Beaty Arrival

Under Armour - บรรลุเป้าหมายของการวิ่งและการออกกำลังของคุณด้วย UA HOVR PHANTOM 2

UA HOVR Phantom 2 รองเท้ารุ่นใหม่ล่าสุดจากซีรีส์ Phantom จาก Under Armour ออกแบบมาเพื่อช่วยคุณบรรลุสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งมือใหม่ หรือกำลังสะสมระยะทางในการซ้อม UA HOVR™ Phantom 2 รุ่นใหม่เป็นรองเท้าวิ่งที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุด ถูกออกแบบมาด้วยดีไซน์โดดเด่นทันสมัย เพื่อช่วยให้คุณเอาชนะเป้าหมายนั้นได้

UA HOVR Phantom 2 พัฒนามาจาก HOVR Phantom รุ่นก่อนด้วยดีไซน์และคุณสมบัติหลัก 3 อย่าง คือ การรองรับแรงกระแทก ความเบาบางกระชับ และฟังก์ชันการสร้างแผนการซ้อมเฉพาะตัวด้วยแอปพลิเคชัน MapMyRun ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ให้ความยืดหยุ่น กระชับราวกับสวมถุงเท้า พร้อมระบบซัพพอร์ทช่วงเท้า และพื้นรองด้านนอกที่คงทนและยืดหยุ่น ทำให้ HOVR Phantom 2 เป็นรองเท้าที่ช่วยให้คุณวิ่งได้เร็วและรู้สึกสวมใส่สบายที่สุดของเรา และหากคุณต้องการที่จะวิ่งให้ได้เพื่อทำความเร็วสูงสุดหรือวิ่งเน้นระยะทางไกล แอปพลิเคชัน MapMuRun จะช่วยสร้างแผนการซ้อมส่วนตัวเพื่อให้คุณไปสู่เป้าหมายนั้นได้

“เราต้องการให้ UA HOVR Phantom 2 รุ่นใหม่นี้เป็นรองเท้าที่เหมาะกับการวิ่งที่สุด เราจึงให้ความสำคัญกับการมอบโซลูชันเพื่อการวิ่งแบบเพอร์ฟอร์แมนซ์ ไม่ว่าจะเป็น การยึดเกาะถนน ความยืดหยุ่นและการรองรับแรงกระแทก ล้วนแล้วแต่เป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ของรองเท้าคู่นี้ พร้อมกับหน้าผ้าที่ให้ทั้งความกระชับและสามารถระบายอากาศได้ดีที่เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกับของหน้าผ้า คุณสมบัติทั้งหมดนี้จะทำให้คุณรู้สึกพร้อมทันทีที่ผู้เชือกรองเท้า” - เอ็ด วอลเลซ (Ed Wallace) ดีไซน์เนอร์ฝ่ายรองเท้าวิ่งของ Under Armour


● ยิ่งสวมใส่ UA HOVR ยิ่งให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลัง
ด้วยการรองรับการกระแทกที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้คุณได้รับพลังส่งกลับมาในทุก ๆ ก้าว ด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้ทุก ๆ ครั้งที่เท้าสัมผัสพื้น นักวิ่งจะรู้สึกถึงความเด้งสบายอยู่เสมอ UA HOVR Phantom 2 ให้ความสมดุลที่สมบูรณ์แบบทั้งการกันกระแทก และความเด้งนุ่มของพื้นรองเท้า นักวิ่งจึงได้รับการซัพพอร์ทในทุก ๆ ก้าว โดยที่ไม่ต้องลดความเร็วในการวิ่งลง รองเท้าวิ่ง UA HOVR Phantom 2 ออกแบบมาเพื่อให้ความรู้สึกนุ่มและลื่นไหลยิ่งขึ้น ด้วยชั้นบุด้านในเพิ่มเติมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกางเกงจักรยานที่มีชั้นบุเสริมอยู่ด้วย ให้นักวิ่งรู้สึกนุ่มสบายทันทีที่สวมใส่

● กระชับราวกับสวมถุงเท้าและใส่สบาย 360 องศา
ด้วยการออกแบบที่เข้ากับสรีระของข้อเท้ามากขึ้น หน้าผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และวัสดุที่ใช้ในการถักที่พัฒนาให้ดีกว่าเดิม ทำให้ UA HOVR Phantom 2 ให้ความรู้สึกกระชับคล้ายกับการสวมใส่ถุงเท้า มีการลดระดับข้อรองเท้าให้ต่ำลงจากรุ่นก่อนเพื่อความรู้สึกสบายข้อเท้าระหว่างการสวมใส่ไปจนถึงการถอดออกได้ง่าย พร้อมแผ่นรองพื้น SpeedForm 2.0 ที่นุ่มและยืดหยุ่น ให้ความกระชับและรองรับแรงกระแทกทุกทิศทาง อีกทั้งยังพัฒนาระบบการระบายอากาศบริเวณหน้าเท้าให้ดีขึ้น ให้เท้าของคุณรู้สึกเย็นสบายระหว่างการวิ่ง

