

ธรรมรัตน์ โชควัฒนา (ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ (ที่ 4 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัวคอลเลกชัน บรายีนส์ Wacoal x Mc Jeans คอนเซ็ปต์ บรายีนส์ทำงานหรือเที่ยวก็เปรี้ยวเป๊ะ! จากไอเดียการนำบราไอเท็มสำคัญสำหรับผู้หญิง บวกกับไอเท็มยอดฮิตอย่างยีนส์ที่หยิบมาใส่เมื่อไหร่ก็ไม่มีเอาท์เข้ากับทุกสไตล์ โดยมี อินทิรา นาคสกุล (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บมจ.ไทยวาโก้ กิตติมา วัชโรภาส (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บมจ.แม็คกรุ๊ป และคณะผู้บริหารเข้าร่วมงาน ณ แกรนด์สเตชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ โดย Wacoal x Mc Jeans จำหน่ายแล้วที่วาโก้ช็อปและร้านแม็คยีนส์ สาขาที่ร่วมรายการ พร้อมช่องทางออนไลน์ Wacoal Thailand และ www.mcshop.com สอบถามเพิ่มเติมโทร. 02-296-9979
“FSMART” ผนึก 4 บิ๊กบริษัทประกันฯ จ่ายทุกกรมธรรม์จบครบที่ “ตู้บุญเติม” ให้คนไทยเที่ยวสงกรานต์อุ่นใจ ในราคาสบายกระเป๋ากับประกันอุบัติเหตุเริ่มต้นเพียง 15บาท ประกันภัยโควิด-19 เริ่มปีละ 99 บาท-พ.ร.บ.รถยนต์ 603 บาท พร้อมจับมือ TQM จัดประกันแจกฟรีให้ลูกค้าบุญเติม 5 หมื่นราย เสียชีวิตจากอุบัติเหตุและการติดเชื้อหรือแพ้วัคซีนโควิด-19 รับสิทธิคุ้มครอง 1 แสนบาท
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (FSMART) ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติ และบริการทางการเงินครบวงจร ภายใต้ชื่อ “ตู้บุญเติม" กล่าวว่า บริษัทเล็งเห็นความสำคัญ ของนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ส่งเสริมการทำประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) นำระบบประกันภัยเข้าสู่ชุมชน บริษัทจึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นจุดรับชำระบริการประกันภัย ที่ “ตู้บุญเติม” เพื่อให้ประชาชนในทุกระดับ ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงและได้รับความคุ้มครอง รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ ต่าง ๆ จากการประกันภัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เอาประกัน หรือทายาทของผู้เอาประกัน
“บริษัทเดินหน้าดำเนินธุรกิจจุดรับชำระบริการประกันภัยที่ “ตู้บุญเติม” พร้อมส่งต่อบริการประกันภัยที่ตอบโจทย์ ทั้งราคาและความคุ้มครองที่เหนือความคาดหมาย เพื่อทำให้การซื้อประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ เป็นเรื่องง่าย เข้าถึงทุกคนและทุกชุมชน ผ่าน “ตู้บุญเติม” ที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 130,000 ตู้ กระจายอยู่ในชุมชน ทุกภูมิภาคทั่วไทย ซึ่งสามารถตอบโจทย์การกระจายประกันภัยรายย่อยให้เข้าถึงชุมชนได้เป็นอย่างดี” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้จับมือกับ 4 พันธมิตรหลัก ซึ่งเป็นบริษัทรับประกันภัยขนาดใหญ่ ประกอบด้วย บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ TQM โบรกเกอร์ประกันภัยรายใหญ่, บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกันออกผลิตภัณฑ์ประกันภายใต้คอนเซ็ปต์ “คุ้มครองอุ่นใจ ในราคาสบายกระเป๋า” เป็นรูปแบบการประกันภัยที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าบุญเติม ซึ่งเน้นความคุ้มครอง และผลประโยชน์ที่จำเป็นในชีวิต เช่น ความคุ้มครองในการรักษาพยาบาล ความคุ้มครองเมื่อเกิดการการสูญเสีย หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง และการเสียชีวิต ด้วยเบี้ยเริ่มต้นไม่ถึงร้อยบาท ซึ่งจะทำให้ลูกค้า และกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่สามารถเข้าถึงประกันภัยในอดีต สามารถซื้อและได้รับความคุ้มครองได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ในปัจจุบัน “ตู้บุญเติม” ยังรับชำระประกันภัยตั้งแต่ พ.ร.บ.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เริ่มที่ 603 บาท ประกันภัยโรคระบาดยอดฮิตในช่วงหน้าฝนที่ครอบคลุมตั้งแต่โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคไข้สมองอักเสบ เจอี, โรคไข้ปวดข้อยุงลาย, โรคไข้หวัดใหญ่ เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 199 บาท, ประกันภัยกลุ่มโควิด-19 เบี้ยประกัน เริ่มเพียง 99 บาท/ปี และให้เลือกรับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการประกันภัย ได้ถึง 2,000,000 บาท รวมทั้งยังมีแบบประกันภัยที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ “ตู้บุญเติม” คือ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เบี้ยเริ่มต้นเพียง 15 บาท คุ้มครองการเสียชีวิต 100,000 บาท ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของบุญเติมได้เป็นอย่างดี โดยรูปแบบการประกันภัยทั้งหมด บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตร ในการออกแบบ เพื่อให้ลูกค้าบุญเติมมีประกันพื้นฐานชั้นดีที่มีความครอบคลุมและคุ้มค่า สามารถรับมือค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น และครอบคลุมโรคใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกปี
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือนเมษายนนี้ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ หรือ TQM ได้นำประกันภัย “สงกรานต์อุ่นใจ นิวนอร์มอล ซุปเปอร์พลัส” มาแจกฟรีให้กับลูกค้าบุญเติมถึง 50,000 สิทธิ์ คุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และการติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงคุ้มครองการแพ้วัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 100,000 บาท นาน 30 วัน การแจกประกันอุบัติเหตุในครั้งนี้ถือเป็นการแจกครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่ควรพลาด “ตู้บุญเติม” จึงเข้าร่วมส่งมอบความห่วงใย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ว่าเดินทางใกล้หรือไกลก็อุ่นใจเมื่อมี “ตู้บุญเติม” อยู่ใกล้ โดยลูกค้าสามารถกดรับสิทธิ์ได้ที่ “ตู้บุญเติม” ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564 นี้
