:+: REVIEW :+: เครื่องสำอางที่เราใช้แต่งหน้าทุกวันค่ะ

27 27

 

 


สวัสดีค่ะ วันนี้กลับมารีวิวกันอีกแล้วนะคะ
หลังจากวันก่อนที่รีวิวมาส์กเต้าหู้โมริตะ วันนี้จะมารีวิวเครื่องสำอาง
ที่เราใช้แต่งหน้าในทุกวันนะคะ 
บอกก่อนว่าตอนนี้เราเรียนอยู่ปี2 แล้วก็ปกติไม่ค่อยชอบแต่งหน้าเยอะ
ดังนั้นของที่ใช้จึงมีไม่เยอะเลยจริงๆค่ะ อ่อ ที่สำคัญราคานักศึกษา
(แต่บางอย่างคุณภาพไม่นักศึกษาเลยนะคะ)
มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ~~ 
ป.ล. วันนี้ไม่ได้พาน้องซอนฯนายแบบประจำมาด้วย แต่พาน้องเบบี้อัลปากามาแทน
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ > ___ <

 

 

 

ให้ดูรูปรวมก่อนค่ะ เห็นมั้ยล่ะว่าไม่เยอะจริงๆ 
(เอ..ไม่เยอะแต่เกือบครบทุกสเตปเลยนะยะ 55)



 Step1 : sun screen
ขั้นตอนแรก(หลังจากลงครีมบำรุงเสร็จแล้วนะคะ) คือ ครีมกันแดดนั่นเองค่ะ
บอกเลยว่าเพิ่งเห็นความสำคัญของกันแดดเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ
เริ่มจากมหา'ลัยที่เราเรียนอยู่แถวรังสิต แล้วคือแดดรังสิตมันร้อนมากๆค่า~
ตอนปี1 นี่ไม่แตะกันแดดเลยค่ะ(ตอนเดินไปเรียนก็ไม่กางร่มด้วยนะ)
พอกลับมาเจอเพื่อนสมัยมัธยมเท่านั้นแหละค่ะ ค้นพบเลยว่าแดดรังสิตทำร้ายเราจริงๆค่ะ T _ T
หลังจากนั้นมาเลยทากันแดดมาตลอด เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับเราเลยค่ะ

 

 

 

กันแดดที่ใช้อยู่ตอนนี้มีสองตัวนะคะ เชื่อว่าเพื่อนๆคงรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว 


1.BioreUV Aqua Rich Watery mousse Water base SPF50+PA+++
(ราคาจำไม่ได้ค่ะ ประมาณ 200กว่าบาทไม่เกิน300ค่ะ)
ตัวนี้ใช้มาสองหลอดแล้วค่ะ นี่หลอดที่สองก็จะหมดแล้ว
เป็นกันแดดที่ชอบมากที่สุดเท่าที่เคยใช้มาค่ะ มันเป็นกันแดดเนื้อมูส ทาง่าย ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ
ไม่หนักหน้าเลย แล้วเวลาออกแดดก็ไม่มีกลิ่นกันแดดลอยออกมาด้วยค่ะ
(ครีมกันแดดที่เคยใช้ก่อนหน้านี้เวลาทาแล้วออกแดดทีไร จะมีกลิ่นกันแดดลอยมาทุกครั้ง ไม่ชอบเลยค่ะ)
อ่อ แล้วก็ตัวนี้ใช้เป็นเบสเมคอัพในตัว พอทาแล้วจะช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้นค่ะ
ซึ่งมันพอดีกับผิวหน้าเรามากๆ  (เพื่อนบางคนเคยบอกว่ามันวอกเกินไป)

2.BioreUV Aqua Rich Watery Essence SPF50+PA+++
(ตัวนี้ได้มาฟรีจากงานบอลค่ะ ไปขึ้นสแตนด์มาแล้วเค้าใส่ไว้ในถุงกู้ชีพ555)
เนื้อกันแดดเป็นครีมๆเหลวๆหน่อย แต่พอนำมาทาบนหน้าแล้วมันจะเปลี่ยนเป็นน้ำค่ะ
ทาแล้วเย็นๆสบายผิวสุดๆเลยค่ะ ให้ความรู้สึกคล้ายตัวมูสข้างบนเลยค่ะ
แต่ตัวนี้จะไม่ได้เป็นเบสเมคอัพ ทาแล้วไม่ช่วยในการปรับสีผิวเท่าไหร่ค่ะ

