สถานะการเงินแบบนี้ ถ้าซื้อรถจะเป็นภาระมากมั้ยคะ
yol110ที่ผ่านมาไม่เคยสนใจจะซื้อรถเพราะขี้เกียจไปเรียนขับรถ อีกทั้งไม่รู้จะขับไปไหนและขี้เกียจดูแล+ตรวจเช็คอะไรต่างๆ ก็เลยอาศัยนั่งรถแท็กซี่ไปทำงาน ไปกินข้าว ไปช็อปปิ้ง (นานๆ ครั้งค่ะ ไม่ค่อยมีเวลาไปเดินห้าง ส่วนใหญ่ซื้อของผ่านเว็บเกือบทุกอย่างค่ะ) แต่ละเดือนก็จะเสียค่าแท็กซี่ประมาณ 5000-6000 บาท
ตอนนี้เปลี่ยนตำแหน่งงาน ในหน้าที่ใหม่มันต้องเดินทางเยอะขึ้น เลยคิดว่าจะซื้อรถ แต่บริหารการเงินไม่เป็น อยากทราบว่าสถานะการเงินอย่างนี้ จะเป็นภาระมากมั้ย
ข้อมูลนะคะ
- รายได้ประจำ เมื่อหักภาษี หักสมทบกองทุนฯ หักเงินฝากรายเดือนกับสหกรณ์ จะเหลือสุทธิอยู่ที่ประมาณเดือนละ 50,000 บาท
- รายได้พิเศษ (เบี้ยประชุม, เบี้ยเลี้ยงเวลาเดินทาง ตจว. หรือ ตปท.บางครั้ง) อยู่ที่เดือนละประมาณ 7,000 บาท ช่วงไหน peak หน่อยก็อาจจะได้ถึง 20,000 บาท แต่ก้ไม่บ่อยนะคะ
- มีเงินเก็บบ้าง แต่ไม่มากค่ะ ยอมรับว่าค่อนข้างใช้เงินเก่ง แต่ก็มีวินัยในระดับหนึ่ง คือ ต้องกันเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินออม มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังในแต่ละเดือน
- แม้ว่าจะใช้เงินเก่ง แต่ไม่มีหนี้สินถาวรนะคะ จะมีแต่หนี้สินชั่วคราวคือรูดการ์ดซื้อของ แต่พอใบเรียกเก็บส่งมาก็จะไปเคลียร์เต็มจำนวน ไม่มีส่วนเหลือให้โดนคิดดอกเบี้ย
- รายจ่ายประจำ คือ การกินอยู่+ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ รวมค่ายา+อาหารเสริมด้วย อัตราจ่ายในแต่ละเดือนไม่แน่นอนค่ะ, เลี้ยงดูพี่สาวพิการหนึ่งคน (ให้อยู่ด้วยกัน กินด้วยกัน ของใช้ประจำวันหาให้ทุกอย่าง และให้ pocket money เค้าไว้เดือนละ 1000 บาท เหมือนว่าให้ติดไว้เฉยๆ อ่ะค่ะ เพราะเค้าไปไหนเองไม่ได้ถ้าเราไม่พาไป) กับมีญาติอยู่ร่วมบ้านอีกหนึ่งคน แบบมากินกับเรา ใช้ของส่วนกลางบางอย่างร่วมกับเรา แต่ไม่ต้องดูแลในเรื่องอื่นนะคะเพราะเค้ามีรายได้ของเค้าเอง), ต้องจ่ายค่าประกันชีวิต/สุขภาพปีละ 35,000 บาท
อย่างนี้ถ้าซื้อรถ จะบริหารเงินยังไงให้มันพอใช้คะ (หมายถึง พอสำหรับการผ่อนส่ง+เติมน้ำมัน+บำรุงรักษา+จ่ายประกันรายปี แล้วก็ยังเหลือไว้กินไว้ใช้ไว้เก็บบ้าง) รบกวนแนะนำด้วยค่ะ
(หมายเหตุ - เนื่องจากมีการเปิดเผยรายได้ไว้ในนี้ เลยขอป้องกันไว้ก่อน ไม่รับโฆษณาแฝงเชิญชวนให้ซื้ออะไรต่างๆ ผ่านกระทู้นี้นะคะ ไม่ว่าจะซื้อประกัน ซื้อรถยนต์ หรือ ซื้ออะไรอื่นๆ)
