สาวๆขา ไดเอ็ทวิธีไหนกันอยู่เหรอคะ? (^_^)
Princess♥12สวัสดีค่า เราเป็นสมาชิกจีบันมาระยะหนึ่งแล้วค่ะ (หลังจากเป็นผีมานานเดือน) แต่ยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการซะที ^^;
เราชื่อเกศนะคะ ^^ ปีนี้ก็ขึ้นเลขสองแหล่ว -_-;; ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ^^
วันนี้มีประเด็นที่คิดว่าเป็นประเด็นที่สาวๆส่วนใหญ่เองก็สนใจ เรื่องของการไดเอ็ทนั่นเองค่า
สำหรับเราแล้ว เป็นคนโครงค่อนข้างใหญ่น่ะค่ะ สูง 171 (ก่อนไดเอ็ทนี่ตัวเบ้อเร่ออย่างกับยักษ์) แต่เวลาเผละนี่จะลงส่วนล่าง (ตั้งแต่สะโพกลงไปจนถึงน่อง - -") แถมเป็นคนบวมน้ำด้วยค่ะ (T-T) ตื่นเช้ามาจะดูดีกว่าตอนสายๆเยอะเลย ยิ่งตกเย็นนี่ขาดูเบ้อเร่อกว่าตอนตื่นอย่างเปรียบเทียบความแตกต่างได้ (T^T)
เราเริ่มไดเอ็ท (อย่างจริงจัง) เมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้วค่ะ ^^ ตอนนั้นหนัก 65 กก. (กินไปได้เนอะคนเรา...) ก่อนอื่นก็ใช้วิธีลดอาหารก่อน แล้วมันก็ค่อยๆลดระดับลงมาเรื่อยๆจนถึง 59 กก. จำได้ว่าช่วงนั้นชั่งน้ำหนักเช้า 59 เย็น 60 เป็นช่วงคาบเส้นระหว่างเลข 5 กับเลข 6 จริงๆค่ะ
จากนั้นก็หยุดไประยะหนึ่ง เพราะร่างกายเริ่มชินกับปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับระดับนั้นแล้ว พอถึงเดือนตุลาคม คุณเพื่อนๆที่คณะที่แสนจะบอบบาง (สูงไม่เกิน 160 หนักไม่เกิน 45) ก็เกิดอาการประสาทป่วน หันมาลดน้ำหนักกัน เนื่องจากคุณแฟนบอกว่า "อ้วน" (ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจความคิดของคุณชายเหล่านั้นจริงๆ -*- เพื่อนชั้นอ้วนตรงไหนฟะ..??)
เราก็ไม่ใช่ประเภทหักดิบเหมือนเพื่อนๆของเราซะด้วยค่ะ เพื่อนของเรานี่ประเภท เช้า กลางวัน เย็น กินแต่โยเกิร์ต โอ้แม่เจ้า หนูทำไม่ได้ค่า~~!!! (T^T) แต่นั่นก็ทำให้เราหันมาเริ่มไดเอ็ทต่อค่ะ ช่วงนั้นเริ่มซิทอัพทุกวัน วันละ 50-60 ครั้ง (เคยอ่านเจอเขาบอกว่า ซิทอัพให้ได้ผลอย่างน้อยต้องซิทวันละ 50 ครั้งขึ้นไป) ใช่ค่ะ เห็นผลทันตา หน้าท้องเริ่มยุบ แถมรู้สึกว่าการซิทอัพเป็นการยืดกล้ามเนื้อท้อง สบายมากค่ะ ทำติดต่อมา 1 เดือน เท่านั้นแหละ เดินไปส่องกระจกถึงกับ..
ช็อก !!
ไม่ใช่ว่าหน้าท้องเรียบแบนสวยงามดั่งพี่อั้มหรอกนะคะ แต่มันดันมีลูกๆนูนๆออกมาแทน!!