สรุปว่าเราชอบ ตัว mousse Water baseมากกว่าค่ะ ถ้าใช้หมดแล้วยังไงก็ซื้ออีกแน่นอนเลยค่ะ

เพิ่มเติมนะคะ*ถ่ายรูปเนื้อของสองตัวนี้มาให้ดูด้วยค่ะ




Step 2 : Conceal
ต่อมาเป็นขั้นตอนของการปกปิดค่ะ หลายคนอาจสงสัยว่า
อ้าว..ทากันแดดเสร็จแล้วเราไม่ทาอย่างอื่นต่อเลยหรอ เราก็เลยจะตอบว่า
ใช่แล้วค่ะ พอทากันแดดเสร็จก็จบเลยเราไม่ลงแป้งหรือรองพื้นแล้วค่ะ
อย่างที่บอกในตอนต้นว่าเราไม่ชอบแต่งเยอะให้หนักหน้าค่ะ
อีกอย่างที่ไม่ชอบทาแป้งเพราะเราไม่ชอบให้หน้าแมทท์ ชอบแบบมันๆโกลว์ๆดูธรรมชาติ(ลงโทษ)ดีค่ะ 555
อ้าว ถ้าไม่อยากให้หนักหน้าแล้วทำไมใช้คอนซีลเลอร์ล่ะ? ด้วยความที่เราแพนด้าหนักมาก
(เป็นพวกแพ้อากาศเลยจามบ่อย + นอนดึก ไม่ดึกล่ะค่ะเช้าเลยแหละ ชอบดองการบ้านไว้
พอไฟลนก็ปั่นๆๆ~ ปั่นเสร็จก็เช้าเลยค่ะ ฮ่าๆๆ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะคะ มันแย่มากๆเลย)

 

 

ตอนนี้ที่ใช้ก็มีอยู่สองตัวเช่นกันค่ะ 
1. Revlon PhotoReady concealer
(ราคาประมาณ200ปลายๆเกือบๆ300฿ค่ะ)
ตัวแรกเป็นของเรฟล่อนค่ะ สภาพสมบุกสมบันมากกกก 5555
ใช้จนลายพิมพ์ลอกหมดแล้ววว แถมยังเขรอะอีก (กล้ามากเลยนะที่เอาลงเนี่ย)
ฮ่าๆ สาวๆจะได้รู้ไงว่าเราใช้จริงๆนะ ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดแล้วค่ะและซื้อต่อแน่นอน
ถ้าไม่ถูกใจจริงๆเราคงไม่ใช้จนหมดหรอกเนอะ 



2. Soap & Glory Trick and Treatment
(จำราคาไม่ได้อีกแล้วว ซื้อมาตอนลดราคาน่าจะ200ปลายๆค่ะ)
ตัวนี้เพิ่งได้มาใหม่ใช้ไปแค่ไม่กี่ครั้งเองค่ะ ก็โอเคเลยค่ะ 
ชอบตรงที่ทาแล้วไม่เป็นคราบเลยค่ะ แม้จะปกปิดได้ไม่เท่าเรฟล่อน(แต่เรฟล่อนแอบเป็นคราบนี่สิ)
แล้วก็ตัวนี้มีผสมกลิตเตอร์ด้วยนะคะ ทาแล้วมันจะวิ้งๆ โกลว์ดีค่ะ เราชอบนะ
อ่อ ชื่อมันบอกว่าTrick&Treatment เพราะนอกจากเอามาทาเพื่อปกปิดแล้วยังสามารถนำ
เจ้าคอนซีลเลอร์ตัวนี้มาผสมกับอายครีมแล้วทาได้ด้วยนะคะ เค้าว่ามันช่วยบำรุงแหละ
แต่สภาพใต้ตาเราตอนนี้เกินเยียวยาแล้วค่าาา T __ T 