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจการให้บริการผ่าน “ตู้บุญเติม” โดยนำบริการการซื้อประกันภัยจากพันธมิตร มาส่งถึงมือผู้ต้องการใช้ประกันภัยในการสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ รองรับการเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงของชีวิต และร่วมกับพันธมิตรในการทำให้การประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อประกันภัยที่ “ตู้บุญเติม” สามารถสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ศูนย์บริการลูกค้าบุญเติม 1220
ผู้กำกับและนักแสดงฮอลลิวูด ร่วมแสดงพลังกับ Humane Society International (HSI) ในการสร้างสรรค์ “Save Ralph” แอนิเมชันแบบสต็อปโมชัน เพื่อรณรงค์ให้ทั่วโลกยุติการใช้เครื่องสำอางที่ทดลองกับสัตว์ ซึ่งถึงแม้จะมีผลบังคับใช้ใน 40 ประเทศแล้ว แต่ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ที่ยังคงมีการผลิตเครื่องสำอางโดยทดลองกับสัตว์อยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในบางประเทศมีการหันกลับมาทดลองกับสัตว์ ซึ่งหมายถึงว่ายังมีสัตว์จำนวนมากที่กำลังทุกข์ทรมานและเสียชีวิตโดยไม่มีเหตุจำเป็นอย่างเงียบ ๆ
ไทก้า ไวติติ, ริคกี้ เกอร์เวส์, แซ็ค เอฟฟรอน, โอลิเวีย มันน์, ปอม คลีเมนทีฟ, ทริเซีย เฮลเฟอร์ และคนในวงการภาพยนตร์อีกมากมายร่วมมือกับ HSI เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องอันโหดร้ายนี้ ด้วยการร่วมพากย์เสียงในแอนิเมชัน “Save Ralph” โดยตั้งใจเป็นกระบอกเสียงแทนเหล่าสัตว์ที่ต้องทนทุกข์กับการทดลอง และเชิญชวนผู้บริโภครวมถึงผู้กำหนดนโยบายมาร่วมมือกับ HSI ในการห้ามผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่ทดลองกับสัตว์ โดย สเปนเซอร์ ซัสเซอร์ ผู้เขียนบทและผู้กำกับจาก Hesher และ The Greatest Showman และผู้อำนวยการสร้างอย่าง เจฟฟ์ เวสปาร์ จาก Voice of Parkland มาร่วมมือกับสตูดิโอ Arch Model เพื่อมอบชีวิตให้กับเจ้ากระต่ายราล์ฟ โดยจะถ่ายทอดในภาษาโปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส และเวียดนาม ร่วมกับ โรดริโก้ ซานโตโร เดอนี วีลเนิฟว์ และนักพากย์อีกมากมายในภาษาต่าง ๆ พร้อมกันนี้ยังมีเวอร์ชั่นคำบรรยายในภาษาต่าง ๆ ในเอเชีย ได้แก่ ภาษาไทย เขมร ลาว อินโดนีเซียและมาเลเซียอีกด้วย นอกจากนี้นักแสดงสาว แม็กกี้ คิว ยังร่วมส่งคลิปวิดิโอเพื่อส่งต่อข้อความเพื่อสนับสนุนการรณรงค์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สามารถรับชมแอนิเมชันและสื่อการเรียนรู้ เพื่อตระหนักถึงสถานการณ์การทดลองกับสัตว์ในปัจจุบัน รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ hsi.org/Ralph
เจฟฟรีย์ ฟล็อคเคน ประธานกรรมการองค์การ Humane Society International กล่าวว่า “Save Ralph เป็นสัญญาณเตือนให้เราตระหนักถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์ทดลองเครื่องสำอาง ซึ่งบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องร่วมมือกับยุติการทารุณกรรมนี้พร้อมกันทั่วโลก เพราะทุกวันนี้เรามีผลิตภัณฑ์ทางเลือกจำนวนมากที่เชื่อถือได้ และมีความปลอดภัยในการใช้งานโดยไม่ทำการทดลองกับสัตว์ ดังนั้นจึงไม่ควรมีข้ออ้างใด ๆ ที่จะต้องสร้างความทรมานให้แก่สัตว์ อย่าง ราล์ฟ ในกระบวนการทดลองเครื่องสำอางหรือส่วนผสมต่างๆ”
ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญรณรงค์จาก HSI โดยมีกระต่ายราล์ฟเป็นตัวละครหลัก ซึ่งให้เสียงพากย์โดย ไทกา ไวติติ ถ่ายทอดผ่านการสัมภาษณ์ถึงชีวิตประจำวันในฐานะ “สัตว์ทดลอง” ในห้องแล็บ แคมเปญ #SaveRalph สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อต่อต้านการทดลองกับสัตว์ โดยใช้วิธีการบอกเล่าเรื่องราวและนำเสนอในรูปแบบแปลกใหม่ ซึ่งมีเจ้ากระต่ายราล์ฟเป็นตัวดำเนินเรื่อง เพื่อให้ผู้คนได้เห็นสภาพของสัตว์ทดลองจำนวนนับไม่ถ้วน ที่ต้องเผชิญกับความทรมานที่เกิดขึ้นใน แล็บทดลองทั่วโลก แคมเปญนี้ช่วยกระตุกใจผู้คนให้มาเป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านการทดลองกับสัตว์ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบบถาวร
สเปนเซอร์ ซัสเซอร์ ผู้กำกับ กล่าวว่า “ตัวสัตว์ทดลองเองไม่มีทางเลือก ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง เมื่อเรามีโอกาสทำแคมเปญร่วมกับ Humane Society International ผมคิดว่าการเล่าเรื่องราวผ่านแอนิเมชันแบบสต็อปโมชันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดเนื้อหาเหล่านี้ หากคุณได้รู้ความจริงว่าสัตว์ทดลองถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายขนาดไหน คุณจะทนดูมันไม่ได้แน่ ๆ สิ่งที่ผมตั้งใจไว้คือให้แอนิเมชันเรื่องนี้ช่วยให้เราได้ส่งต่อความจริงในรูปแบบที่ไม่หนักเกินไปนัก ผมหวังว่าคนดูจะตกหลุมรักราล์ฟ และอยากร่วมมือกันสู้เพื่อราล์ฟ และสัตว์อื่น ๆ ที่เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกัน และเราต้องช่วยกันยุติการทดลองกับสัตว์แบบถาวร”
คลอเดีย ดัง ถิ เฟือง เถา ผู้จัดการแคมเปญแห่ง Humane Society International ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “#SaveRalp” เป็นโครงการสาธารณะระดับโลกที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนและรณรงค์ในการสร้างความตระหนักรู้ถึงความทุกข์ทรมานอันเลวร้ายที่สัตว์ต้องทนในการทดสอบเครื่องสำอาง แคมเปญนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ออกกฎหมายเห็นความจำเป็นที่ต้องมีการห้ามการทดลองในสัตว์อย่างจริงจัง เพราะไม่ควรมีสัตว์ตัวไหนต้องทนทรมานหรือตายเพื่อความงามอีกต่อไป เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ผลสำรวจจาก Ipsos โดย Humane Society International แสดงให้เห็นว่าในอาเซียนได้มีการร่วมกันต่อต้านการทดลองกับสัตว์ในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางโดยกว่า 83% เป็นเสียงจากคนไทย และโดยเฉลี่ย 87% เป็นเสียงจากผู้คนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วอาเซียน และเราขอให้ทุกคนช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ราล์ฟ ด้วยการช่วยกันแชร์แอนิเมชันนี้”
