่วงเปลี่ยยนเวณทหารพอดี ประมาณบ่ายสอง ดูอลังการดีนะคะ

เรายังคงเดินทางต่อค่ะ พี่ยามที่นี่เค้าว่า ให้เดินจากนี่ไปซีเหมินติงใกล้ๆ และได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศไต้หวันด้วย เราเชื่อเค้าค่ะ เราเปิดกูเกิล แล้วเดินตามเลย ผลก็คือ เฮ้ยเทอออ มันเหนื่อยมากค่ะ ฮ่าาา นั่งรถก็ได้อ่ะ เซฟพลังงานขา เราสามคนไม่ไหวแหละต้องเข้าเซเว่น ซื้อไข่ต้มชามากินกัน เอ้ยเทอออ ถ้าเทอเป็นคนชอบกินไข่ต้ม เเนะนำนะ ไข่ต้มชามันอร่อยค่ะ

ภาพอาจไม่สุภาพ เพราะมีกัดกินกันไปหลายระดับแล้ว ฮ่าาาา

นี่คือทำเนียบรัฐบาล อ่ะอย่างน้อยการเดิน เราก็เจอสิ่งนี้ ขอบคุณค่ะพี่ยาม

เเละเเล้วเราก็มาถึงซีเหมิน โอ้วเย เเต่นู่น เรามุ่งตรงไปร้านขายเครืองสำอาง ของฝากที่ชื่อว่า Mirada ร้านสีชมพู เพื่อนที่ไม่ได้เดินอย่างเรานั่งรถไฟไปลงสถานีซีเหมิน ทางออก5 ได้คร้า ชอบชอปปิ้งอย่าพลาดร้านนี้นะ เข้าไปแล้วละลายทรัพย์ ฮ่าา

มารกเยอะมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว ทั้งมารกวีเชฟ มารกเท้า ปาก คอ มือ เอิ่มคือ ทุกส่วน

ครีมเเตงกวาค่ะคุณผู้โช้มมมมมม ฮ่าา เเวบเเรกที่เห็นนน ตกใจจุง ฮ่าาาา

เค้าขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายเครื่องสำอางทั้งหลายมาให้ดูกัน มันละลานตา มันเยอะมาก และเเบตเค้าหมดเเล้ว เเงๆๆ

ร้านนี้ขายเยอะมากจริงๆ เครื่องสำอาง ขนม ของฝากครบค่ะ

เราไปได้สิ่งนี้มา หลังจากที่ให้เพื่อนๆได้ลองใช้เเล้วนั้น พบว่าแป้งผสมรองพื้นปกปิดดีในระดับนึง หน้าไม่มัน ไม่ดรอป สีโอ รองพื้นลองเอามาทาๆก็ชอบนะ ฮ่าา เลยได้มาสะงั้น ราคาก็ถูกตกอยู่ที่ประมาณ 300 บาทเท่านั้นจร้า

เดินชอปจนแบกของกลับจิไม่ไหวแล้ว ก็ต้องเติมพลังแล้วนะ ซึ่งย่านนี้ของกิน ของเด่นเยอะมากๆๆๆๆ และเนื่องจากเย็นเบบนี้ต้องจัดหนักเเล้ว เราเลยเลือกกินฮัวกัว(สุกี้ไต้หวัน)กัน ร้านที่เราจะลองนั้นเป็นบุฟเฟ่หล่ะ มีซีฟู๊ด ของคาวหวานให้เลือกเยออะ ที่สำคัญมีไอติม Haagen-Daz และ Movenpick ไม่อั้นจร้าาาาา ตบมือๆๆๆๆๆ ตามมาให้ไวกันเลย

เเละเเล้วก็ถึงร้าน Mala Yuanyang Hotpot เต็มที่ค่ะ

พิมไปหิวไป โอ้วเยยยยย

กินเสร็จก็เดินชอปปิ้งย้านซีเหมินกัน คนเยอะมากมายย

จากนั้นเราก็ไปชมวิวเมืองยามค่ำคืน ต่อกันที่มหาลัย Wenhua daxue อันนี้ต้องขอโทดจริงจำไม่ได้ว่าลงสถานีอะไร เพราะมีคนนำทาง เราเลยชิลเดินตามต้อยๆเลย แต่ว่ายังไงก็ต้องต่อเเท๊กซี่ขึ้นเขาไปต่ออีกน้า เตรียมเสื้อหนาวกันให้ดี ฝนเริ่มมาปรอยๆเเว้ว ขึ้นไปถึงหนาวสะท้านเลยทีเดียว บรึ้ยยยยยย

