ขอคำปรึกษาเรื่อง aha ค่ะ
jangot5พอดีไปหาหมอมาค่ะ อยากรักษาหลุมสิวเล็กกๆๆๆ บางคะไม่ลึก
ทีนี้หมอเค้าให้ aha มา บอกว่าจะช่วยกระชับรูขุมขน
และ ผลัดเซลผิวไปเรื่อยๆๆๆ ทำให้หน้าเนียน
มันจริงรึป่าวคะ เอายามาแล้ว
เห็นบางคนมาว่า aha ไม่ช่วยเรื่องหลุมสิวอะคะ
ทีนี้หมอเค้าให้ aha มา บอกว่าจะช่วยกระชับรูขุมขน
และ ผลัดเซลผิวไปเรื่อยๆๆๆ ทำให้หน้าเนียน
มันจริงรึป่าวคะ เอายามาแล้ว
เห็นบางคนมาว่า aha ไม่ช่วยเรื่องหลุมสิวอะคะ
Discussion (5)
ลองศึกษาข้อมูลตรงนี้ดูนะคะ หวังว่าคงพอให้ข้อมูลได้บ้าง รายละเอียดที่มากกว่านี้ต้องต้องการเจาะลึกจริง เข้าไปหาอ่านเพิ่มในลิ้งค์บล๊อคของคุณปูเป้ที่ให้ได้นะคะ
AHAs (Alpha Hydroxy Acids) :
สารที่อยู่ในกลุ่มของ AHAs นั้นมีมากมายหลายตัว แต่ตัวที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ Glycolic Acid และ Lactic Acid โดยที่ Glycolic Acid เป็นรูปแบบของ AHAs ที่มีประสิทธิสูงสุดเนื่องจากมันมีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด
นอก จากช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพแล้ว AHAs ยังช่วยให้กระบวนการ Skin Cell Turnover ดีขึ้นและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจนในผิวชั้นกลางได้อีกด้วย (ถ้าใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม) นอกจากนี้ AHAs ยังมีคุณสมบัติเป็น Water-binding Agent ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้อีกด้วย
การจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA ให้ได้ประสิทธิผลสูงสุดนั้นต้องคำนึงถึงสามปัจจัยหลัก ๆ คือ “ค่า pH” “ความเข้มข้น” และ “เนื้อของผลิตภัณฑ์” นอกจากนี้ก็ยังต้องปราศจากสารก่อการระคายเคืองหรือมีน้อยที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้ เนื่องจากการ Exfoliate ผิวจะทำให้ผิวไวต่อปัจจัยลบมากเป็นพิเศษ
ค่า pH หรือค่าความเป็นกรด-ด่าง นั้นสำคัญมากถ้าคุณคิดจะใช้ AHAs สารกลุ่มนี้จะ ทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อผลิตภัณฑ์นั้นมีค่า pH ประมาณ 3 – 4 โ ดยค่า pH ที่ทาง FDA กำหนดว่าเหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางก็คือ 3.5
ค่า pH ที่ต่ำกว่า 3 จะมีความเป็นกรดมากเกินไปจนทำให้ผิวคุณระคายเคืองได้มากซึ่งจะก่ออันตรายกับ ผิว
ค่า pH ที่มากกว่า 4.5 ทำให้ AHAs มีประสิทธิภาพน้อยหรือไม่มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิว (แต่ AHAs ก็ยังคงมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้น โดยอยู่ในเงื่อนไขว่ามันต้องมีในความเข้มข้นที่เหมาะสม)
ความเข้ม ข้นของ AHA ที่เหมาะสมสำหรับการใช้ประจำวันก็คือ 5 – 15 % โดยทาง FDA ระบุว่าผลิตภัณฑืที่ใช้กับผิวหน้าไม่ควรมี AHAs เข้มข้นเกิน 10 % และสำหรับผิวกายไม่ควรมี AHAs เกิน 15 % หากคุณพึ่งเริ่มต้นใช้ AHAs เป็นครั้งแรกหรือมีผิว Sensitive ก็ควรเลือกความเข้มข้นที่ต่ำหน่อย เพราะความเข้มข้นที่สูงขึ้นก็หมายถึงโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองหรือผลข้าง เคียงก็เพิ่มขึ้นด้วย