“เป็นที่รู้กันดีสำหรับรองเท้าซีรีส์ Phantom ที่สร้างมาเพื่อนักกีฬาที่มีเทคนิคการออกกำลังกายเป็นของตนเอง รองเท้า Phantom 2 คู่นี้ ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ โดยไม่ละทิ้งความสะดวกสบาย ความมีสไตล์และประสิทธิภาพการใช้งาน” - เอ็ด วอลเลซ (Ed Wallace) ดีไซน์เนอร์ฝ่ายรองเท้าวิ่งของ Under Armour

● สร้างแผนการวิ่งที่ฉลาดและง่ายยิ่งขึ้น
การวิ่งนับเป็นหนึ่งในกิจวัตรการออกกำลังกายที่ท้าทายสำหรับนักกีฬาหลาย ๆ คน Under Armour จึงพยายามที่จะสร้างการวิ่งที่ฉลาดและง่ายดายยิ่งขึ้น เพื่อประสบการณ์การวิ่งที่สนุกสนาน พร้อมแผนการวิ่งที่จะตอบโจทย์ในทุก ๆ เป้าหมายของคุณ การเทรนด้วยแผนที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมกับรูปแบบการออกกำลังกายของคุณ จะช่วยให้คุณสามารถพิชิตได้ทุก ๆ เส้นชัย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งให้ได้ระยะทางตามเวลาที่กำหนด การวิ่งลดน้ำหนัก หรือการซ้อมวิ่งอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะทางไกล “แผนการวิ่งจากแอปพลิเคชัน MapMyRun ทำให้ผมสามารถวิ่งได้อย่างสม่ำเสมอยิ่งขึ้น และส่งผลในเชิงบวกต่อการเทรนที่เหลืออีกด้วย” เดร โฮวาร์ด (Dre Howard) โค้ชมวยที่ Bash Boxing กล่าว

“ฉันรู้สึกว่าไม่ว่าจุดมุ่งหมายของฉันคืออะไร การวิ่งทำให้ฉันบรรลุจุดหมายนั้นได้ และ MapMyRun ยังช่วยให้ฉันไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น” - โมนิกา โจนส์ นักกีฬา Under Armour (Monica Jones) โค้ชจาก BASH Boxing และเทรนเนอร์มืออาชีพ


ข้อมูลสินค้า
- รองเท้าประเภท Neutral สำหรับการวิ่งระยะสั้นและการวิ่งที่เร็วขึ้น
- ความสูงของส้นเท้า 26.5 มม. ความสูงของปลายเท้า 17.5 มม. ค่าดร็อป (Offset) 9 มม.
- น้ำหนักรองเท้าผู้ชาย (ไซส์ 9 us) 11.54 ออนซ์ (327 กรัม)
- น้ำหนักรองเท้าผู้หญิง (ไซส์ 7 us) 9.24 ออนซ์ (262 กรัม)
- ราคา 5,790 บาท



สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Under Armour และโปรโมชันพิเศษก่อนใครได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
- เว็ปไซต์ www.ua.com
- Line Official Account @Underarmourth
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Lazada
- ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Shopee

ลาซาด้า ชูแคมเปญเอาใจหนุ่มสายเปย์ กับ ‘Lazada Men’s Festival’

ลาซาด้า เผยเทรนด์ผู้ชายช้อปออนไลน์สูงกว่าผู้หญิง ในช่วงชีวิตวิถีใหม่ ชูแคมเปญเอาใจหนุ่มสายเปย์ กับ ‘Lazada Men’s Festival’
ผู้ชายใช้เวลาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 30% และมียอดเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อออเดอร์สูงกว่าผู้หญิงถึง 50%

ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของไทย เผยสถิติการซื้อของออนไลน์ของผู้ชายบนลาซาด้าที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเวลาเฉลี่ยในการใช้งานบนแอปพลิเคชัน และยอดใช้จ่ายต่อออเดอร์ที่มากกว่าผู้หญิง พร้อมส่งแคมเปญเอาใจผู้ชายสายช้อป ‘Lazada Men’s Festival’ โปรแรงสุดคุ้มกับไอเท็มสุดคูล พบกับส่วนลดสินค้าสูงสุดถึง 80% แจกคูปอง 800 บาททุกวันในช่วงเวลา 9.00 น. และ 21.00 น. โปรโมชั่นพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ Philips, CK, NIVEA, Converse, Xiaomi และสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากทัพ Lazada Thai Designer Club อย่าง Leisure Projects และ Moomoothings รวมถึงไอเท็มแฟชั่นจากแบรนด์ยอดนิยม อย่าง Issue, Painkiller และอื่นๆ อีกมากมาย ในวันที่ 3 – 5 สิงหาคมนี้