เอ๊...รู้สึกว่ากระทู้นี้จะยาวแฮะ สาวๆอย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ 




Step3 : Lip Treatment
เหมือนเราจะจัดสเตปผิดแหละ แต่ช่างมันเถอะนะ 555
บำรุงริมฝีปากกันดีกว่าาา หลักตอนนี้ใช้อยู่สามตัวค่ะสลับเปลี่ยนไปเรื่อยตามอารมณ์



 

 

1.EOS Lipbalm กลิ่น Summer Fruit
(ราคา199฿ ซื้อจากร้านในFBค่ะ)
เคยเขียนริวิวไว้ในบลอคแล้วค่ะ งั้นเราจะไม่พิมพ์เยอะละกันเนอะ 
สรุปสั้นๆว่ามันเป็นลิปบาล์มรูปไข่ที่น่ารัก > __ < กลิ่นหอมผลไม้เมืองร้อน ชุ่มชื่น
ที่สำคัญรสหวานอร่อยมากๆเลยค่ะ55555 เดี๋ยวใช้หมดแล้วจะลองซื้อสีอื่นมาใช้ดูบ้าง



2.Omi Lipbalm Muscat Tart
(ราคา99฿ ซื้อใน Loft ค่ะ)
เป็นลิปมันที่ใช้แล้วชอบมากกกกก ประทับใจกลิ่นค่ะมันเป็นกลิ่นองุ่น
หอมมากๆเลย มีสีอื่นๆด้วยเด๋วใช้หมดแล้วจะลองใช้สีอื่นอีกเช่นกัน
ต่อมาตัวลิปเนื้อนุ่มๆทาแล้วให้ความชุ่มชื่นมากค่ะ ไม่เป็นคราบด้วย
สรุปว่าชอบทั้ง EOS และ OMI เลยค่ะ 


3. Majorica majoca Honey Pump Lip Essence
(220฿ ซื้อตอนชิ้นที่สองหนึ่งบาทค่ะ อีกชิ้นให้เพื่อนไปแล้ว)
จะบอกว่าชอบตัวนี้น้อยกว่าสองตัวข้างบนค่ะ เนื่องจากมันเหนี๊ยวเหนียว
ลมพัดทีผมติดปากแกะไม่ออกกันเลยทีเดียว =P เราเลยใช้ทาก่อนนอนอย่างเดียวเลย
แต่ให้อภัยตรงที่กลิ่นหอมแล้วก็แพจเกจสวยค่ะ > __ <


 

Step4 : Eye Brows
สำคัญมากๆไม่แพ้กันเลยค่ะ เดี๋ยวนี้จะติดการเขียนคิ้วมาก
ถ้าไม่เขียนเราจะแปลกตามากๆว่าทำไมคิ้วโล้นจังเธอ~ 
ทั้งสองชิ้นสภาพเขรอะทั้งคู่เลยค่ะ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน กระซิกๆT^T



 

1. Catrice EyeBrows Stylist 
(ราคาจำไม่ได้แล้วค่ะ น่าจะร้อยกว่าบาทนะคะ)
เครื่องสำอางยี่ห้อนี้ถึงจะไม่แพงแต่คุณภาพเกินราคาค่ะเราชอบมากๆเลย
ที่เขียนคิ้วตัวนี้เป็นดินสอเนื้อนุ่ม ติดทน มีแปรงปัดในตัวด้วย

2. Kate Brown Collection BR-1
(ราคาประมาณ 400ปลายๆค่ะ ตัวนี้ซื้อมาเกือบสองปีแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังมี
รุ่นนี้ขายอยู่รึเปล่า เหมือนจะเห็นรุ่นอื่นแล้วนะคะ ไม่เห็นรุ่นนี้แล้ว)
ที่สภาพมันเป็นแบบนี้ต้องบอกเลยว่าเราทำมันหล่นบ่อยมากๆค่ะ จริงๆในส่วนของ
อายแชโดว์ช่องแรกเรายังไม่ทันได้ใช้เลยค่ะ ดันหล่นซะก่อนมันก็แตกกระจายหมดเลยค่ะ
ช่วยชีวิตไม่ได้ด้วยเพราะว่ามันกระจายออกมาที่พื้นเลยค่ะ
แต่ช่องกลางเราใช้บ่อยเห็นมั้ยว่าโบ๋เลยยย เราใช้วางเป็นลายเนอร์ที่ตาให้มันฟุ้งๆดูคมๆแต่เป็นธรรมชาติค่ะ