AHAs ควรจะอยู่ในรูป ของน้ำ เจล หรือเซรั่มจะดีที่สุดเนื่องจากสารกลุ่มนี้ละลายในน้ำ เบสโลชั่นหรืออีมัลชั่นก็ยังพอไหว แต่การใช้ AHAs ในเบสครีมที่เข้มข้นนั่นจะทำให้ AHAs ซึมลงผิวได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เนื่องจากค่า pH มีผลมากต่อประสิทธิภาพของ AHA เราจึงควรทา AHA และปล่อยให้มันทำงานก่อนสัก 10 - 20 นาทีแล้วค่อยทาเซรั่มหรือครีมบำรุงทับลงไป เพราะปกติแล้วครีมบำรุงผิวจะมีค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5 - 6 หากทาทับ AHA ทันทีก็จะไปทำให้ค่า pH สูงขึ้นจนลดประสิทธิภาพของ AHA ลงไป
ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่อง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วย Exfoliate ผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA ว่าจะทำให้ “หน้าบาง” ลงนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย
สารอย่าง AHA จะไป Exfoliate เฉพาะเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหรือขี้ไคลออกไปเท่านั้น ไม่ได้ไปลอกเอาผิวหนังในชั้นที่ลึกกว่านี้ออกไป ในทางกลับกัน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA เข้มข้นเหมาะสม จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจนในผิวชั้นกลางได้ (ซึ่งดูแล้วจะทำให้ผิวหนาและแน่นขึ้นซะมากกว่า)
แน่นอนว่าผิวชั้นขี้ ไคลที่สะสมจนหนาตัวนั้นก็มีประโยชน์ในการปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกและแสงแดด ได้เหมือนกัน การไปลอกเอาขี้ไคลออกก็ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดและปัจจัยลบภายนอกมากกว่าตอนที่ ยังไม่ได้ Exfoliate ผิว ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกว่าโดนแดดมากเหมือนเดิมไม่ได้ รู้สึกแสบผิว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผิวคุณบางลง...
คุณก็ต้องมาเลือกเอาเองว่า อย่างไหนจะให้ประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน ถ้าคุณคิดว่าการ Exfoliate ไม่ดีกับผิว ทำให้ผิวไวแสงมากขึ้น คุณก็ไม่ต้องมาบ่นว่าทำไมผิวหมองคล้ำไม่สดใสหรือเป็นสิวอุดตันง่าย
ความ จริงในข้อนี้ก็สามารถอธิบายความเชื่อที่ว่า “ไปหาหมอ ใช่ยาหมอแล้วหน้าบาง” ได้เหมือนกัน เพราะว่ายารักษาสิวที่มีประสิทธิภาพส่วนใหญ่จะเป็น Keratolytic Agent อย่าง Benzoyl Peroxide, Tretinoin (Retin-A, Renova) Tazarotene (Tazorac) และ Adapalene (Differin)
อย่างที่ได้ทราบกันแล้วว่าการ Exfoliate ผิวจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น (เนื่องจากชั้นขี้ไคลที่เคยช่วยกันแดดให้มันถูกลอกออกไป) การปกป้องผิวด้วย Sunscreen (ครีมกันแดด) จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด (แต่ถึงไม่ได้ Exfoliate ผิวก็ต้องทา Sunscreen เป็นประจำทุกวันอยู่ดี)
การ Exfoliate ผิวโดยไม่ใช้ Sunscreen ในตอนกลางวันจะเปิดโอกาสให้ผิวของคุณถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ง่ายกว่าปกติ
Sunscreen ที่เลือกใช้ควรมีค่า SPF15 ขึ้นไป (SPF 30 กำลังดีสำหรับแดดแรง ๆ ในประเทศไทย) ที่สำคัญควรเลือกชนิดที่สามารถกันรังสี UVA ได้ด้วย โดยดูใน Ingredients List ว่ามีส่วนผสมของ Zinc Oxide, Titanium Dioxide, Avobenzone (หรือใช้ชื่อว่า Parsol 1789, Butyl Methoxydibenzoylmethane,BMDM, Eusolex 9020, Escalol 517) Mexoryl SX (หรือใช้ชื่อว่า Ecamsule, Terephthalylidene dicamphor sulfonic acid), TINOSORB® M (Methylene Bis-Benzotriazolyl etramethylbutylphenol) หรือ TINOSORB® S (Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine) อยู่เป็น Active Ingredients หรือเป็นลำดับต้น ๆ ของส่วนผสมรึเปล่า