ไฮไลท์เด็ดแคมเปญ Lazada Men’s Festival ระหว่างวันที่ 3 – 5 สิงหาคม 2563 มีดังนี้
● โปรแรงสุดคุ้มกับไอเท็มสุดคูล ลดสูงสุดกว่า 80% และฟินกับโปรโมชั่นสุดพิเศษจากแบรนด์ดังใน LazMall อาทิ Philips, CK, NIVEA, Converse และ Xiaomi
● พบกับ 3 หมวดสินค้ายอดนิยมเอาใจทุกสายช้อปตลอด 3 วัน
- 3 สิงหาคม สุดยอดแกดเจ็ตและโปรเด็ดเพื่อสายเกมเมอร์ ลดสูงสุด 80%
- 4 สิงหาคม เตรียมไอเท็มสายสปอร์ตให้พร้อมลุยทุกกิจกรรม ลดสุดคุ้ม 80%
- 5 สิงหาคม ละลานตาด้วยไอเท็มแฟชั่นสุดคูลเพื่อหนุ่มๆ ทุกแนว ลดจัดหนัก 80%
● เตรียมเก็บคูปองส่วนลดสูงสุดมูลค่า 800 บาท ทุกวันในเวลา 9.00 น. และ 21.00 น. ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม เพียงกดเข้าแอป และเก็บคูปองลาซาด้าตามขั้นตอน ดังนี้
- คลิกที่ไอคอน “คูปองลดเพิ่ม” (Voucher)
- คลิกที่ “เก็บ” (Collect) เพื่อเก็บคูปองส่วนลดสุดฟินกว่า 800 บาท
- เพลิดเพลินกับส่วนลดดังกล่าวทันทีที่ชำระเงิน เมื่อมียอดซื้อขั้นต่ำตามที่กำหนด*
● สินค้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากกองทัพ Thai Designer Club อาทิ Leisure Projects และ Moomoothings รวมถึงไอเท็มแฟชั่นสุดคูลจากแบรนด์ยอดนิยม อย่าง Issue, Painkiller และอื่นๆ อีกมากมาย

หนุ่มๆ ขาช้อปอย่าพลาดกับสุดยอดแคมเปญ Lazada Men’s Festival โปรแรงสุดคุ้มกับไอเท็มสุดอินเทรนด์ เลือกของที่ถูกใจรอใส่รถเข็นตั้งแต่วันนี้ แล้วรอเช็คเอ้าท์ได้ในวันที่ 3 – 5 สิงหาคม 2563 ที่ลาซาด้าเท่านั้น

ติดตามรายละเอียดแคมเปญเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lazada.co.th/men-festival-2020/
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด



#LazadaMensFestival #LazadaTH

URBAN DECAY - The New NAKED Palette สีม่วงพาสเทลสุดคิ้วท์!

♡ POPPIN’ UP YOUR PURPLE FILTER! ♡ #ม่วงพาสเทลใครใช้ก็น่ารัก

The New NAKED Eyeshadow Palette!
“NAKED ULTRAVIOLET”
-Hello millennial pink, Purple is the new hue!

♡♡♡ ครั้งแรกของ Naked Palette กับ สีม่วงพาสเทลสุดคิ้วท์! ♡♡♡
จากสีม่วงประจำแบรนด์ สู่พาเลทท์รวมเฉดสีไวโอเล็ตพาสเทลน่ารักน่าใช้

♡ GET ON OUR WAVELENGTH. //ระเบิดความน่ารักด้วยการแต่งตาโทนม่วงอัลตราไวโอเล็ต
สีชมพูมิลเลนเนียลพิงค์หลบไป... สีม่วงเฉดใหม่มาแล้ว! Naked Ultraviolet Eyeshadow Palette อายแชโดว์สีกลางโทนม่วงดูสวยสดอิ่มแน่น 12 เฉดที่จะเพิ่มความโดดเด้งเตะตาให้กับทุกอายลุค
ตลับสีแต่งตาที่เป็นการสดุดีสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ของเออร์เบินดีเคย์นี้ คือคำจำกัดความของสิ่งที่แบรนด์ยึดถือ เรายกย่องการฉีกกรอบ!!!
เราจุดประกายให้กับผู้ที่ขาดแรงบันดาลใจ และยกระดับการหวนระลึกถึงยุค ‘90 — ได้เวลาแต่งตาโทนม่วงให้น่ารักสุดๆไปเลย!

♡ PURPLE REIGN. ยุคที่สีม่วงโทนไหนก็น่ารัก

♡ POP IT LIKE IT’S HOT. แต่งตาให้ป๊อป! กับม่วงพาสเทลคิ้วท์คิ้วท์


เออเบิน ดีเคย์ ตอกย้ำความเป็นสุดยอดพาเลทท์แต่งตาตลอดกาล
ให้คุณเป็นอิสระจากสีเดิมๆไปสู่ความน่ารักถึงขีดสุด



#ม่วงพาสเทลใครใช้ก็น่ารัก
#URBANDECAYREVIEWS
#PrettyDifferent #UrbanDecayThailand

Casio เผยโฉมนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษ G-SHOCK × Rui Hachimura

Casio Computer Co., Ltd. ประกาศเปิดตัว GST-B100RH นาฬิกาทนแรงสั่นสะเทือนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก G-SHOCK โดย GST-B100RH เป็นผลงานสร้างสรรค์ชิ้นแรกที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง G-SHOCK กับนักบาสเกตบอลอาชีพ รุย ฮาจิมูระ