แต่เราก็ยังควบคุมอาหารอยู่นะคะ ด้วยความที่ลดอาหารจนเป็นนิสัยแล้ว ก็จะทานแบบนั้นด้วยความเคยชินค่ะ (แต่ก็เยอะไม่ใช่น้อยเลยแหละ เราชอบกินพวกข้าวซะด้วยค่ะ) ขออย่างเดียว อย่ากินแบบสติแตกเป็นอันขาดค่ะ (^_^;;) ความขาดสติคือความล่มจมของน้ำหนักตัวจริงๆนะ 555+ ผลจากการซิทอัพ 1 เดือนนั้น ทำให้น้ำหนักลดลงมาอีก 2 กก.ค่ะ และคงที่อยู่ที่ 57-58 กก.มาอีกระยะหนึ่ง
ข้ามมาปี 2009 เหมือนกับว่าน้ำหนักตัวมันค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ ด้วยการควบคุมน้ำหนักที่พอเหมาะค่ะ รอบอกจากเดิม 36 นิ้ว ตอนนี้ก็เลยเหลือ 33 นิ้ว (แต่รอบขานี่เหมือนจะแทบไม่ลดเท่าไหร่ *- - ) ตอนมีนาคมน้ำหนักเลยลดเหลือ 55 กก.ค่ะ แต่เดือนเมษายนไปอยู่ญี่ปุ่น 1 เดือน กินอย่างมีสติ (ขอย้ำ กินอย่างมีสติแล้วนะนั่น) กลับมากทม.ถึงกับช็อกกับน้ำหนัก พุง และเนื้อแน่นๆทั้งตัวอีกครั้ง เพราะปาเข้าไป 58 กก.
ตอนอยู่ญี่ปุ่นไปอยู่หอเด็กม.ปลายค่ะ เหมือนอยู่แคมป์กับเพื่อนๆน้องๆ ก็เลยกินดึก สี่ทุ่มของที่นู่นก็ยังกินขนมไม่หยุดปาก กลับบ้านมาก็ยังติดนิสัย 1 เดือนผ่านไปน้ำหนักไม่ลดลงเลยสักกะขีด แถมขึ้นไปเป็น 59 กว่าๆอีกต่างหาก!!
งานนี้เลยวอรี่แล้วค่ะ วอรี่สุดๆ (- -) ขืนเปิดเทอมไปเจอเพื่อนๆสภาพนี้ ไม่ดีแน่ๆ
เราเลยเริ่มไดเอ็ทอย่างจริงจังอีกครั้ง ด้วยการออกไปช้อปปิ้ง ซื้อเต้าหูขาว เส้นบุก และผักต่างๆมาต้มกินเป็นมื้อเย็นค่ะ เช้าทานอะไรก็ได้ที่อยากจะทาน กลางวัน (พอดีช่วงนั้นอากาศมันร้อนจัด เลยไม่ค่อยอยากอาหาร) ก็ไม่ได้ทานอะไรเยอะมากมาย พอมื้อเย็นก็หม้อใหญ่เลยค่ะ น้ำเยอะๆ จะได้อยู่ท้อง (แต่ก็อยู่ถึงแค่ 2 ทุ่ม ก็หิวอยู่ดี) พยายามอดทนค่ะช่วงนั้น
แล้วผลลัพธ์ก็ออกมาภายใน 1 สัปดาห์ครึ่ง จาก 59 กว่าๆ ลดเหลือ 55 กก. (ไม่ได้เว่อร์ค่ะ เราเป็นคนบวมน้ำด้วย เพราะฉะนั้นน้ำหนักขึ้นลงค่อนข้างเร็วมากค่ะ)
จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรแล้ว ทานปกติ (ระดับที่ผู้หญิงควบคุมน้ำหนักเขาทานกัน ไม่เยอะเว่อร์ กินครบทุกมื้อ มีของหวานเล็กๆน้อยๆทุกวัน บางทีก็เยอะหน่อยตามความอยากค่ะ ^^) แล้วก็ออกกำลังบ้างสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง วันละประมาณ 30 นาที (ตามความขี้เกียจค่ะ) ตอนนี้น้ำหนักอยู่ที่ 52-53 กก.ค่ะ
ใจก็อยากจะลดให้ถึง 50 กก.นะคะ อาจจะเป็นความจิตอย่างหนึ่ง คณะเราไม่ค่อยมีคนตัวสูงกันมากมายน่ะค่ะ เอาว่าเราจัดว่าสูงมากในระดับหนึ่งแล้ว (...... 171 เชียวนะ T_T) พอตัวใหญ่ด้วยเลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นยักษ์ (-*-) เพื่อนเราส่วนใหญ่หนักกันประมาณ 39-43 กก. น่ะค่ะ พระเจ้าจ๊อดดดด (ToT) เลยควบคุมอาหารติดเป็นนิสัย