ตอนนี้เปลี่ยนตำแหน่งงาน ในหน้าที่ใหม่มันต้องเดินทางเยอะขึ้น เลยคิดว่าจะซื้อรถ แต่บริหารการเงินไม่เป็น อยากทราบว่าสถานะการเงินอย่างนี้ จะเป็นภาระมากมั้ย
ข้อมูลนะคะ
- รายได้ประจำ เมื่อหักภาษี หักสมทบกองทุนฯ หักเงินฝากรายเดือนกับสหกรณ์ จะเหลือสุทธิอยู่ที่ประมาณเดือนละ 50,000 บาท
- รายได้พิเศษ (เบี้ยประชุม, เบี้ยเลี้ยงเวลาเดินทาง ตจว. หรือ ตปท.บางครั้ง) อยู่ที่เดือนละประมาณ 7,000 บาท ช่วงไหน peak หน่อยก็อาจจะได้ถึง 20,000 บาท แต่ก้ไม่บ่อยนะคะ
- มีเงินเก็บบ้าง แต่ไม่มากค่ะ ยอมรับว่าค่อนข้างใช้เงินเก่ง แต่ก็มีวินัยในระดับหนึ่ง คือ ต้องกันเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินออม มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังในแต่ละเดือน
- แม้ว่าจะใช้เงินเก่ง แต่ไม่มีหนี้สินถาวรนะคะ จะมีแต่หนี้สินชั่วคราวคือรูดการ์ดซื้อของ แต่พอใบเรียกเก็บส่งมาก็จะไปเคลียร์เต็มจำนวน ไม่มีส่วนเหลือให้โดนคิดดอกเบี้ย
- รายจ่ายประจำ คือ การกินอยู่+ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ รวมค่ายา+อาหารเสริมด้วย อัตราจ่ายในแต่ละเดือนไม่แน่นอนค่ะ, เลี้ยงดูพี่สาวพิการหนึ่งคน (ให้อยู่ด้วยกัน กินด้วยกัน ของใช้ประจำวันหาให้ทุกอย่าง และให้ pocket money เค้าไว้เดือนละ 1000 บาท เหมือนว่าให้ติดไว้เฉยๆ อ่ะค่ะ เพราะเค้าไปไหนเองไม่ได้ถ้าเราไม่พาไป) กับมีญาติอยู่ร่วมบ้านอีกหนึ่งคน แบบมากินกับเรา ใช้ของส่วนกลางบางอย่างร่วมกับเรา แต่ไม่ต้องดูแลในเรื่องอื่นนะคะเพราะเค้ามีรายได้ของเค้าเอง), ต้องจ่ายค่าประกันชีวิต/สุขภาพปีละ 35,000 บาท
อย่างนี้ถ้าซื้อรถ จะบริหารเงินยังไงให้มันพอใช้คะ (หมายถึง พอสำหรับการผ่อนส่ง+เติมน้ำมัน+บำรุงรักษา+จ่ายประกันรายปี แล้วก็ยังเหลือไว้กินไว้ใช้ไว้เก็บบ้าง) รบกวนแนะนำด้วยค่ะ
(หมายเหตุ - เนื่องจากมีการเปิดเผยรายได้ไว้ในนี้ เลยขอป้องกันไว้ก่อน ไม่รับโฆษณาแฝงเชิญชวนให้ซื้ออะไรต่างๆ ผ่านกระทู้นี้นะคะ ไม่ว่าจะซื้อประกัน ซื้อรถยนต์ หรือ ซื้ออะไรอื่นๆ)
Discussion (10)
ดูจากสถารภาพทางการเงินแล้ว ซื้อได้ค่ะ ไม่น่ามีปัญหาอะไร
อย่าว่าถามอะไรโง่ๆ เลยนะคะ คือที่ผ่านมาต้องบอกว่าไม่เคยสนใจจะซื้อรถจริงๆ ก็เลยไม่รู้เรื่องตรงนี้เลยอ่ะค่ะ ..ก็เลยอยากถามเพิ่มเติมว่า เงินดาวน์ กับ เงินที่ต้องจ่ายเป็นราคารถ เป็นเงินก้อนเดียวกันหรือเปล่าคะ ณ ตอนนี้เข้าใจว่ามันคือก้อนเดียวกัน โดยถ้ายอมเอาเงินเก็บออกมาจ่ายเงินดาวน์ให้มากนิดนึงก็จะทำให้เหลือราคารถที่จะผ่อนส่งต่อเดือน+ระยะเวลาการผ่อนส่งน้อยลงด้วย ไม่ทราบเข้าใจถูกมั้ยคะ แล้วปกติอัตราการจ่ายเงินดาวน์ ใครเป็นคนกำหนดคะ บริษัทที่ขายรถ หรือ ว่าเราสามารถคุยกับเค้าได้ มี choice ให้เลือกเยอะมั้ยคะ