ฮาจิมูระ ซึ่งประสบความสำเร็จกับฤดูกาลแรกในลีกบาสเกตบอลอาชีพสหรัฐ มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแบรนด์ G-SHOCK เพราะทั้งคู่มาจากญี่ปุ่นเหมือนกัน และต่างก็ไม่เคยหยุดรับความท้าทายใหม่ ๆ บนเวทีระดับโลก ฮาจิมูระกล่าวถึงนาฬิกาที่สะท้อนความเป็นตัวตนของเขาว่า "Casio สร้างสรรค์นาฬิกาออกมาได้น่าทึ่ง ตรงตามที่ผมนึกภาพไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมคิดว่ามันเข้ากับเสื้อผ้าการแต่งตัวได้หลายสไตล์ ทั้งยังเจ๋งไปเลยที่ได้เห็น "โลโก้ Black Samurai" ซึ่งเป็นดีไซน์พิเศษของผมปรากฏอยู่บนนาฬิกา เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญสำหรับผม" ทั้งนี้ Casio และ ฮาจิมูระ เซ็นสัญญาความร่วมมือระดับโลกในเดือนพฤศจิกายน 2019 ทำให้ ฮาจิมูระ ผู้หลงรักนาฬิกา G-SHOCK ตั้งแต่เป็นนักเรียน กลายเป็นนักบาสเกตบอลคนแรกที่ได้รังสรรค์นาฬิกาซิกเนเจอร์ร่วมกับ Casio

GST-B100RH เป็นรุ่นซิกเนเจอร์ที่ฮาจิมูระดูแลการออกแบบด้วยตัวเอง สร้างสรรค์ขึ้นจากรุ่นพื้นฐาน ได้แก่ GST-B100 ซึ่งเป็นนาฬิกาโครโนกราฟระบบอะนาล็อกในตระกูล G-STEEL ตัวเรือนผลิตจากการผสมผสานวัสดุที่แตกต่างกัน พร้อมเข็มจับเวลาขนาดใหญ่ นาฬิกาสุดคูลนี้โดดเด่นด้วยตัวเรือนสีดำล้อมด้วยกรอบโลหะชุบเคลือบ (IP) สีทอง และประดับสัญลักษณ์ตัวอักษร "ฮาจิ" (hachi แปลว่า 8 ในภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งสื่อถึงทั้งนามสกุลและหมายเลขเสื้อบาสฯ ของฮาจิมูระ นอกจากนี้ ยังมีการเลือกใช้สีแดงเด่นชัดที่เครื่องหมายบอกเวลาและปุ่มกดที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกา รวมทั้งที่เข็มจับเวลา นาฬิการุ่นซิกเนเจอร์นี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยโลโก้ของฮาจิมูระ หรือที่รู้จักกันว่า "โลโก้ Black Samurai" ซึ่งพิมพ์สลักอยู่บนฝาหลัง ห่วงรัดสายนาฬิกา และแพ็คเกจสุดพิเศษ

MQDC เปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ “LIVING FORWARD by MQDC” ระดมแนวคิดกูรู รู้ทัน วันพรุ่งนี้ เพื่อชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ต่อยอดแนวคิด ‘For All Well-Being’ หรือ การสร้างความสุขให้ทุกชีวิตอย่างยั่งยืน สู่แพลตฟอร์มรายการ LIVING FORWARD by MQDC ในรูปแบบ VDO และ Podcast พร้อมคอนเซ็ปท์ “รู้ทันวันพรุ่งนี้ เพื่อชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” เปิดพื้นที่เเลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาอาชีพที่จะมาแชร์แนวคิดและอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ ในหัวข้อต่างๆในทุกวันศุกร์ที่ 4 ของทุกเดือน เพื่อเตรียมพร้อมผู้ชมและผู้ฟังสู่การใช้ชีวิตที่มีความสุขอย่างยั่งยืนตั้งแต่วันนี้และในอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

รายการ LIVING FORWARD by MQDC ดำเนินรายการโดยคุณท๊อฟฟี่ ชญาน์ทัต วงศ์มณี พิธีกรและนักเขียนชื่อดังแห่งยุค พร้อมผู้เชี่ยวชาญ 2 ท่านที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแชร์มุมมองและความคิดเพื่อ “รู้ทัน วันพรุ่งนี้ เพื่อชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” อย่างสนุกสนาน เข้าใจง่าย และชวนติดตาม

สำหรับตอนแรกของ LIVING FORWARD by MQDC จะออกอากาศในวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นการพูดคุยในหัวข้อ LIVING FORWARD with Resiliency กับรศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC by MQDC) และดร.การดี เลียวไพโรจน์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ (FutureTales Lab by MQDC) ซึ่งทั้ง 2 ท่านจะมาช่วยไขข้อข้องใจว่า อนาคตหลังวิกฤตโควิด - 19 ชีวิตและโลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง และเราจะเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ผ่าน 8 หัวข้อที่ควรรู้เพื่อความสุขที่ยั่งยืนของทุกชีวิต ได้แก่ 1.การระบาดของโรค (Epidemic) 2.ภัยธรรมชาติ (Natural disasters) 3.การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Loss) 4.ขยะโลก (Global Waste) 5.การรุกของน้ำเค็ม (Salt Water Intrusion) 6.ความไม่มั่นคงด้านอาหารและน้ำ (Food Insecurity) 7.กรุงเทพจมบาดาล (Sinking Bangkok) และ 8.ปัญหาสุขภาพจิตในการใช้ชีวิตในเมือง (Mental Health Problems in Urban Living)