ข้อมูลทั้งหมดจากที่นี่ค่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pupesosweet&month=10-2008&date=01&group=6&gblog=12
AHAs (Alpha Hydroxy Acids) :
สารที่อยู่ในกลุ่มของ AHAs นั้นมีมากมายหลายตัว แต่ตัวที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ Glycolic Acid และ Lactic Acid โดยที่ Glycolic Acid เป็นรูปแบบของ AHAs ที่มีประสิทธิสูงสุดเนื่องจากมันมีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด
นอก จากช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพแล้ว AHAs ยังช่วยให้กระบวนการ Skin Cell Turnover ดีขึ้นและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจนในผิวชั้นกลางได้อีกด้วย (ถ้าใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม) นอกจากนี้ AHAs ยังมีคุณสมบัติเป็น Water-binding Agent ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้อีกด้วย
การจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA ให้ได้ประสิทธิผลสูงสุดนั้นต้องคำนึงถึงสามปัจจัยหลัก ๆ คือ “ค่า pH” “ความเข้มข้น” และ “เนื้อของผลิตภัณฑ์” นอกจากนี้ก็ยังต้องปราศจากสารก่อการระคายเคืองหรือมีน้อยที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้ เนื่องจากการ Exfoliate ผิวจะทำให้ผิวไวต่อปัจจัยลบมากเป็นพิเศษ
ค่า pH หรือค่าความเป็นกรด-ด่าง นั้นสำคัญมากถ้าคุณคิดจะใช้ AHAs สารกลุ่มนี้จะ ทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อผลิตภัณฑ์นั้นมีค่า pH ประมาณ 3 – 4 โ ดยค่า pH ที่ทาง FDA กำหนดว่าเหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางก็คือ 3.5
ค่า pH ที่ต่ำกว่า 3 จะมีความเป็นกรดมากเกินไปจนทำให้ผิวคุณระคายเคืองได้มากซึ่งจะก่ออันตรายกับ ผิว
ค่า pH ที่มากกว่า 4.5 ทำให้ AHAs มีประสิทธิภาพน้อยหรือไม่มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิว (แต่ AHAs ก็ยังคงมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความชุ่มชื้น โดยอยู่ในเงื่อนไขว่ามันต้องมีในความเข้มข้นที่เหมาะสม)
ความเข้ม ข้นของ AHA ที่เหมาะสมสำหรับการใช้ประจำวันก็คือ 5 – 15 % โดยทาง FDA ระบุว่าผลิตภัณฑืที่ใช้กับผิวหน้าไม่ควรมี AHAs เข้มข้นเกิน 10 % และสำหรับผิวกายไม่ควรมี AHAs เกิน 15 % หากคุณพึ่งเริ่มต้นใช้ AHAs เป็นครั้งแรกหรือมีผิว Sensitive ก็ควรเลือกความเข้มข้นที่ต่ำหน่อย เพราะความเข้มข้นที่สูงขึ้นก็หมายถึงโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองหรือผลข้าง เคียงก็เพิ่มขึ้นด้วย
AHAs ควรจะอยู่ในรูป ของน้ำ เจล หรือเซรั่มจะดีที่สุดเนื่องจากสารกลุ่มนี้ละลายในน้ำ เบสโลชั่นหรืออีมัลชั่นก็ยังพอไหว แต่การใช้ AHAs ในเบสครีมที่เข้มข้นนั่นจะทำให้ AHAs ซึมลงผิวได้ไม่ดีเท่าที่ควร
เนื่องจากค่า pH มีผลมากต่อประสิทธิภาพของ AHA เราจึงควรทา AHA และปล่อยให้มันทำงานก่อนสัก 10 - 20 นาทีแล้วค่อยทาเซรั่มหรือครีมบำรุงทับลงไป เพราะปกติแล้วครีมบำรุงผิวจะมีค่า pH อยู่ที่ประมาณ 5 - 6 หากทาทับ AHA ทันทีก็จะไปทำให้ค่า pH สูงขึ้นจนลดประสิทธิภาพของ AHA ลงไป
ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่อง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วย Exfoliate ผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA ว่าจะทำให้ “หน้าบาง” ลงนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย
สารอย่าง AHA จะไป Exfoliate เฉพาะเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหรือขี้ไคลออกไปเท่านั้น ไม่ได้ไปลอกเอาผิวหนังในชั้นที่ลึกกว่านี้ออกไป ในทางกลับกัน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA เข้มข้นเหมาะสม จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจนในผิวชั้นกลางได้ (ซึ่งดูแล้วจะทำให้ผิวหนาและแน่นขึ้นซะมากกว่า)
แน่นอนว่าผิวชั้นขี้ ไคลที่สะสมจนหนาตัวนั้นก็มีประโยชน์ในการปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกและแสงแดด ได้เหมือนกัน การไปลอกเอาขี้ไคลออกก็ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดและปัจจัยลบภายนอกมากกว่าตอนที่ ยังไม่ได้ Exfoliate ผิว ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกว่าโดนแดดมากเหมือนเดิมไม่ได้ รู้สึกแสบผิว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผิวคุณบางลง...
คุณก็ต้องมาเลือกเอาเองว่า อย่างไหนจะให้ประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน ถ้าคุณคิดว่าการ Exfoliate ไม่ดีกับผิว ทำให้ผิวไวแสงมากขึ้น คุณก็ไม่ต้องมาบ่นว่าทำไมผิวหมองคล้ำไม่สดใสหรือเป็นสิวอุดตันง่าย
ความ จริงในข้อนี้ก็สามารถอธิบายความเชื่อที่ว่า “ไปหาหมอ ใช่ยาหมอแล้วหน้าบาง” ได้เหมือนกัน เพราะว่ายารักษาสิวที่มีประสิทธิภาพส่วนใหญ่จะเป็น Keratolytic Agent อย่าง Benzoyl Peroxide, Tretinoin (Retin-A, Renova) Tazarotene (Tazorac) และ Adapalene (Differin)
อย่างที่ได้ทราบกันแล้วว่าการ Exfoliate ผิวจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น (เนื่องจากชั้นขี้ไคลที่เคยช่วยกันแดดให้มันถูกลอกออกไป) การปกป้องผิวด้วย Sunscreen (ครีมกันแดด) จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด (แต่ถึงไม่ได้ Exfoliate ผิวก็ต้องทา Sunscreen เป็นประจำทุกวันอยู่ดี)
การ Exfoliate ผิวโดยไม่ใช้ Sunscreen ในตอนกลางวันจะเปิดโอกาสให้ผิวของคุณถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ง่ายกว่าปกติ
Sunscreen ที่เลือกใช้ควรมีค่า SPF15 ขึ้นไป (SPF 30 กำลังดีสำหรับแดดแรง ๆ ในประเทศไทย) ที่สำคัญควรเลือกชนิดที่สามารถกันรังสี UVA ได้ด้วย โดยดูใน Ingredients List ว่ามีส่วนผสมของ Zinc Oxide, Titanium Dioxide, Avobenzone (หรือใช้ชื่อว่า Parsol 1789, Butyl Methoxydibenzoylmethane,BMDM, Eusolex 9020, Escalol 517) Mexoryl SX (หรือใช้ชื่อว่า Ecamsule, Terephthalylidene dicamphor sulfonic acid), TINOSORB® M (Methylene Bis-Benzotriazolyl etramethylbutylphenol) หรือ TINOSORB® S (Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine) อยู่เป็น Active Ingredients หรือเป็นลำดับต้น ๆ ของส่วนผสมรึเปล่า
ข้อมูลทั้งหมดจากที่นี่ค่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pupesosweet&month=10-2008&date=01&group=6&gblog=12
ช่วยบ้างคะเรื่องหลุมสิวแต่ก็ไม่มากใช้นานๆแล้วหน้าจะบางคะ
รอเก็บข้อมูลด้วยคนนะคะ ^^'
ขอบคุนพี่ๆๆๆมากเลยคะ