จากนี้ เราก็ต้องกลับบ้านกันเเล้ว คือขาลากมากๆเเล้วหล่ะ ไปต่อไม่ได้จริงๆ เราเดินทางด้วยเเท๊กซี่ลงเขามา ต่อรถไฟฟ้า สองต่อ เพื่อกลับที่พัก พร้อมด้วยผู้คนที่มากมายยยยยย ถึงที่พักก็สลบกันไป

นอนก่อนหล่ะน้า เจอกันพรุ่งนี้วันที่สามของช้าน

วันที่ 3

วันนี้ก็ตื่นกันยากอีกเหมือนเดิม ว่าจะเช้าๆๆ ก็ทำไม่ได้ กว่าจะได้ออกกันก็สิบโมงกว่าเช่นเคย วันนี้ขอติดรถคุณน้าของเพื่อนผู้มีอุปการะคุณให้ที่พักฟรีไปลงที่สถานีรถไฟจงลี่ สถานีใหญ่เพื่อที่เราจะเดินทางต่อไปหมู่บ้านเเมวกัน หุหุหุ ความหวังสูงสุดของเราในทริปนี้ ที่สถานีนี้มีร้านชูชิอยู่ น่ากินมาก เหมาะกับการเดินทางอันเร่งรีบของเรา เลยจัดมากินระหว่างรอต่อรถไฟกัน

สถานีปลายทาง : Houtong หมู่บ้านเเมว

เนื่องจากที่พักเราไกล เลยต่อรถไฟหลายต่อ งงงวยกันไป มีเวลาเเวะกินระหว่างรอรถไฟ ซูชิที่นี่ถูกกว่าบ้านเราจริงๆ อันนี้สองอย่างตกที่ประมาณ 150 บาท อร่อยย ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนน

โอยยย หิววววววว

ต่อๆๆๆ ก้าวเเรกที่ถึงสถานีปลายทาง เฮ้ยเทออ มันมุ้งมิ้งมากกกกกกกกกกกก ทุกอย่างในสถานีถูกประดับประดาไปด้วยเเมวเหมียว เออชั้นคิดถูกที่มา มันดูไม่่ได้มีอะไรมาก แต่มันดูน่ารัก เรียบๆง่ายๆ

เจอเจ้าถิ่นเเล้ว เก๊กให้ถ่ายอยู่ตรงนี้นั่นแหละ

ฝาท่อค่ะคุ๊ณณณณ

ทุกร้านที่เข้าไป จะมีเจ้าถิ่นคุมทุกร้าน ออ ที่นี้เเมวเป็นใหญ่นะจ๊ะ น้องหมานี่หงอยไปเล้ยย

เดินอยู่นาน หิวแล้วหล่ะ ต้องเเวะกินนะ ตามมาๆ

เจ้าของร่างยังแปลงร่างเป็นเเมว คิดดู๊!!!!

ไม่ใช่เเหละ ฮ่าา มาดูว่าสั่งไรกินดีกว่า เอาเลยนะ หม่ำพร้อมกัน อ้ามมมมม

เฮ้ยเทออออออออออ มันอร่อยอีกเเล้ว เตี๊ยวร่อยย ข้าวเฉยๆ วาฟเฟิลมันมีไส้แป้งข้าวเหนียวหนึบหนับอยู่ มันอร่อย และชาก็หอมมมมมมม หมดเวลาที่ร้านอาหารไปสองชั่วโมง คือชิล คือลุงทำอาหารช้ามากด้วย ฮ่าาา แต่ลุงใจดี และเเมวน่ารัก อาหารอร่อย ให้อภัยทุกอย่างค่ะ ฮ่าาาา