ทรอย เซเดิล รองประธานด้านการการวิจัยและพิษวิทยา องค์กร HSI กล่าวว่า “มันง่ายมากที่จะพูดว่าบริษัทที่ยังทำการทดลองกับสัตว์คือต้นตอของปัญหา แต่ในความเป็นจริงองค์กรเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาเช่นกัน ก่อนอื่นเราต้องเปลี่ยนแปลงกฎหมาย และตอนนี้เรากำลังทำงานร่วมกันกับผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อย่าง Lush, Unilever, P&G, L’Oréal และ Avon เพื่อรณรงค์ต่อต้านการทดลองกับสัตว์ในตลาดเครื่องสำอางที่ทรงอิทธิพลระดับโลกอีกหลายแห่ง โดยมีเจ้ากระต่ายราล์ฟ มาเป็นกระบอกเสียง เพื่อช่วยร่วมผลักดันกฎหมายนี้ให้สำเร็จ”
นอกจากนี้ แม็กกี้ คิว นักแสดงฮอลลิวูดยังกล่าวว่า “ฉันเชื่อในความเป็นมนุษย์ และฉันรู้สึกว่า ถ้าพวกเขาได้รับรู้ถึงความทรมานอันแสนสาหัสที่เหล่าสัตว์ทดลองต้องเผชิญเพื่อความงามแล้ว มนุษย์เองก็คงจะต้องการอะไรที่แตกต่างออกไป เนื่องจากการทดลองเครื่องสำอางในสัตว์นั้นยังถูกกฎหมายอยู่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉันจึงขอเชิญชวนให้ผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ ระมัดระวังในการซื้อมากขึ้น สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้ดีว่าไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายเพื่อความงามเลย และฉันว่าคุณเองก็คงเหมือนกัน มาส่งเสียงเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันนะคะ!!”
แคมเปญชิ้นนี้มุ่งสื่อสารไปที่ 16 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ บราซิล แคนาดา ชิลี เม็กซิโก แอฟริกาใต้ และ 10 ประเทศทั่วภูมิภาคอาเซียน รวมถึงองค์กรพันธิตรต่างๆ เช่น Humane Society แห่งสหรัฐอเมริกา และ Humane Society Legislative Fund ในการผลักดันกฎหมายในสหรัฐอเมริกา โดย HSI ยืนหยัดเพื่อสนับสนุนการรณรงค์ต่อต้านนี้ เช่นที่เคยเกิดขึ้นในยุโรปมาแล้วเมื่อผู้มีอำนาจได้พยายามอุดช่องโหว่ทางกฎหมายด้วยการเรียกร้องให้มีการทดสอบส่วนผสมเครื่องสำอางในสัตว์ให้อยู่ภายใต้กฎหมายเคมี โดย #SaveRalph นั้นจะเป็นเหมือนสปอตไลท์ที่ส่องแสงสว่างไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อผลักดันอนาคตที่ปราศจากการทรมานสัตว์ดังที่ประชาชนและผู้บริโภคคาดหวัง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสัตว์ทดลองในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
- ผลสำรวจล่าสุดระบุว่า 83% ของคนไทย สนับสนุนการต่อต้านการทดลองในสัตว์
- ในบางประเทศ กระต่ายอย่างราล์ฟยังคงถูกล็อคคอเพื่อทดลองเครื่องสำอางด้วยการหยดส่วนผสมลงในตาและผิวหนังที่โดนโกนขนทิ้ง โดยหนูตะเภาและหนูชนิดอื่นเองก็ต้องถูกโกนขนเช่นเดียวกัน เพื่อทำการทดสอบเคมีลงบนผิวหนังหรือบนหู โดยไม่มีสัตว์ตัวไหนเลยที่ได้รับยาแก้ปวด และสุดท้ายพวกมันก็ต้องถูกฆ่าทั้งหมด
- ใน 40 ประเทศทั่วโลก ได้ยกเลิกการทดลองกับสัตว์ในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางแล้ว โดย HSI และพันธมิตรเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการผลักดันการรณรงค์ต่อต้านในประเทศอินเดีย ไต้หวัน นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ กัวเตมาลา ออสเตรเลีย และ 10 รัฐในบราซิล รวมถึงประเทศตุรกี อิสราเอล นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์และในสหรัฐอเมริกาอย่างรัฐแคลิฟอเนีย อิลลินอยส์ เนวาดา และเวอร์จิเนีย ก็ไม่มีการทดลองกับสัตว์แล้วเช่นกัน
- มีแบรนด์เครื่องสำอางกว่า 2,000 แบรนด์ทั่วโลกที่ไม่มีการทดลองกับสัตว์ และได้ชื่อเป็นเครื่องสำอางที่ปราศจากความโหดร้าย (Cruelty-free) ซึ่งรวมถึง Lush, Garnier, Dove, Herbal Essences และ H&M บริษัทเหล่านี้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย โดยใช้ส่วนผสมที่ผ่านการใช้งานอย่างปลอดภัยมาแล้วร่วมกับเครื่องมือประเมินความปลอดภัยในการใช้งานที่ทันสมัยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทดลองกับสัตว์ ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีคู่มือการแนะนำการซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกออกมา ดังนั้น HSI จึงขอแนะนำ LeapingBunny.org เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลอันเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค
- HSI เตือนว่า แม้แต่เครื่องสำอางที่ปราศจากความโหดร้ายก็ยังมีความเสี่ยง หากกฎหมายความปลอดภัยของสารเคมี ยังคงเรียกร้องให้มีการทดสอบส่วนผสมทางเคมีใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในสัตว์ทดลอง นั่นเป็นเหตุผลที่แคมเปญ #SaveRalph ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทดสอบกับสัตว์อย่างเข้มงวด
- นอกเหนือจากการดำเนินการตามกฎหมาย HSI และพันธมิตรของเรากำลังร่วมมือกันเพื่อพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมในการประเมินความปลอดภัยที่ปราศจากการทดลองกับสัตว์เพื่อสนับสนุนบริษัทขนาดเล็กและหน่วยงานของรัฐให้เปลี่ยนจากการทดลองกับสัตว์ไปสู่วิธีการอื่นที่ไม่มีสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นวิธีการที่ทันสมัย พร้อมใช้งานและมั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยกับมนุษย์ได้ดีกว่าการทดสอบกับสัตว์
จากการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่องกว่า 27 ปีของ “อมอร์แปซิฟิก” ผู้นำอันดับหนึ่งด้านความงามจากประเทศเกาหลีใต้ ล่าสุดนักวิจัยได้ค้นพบ “ซูเปอร์เพียวเรตินอล” (Super Pure Retinol) หรือ “เรตินอลบริสุทธิ์รูปแบบพิเศษ” ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มอัตราการหมุนเวียนเปลี่ยนเซลล์ผิวช่วยให้ริ้วรอยของผิวตื้นขึ้น นำมาซึ่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ LANEIGE (ลาเนจ) กับนวัตกรรมเพื่อต่อต้านความร่วงโรย “ลาเนจ เพอร์เฟค รีนิว ยูธ เรตินอล ครีม” (Laneige Perfect Renew Youth Retinol Cream) ครีมลดเลือนริ้วรอยที่สามารถใช้ได้ทั่วใบหน้าและรอบดวงตาเพื่อดูแลปัญหาริ้วรอยเฉพาะจุด การันตีด้วย 6 รางวัลความสำเร็จและสิทธิบัตรมากมายจากทั่วโลก เทคโนโลยีเอกสิทธิ์ที่คิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับลาเนจกับ 3 ส่วนผสมหลักเพื่อต่อต้านริ้วรอย ได้แก่ “เรตินอลบริสุทธิ์รูปแบบพิเศษ” ที่ดีที่สุดของอมอร์แปซิฟิค เพราะมีความบริสุทธิ์สูงมากถึง 95% ซึ่งเป็นความบริสุทธิ์สูงสุดที่เป็นไปได้ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ ผสานเข้ากับ “ไตรเปปไทด์จากฝรั่งเศส” อันประกอบด้วยกรดอะมิโนกระชับผิว 3 โมเลกุล ช่วยกระตุ้นการผลิตโปรคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ และ “กรดไฮยารูโลนิคขนาด 5 โมเลกุล” ที่เข้าเติมเต็มความชุ่มชื้นได้ถึง 5 ระดับชั้นผิว ป้องกันการเสื่อมสลายของคอลลาเจน ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นและกระชับผิว แก้ปัญหาความร่วงโรยจากผลกระทบของอุปกรณ์ดิจิทัล
LANEIGE Perfect Renew Youth Retinol Cream เป็นเรตินอลบริสุทธิ์ 95% ใช้ได้กับ 8 จุดริ้วรอยบนใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก, ระหว่างคิ้ว, ใต้ตาและหางตา, รอยหัวเราะ, มุมปาก, บริเวณลำคอ และ บริเวณอื่นที่เห็นเส้นริ้วรอย ตลอดจนริ้วรอยอันเกิดจากการเผชิญกับแสงจากจอและความร้อนจากอุปกรณ์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ หรือ จอคอมพิวเตอร์ และปัญหาริ้วรอยที่เกิดจาก Phone Face1 ขณะใช้ สมาร์ทโฟน อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยก่อนวัยของคนยุคนี้ โดย 3 ส่วนผสมทรงประสิทธิภาพเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยของผิวจาก ลาเนจ ได้แก่
1. ซูเปอร์เพียวเรตินอล (Super Pure Retinol) หรือ “เรตินอลบริสุทธิ์รูปแบบพิเศษ” ที่ดีที่สุดของอมอร์แปซิฟิค เพราะมีความบริสุทธิ์สูงถึง 95% ซึ่งเป็นความบริสุทธิ์สูงสุดที่เป็นไปได้ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเข้าทำงานโดยตรงกับริ้วรอย เพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนและขัดขวางการย่อยสลายคอลลาเจน
2. ไตรเปปไทด์จากฝรั่งเศส (Tripeptide from France) กรดอะมิโนกระชับผิว 3 โมเลกุล ช่วยกระตุ้นการผลิตโปรคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ โดยเปปไทด์จะส่งสัญญาณสู่เซลล์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเมื่อพบว่ามีการทำลายคอลลาเจนมากเกินไป
3. กรดไฮยาลูโรนิก 5 ชั้น (5-Layer Hyaluronic Acids) เข้าเติมเต็มความชุ่มชื่นในชั้นผิว เพิ่มความแน่นและเร่งความกระชับ 3 โซนผิว อันได้แก่ ใต้ตา ร่องรอยยิ้ม และ มุมปาก ป้องกันการเสื่อมสลายของคอลลาเจนและช่วยในการดูดซึมเรตินอลลงสู่ผิวหนัง เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่จากกรดไฮยาลูโรนิก ผิวจะฟูขึ้นส่งผลให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวแลดูกระชับและอิ่มแน่น เต่งตึง
นอกจาก 3 ส่วนผสมหลักแล้ว “ลาเนจ เพอร์เฟค รีนิว เรตินอล ครีม” (Laneige Perfect Renew Retinol Cream) ยังมีส่วนผสมของ “ใบบัวบก” ที่มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาผิวและซ่อมแซมผิวสำหรับผิวที่ไวและแพ้ง่าย และ “กรดทรานซามิก” (Tranexamic Acid) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส นอกจากนี้ ลาเนจยังให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์นี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเรตินอลจะเป็นสารที่ “ไวต่อแสง” เราจึงคิดค้น “บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ” ที่สามารถต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (อนุมูลอิสระ) ด้วย 3 การออกแบบพิเศษ ได้แก่ 1) ฝาด้านในตรงปลายหลอดถูกปิดผนึกเพื่อลดการไหลเข้าของอากาศเมื่อไม่ได้เปิดใช้งาน 2) เพิ่มจุกปิดผนึกอีกชั้นเพื่อป้องกันการแตกหักในระหว่างบีบเนื้อผลิตภัณฑ์ 3) เพิ่มแผ่นอลูมิเนียมป้องกันอีกหนึ่งชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้อ็อกซิเจนเข้าไปในหลอดได้ขณะเปิดใช้เนื้อครีม ด้วยเทคนิคการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบพิเศษนี้ จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของส่วนผสมเรตินอลว่าจะคงความเสถียรภาพจากความเสี่ยงของ แสง อ็อกซิเจน และความชื้น ได้อย่างสูงสุด
วิธีใช้ ให้ใช้ Perfect Renew Youth Retinol Cream เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน และใช้ครีมกันแดดเสมอในเวลาเช้า เพื่อการปรับผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แนะนำให้ใช้ ดังนี้
สัปดาห์ที่ 1 - ใช้คืนเว้นคืน ในปริมาณเม็ดถั่วเขียวและทาเฉพาะจุดที่มีปัญหาริ้วรอย
สัปดาห์ที่ 2 - ใช้ทุกคืน ในปริมาณเม็ดถั่วเขียวและทาเฉพาะจุดที่มีปัญหาริ้วรอย
สัปดาห์ที่ 3 - ใช้ทุกคืน ในปริมาณเม็ดถั่วเหลือง และทาทั่วผิวหน้า
สัปดาห์ที่ 4 เป็นต้นไป - ใช้ทุกวัน เช้า-ก่อนนอน ในปริมาณเม็ดถั่วเหลือง และทาทั่วผิวหน้า
จากผลการทดสอบพบกว่า หลังจากใช้ Perfect Renew Youth Retinol Cream เพียง 1 สัปดาห์ ริ้วรอยบริเวณตาลดลง -32.714 % รอยหัวเราะลดลง -22.8% ริ้วรอยรอบปากลดลง -21.5% และบริเวณริ้วรอยอื่นก็ลดลงเช่นกัน สัมผัสได้ถึงผิวที่กระชับ และริ้วรอยที่ลดลงได้หลังใช้ 1 สัปดาห์