ในส่วนของช่องที่ทาคิ้วแบบฝุ่นเราก็ใช้ทุกวันเลยค่ะ จนกระทั่งมันหล่นอีกครั้ง
สภาพมันจึงเป็นอย่างที่เห็นค่ะ แต่ก็ใกล้หมดแล้วถือว่าใช้คุ้มแล้วล่ะค่ะ


อ๋อ ตัวนี้ก็ติดทนเหมือนกันนะคะ เขียนแล้วอยู่ทนทั้งวันเลยค่ะ ทั้งๆที่เราเป็นคนเหงื่อออกที่ใบหน้าเยอะแท้ๆ



Step 5 : Eyes & EyeLashes
จะบอกว่าเราเพิ่งเริ่มเขียนลายเนอร์กับปัดขนตาเมื่อไม่นานมานี้เอง
ก่อนหน้านี้เราแค่วาดลายเนอร์ฟุ้งๆด้วยเคทข้างบน และ ดัดขนตาก็จบแล้วค่ะ
 แต่ตอนนี้เพิ่งเริ่มๆฝึกเขียน ก็สนุกดีนะคะการแต่งหน้าเนี่ย

 

 


1.Mei Linda Defining Eyeliner Auto
(ราคาจำไม่ได้อีกแล้ว น่าจะไม่เกินร้อยบาทค่ะ ซื้อในร้านขายเครื่องสำอางที่ฟิวเจอร์ฯรังสิตค่ะ)
เป็นลายเนอร์แบบดินสอที่เราใช้แล้วไม่แพนด้าแม้จะนำมาเขียนอินเนอร์
ไม่เคยเจออะไรที่ถูกแล้วดีสำหรับเราแบบนี้มาก่อนเลย
ก่อนหน้านี้ก็เคยซื้อลายเนอร์แบบดินสอมาลองเขียนๆเล่นดูบ้างแต่ก็แพนด้าตลอดเลยค่ะ
ตัวนี้รักเลย 

2.Mei Linda Glimmer Glitter Eyeliner
(จำราคาไม่ได้เช่นกัน ซื้อพร้อมกับตัวข้างบนค่ะ)
ตัวนี้เป็นลายเนอร์สีขาว ติดทนอีกเช่นเคยค่ะ เริ่มสนใจยี่ห้อนี้ขึ้นมาทันทีเลยหลังจากลอง
สองตัวนี้ ไว้คราวหน้าจะลองหาซื้อตัวอื่นๆมาลองเล่นดูค่ะ

3.Life Ford Hi-Precise Eye Pen สีดำ
(ราคา 190 บาท ซื้อแถวอนุเสาวรีย์ชัยฯค่ะ)
อายลายเนอร์เลื่องชื่อ ไม่ต้องพูดเยอะเพราะสาวๆรู้จักกันดีอยู่แล้วเนอะ
สำหรับเราก็ใช้แล้วโอเคเลยค่ะ เพราะมันไม่แพนด้าเลย 

 

 


4. Majorica Mojoca Lash Gorgeous Wing Neo
(ราคา 490 บาทหาซื้อได้ในวัตสันค่ะ)
มาสคาร่าเลื่องชื่ออีกแล้ววว ไม่พูดเยอะเนอะๆ
หลังจากที่ใช้ลายเนอร์สองตัวบนแล้วไม่แพนด้าแต่มาสคาร่าตัวนี้
กลับทำให้เรากลายเป็นแพนด้า(นิดๆที่หางตา) แง เสียใจมาก
ด้วยความที่รุ่นนี้มันเป็นไฟเบอร์ด้วยมั้งคะ แล้วเราก็เป็นพวกเหงื่อออกที่ใบหน้าเยอะ