อ้อ อีกอย่างหนึ่งสำหรับคนอยากลดหน้าท้อง การแขม่วหน้าท้องไว้ตลอดเวลาจนชินก็ได้ผลนะคะ เรากับเพื่อนๆหลายคนทำจนติดมาเป็นปีแล้วค่ะ ^^;;; แขม่วไม่รู้ตัวแล้ว ไม่เมื่อยหรือเกร็งด้วยค่ะ
การที่มีคนทักว่าผอมลงเนี่ย เป็นเรื่องที่ปลื้มใจนะคะ ^^ โดยเฉพาะเราที่พยายามด้วยตัวเองมาตลอด (แบบต้านทานกิเลสสุดชีวิต) แต่ว่า... ความบวมของขา ก็ไม่ได้ลดลงเท่าไหร่ค่ะ (T_T) เพราะฉะนั้น เราก็เลยอยากทราบวิธีลดอาการบวมน้ำน่ะค่ะ ปกติเราจะใส่ถุงเท้ายาวนอน พอตื่นเช้ามาขาก็จะดูเล็กลง แต่พอออกจากบ้าน เดินทัวร์คณะ ยืนบน MRT ยังไงก็หนีไม่พ้นอาการขาบวมค่ะ (T^T)
ใครรู้วิธีลดอาการบวมน้ำช่วยแนะนำด้วยนะคะ (>_<) ขอบคุณล่วงหน้าค่า
ป.ล. ใครอยากไดเอ็ทด้วยตัวเอง ปรึกษากันได้นะคะ (เริ่มรู้สึกว่าตัวเองลดมาเยอะ ศึกษามาเยอะ 555) ยืนดีช่วยเหลือทุกคนที่มีใจพร้อมสู้ค่ะ ^^
Discussion (12)
น้ำหนัก 55 คุณแฟนก็ยังบอกอ้วนอยู่ที
คือ เปนคนแขนใหญ่ แล้วก็สะโพกใหญ่ หน้าอกใหญ่ เอวเล็ก(25 ครึ่งง่า)
ซึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมมันยังแลดูอวบๆอ้วนๆขนาดนี้ TT^TT
เซงมากอยากหนักซัก 49-53 ประมาณนี้ พยายามลดดดด อยู่คร้า
เราลดน้ำหนักแบบ ระยะยาวค่ะ ไม่กลับมาอ้วนอีกครั้ง แต่ต้องพยายามหน่อยนะคะ เหนื่อยมากเลย สำหรับเราอ่า
- ซิดอัพ 15 ครั้ง 4 เซท รวมเป็น 60 ครั้ง ระหว่างเริ่มต้นเซทใหม่ พักได้ 15 วิ
- เช้าก่อน 11 โมง(ท้องว่าง) ดื่มนม ส่วนผสมมี นมโฟโมสไขมันต่ำครึ่งกล่อง
น้ำผึ้งแท้ 2 ช้อน
โยเกิร์ตรสธรรมชาติครึ่งถ้วย
มะนาว1 ลูก หรือตามใจชอบเลยค่ะ
- มื้อเช้าไม่กินค่ะ เพราะกินนมจนอิ่มไปแล้ว
- กินมื้อกลางวัน ตามปกติ กินให้น้อยลงกว่าปกติด้วยค่ะ
- พกน้ำเปล่าไว้เสมอ จิบไปเรื่อยๆ(ฉี่บ่อยนิดนึง) แต่มันทำให้ไม่หิวขนมค่ะ
- มื้อเย็นหลัง5 โมงทานผลไม้ ไม่ไหวจริงๆ พยายามกินมื้อเย็นก่อน4โมงนะคะ กินเสร็จอย่านั่งหน้าคอม เดินไป เดินมา บ้างค่ะ
ทั้งหมดนี้ เราทรมานสุดๆ จากที่เคยกินข้าวกลางวันจานใหญ่ๆ ต้องมากินจานเล็กๆ ละมันรู้สึกไม่อิ่มอ่ะค่ะ อยากกินก็ต้องทน ซดน้ำเปล่าเข้าไปให้มันอืดค่ะ
จาก 46ครึ่ง เหลือ 43 แบบ ไม่ขึ้นไปไหนแล้ว เหมือนกับว่า กระเพาะเล็กลงค่ะ(คิดไปเอง - -*) รู้สึกจะกินข้าวได้น้อยลงกว่าที่เป็น
แต่หลังจากน้ำหนักลดลง ก็ไม่ได้ ซิดอัพ หรือกินนมอะไรนั่นแล้ว เปลี่ยนมากินข้าว3มื้อทุกวัน(มื้อนึงน้อย ไม่เป็นกะละมังแบบเมื่อก่อน) บางวันก็ไม่กินมื้อเย็น รู้สึกจะกินข้าวได้น้อยลง บางทีก็เบื่อค่ะ ทำไมกินไม่หมดอีกแล้ว - - จากที่เมื่อก่อน พิซซ่าเป็นถาดๆ ยังซัดมาแล้วเลย
คุณ tarnstayhere :: น้ำมะขามเปียกทำยังไงเหรอคะ? เคยได้ยินเหมือนกัน แต่ทำไม่เป็น เอามาปั่นเหรอคะ?