ผู้สนใจสามารถติดตามเนื้อหาทุกตอนของรายการ LIVING FORWARD by MQDC ผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่
Facebook: MQDC – Magnolia Quality Development Corporation
Youtube: MQDC For All Well-Being
Podbean: mqdc.podbean.com
Spotify: MQDC For All Well-Being
Apple Podcast: MQDC For All Well-Being



#MQDC #ForAllWellBeing #MQDCFORALLWELLBEING #LivingForwardbyMQDC #LivingForwardwithResiliency

Booking.com ปล่อยแคมเปญ ‘Rebook’ จองอีกครั้ง

ช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จองที่พักเดิมอีกครั้งพร้อมรับเครดิตเงินคืนนักท่องเที่ยวที่เลือกจองที่พักเดิมอีกครั้ง รับยอดสมนาคุณเครดิตเงินคืน15% ภายหลังการเข้าพัก

ระหว่างที่นักท่องเที่ยวใช้เวลาช่วงต้นปี 2563 วางแผนไปเยือนจุดหมายต่างๆ ตามเช็คลิสต์สถานที่ที่อยากไปเยือน การระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รัฐบาลหลายแห่งออกมาตรการปิดพรมแดนและทำให้นักท่องเที่ยวต้องทนอยู่แต่บ้าน โชคดีที่ข้อบังคับและมาตรการต่างๆ เริ่มถูกผ่อนปรนลงและการออกไปท่องเที่ยวเริ่มกลับมาปลอดภัยอีกครั้ง โดยผลการสำรวจจาก Booking.com แสดงให้เห็นว่าการกลับไปท่องเที่ยวได้อีกครั้งเป็นสิ่งที่ใครหลายคนให้ความสำคัญอย่างมาก โดยกว่า 2 ใน 3 (66%) ของนักท่องเที่ยวจาก 5 ประเทศกล่าวว่าได้วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วง 6 เดือนถัดไปไว้แล้ว และกว่า 1 ใน 3 (36%) วางแผนว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนในต่างประเทศระหว่างช่วงดังกล่าว*

เพื่อให้ทุกคนกลับออกไปสัมผัสโลกกว้างอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น Booking.com จึงเปิดตัวแคมเปญ ‘Rebook’ หรือจองที่พักเดิมอีกครั้ง เพื่อส่งเสริมนักท่องเที่ยวที่ต้องจำใจยกเลิกทริปท่องเที่ยวจากนโยบายจำกัดการท่องเที่ยวของรัฐบาล เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19** ให้สามารถกลับไปจองที่พักเดิมพร้อมสิทธิพิเศษสำหรับการเข้าพักในอนาคต เมื่อสถานการณ์กลับมาปลอดภัยอีกครั้ง

ทั้งนี้ ลูกค้าที่มีสิทธิ์รับยอดสมนาคุณจะได้รับรหัสโปรโมชั่นเพื่อจองที่พักเดิมและได้รับเครดิตเงินคืน 15% จากราคาที่จอง (สูงสุด 3,645 บาท) ภายหลังจากการเข้าพัก เพื่อนำไปใช้สำหรับการเข้าพักครั้งต่อไป โดย Booking.com ตั้งเป้าที่จะสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้เดินทางให้สามารถออกไปท่องเที่ยวกับทริปที่เฝ้าฝันผ่านแคมเปญนี้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง

โดยแคมเปญนี้ยังเป็นการช่วยสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ในชุมชนรอบโลกอีกด้วย ซึ่งลูกค้าที่ต้องการร่วมแคมเปญ Rebook หรือการจองที่พักเดิมอีกครั้งต้องจองที่พักเดิมก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยสามารถใช้ได้กับการเข้าพักที่เช็คอินภายในวันที่ 30 เมษายน 2564

มร. อายาน เดคก์ ผู้ดำรงตำแหน่ง รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Booking.com กล่าวว่า “ที่ Booking.com เรามีความมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้า ตลอดจนที่พักคู่ค้าระหว่างช่วงเวลาที่เกิดการระบาดขึ้น และเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เราต้องการจะช่วยให้ทุกคนสามารถออกไปสัมผัสโลกกว้างอีกครั้ง และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงออกถึงความมุ่นมั่นของเรา เรายินดีที่จะเปิดตัวแคมเปญ Rebook โดยสมนาคุณลูกค้าที่จองที่พักเดิมให้ได้รับเครดิตเงินคืน เพื่อใช้สำหรับการเข้าพักครั้งต่อไปในอนาคต แคมเปญนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวที่จำเป็นต้องอยู่กับบ้านได้มองหาแรงบันดาลใจในการเดินทาง เพื่อเติมเต็มความปรารถนาในการท่องเที่ยวและสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น แคมเปญนี้จะเป็นอีกก้าวที่ช่วยให้ทุกคนสามารถทำเช่นนั้นได้”