แล้วอย่างที่ว่าเป็น eco car เนี่ย ราคาเบื้องต้นมันจะประมาณเท่าไหร่คะ ลองสมมติตัวเลขให้ดูได้มั้ยคะ นึกภาพไม่ออกจริงๆ ค่ะ ว่าราคาประมาณไหนแล้วจะต้องจ่ายเงินดาวน์เท่าไหร่ เงินดาวน์เนี่ยต้องจ่ายเป็นก้อนเดียวเลยหรือเปล่า แล้วในส่วนของเงินผ่อนที่เหลือจะต้องผ่อนเดือนละเท่าไหร่ ระยะเวลาเท่าไหร่ มืดแปดด้านจริงๆ ค่ะ
การซื้อประกันต้องซื้อพร้อมซื้อรถเลยมั้ยคะ
อ้อ! ส่วนที่ถามว่าการใช้รถจะต้องใช้ประมาณไหน ก็ใช้อยู่แต่ในเขตกรุงเทพกับปริมณฑลอ่ะค่ะ ใช้ในงานประมาณว่าไป-กลับ หรือวิ่งไปสาขาแบบด่วนๆ ค่ะ ไม่ไปไหนไกลหรอก ขนาดช็อปปิ้งยังไม่ค่อยมีเวลาเลย เพราะฉะนั้นเรื่องเที่ยวเลิกคิด (ในการปฏิบัติงานนอกสถานที่ สามารถใช้รถสำนักงานได้ค่ะ แต่คนขับรถสำนักงานจะไม่รับ-ส่งที่บ้าน แต่จะส่งให้ที่สำนักงานเท่านั้น ที่เหลือหาทางกลับบ้านเอาเอง ก็เลยมีปัญหาว่าบางครั้งเสร็จภารกิจดึกค่ะ แล้วเวลาดึกๆ เนี่ย แถวๆ สำนักงานมันค่อนข้างเปลี่ยวค่ะ + กับบางครั้งเค้าไปส่งให้แต่ตอนกลับให้กลับเอง รวมทั้งบางครั้งต้องอาศัยติดรถเพื่อนร่วมงานมาหาที่สว่างๆ เรียกแท็กซี่ หรือบางคนเค้าก็มาส่งที่บ้านให้ มันก็เกรงใจเค้าอ่ะค่ะ ก็เลยคิดเรื่องจะซื้อรถขึ้นมา)
รบกวนสมาชิกอีกครั้งนะคะ ช่วยคนโง่หน่อยค่ะ
แล้วอย่างที่ว่าเป็น eco car เนี่ย ราคาเบื้องต้นมันจะประมาณเท่าไหร่คะ ลองสมมติตัวเลขให้ดูได้มั้ยคะ นึกภาพไม่ออกจริงๆ ค่ะ ว่าราคาประมาณไหนแล้วจะต้องจ่ายเงินดาวน์เท่าไหร่ เงินดาวน์เนี่ยต้องจ่ายเป็นก้อนเดียวเลยหรือเปล่า แล้วในส่วนของเงินผ่อนที่เหลือจะต้องผ่อนเดือนละเท่าไหร่ ระยะเวลาเท่าไหร่ มืดแปดด้านจริงๆ ค่ะ
การซื้อประกันต้องซื้อพร้อมซื้อรถเลยมั้ยคะ
อ้อ! ส่วนที่ถามว่าการใช้รถจะต้องใช้ประมาณไหน ก็ใช้อยู่แต่ในเขตกรุงเทพกับปริมณฑลอ่ะค่ะ ใช้ในงานประมาณว่าไป-กลับ หรือวิ่งไปสาขาแบบด่วนๆ ค่ะ ไม่ไปไหนไกลหรอก ขนาดช็อปปิ้งยังไม่ค่อยมีเวลาเลย เพราะฉะนั้นเรื่องเที่ยวเลิกคิด (ในการปฏิบัติงานนอกสถานที่ สามารถใช้รถสำนักงานได้ค่ะ แต่คนขับรถสำนักงานจะไม่รับ-ส่งที่บ้าน แต่จะส่งให้ที่สำนักงานเท่านั้น ที่เหลือหาทางกลับบ้านเอาเอง ก็เลยมีปัญหาว่าบางครั้งเสร็จภารกิจดึกค่ะ แล้วเวลาดึกๆ เนี่ย แถวๆ สำนักงานมันค่อนข้างเปลี่ยวค่ะ + กับบางครั้งเค้าไปส่งให้แต่ตอนกลับให้กลับเอง รวมทั้งบางครั้งต้องอาศัยติดรถเพื่อนร่วมงานมาหาที่สว่างๆ เรียกแท็กซี่ หรือบางคนเค้าก็มาส่งที่บ้านให้ มันก็เกรงใจเค้าอ่ะค่ะ ก็เลยคิดเรื่องจะซื้อรถขึ้นมา)