คุณ nutnun :: น้ำหนัก peak สุดๆของเราคือ 66 กก.ค่ะ ^^;; แต่ก็ลงมาถึง 52 กก.ได้ ณ ปัจจุบัน สู้ๆค่ะ!! เราก็เป็นเหมือนกันค่ะ อ่านหนังสือดึกแล้วท้องจะหิว บางทีไม่หิว แต่ถ้าไม่กินก็จะหลับ (ช่วงสอบเนี่ยตัวดีเลย) ปกติเราก็ทานข้าวครบ 3 มื้อนะคะ อาจจะทานเช้าไม่หนักมาก กลางวันทานปกติ (แต่ก็ไม่ใช่ประเภทอาหารตามสั่งหรือผัดซีอิ๊วนะ) ส่วนเย็นก็ทานข้าวค่ะ (ประมาณ5-6โมง ไม่เกิน) แต่ข้าวน้อย กับก็ปกติ ไม่มากไม่น้อย เอาให้พออิ่มค่ะ เพราะถ้าทานน้อยไป พอตกดึกไม่ทันไรก็หิวแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นเน้นทานอิ่มตั้งแต่ยังไม่ค่ำดีกว่าค่ะ เพราะถ้าอยู่ดึก สักเที่ยงคืนหรือตี1 ต่อให้ทานอิ่มแปล้มาก็ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหนักไม่ขึ้น ^^ ยิ่งใช้สมองเนี่ย เผาผลาญเร็วค่ะ ขอแค่อย่าอด อย่าทานแบบสติแตกเท่านั้น ก็จะควบคุมน้ำหนักได้แล้วค่ะ
อยากลดบ้างค่ะ พยายามอยู่ แต่ไม่เคยสำเร็จซักที เป็นเพราะไม่เคยจริงจังเลยค่ะ
ตอนนี้สูง 160 หนัก 64 (โอ้ววว แม่เจ้าาา) เคยลองให้เพื่อนๆทายน้ำหนัก ก้อไม่มีใครเชื่อเลยค่ะว่าขึ้นเลข 6 คือบังเอิญว่าเป็นคน ช่วงบนเล็ก มีเอว มีสะโพก(แต่ขาใหญ่) ฉะนั้น ด้วยความที่ ส่องกระจกมันก้อไม่อ้วนนี่หว่า ก็เลยคิดว่า น้ำหนักก็แค่ตัวเลข ช่างมันเถอะ
ช่วงปี 1 ก้อประมาณ 60 โล พอปี 2 ปี 3 ไม่เคยชั่งน้ำหนักเลย ปีนึง ชั่งน้ำหนัก ไม่เกิน 5 ครั้ง
พอปี 4 รู้สึก เอ๊ะ กระโปรงคับ ลองตัดสินใจชั่งน้ำหนัก .....กรี๊ดดดดด 64 หลังจากนั้นมา วิตกไปเลยค่ะ
อาหารการกินนี่ ปกติ กินทุกอย่างค่ะ เคย peak สุด กินข้าวเย็นวันละ 2 จาน
เป็นผัดผักหมูกรอบราดข้าว ต่อด้วย ข้าวเหนียวหมูปิ้ง3ไม้ วันนึงกิน 3 มื้อ แต่มื้อใหญ่ๆค่ะ
ไม่ค่อยกินขนมระหว่างมื้อ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วย นั่งอ่านหนังสืออย่างเดียว
นอนดึกอีกเพราะต้องอ่านหนังสือ ก้อกินมื้อดึกอีก
2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี่ กินน้อยลง(กลับมากินเท่าระดับมนุษย์ปกติ) มื้อเย็นทำสลัดผักกินทุกวัน
มื้อเช้าเที่ยงยังกินปกติค่ะ เพราะต้องใช้พลังงาน(เรียนหนักมาก) อาทิตย์ที่ผ่านมา พยายามกินน้อยลงกว่าเดิม แต่กินครบทุกมื้อ วิ่งทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง หลัง หนึ่งทุ่มเลิกกินแล้วจ้าา มีบางคืนหิวมากก้อกินโยเกิร์ต หรือ มันแกวชิ้นเล็กๆค่ะ
อยากมาขอกำลังใจค่ะ อยากลดซัก 4-5 โล ก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันต่อไป
ตอนนี้ยังไม่กล้าชั่งน้ำหนักค่ะ ฮือๆๆ
อยากถามว่ามีวิธีจัดการกับกิเลสความหิวยังงัยบ้างค่ะ แนะนำด้วยค่ะ
นี่รูปตอนแบกน้ำหนัก 62 จ้า....
ระหว่างวันก้ออย่าอดมากค่ะ ทานให้ครบ3 มื้อ และที่สำคัญ
อย่าลืมออกกำลังกายค่ะ