**การสำรวจนี้ดำเนินการโดย Booking.com ผ่านการสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งได้เดินทางในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งหมด 3,509 คน โดยมี 609 คนมาจากเยอรมนี 677 คนจากฝรั่งเศส 723 คนจากบริเตนใหญ่ 750 คนจากอิตาลี และ 750 คนจากสหรัฐอเมริกา ผู้เข้าร่วมได้ทำแบบสอบถามทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 25-30 มิถุนายน ค.ศ. 2020
**ลูกค้าที่มีสิทธิ์รับยอดสมนาคุณ ต้องอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทาง และได้ยกเลิกการจองแบบไม่สามารถรับเงินคืน และ / หรือแบบรับเงินคืนได้บางส่วน ระหว่างที่มีการใช้เงื่อนไขแบบเหตุสุดวิสัยโดยลูกค้าจะได้รับอีเมลพร้อมรหัสโปรโมชั่นแบบใช้ครั้งเดียวเพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับยอดสมนาคุณ และจะต้องเป็นผู้ที่ไม่ได้ทำการจองที่พักเดิมอีกครั้งไปแล้วก่อนที่จะได้รับรหัสโปรโมชั่น ลูกค้าจะต้องสมัครรับข้อความโฆษณาจาก Booking.com เพื่อสามารถรับรหัสโปรโมชั่นได้

หาดทิพย์และโคคา-โคล่า เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำแร่แบรนด์ระดับโลก “บอน อควา”

หาดทิพย์และโคคา-โคล่า เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำแร่แบรนด์ระดับโลก “บอน อควา” เดินหน้ารุกเซ็กเมนต์น้ำแร่ธรรมชาติเต็มกำลัง ชูความต่างด้วยการเป็นตัวเลือกคู่มื้ออาหาร

บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “บอน อควา” (BonAqua) น้ำแร่แบรนด์ระดับโลกที่ผลิตจากน้ำแร่ธรรมชาติ 100% จากแหล่งพุนพิน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฏร์ธานี การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ถือเป็นการเดินหน้ารุกเซ็กเมนต์น้ำแร่ธรรมชาติเป็นครั้งแรกของโคคา-โคล่าในประเทศไทย และเป็นการตอกย้ำแนวทางการขยายพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มให้ครอบคลุมและหลากหลาย ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ซึ่งในช่วงเริ่มต้น “บอน อควา” จะมีจัดจำหน่ายเฉพาะในเขต 14 จังหวัดภาคใต้ก่อนเท่านั้น

นางสาวมัณฑนา หล่อไกรเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โคคา-โคล่า ศึกษาและยึดถือความต้องการของผู้บริโภคเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจเสมอมา ทำให้เราได้อินไซต์ว่าผู้บริโภคยุคใหม่เป็นกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ แต่มีวิถีชีวิต ประจำวันที่ค่อนข้างยุ่งไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงมองหาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่เพียงช่วยเติมความสดชื่น แต่เหมาะกับการดูแลสุขภาพและสามารถดื่มคู่กับอาหารได้ทุกมื้อ ด้วยเหตุนี้ เราจึงเดินหน้ากลยุทธ์ขยายพอร์ตโฟลิโอให้ครอบคลุมและหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้ด้วยการจับมือกับหาดทิพย์เปิดตัว ‘บอน อควา’ น้ำแร่แบรนด์ระดับโลก พร้อมนำร่องจัดจำหน่ายใน 14 จังหวัดภาคใต้”

“บอน อควา” เป็นแบรนด์น้ำแร่ระดับโลกของโคคา-โคล่า ที่ได้รับความนิยมและจำหน่ายมาแล้วใน 28 ประเทศทั่วโลก โดยในประเทศไทย “บอน อควา” ผลิตจากน้ำแร่ธรรมชาติ 100% จาก แหล่งพุนพิน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่น้ำแร่จากแหล่งธรรมชาตินี้มีคุณภาพในระดับแบรนด์ชั้นนำของโลก ผ่านเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัยของโรงงานในจังหวัดสุราษฎร์ธานีของหาดทิพย์ ซึ่งได้คุณภาพมาตรฐานระดับโลกของโคคา-โคล่า

พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หาดทิพย์ ดำเนินธุรกิจโดยยึดเอาปรัชญาการดำเนินงานที่มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจเคียงคู่ไปกับการพัฒนาทางชุมชน สังคม และเศรษฐกิจของพี่น้องชาวใต้การเปิดตัวแบรนด์น้ำแร่ระดับโลกของโคคา-โคล่าอย่าง ‘บอน อควา’ สะท้อนปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของพวกเราอย่างแท้จริง เพราะน้ำแร่ “บอน อควา” ผลิตจากน้ำแร่ธรรมชาติ 100% จากแหล่งพุนพิน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยศักยภาพและเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัยตามมาตรฐานระดับโลกของหาดทิพย์ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า น้ำแร่ “บอน อควา” จากโรงงานพุนพินทุกขวด มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่ากับน้ำแร่ชั้นนำของโลก เราจะใช้เครือข่ายการกระจายสินค้าที่เข้มแข็งของหาดทิพย์ เพื่อส่งต่อผลิตภัณฑ์คุณภาพนี้ให้กับผู้บริโภคชาวใต้ ได้ร่วมสดชื่นและภาคภูมิใจไปพร้อมกับเรา”

น้ำแร่ธรรมชาติ “บอน อควา” เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถดื่มได้ทุกมื้ออาหาร มีแร่ธาตุ 9 ชนิดคือแมกนีเซียมแคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม ไบคาร์บอเนต ฟลูออไรด์ ซัลเฟต ซิลิก้า และคลอไรด์ ช่วยเติมเต็มน้ำซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย พร้อมเป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคดื่มคู่กับอาหารทุกมื้อไม่มีส่วนเกิน และเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง หาดทิพย์และโคคาโคล่าได้เตรียมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสื่อโฆษณานอกบ้านทั่วภาคใต้ และกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายตลอดทั้งปี