เราเดินต่อกันอีกหน่อย ซื้อขนมไส้สัปรดรูปแมว แวะดูเหมืองเก่า และต้องชิมน้ำอัดลมท้องถิ่นค่ะ

คือน้ำอัดลมรสชาติใช้ได้ คล้ายๆสไปรส์ แต่เด็ดที่วิธีเปิดขวด เราต้องเจาะฝาขวดให้ลูกแก้วที่อยู่ตรงกลาง หล่นลงไปที่คอขวด ดังเป๊าะ!!! แล้วควันโซดาก็จะลอยขึ้นมา เฮ้ยยย มันสนุก และเพิ่มรสชาติการดื่มน้ำอัดลมของเรามาก ฮ่าาา

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟย้อนกลับไปหนึ่งสถานี เพื่อไปเที่ยวหมู่บ้านโบราญกัน จิ่วเฟิ่น นั่นเอ้งงงงงง

นั่งย้อนไปสถานีเดียวเท่านั้น ไม่ต้องกลัวหลงเลย มีป้ายบอกอยู่ตลอดทาง ออกมาจากสถานี เดินไปทางซ้ายเลยจ่ะ จนถึงใกล้กับสถานีตำรวจ จะนั่งรถเมล์ก็ได้ หรือเเท๊กซี่เเถวนั้นก็ดี เค้าจะเรียกเราไปรวมๆกันแล้วไปทีเดียว ค่ารถอาจจะเเพงหน่อย เเต่สะดวกดีนะไปโลดค่ะ รออาราย พี่เเท็กรอหนูด้วย หนูยอมจ่ายค่ะ เหนื่อยเเบ้ววว

ไปถึงปัป รีบจ่ายเงินให้พี่เเท็กแล้วโดดลงมาค่ะ เด้วตำรวจจับ โทษฐานที่จอดรถมั่วซั่ว โดดลงปัป ฝนตกซะงั้น เลยต้องตาหาเสื้อกันฝน แล้วเที่ยวต่อค่ะ (จริงอยากให้เรียกว่ากินต่อดีกว่า เที่ยวไม่เท่าไร กินเยอะมาก) ถึงปัปเราก็เเวะเลยจร้าร้านเเรก ขนมหวานสะหน่อย กินไม่เกรงใจอากาศเลย

เหมือนเซียง เสียม อี๋ บ้านเรา เลือกเครื่อง และโปะน้ำเเข็ง เราเลือกเป็นเต้าหู้ แป้งหลากสี และถั่วแดง คำเเรกค่ะ อ้ามมมมม เฮ้ยเทอออ มันจืดดดด ชั้นไม่ค่อยชอบอ่ะ มันไม่เป๊ก ฮ่าาา แต่ก็หมดนะ

เดินมาอีกหน่อย เจอเต้าหู้เหม็น ต้องให้เพื่อนลองค่ะ จัดไป มันเหม็น เเต่มันก็อร่อย ถ้าลืมเหม็นได้นะ ฮ่าาาาา ร้านนี้ไม่ค่อยเหม็นเหมือนที่เคยกินที่ฮ่องกง มีกับแกล้มเป็นผัก หอมใหญ่ใส่มาให้ด้วย

หันไปมองข้างๆ เฮ้ยยย แผ่นโรตี ใส่ถั่วตัดบด ไอติมโปะ แต่เฮ้ยเอออออ เค้าใส่ผักชีโรยหล่ะ รออารายต้องลองหน่อย ผักชีกะไอติม ห่อให้เรียบร้อยแล้วอ้าปาก อ้ามมมม

แต่เฮ้ยเทอออออออออ มันเข้ากันหล่ะ แปลกแต่จริง

ยืมกินไอติมอยู่ ก็พิจารณาร้านตรงข้ามไปด้วย ก๊วยเตี๊ยวปลา ลูกชิ้นปลา ไมคนเยอะว้าาา มองหน้าเพื่อน แล้วพนักหน้าพร้อมกัน ป่ะ ลองงงงงง