*เนื่องจาก “เรตินอล” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องเลี่ยงจาก แสงแดด ออกซิเจน และความชื้น ดังนั้น “บรรจุภัณฑ์” จึงต้องได้รับการออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ ด้วยวัสดุหลอดอลูมิเนียม 9 ชั้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันอ็อกซิเจน และป้องกันกระบวนการเกิดอ็อกซิเดชั่น ทำให้คุณภาพของครีมคงความเสถียรจนหมดหลอด*
พบที่สุดแห่งการนวัตกรรมแห่งพลังความอ่อนเยาว์ Laneige Perfect Renew Youth Retinol Cream (ปริมาณ 15 มล. ราคา 1,650 บาท / ปริมาณ 30 มล. ราคา 2,750 บาท) และผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยใน “กลุ่มผลิตภัณฑ์ Perfect Renew Youth” ได้ ณ เคาน์เตอร์ลาเนจ ทุกสาขา หรือ ช่องทาง Line: @laneigechatandshop ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นเพิ่มเติม คลิ๊ก https://www.facebook.com/laneigethailand
นับว่าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง ที่ยืนหนึ่งเรื่องความเย็นมายาวนานกว่า 129 ปี กับแบรนด์ “ตรางู” ของกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ที่มีการปรับตัวเข้ากับยุคสมัย โดยไม่ทิ้งความเป็นตัวตนของแบรนด์ ล่าสุดกับการเปิดกลยุทธ์การตลาดแบรนด์ในตำนานต้นตำรับแรกของโลก ที่บุกหนักตั้งแต่ต้นปี สู่การพัฒนาโปรดักส์อินโนเวชั่น ตรางู รีแล็กซิ่ง เฟรนช์ ลาเวนเดอร์ ที่มอบความหอม ผ่อนคลาย สบายผิว เพิ่มดีกรีความคูล ดับความร้อนระอุของอากาศเมืองไทย ผ่านการสร้างการรับรู้ และภาพจำในผลิตภัณฑ์ ด้วยการมอบประสบการณ์ตรงให้ลูกค้า เนรมิตทุ่งลาเวนเดอร์ใจกรุงตลอดเดือนเมษายน 2564 บริเวณหน้ารถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี ภายใต้แคมเปญ “เย็นดีย์ ไม่ดรอปชัวร์ #แชร์ให้ทั่วว่าเราคูล”
นายอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู เจ้าของสินค้าแบรนด์ตรางู กล่าวว่า “สภาพอากาศในปัจจุบัน ภาวะโลกร้อน ประกอบกับอากาศในช่วงหน้าร้อน มีอุณหภูมิร้อนจัด โดยเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 40 องศา ส่งผลโดยตรงกับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งท่ามกลางแดด สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Product) ของแบรนด์ตรางูมีความโดดเด่นเรื่องการมอบความเย็นกายสบายใจ สดชื่น และลดอาการระคายผิว ไม่สบายตัว ที่เกิดจากอากาศร้อน ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ตรางูมีโปรดักส์ไลน์อยู่ 5 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน คือ แป้งเย็น เจลอาบน้ำ สบู่ ทิชชู่เย็น บอดี้สเปรย์ และมิสท์ นอกจากความเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ และจุดขายของแบรนด์ตรางูแล้ว เรายังได้ทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีการออกแบบสูตรและสรรพคุณให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสูตรคลาสสิค คงความเย็นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ตรางู มายาวนาน, สูตรรีแลกซ์ซิ่ง ให้ความหอมผ่อนคลาย, สูตรไวลด์ ทานาคา ให้ผิวเนียนใส, สูตรซอฟท์ แอนด์ สมูท ให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น และสูตรรีเฟรชชิ่ง ช่วยเพิ่มความสดชื่น โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับผลิตภัณฑ์ไว้ 2 กลุ่มหลักด้วยกัน คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแป้ง เจาะกลุ่มเจนเอกซ์ - เจนวาย ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างเจลอาบน้ำ สบู่ ทิชชู่เย็น บอดี้สเปรย์ และมิสท์ เจาะกลุ่มเจนวาย - เจนซี”
● เมื่อโลกเปลี่ยน ผู้บริโภคเปลี่ยน นำพาสู่โปรดักส์อินโนเวชั่น สู่การจับคู่ความคูลของโปรดักส์ไฮไลท์ปี 2564 หอม ผ่อนคลาย สบายผิวกับ ตรางู รีแล็กซิ่ง เฟรนช์ ลาเวนเดอร์
หนึ่งในความท้าทายหลักของแบรนด์ตรางูคือ เมื่อโลกเปลี่ยนและหมุนอยู่ตลอดเวลา กลุ่มผู้บริโภคและช่วงวัยเปลี่ยนไป ประกอบกับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลง จะปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับยุคสมัย โดยไม่ทิ้งความเป็นตัวตนของแบรนด์ตรางู และยังคงครองใจผู้บริโภคอยู่ได้ สู่การพัฒนาโปรดักส์อินโนเวชั่นอย่างต่อเนื่อง จับเทรนด์กลุ่มรีแล็กซิ่ง เพื่อแก้ pain point เมื่อโจทย์หลักของประเทศไทยคือเป็นเมืองร้อน ในโลกที่มีความเร่งรีบ และเคร่งเครียด ตรางู รีแล็กซิ่ง กลิ่นเฟรนช์ ลาเวนเดอร์ จึงเป็นโปรดักส์ไฮไลท์ของปี 2564 ด้วยส่วนผสมหลักของลาเวนเดอร์ ออยล์ ที่มอบความหอม ผ่อนคลาย สบายผิว สดชื่น ทุกครั้งที่ได้ใช้และได้กลิ่น พร้อมช่วยลดอาการระคายเคืองตามผิวหนังที่เกิดจากอากาศร้อนอีกด้วย
● สร้างประสบการณ์ตรงให้ลูกค้า เพิ่มการจดจำในแบรนด์ สู่ Call to Action เนรมิตทุ่งลาเวนเดอร์ใจกลางกรุง ตลอดเดือนเมษายน
แบรนด์ตรางูได้มีการปรับรูปแบบการสื่อสาร สู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมอัดแคมเปญการตลาดครบวงจรทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ ภายใต้ชื่อ “เย็นดีย์ ไม่ดรอปชัวร์ #แชร์ให้ทั่วว่าเราคูล” พร้อมเนรมิตทุ่งลาเวนเดอร์ไว้ใจกลางกรุง เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ (awareness) สร้างภาพจำ (recall) กระตุ้นไปสู่ยอดขาย (call to action) ในผลิตภัณฑ์ พร้อมเปิดตัวผ่านความเหนือกว่าของผลิตภัณฑ์ สร้างความเย็นให้กลุ่มผู้บริโภคได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ตรงด้วยตัวเอง ทั้งในส่วนของกลิ่นหอมผ่อนคลาย และความเย็นที่จะเกิดขึ้นกลางทุ่งลาเวนเดอร์ ตลอดเดือนเมษายน 2564 บริเวณหน้ารถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี ซึ่งนับว่าเป็นจุดแลนด์มาร์คหลักที่มีผู้คนสัญจรไปมา และเป็นจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะทางบกและทางน้ำ รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นไปสู่ยอดขายอีกด้วย