ผู้บริโภคสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์น้ำแร่ “บอน อควา” ได้แล้ววันนี้ ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของหาดทิพย์และโคคา-โคล่า ที่ร้านค้าทั่วไป ร้านอาหาร และแม็คโครใน 14 จังหวัดภาคใต้

RADO True Square รูปทรงใหม่แห่งอนาคต

Rado ไม่ได้เพียงแค่คุ้นเคยกับนาฬิกาไฮเทคเซรามิกในรูปทรงสี่เหลี่ยมเท่านั้น เพราะแรกเริ่มเดิมที ราโด คือผู้ผลิตนาฬิกาทรงเหลี่ยมขึ้นมาก่อนใครในอดีต สำหรับปีนี้เราได้คิดค้นรูปทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นรูปทรงที่เรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้สวมใส่นาฬิกาในศตวรรษที่ 21 เราจึงภูมิใจนำเสนอคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด คือ True Square ซึ่งได้เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกและพร้อมให้ยลโฉมแล้วในประเทศไทย

และเช่นเคย เรามีการกำหนดมาตรฐานและยกระดับคุณภาพวัสดุและการออกแบบ รวมทั้งก้าวไปสู่อนาคตด้วยนาฬิกาอันล้ำยุคที่แซงหน้าอุตสาหกรรมไปหลายต่อหลายปี

True Square ได้มีการออกแบบมาเพื่อให้ดูดีตลอดอายุการใช้งาน ทั้งตัวเรือนและสายผลิตจากไฮเทคเซรามิกที่ บริสุทธิ์ผุดผ่องของ Rado ซึ่งมีทั้งสีดำ สีขาวและพลาสม่า ไม่มีการออกแบบนาฬิกาใดที่โดดเด่นไปกว่า Rado รูปทรงสี่เหลี่ยมและจะกลายเป็นนาฬิกาที่เป็นไอคอนของ Rado ในเจนเนอเรชั่นถัดไป

True Square มีความเรียบ เบาและสวมใส่สบาย รวมทั้งยังผ่านมาตราฐานทุกประการของ Rado เพราะเหตุใดนาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมนี้จึงมีความแตกต่าง ความลับก็คือเทคโนโลยี ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่ Rado ผลิตคอลเล็คชั่น Ceramica ขึ้นเป็นครั้งแรก นาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมที่โดดเด่นที่สุดของเราในปี 1990 ในยุคนั้นเราสามารถนำเซรามิกมาใช้ได้โดยผ่านวิธีการบีบอัดเท่านั้น นี่เป็นเทคนิคที่นำไปสู่การออกแบบนาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีสีดำเงาอันโดดเด่น ตัวเรือนผลิตแบบเป็นชิ้นเดียวที่มีมุมโค้งมนอันประณีตนั้นมีทั้งความทนทานและรูปทรงที่ทันสมัย สามารถสวมใส่ได้สบายและตรงตามหลักสรีรศาสตร์

30 ปีต่อมา เราสามารถสร้างตัวเรือนรูปทรงสี่เหลี่ยมแบบเป็นชิ้นเดียวได้ โดยใช้เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปที่ถือเป็นนวัตกรรมของเราในเวลานั้น นี่เป็นสิ่งที่ เราทำได้แค่วาดฝันเท่านั้นอย่างไรก็ตามแรงบันดาลใจดังกล่าวทำให้ True Square กลายเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตในเวลานี้

True Square มีโครงสร้างตัวเรือนและสายข้อมือที่ทำจากไฮเทคเซรามิก เป็นสัญลักษณ์ใหม่ที่แสดงถึงความทนทาน ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้การทดสอบของกาลเวลามีความสวยงามตลอดอายุการใช้งานเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหานาฬิกาที่ราคาไม่แพงแต่มีคุณภาพสูง มีเพียง Rado เท่านั้นที่มีเทคโนโลยีนี้และเราภูมิใจที่จะเปิดตัวนาฬิกาไฮเทคเซรามิกรูปทรงสี่เหลี่ยมรุ่นแรกที่มีตัวเรือนแบบเป็นชิ้นเดียวที่ผลิตด้วยวิธีการฉีดขึ้นรูป

นอกจากนี้ยังนำเสนอมุมมองที่โดดเด่นของกลไกการเดิน C07 พร้อมกับพลังงานสำรองที่ยาวนานถึง 80 ชั่วโมงผ่านหน้าปัดที่ได้รังสรรค์ขึ้นอย่างสวยงามกับTrue Square Open Heart มาพร้อมรูปลักษณ์ที่สะดุดตาและตราตรึงอยู่ในหัวใจ นี่คือนาฬิกาไฮเทคเซรามิกรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีโครงสร้างแบบสเกเลตันเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น

ความสามารถในการมองเห็นกลไกการเดินถือเป็นประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกา ซึ่งมักดื่มด่ำกับช่วงเวลาในการเฝ้ามองกลไกการเดินที่แม่นยำ การม้วนและการคลายตัวของสปริงปรับสมดุล รวมทั้งการเดินอย่างละมุนละไมของฟันเฟืองและซี่ล้อต่างๆ ในระดับไมโครสเกล เป็นสิ่งย้ำเตือนที่ยอดเยี่ยมซึ่งบ่งบอกว่าเวลามีค่าอย่างแท้จริงเรือนเวลาสีดำและสีพลาสม่ามีรูปลักษณ์ที่ดูไม่หรูหราจนเกินไป ในขณะที่สีขาวมีการประดับตกแต่งอย่างเต็มที่ด้วยการเพิ่มเพชรอันแวววาว 12 เม็ดที่ดัชนีบอกเวลา

True Square เป็นรูปทรงของเทรนด์ ใหม่ในอนาคตอย่างแท้จริง



สัมผัสเรือนเวลาอันโดดเด่นจากคอลเลคชั่นล่าสุดได้แล้ววันนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป คิงพาวเวอร์ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และ Shopee หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02-610-0200

Cathy Doll เปิดตัวคอลเลคชั่น K+SURGY นวัตกรรมเมคอัพของการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี

เคที่ดอลล์ (Cathy Doll) แบรนด์ในใจสาวไทย ภายใต้บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ขอแนะนำผลิตภัณฑ์เมคอัพคอลเลคชั่น K+SURGY (เคเซอร์จี) ที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่หรือการนำเอา Inspiration จากทำศัลยกรรมแบบเกาหลี รวมถึงคอร์สทรีทเม้นท์ต่างๆในเกาหลีนำมาสู่สินค้าเมคอัพในรูปแบบที่สะดวกใช้อย่าง CATHY DOLL K+SURGY (Korean Surgery Inspired) เป็นการสร้างแรงบันดาลในในการศัลยกรรมเกาหลี เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ต้องการศัลยกรรมแต่ยังมีความกลัว หรือกลุ่มที่ยังไม่พร้อมศัลยกรรมความงาม รวมถึงสถานการณ์ช่วงนี้ที่ยังไม่สามารถเดินทางไปศัลยกรรมที่เกาหลีได้ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมสินค้าเมคอัพที่ครอบคลุมทุกความต้องการ อาทิ ปากกาตาฉ่ำวาว (Dolly Eye Stick) /ราคา 295 บาท สร้างดวงตาหวานชวนฝันสไตล์สาวเกาหลี, ปากกาเลือดฝาด (PRP Lip & Cheek Pen) / ราคา 225 บาท ใช้ได้ทั้งปากและแก้มให้มีสีเลือดฝาดดูระเรื่อแบบธรรมชาติราวกับทำทรีทเม้นท์มา, ปากกาปากกระจับ (Baby Thin Lipstick) / ราคา 225 บาท ช่วยสร้างปากกระจับให้ริมฝีปากดูเรียวเล็กตามที่ต้องการ, ปากกาดั้งโด่ง (Easy Nose Up Stick) / ราคา 295 บาท ช่วยสร้างจมูกโด่ง และเพิ่มมิติให้สันจมูกดูเรียว และ ปากกาตา 2 ชั้น (Double Eyelid Eyeliner) / ราคา 250 บาท บอกลาตาชั้นเดียวให้ดูกลมโตเป็นสองชั้น


ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ร้าน KARMART หรือช่องทางออนไลน์ www.karmarts.com, Facebook: Karmartsclub, Facebook: Cathy Doll, Instagram: karmartsclub และ Line: @Karmarts_onlineshop

วาโก้รับบริจาคบราเก่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปทำลายอย่างถูกวิธี

บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ชวนคนไทยร่วมกันแก้ปัญหาโลกร้อนและลดฝุ่นพิษ PM 2.5 ด้วยการเปิดรับบริจาคเก่าทุกยี่ห้อ ในโครงการ “วาโก้บราเดย์ บราเก่าเราขอ” ซึ่งดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 เพราะวัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ประกอบบรา ผลิตจากโพลีเมอร์หรือที่เรียกว่าพลาสติก ส่งผลให้บรา 1 ตัวต้องใช้เวลาย่อยสลายนานกว่า 400 ปี สำหรับบราเก่าที่ได้รับบริจาค ทางโครงการฯ จะคัดแยกบราที่ยังคงสภาพดีไปมอบให้กับสตรีในบ้านพักฉุกเฉิน ที่เหลือก็จะนำไปทำลายในเตาเผาระบบปิดความร้อนสูง 1,800 องศาเซลเซียส โดยวิธีการเผานี้ไม่ก่อให้เกิดขี้เถ้าหรือฝุ่น PM 2.5 และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นอันตราย และยังช่วยลดปริมาณขยะตกค้างจากการฝังกลบ โดยสามารถนำบราเก่าหรือบราเสื่อมสภาพที่ไม่ใช้แล้วทุกแบรนด์ มาบริจาคได้ที่วาโก้ช็อปและเคาน์เตอร์วาโก้ทุกสาขาทั่วประเทศได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ทางวาโก้ยังเพิ่มช่องทางบริจาคผ่านทางไปรษณีย์มายังฝ่าย CSR บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) 132 ซ.เจริญราษฎร์ 7 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-296-9979