เฮ้ยเทอออออออออออออ มันอร่อย มันดีงามนะ

วุ้นเส้นลูกชิ้นปลานั้น น้ำซุปกลมกล่อมมากค่ะ ลูกชิ้นปลาก็อร่อย

แต่เราชอบวุ้นเส้นแห้งนี้มากกว่า มันใส่ซอสที่ใหความรู้สึกว่าน่าจะเป็นซอสถั่วนะ โรยเทียมเจียว ผักโรย คลุกให้เข้ากัน อ้ามมมม อร่อยยยยยยย ไปลองกันนะ

เรายังคงเดินกันต่อไป เจอสิ่งหนึ่งที่น่าลอง เเต่กินไม่ไหวเเล้ว อารมณ์กุ๊ยช่าย แต่ไส้หมูแดง ใครกินเเล้วบอกที อร่อยไหม

ฝกตก คนเยอะจริงๆ หนาวๆๆๆ ของที่ขายก็จะคล้ายๆกัน ตั้งเเต่ต้นซอย จนท้ายซอยนั่นแหละ เราเดินกันจนทั่ว แล้ววกกลับมาขึ้นรถเมล์ที่ต้นทาง รถเมล์จะไปจอดที่ไทเป ถามคนขับว่า ไทเป เค้าว่าใช่ เราก็ขึ้น นั่งปัปสามนาที หลับเลยจ่ะ เดินทางไปเกินชั่วโมงได้ ลงรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้า ไปสถานีเน่ยลี่บ้านเรา ไม่ลืมที่จะซื้อซูชิที่สถานีกลับไปกินด้วย และไม่ลืมที่จะซื้อชานมงาดำไข่มุกด้วย ต้องเติมพลังงานน้าา ก่อนนอนจัดไปค่ะ

ราคาเค้าจำไม่ได้ เค้าเหนื่อย เค้าหิว เค้าจึงเบลออออ เค้าขอโทษษ

สำหรับวันนี้ กินอิ่ม นอนหลับสวัสดีค่ะ เจอกันวันที่สี่น้า

วันที่4

เริ่มเเรกว่าจะตื่นเข้า เดินทางไปแช่ออนเซน คลายกล้ามเนื้อ เเต่ๆเนื่องจากความเหนื่อยล้าเมื่อวาน สิบโมงยังไม่ตื่นกันเลยจร้า สามสาวเลยเปลี่ยนแผนไปในเมืองเก็บตกเอาหล่ะกัน เดินจร้าเดิน ยังมีอีกหลายร้านที่ยังไม่ได้กินน้าา ฮ่าาา เริ่มเดินทางโดยรถไฟเช่นเคย ว่าจะไปหาอะไรกินเเถวซีเหิน แต่ไหงมาถึงสถานีรถไฟเน่ยลี่ หงตาดันไปเจอร้านอาหาร อดใจไม่ได้เลยแวะสะหน่อย อย่าที่บอกมาตลอดว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ฉะนั้นอยาาช้าค่ะ เดินตามเข้ามาในร้านเลย

เฮ้ยเทออ อร่อยอีกแหละ อิ่มด้วย โหนรถไฟอีก 40 นาทีชิลๆ มีเเรงเเว้วว

ถึงซีเหมิน ที่นี่มันเเหล่งรวมวััยรุ่น ผู้คนจริงๆ

สิ่งที่เราคิด คือการเดินดูของ ชอปปิ้งเบาๆก่อนกลับ แต่ๆๆๆ เดินไปเจอสิ่งนี้ค่ะ

บะหมี่อาจงในตำนาน!!!! คนเข้าาคิวยาวไปนู่น ตามสัญชาติญาณเเล้วมันต้องอร่อย เราเดินไปเข้าคิวแบบไม่รู้ตัว ก่อนที่จะรู้ว่ามันเป็นอะไรสักอีก ฮ่าาาาา

บะหมี่อาจง เส้นจะถูกตัดมาเเล้ว แบบไม่ต้องสูดยาวให้ขาดอากาศหายใจ น้ำซุปกลมกลมแบบเหนี่ยวๆเหมือนเช่นเคย ได้บะหมี่เเล้วเค้าจะให้เราไปเลือกใส่เครื่องปรุง เช่นกระเทียมสับสด พริก(เผ็ดมากนะฮะ ระวังกันด้วย) น้ำส้ม เฮ้ยสมกับการที่ต้องต่อคิวรอกินนะ มันอร่อยหล่ะ เรากับเพื่อนนี่สั่งชามใหญ่เลยจะได้ไม่เสียดายเวลากินไม่พอ ฮ่าาาา