● รักษาฐานลูกค้าเดิม ขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่
แบรนด์ตรางู ยังได้มีการวางแผนกลยุทธ์ในการสื่อสารสู่กลุ่มลูกค้าเดิม พร้อมขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ จัดขบวนคาราวานภายในขบวนรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เพื่อมอบประสบการณ์ให้กับกลุ่มลูกค้า (customer experience) การแจกผลิตภัณฑ์ทดลอง กิจกรรมแอดปุ๊บ เย็นปั๊บ ผ่านช่องทาง Line OA การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ เพื่อขยายการรับรู้ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมเซิร์ฟสเก็ต กิจกรรมโรดโชว์ ไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ภาพยนตร์โฆษณาและออนไลน์วิดีโอ รวมทั้งสื่อนอกบ้าน OOH (Out of Home Media)
“นับว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการปรับตัวในเข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปตามโลกตลอดเวลา พร้อมต้องยังคงคอนเซ็ปต์และความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของแบรนด์ตรางู นอกจากที่เราจะรักษาไว้ซึ่งคุณภาพ การพัฒนาและเพิ่มคุณภาพก็เป็นโจทย์หลักที่แบรนด์ตรางูยังคงทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น พร้อมมอบประสบการณ์ กระชับความสัมพันธ์ เป็น Brand Love ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานทุกยุคทุกสมัย” นายอนุรุธ กล่าวสรุป
ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความหอมผ่อนคลายและความเย็นท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ ตลอดเดือนเมษายน 2564 บริเวณหน้ารถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี พร้อมร่วมพิสูจน์ความคูลด้วยตัวคุณเองกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตรางู รีแล็กซิ่ง กลิ่นเฟรนช์ ลาเวนเดอร์ ทั้งในส่วนของแป้งเย็น เจลอาบน้ำ สบู่ ทิชชู่เย็น บอดี้สเปรย์ และมิสท์ ได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ Line OA : @snakebrandfamily, Facebook : Snake Brand Fan Page, Shopee และLazada
หน้าร้อนเมืองไทยดูเหมือนจะร้อนขึ้นทุกปี แค่ก้าวขาออกจากบ้าน ก็ทำให้หลายคนถึงขั้นเหงื่อตก จนหนังศีรษะและผมมัน เสียความมั่นใจที่จะออกไปสนุกกับกิจกรรมมันส์ ๆ กับเพื่อน
เฮดแอนด์โชว์เดอร์ ในฐานะผู้นำด้านแชมพูขจัดรังแค ได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดจากความมันบนหนังศีรษะ จึงได้คิดค้นแชมพูสูตรใหม่ล่าสุด “เฮดแอนด์โชว์เดอร์ อินสแตนท์ ออยล์ คอนโทรล” (Head & Shoulders Instant Oil Control) ที่ได้ ‘เลม่อน เฟรช’ ส่วนผสมใหม่ล่าสุด มาเสริมพลังกับเทคโนโลยีเฉพาะ ZPT เพื่อช่วยลดความมันส่วนเกินบนเส้นผมและหนังศีรษะทันทีหลังจากสระผม พร้อมขจัดรังแคที่เกิดจากความมันบนหนังศีรษะ เสริมความมั่นใจ 100% ให้คุณได้ #มันส์ให้สุดแล้วหยุดมัน กับเพื่อน ๆ ได้อย่างเต็มที่ตลอดหน้าร้อนนี้
เฮา ทราน ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ซัมเมอร์ในประเทศไทยเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ผู้คนจะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุดยาว และทำกิจกรรมสนุกสนานกับครอบครัวและเพื่อน แต่ด้วยอากาศที่ร้อนกว่าปกติทำให้เหงื่อออกได้ง่าย จึงเกิดความมันสะสมบนหนังศีรษะและเส้นผม หลายคนหมดความมั่นใจที่จะออกไปใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่อยู่เสมอ เฮดแอนด์โชว์เดอร์ จึงได้คิดค้นแชมพูสูตรใหม่ล่าสุด เฮดแอนด์โชว์เดอร์ อินสแตนท์ ออยล์ คอนโทรล ที่จะช่วยขจัดความมันส่วนเกินบนหนังศีรษะในทันที ให้หน้าร้อนปีนี้ คุณมั่นใจและออกไปมันส์กับเพื่อน ๆ แบบไม่ต้องกลัวมันอีกต่อไป”
ทั้งนี้ เฮดแอนด์โชว์เดอร์ยังได้ชวนนักร้องขวัญใจคนรุ่นใหม่ “อิ้งค์-วรันธร เปานิล” ที่มีไลฟ์สไตล์สนุกสุดมันส์มาร่วมแชร์ประสบการณ์ #มันส์ให้สุดแล้วหยุดมัน
“ด้วยไลฟ์สไตล์ของอิ้งค์ที่เจอผู้คนมากมายอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องคอยดูแลตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ แต่มีบางครั้งที่รู้สึกผมมัน ไม่สบายหนังศีรษะ ทำให้ไม่มั่นใจ ทำกิจกรรมอะไรก็สนุกได้ไม่เต็มที่ จนได้มาลองใช้แชมพู เฮดแอนด์โชว์เดอร์ อินสแตนท์ ออยล์ คอนโทรล สูตรใหม่ ที่ช่วยขจัดความมันส่วนเกินบนหนังศีรษะได้ทันที ทำให้ตอนนี้อิ้งค์มั่นใจ สามารถออกไปสนุกกับกิจกรรมมันส์ ๆ ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องกังวล จะกลางแจ้ง แดดออก หรือเหงื่อตกมากแค่ไหน ก็มั่นใจว่าเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ช่วยคุมมัน เอาอยู่ทุกลุคแน่นอนค่ะ”
ติดตามชมความน่ารักสดใสของ อิ้งค์-วรันธร เปานิล ที่จะทำให้หน้าร้อนนี้สนุกกว่าที่เคย ผ่านภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ตัวใหม่ล่าสุดจาก เฮดแอนด์โชว์เดอร์ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=f5Imf05uFz8
พร้อมมา #มันส์ให้สุดแล้วหยุดมัน กับ เฮดแอนด์โชว์เดอร์ อินสแตนท์ ออยล์ คอนโทรล ขนาด 330 มล. ราคา 149 บาท และขนาด 450 มล. ราคา 179 บาท ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ และ ทางออนไลน์
@headandshouldersth
แคมเปญ เก่าแลกใหม่ จาก Innergie เปลี่ยนอะแดปเตอร์เก่าที่ไม่ใช้ หรือ ชำรุดให้มีมูลค่าและยังช่วยกำจัดอะแดปเตอร์อย่างถูกวิธี เพียงนำอะแดปเตอร์ที่ไม่ใช้แล้ว มาแลกเป็นส่วนลดสูงสุด 500 บาท เพื่อซื้ออะแดปเตอร์ One For All Series ที่ร้าน .life และ iStudio by Copperwired ตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2564 เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้ง่ายขึ้น