รบกวนสมาชิกอีกครั้งนะคะ ช่วยคนโง่หน่อยค่ะ
ดูจาก เงินเดือนและค่าใช้จ่ายคงที่ที่ต้องจ่ายแล้วไม่น่าจะ มีปัญหานะคะ
แต่เรื่องค่าช๊อปปิ้งนี่เราไม่รู้นะคะ
เพราะตอนที่เราซื้อรถ เงินเดือนเราน้อยกว่า จขก อีก ค่าใช้จ่าย ค่าประกันก็พอๆจะ จขก
เราก็ใช้เวลา เก็บตังซื้อรถประมาณ เกือบสามปีอ่ะ ระหว่างนั้นก็ใช้จ่ายปกติ ก็พอจะซื้อ รถญี่ปุ่น ได้นะ
ถ้า จขก ไม่ได้รีบอะไร ค่อยๆเก็บตังซื้อก็ได้ค่ะ หรือ จะผ่อนก็ไม่น่ามีปัญหานะคะถ้าไม่ใช่รถใหญ่มากค่ะ
แต่เรื่องค่าช๊อปปิ้งนี่เราไม่รู้นะคะ
เพราะตอนที่เราซื้อรถ เงินเดือนเราน้อยกว่า จขก อีก ค่าใช้จ่าย ค่าประกันก็พอๆจะ จขก
เราก็ใช้เวลา เก็บตังซื้อรถประมาณ เกือบสามปีอ่ะ ระหว่างนั้นก็ใช้จ่ายปกติ ก็พอจะซื้อ รถญี่ปุ่น ได้นะ
ถ้า จขก ไม่ได้รีบอะไร ค่อยๆเก็บตังซื้อก็ได้ค่ะ หรือ จะผ่อนก็ไม่น่ามีปัญหานะคะถ้าไม่ใช่รถใหญ่มากค่ะ
มันก็ต้องพิจารณาหลายอย่างเหมือนกัน
-ระยะทางที่ต้องเดินทางประจำวันนี่ไกลแค่ไหนเพื่อที่จะได้ประมาณค่าน้ำมันแต่ละเดือนถูก
-ค่าบำรุงรักษารถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็ไม่เท่ากัน ถ้าอยากรู้ว่าเท่าไหร่เค้าจะมีตัวอย่างให้ดูตามwebของยี่ห้อนั้นๆอ่ะค่ะ
-สรุปคือดูว่าแต่ละเดือนมีเงินที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายนู่นนี่แล้วประมาณเท่าไหร่เพราะเท่าที่อ่านดู จขกท ก็มีค่าใช้จ่ายต้องรับผิดชอบเยอะพอควร แต่ถ้าคิดว่ามีีรถแล้วค่าใช้จ่ายบางอย่างสามารถตัดออกได้ก็ ok เลยค่ะ เพราะจากฐานเงินเดือนนี่ซื้อรถได้สบาย
เมื่อมีรถค่าใช้จ่ายที่ต้องเจอคือ
-ค่าบำรุงรักษา
-ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน
-ค่าพรบ.+ประกัน(แล้วแต่ราคารถคือซื้อรถแพง ประกันแพงตาม)
-ค่างวดรายเดือน
-ค่าใช้จ่ายจุกจิก เช่น...ค่าล้างรถแต่งรถนู่นนี่ มีรถแล้วเราจะออกจากบ้านง่ายขึ้น บ่อยขึ้น..555
ทั้งนี้ทุกสิ่งอย่างอยู่ที่เราบริหารเงินของเราอ่ะค่ะ
eco car ลองดู nissan almera ค่ะ ตัว TOP ราวๆ 6 แสนค่ะ คันใหญ่เหมอืนรถทั่วไป
แต่ถ้าถูกกว่า คันเล็กหน่อย ก็ nissan march ค่ะ ไม่ต้องตัว TOP ก็ 5 แสนกำลังดี ค่ะ
เคยเห็น nissan ดาวน์ ถูกมากค่ะ ดาวน์หลักหมื่น ด้วยซ้ำไป ราวๆๆ 4-5 หมื่น ค่ะ ผ่อนซัก 4-5 พันก็ได้ค่ะ
คือเราใช้ nissan march ค่ะ เพราะใช้คนเดียว ไม่ได้ใส่อะไร มาก ชอบคันเล็ก ไม่ต้องเสียเงินแพง
ประหยัดน้ำมันพอประมาณ ค่ะ ^^
ยังไง ลอง เสิร์ท google ดู นะคะ มีราคาเพียบ ค่ะ