ร้านบะหมี่อาจงไม่มีเก้าอี้ หรือโต๊ะให้นั่งนะ ยืนกินกันจ่ะ ส่วนเรา หามุมสงบแล้วนั่งกับพื้นโซ้ยกันเล้ย อร่อยจริงฟันเฟิม มากินกันให้ได้นะทุกคนนนน

เสร็จจากโซ้ยกันอย่าางเมามันก็ไปต่อที่ชานมไข่มุกเหมือนเดิมให้คล่องคอนะ แล้วไปเดินยิยที่ร้าน Mirada อีกครั้ง หายไปในร้าน สองชั่วโมง พร้อมกล่องขนม และ มารกหน้าอีกแล้ว ฮ่าาา ไปกันนะ อยากให้ทุกคนได้ชอปกัน

จากนั้นเราก็คงอยู่แถวย่านซีเหมินนี่แหละ เดินออกซอยนั้นนี่จนมืด จากนี้เอาภาพบรรยากาศไปรัวๆๆเลยหล่ะกัน

มีการเเสดงด้วย ผู้คนที่นี่ให้การสนับสุนนดีนะ คือพอเเสดงจบให้ตังกันจริงจังทีเดียว ดีมากเลย

เดินสักพักก็เจอไก่ทอดชิ้นเบิ้ม สาขาที่ไทยก็มาเเล้วนะจะ แต่เราลองร้านออริจินอลกันหน่อย

กรอบดีค่ะ ก็โอเคร แต่เราไม่ได้ โอยยยที่คือไก่ทอดที่โหยหา

หิวน้ำแล้ว เเทนที่จะซื้อน้ำ ได้บัวลอบน้ำขิงมาสะงั้น กัดทีไส้ทะลักเบย

น้ำมะระค่ะคุณผู้โช้มมมมม ใครลองแล้วบ้าง มาบอกหน่อยว่าเด็ดไหมมมม ไม่กล้าลองจริงจริง

และอันนี้ค่ะเด็ดที่สุด ขนมปัง ที่สอดไส้ครีมอยู่ด้านใน ไม่ได้ซื้อนะ เเต่อยากให้ทุกคนได้ยลโฉม ฮ่าาา หนึ่งกล่องมีสองชิ้นนะเออ ไม่ต้องแย่งกัน

เดินจากตรงนี้เสร็จ ก็ไปห้อยโหนรถไฟกลับที่พักแล้วหล่ะ แอบไปแวะคาร์ฟูแถวที่พักกวาดขนมกลับมาอีกหน่อย หมดตัวพอดี พร้อมเดินทางกลับพรุ่งนี้เช้ามากแว้วว

ตอนเช้าเวลาตีสาม ก็เรียกแท็กซี่มารับพร้อมไปสนามบินเเล้วหล่ะ เดินทางกลับด้วยสายการบินเดิม Vair : 6.20 เช้า ใครเดินทางรอบนี้เผื่อเวลาหน่อยน้า ตอนเช้าคนเยอะมากจริงๆ ต่อคิวกันไป วิ่งกันไปเกือบไม่ทัน แต่ไม่ทันๆ ยังไงก็ยังอุตส่าห์เเวะไปร้านสะดวกซื้อที่สนามบินอีกรอบ เพื่อใช้บัตร easy card ซื้อขนมให้หมดดดด ฮ่าาาาา จบทริปไต้หวันของเราแล้วหล่ะ เที่ยวไปเที่ยวมา เริ่มรู้สึกว่านี่มมันทริปกินชัดๆ เที่ยวอารายกัน แต่ถือว่าเป็นทริปที่มีความสุข สนุกสนานมากๆๆๆๆๆ

รักเทอไต้หวัน และเพื่่อนของชั้น

Beauminintaiwan


beaumin

beaumin

^^ Bomin ^^

FULL PROFILE