แคมเปญนี้ยังช่วยสนับสนุนลูกค้าที่เลือกซื้อสินค้าอย่างมีสติ ด้วยการนำเสนออะแดปเตอร์ One For All ซีรีย์ ที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้หลากหลาย ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต มือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ Innergie ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตอบสนองทุกความต้องการในการชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ที่มีคุณภาพสูงเพียงแค่ตัวเดียว
ในฐานะที่เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านพลังงานและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เดลต้านำเสนอผลิตภัณฑ์ “อัจฉริยะ” ที่มีประสิทธิภาพสูง Innergie ได้ใช้นวัตกรรมของ Delta เพื่อสร้างวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย
Innergie มุ่งมั่นที่จะปกป้องโลกร่วมกับลูกค้าและผู้ถือหุ้น จากรายงานของกรมควมคุมมลพิษ ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยมีประมาณเกือบ 4 แสนตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี เป็นทวีคูณ
การกำจัดผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หากไม่ผ่านกระบวนการจัดการที่ถูกต้อง ขยะเหล่านี้ก็จะเป็นพิษกลับมาทำลายสิ่งแวดล้อมและมนุษย์เราได้ เนื่องจากขยะประเภทนี้ย่อยสลายได้ยากและมีส่วนประกอบของสารที่เป็นพิษต่อธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต
ในยุคดิจิทัลนี้ เรามีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายมากมายและจำนวนอะแดปเตอร์จะมีเยอะขึ้นตามจำนวนอุปกรณ์ที่เรามี Innergie ได้พัฒนาอะแดปเตอร์อเนกประสงค์ที่สามารถปรับกระแสไฟอัตโนมัติตามแต่อุปกรณ์ที่ใช้ เพื่อลดจำนวนอะแดปเตอร์ในการใช้งานลง
การเลือกอะแดปเตอร์ที่เหมาะสม จาก Innergie ช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดเงิน ประหยัดพื้นที่และปกป้องโลกใบนี้Innergie ทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อส่งมอบหลักการของ Delta “Smarter. Greener. Together.” มุ่งสร้างนวัตกรรมพลังงานสะอาด เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับแคมเปญ https://th.myinnergie.com/tradein
มูจิ ประเทศไทย ตอกย้ำความมั่นใจศักยภาพตลาดไทย ล่าสุดปรับโฉม MUJI สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ใหม่ทั้งหมด พร้อมเปิดให้บริการ 1 เมษายน 2564 นี้เป็นต้นไป ขยายพื้นที่เพิ่มกว่าเดิมมากกว่า 3 เท่า จาก 359 ตารางเมตร เป็น 1,400 ตารางเมตร เพิ่มร้านกาแฟเป็นสาขาที่ 3 ในประเทศไทย รวมทั้งให้บริการด้านการออกแบบภายใน (MUJI Interior Consultation Service) และบริการตัดขากางเกง ฟรี! ชี้ศักยภาพตลาดย่านรามอินทราทำเลทองแห่งใหม่ เป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยและโฮมออฟฟิศหนาแน่น ประกาศปรับราคาเสื้อผ้า MUJI WALKER กันยูวีแบบแห้งเร็ว ลดราคาสูงสุด 30% ในราคาเริ่มต้นเพียง 390 บาท รับลมร้อน
นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด MUJI ยังคงมองประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ นอกจากกลยุทธ์ปรับราคาสินค้าเป็นราคาที่ผู้บริโภคคนไทยเข้าถึงได้ง่ายแล้วยังเดินหน้ากลยุทธ์ขยายช่องทางการจำหน่ายในส่วนออนไลน์และออฟไลน์ ให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ล่าสุดหลังจากที่ MUJI สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ได้ให้บริการลูกค้า MUJI ในย่านรามอินทราและพื้นที่ใกล้เคียงมากกว่า 4 ปี MUJI ได้ปรับปรุงสาขาดังกล่าวเป็นรูปโฉมใหม่ทั้งหมด โดยขยายเนื้อที่ให้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า จากพื้นที่ให้บริการเดิม 359 ตารางเมตร เป็น 1,400 ตารางเมตร สำหรับรองรับการให้บริการลูกค้าในย่านดังกล่าวซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากโลเกชั่นทำเลดังกล่าวเป็นทำเลศักยภาพที่มีจำนวนผู้อยู่ที่มีกำลังซื้ออาศัยหนาแน่น พร้อมเปิดให้บริการสาขาโฉมใหม่ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 นี้
“แฟชั่นไอส์แลนด์เป็นโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่บนถนนรามอินทรากิโลเมตรที่ 10 ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ทอดยาวคาบเกี่ยวพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งเหนือและฝั่งตะวันออก เชื่อมโยงถนนสายหลักและสายรองสำคัญ ๆ หลายสาย รวมทั้งมีโครงการรถไฟฟ้าระบบรางเดี่ยวสีชมพูที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2565 ช่วยอำนวยความสะดวกเชื่อมต่อการเดินทางให้สะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำเลนี้จึงนับเป็นทำเลศักยภาพย่านหนึ่งที่มีโครงการที่อยู่อาศัยกระจายตัวอยู่จำนวนมาก รวมทั้งเริ่มเป็นย่านของโฮมออฟฟิศ ประกอบกับเดิมกลุ่มคนทำงานกระจายตัวออกมาซื้อที่พักอาศัยในทำเลนี้เป็นจำนวนมาก จึงมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ นับเป็นอีกหนึ่งในโลเกชั่นที่ MUJI มองเห็นศักยภาพและให้ความสำคัญ จึงเลือกปรับปรุงโฉมสาขานี้เป็นอันดับต้น ๆ ภายใต้แนวคิดให้ MUJI เป็นแบรนด์สินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น” นายอกิฮิโร่ กล่าว
MUJI สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์โฉมใหม่ตั้งอยู่ที่โซน Grand Station ชั้น 1 ในศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ บนพื้นที่ 1,400 ตารางเมตร มีสินค้า MUJI ให้เลือกกว่า 3,000 รายการ ภายในสาขายังมีร้านกาแฟ “MUJI Coffer Corner” เป็นร้านกาแฟสาขาที่ 3 ในประเทศไทย ตกแต่งด้วยบรรยากาศแบบธรรมชาติอบอุ่นเรียบง่ายสไตล์ MUJI และยังมี 2 บริการ ภายในสาขาดังกล่าว ได้แก่ บริการ MUJI Interior Consultation Service ซึ่งเป็นบริการที่ปรึกษาด้านออกแบบภายใน ให้ลูกค้าสามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ หรือปัญหาด้านการจัดเก็บพื้นที่ที่จำกัด จากที่ปรึกษาด้านการตกแต่งภายในของ MUJI เพื่อการอยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ภายใต้ “ความสวยงาม” และ “ความเรียบง่าย” และบริการตัดขากางเกงฟรี! สำหรับลูกค้าที่ซื้อกางเกง MUJI ที่ร่วมรายการพร้อมแสดงใบเสร็จให้แก่พนักงานภายในสาขา