มันเลยแพนด้าาา แต่เราก็แก้ปัญหาโดยการใช้อายแชโดว์ฝุ่นแพคที่ขอบตา
กับใช้แป้งฝุ่นแตะที่ขอบตาล่าง วิธีนี้ค่อนข้างได้ผลเลยค่ะ 

 

อ่อ รุ่นนี้เน้นความเป็นธรรมชาตินะคะ มีไฟเบอร์ช่วยทำให้ขนตายาวขึ้นแต่ไม่ช่วยให้หนาขึ้นค่ะ
คราวนี้ถ้าใช้รุ่นนี้หมดจะไม่ซื้อแล้ว จะซื้อรุ่นอื่นแทนเพราะเรายังเชื่อใจมาสคาร่ามอจอลิก้าอยู่น้าา <3

 

5. ETUDE Orgel Light eyeshadow 04
เพิ่มเติมค่ะ เมื่่อกี้ลืมตัวนี้ไป
(ราคาจำไม่ได้แล้วค่ะ พรีออเดอร์ในเว็บนานมาก เดี๋ยวนี้รุ่นนี้น่าจะเลิกผลิตไปแล้วนะคะ)
แฮ่ๆ ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ถ้าใช้ส่วนใหญ่จะใช้สีแรกเขียนขอบตาล่าง วิ้งๆดีค่ะ ติดทนอีกแล้ว






Step6 : Lip & Cheeks ขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ

1.NYX Lip Smacking Fun Colors สี Paparazzi
(ราคา 129 บาท ซื้อมาจากร้านขายเครื่องสำอางที่ฟิวเจอร์ฯรังสิตค่ะ)
เพิ่งได้มาเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ ตอนแรกที่ไปยืนๆเลือกดูเลือกไม่ถูกเลยค่ะ
เพราะไม่มีตัวทดลองสุดท้ายก็เลือกสีนี้มาค่ะ ลองทาแล้วดูไม่ค่อยออกเลยว่าทา
(มันกลืนกับสีปากจริงของเรามากๆเลย) แต่ก็โอเคนะคะ ธรรมชาติดี 
อ้ออ ซื้อสี Strawberry Milk มาด้วยค่ะแต่ตัวนี้นู้ดมากๆเลย สีมีนซีดๆตอนที่ซื้อมาไม่คิดว่าจะซีดขนาดนี้
เดี๋ยวลองดูswatchสี-ข้างล่างดูนะคะ แถมๆ อิอิ

 

 

 

 


2. Majorica Majoca Cream de Cheek สี RD411 & RD310
เคยเอามาเห่อตอนเปิดถุงวัตสันกระทู้แรกไปแล้ว เสียงตอบรับดีมากกก 555
ส่วนตัวใช้แล้วก็ชอบนะคะ ประหยัดมากเพราะใช้ข้างละหยดก็เพียงพอแล้ว
ทาง่ายเกลี่ยง่ายกว่าแบบเจล ปกติทาแบบเจลจะแห้งไวมากแค่แตะลงบนผิว
พอจะเกลี่ยปุ๊บมันก็เป็นดวงๆซะแล้ว แต่ตัวนี้ไม่เป็นเลย เกลี่ยง่าย
นอกจากพอทาแล้วดูธรรมชาติดี อาจจะติดไม่ทนทั้งวันเนื่องจากเราทาอ่อนๆอยู่แล้วและไม่ได้ปัดแบบฝุ่นทับเลย
แต่โดยรวมแล้วรักเลย 

 

มาดูสีกันดีกว่าาาา (ขออภัยสำหรับเส้นเลือดนะคะ กลัวบางคนกลัวเส้นเลือดค่ะ แฮะๆ)

 



 



เย่~~ จบไปแล้วสำหรับรีวิวเครื่องสำอางที่เราใช้แต่งหน้าในทุกๆวันนะคะ
(ใช้เวลาทำรูปนานมากกก แต่ก็สนุกและมีความสุขมาก)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ เจอกันใหม่กระทู้หน้านะคะ ขอบคุณค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 


KanKan

KanKan

28 years old girl who is still passionate with make up and skincare <3
หมดยุคสวยคนเดียวแบบเงียบๆแล้ว..เพราะยุคนี้เราจะต้องสวยไปด้วยกันนะคะ

FULL PROFILE