นายอกิฮิโร่ กล่าวเสริมว่า เพื่อดำเนินงานตามหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ MUJI ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้มากยิ่งขึ้น ผ่านกลยุทธ์การตลาดด้านราคาและเพื่อเป็นการต้อนรับหน้าร้อน MUJI ได้ปรับราคาสินค้า MUJI WALKER กันยูวีแบบแห้งเร็ว อาทิ เสื้อโปโล เสื้อแขนสั้น ฮูดดี้ เสื้อยืดแขนกุด กางเกงผ้าแห้งยืดได้ 4 ทิศ รองเท้าผ้าใบลดแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า เป็นต้น โดยปรับราคาลดลงสูงสุดถึง 30% ด้วยราคาสินค้าเริ่มต้นเพียง 390 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ MUJI WALKER เป็นเสื้อผ้าสวมใส่แบบชุดลำลอง หรือใส่ออกกำลังกายเบา ๆ มีคุณสมบัติดูดซับและแห้งเร็ว พร้อมปกป้องรังสียูวี เนื้อผ้าฝ้ายสัมผัสนุ่มสบายผิว มาพร้อมแถบสะท้อนแสง เพื่อให้มองเห็นตัวผู้ใส่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในเวลากลางคืน
พบกับ MUJI สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ โฉมใหม่ได้ที่พิกัด 587, 589 อาคารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้องเลขที่ GSSH114 (โซนแกรนด์สเตชั่น Grand Station) ชั้น 1 ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร 10230 (โทร 02-040-5411) พร้อมต้อนรับซัมเมอร์ด้วยการเลือกช้อปเสื้อผ้าและรองเท้า MUJI WALKER ในราคาสบายกระเป๋า ได้ที่MUJI ทุกสาขา รวมทั้งช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ ทั้งในแพลตฟอร์มเว็ปไซต์ www.central.co.th/en/muji และ Central ในแอปพลิเคชันhttp://centralapp.central.co.th/app.php
ศูนย์การค้า เดอะมาร์เก็ต แบงคอก (ราชประสงค์) ร่วมกับ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม, สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และจังหวัดปทุมธานี จัดงาน “เดอะ มาร์เก็ต สงกรานต์ฉลองนคร” ร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันงดงามสะท้อนผ่านอัตลักษณ์แห่งความเป็นไทย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มหามงคล ร่วมกราบสักการะสรงน้ำขอพร ๙ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ได้แก่ ๑. หลวงพ่อพระพุทธโสธร ๒. หลวงพ่อ วัดไร่ขิง ๓. หลวงพ่อ วัดบ้านแหลม ๔. หลวงพ่อโต วัดบางพลี ๕. หลวงพ่อทันใจ ๖. หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา วัดท่าซุง ๗. พระพุทธชินราช ๘. พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ๙. หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง พร้อมขอเชิญร่วมทำบุญระฆังเงินระฆังทอง และเพลิดเพลินไปกับการช้อป ชิม ชิลล์สินค้าและอาหารอิ่มอร่อยมากมายภายในงานตั้งแต่วันที่ ๖ – ๑๘ เมษายน ศกนี้ บริเวณ ชั้น M (R Walk และ M Hall) และชั้น G (Outdoor)
โดยมี สุฐิตา โชติจุฬางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักกรรมการ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก (ย่านราชประสงค์) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงฯ ตลอดจนศิลปินนักแสดง กิตตน์ก้อง ขำกฤษ และเฌอเบลล์ - ลัลณ์ลลิน เตจะสา ร่วมพิธีเปิดงานซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๔ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป ณ M Hall ชั้น M ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก (ราชประสงค์)
Vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก ประกาศวางจำหน่าย Vivo Y72 5G สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล Y Series อย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ที่ราคา 9,999 บาท หลังจากที่เปิดตัวในประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Exclusive Online Launch พร้อมปล่อยโปรโมชันพิเศษให้สั่งจองล่วงหน้าไปแล้วเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
Vivo Y72 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีรองรับการเชื่อมต่อ 5G พร้อมแนวคิด ‘5G เข้าถึงทุกที่ ทุกเวลา’ เพื่อมอบประสบการณ์สุดลื่นไหลในทุกสถานการณ์ เก็บทุกภาพความประทับใจด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้คมชัดทุกท่วงท่า เลนส์มุมกว้างพิเศษ Super Wide-Angle (120 องศา) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพได้กว้างสะใจทุกองศา และเลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สร้างสรรค์สิ่งเล็กๆ รอบตัวให้มีชีวิตชีวามากขึ้น พร้อมรองรับฟีเจอร์ Super Night Mode, Super Night Selfie, โหมดกันสั่น EIS และ Eye Autofocus พร้อม RAM 8GB พร้อมทำงานด้วยชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 700 รุ่นล่าสุด เต็มที่กับทุกกิจกรรมตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ 5,000 มิลลิแอมป์ พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 18W มีให้เลือกสองสี ได้แก่ Graphite Black และ Dream Glow สวยโดดเด่น เปล่งประกายหลากหลายมิติ
Vivo Y72 5G เปิดให้เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมรับฟรี! ของแถมสุดพิเศษ Bluetooth body weight scale มูลค่า 1,099 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.vivo.com/th
เว็บไซต์นี้มีการเก็บ Cookies เพื่อปรับปรุงการให้บริการ จิ้มดู นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม