นอกเรื่อง : ขอแชร์เรื่องเศร้ากะสาวจีบัน

0 3

มิตรภาพบนความอ้างว้าง....... 

บนโลกนี้มีคนอยู่หลายประเภท หลายสถานะ หลายอย่าง แตกต่างกันออกไป แต่หลายๆคนในสังคมนี้อยู่อย่างสบาย ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองจนหลงลืมคนบางกลุ่มไป กลุ่มคนพวกนั้นก็คือ "วนิพกพเนจร" มองคนกลุ่มนั้นอย่างไร้ค่า มองเหมือนคนที่ต้องออกห่าง มองเหมือนเค้าไม่ใช่คนเหมือนอย่างเรา การที่ต้องมาเขียนแบบนี้เพราะความอัดอั้นตันใจที่เราก็ทำได้แค่มองเช่นกัน อาจจะดีกว่าคนอื่นบ้างตรงที่เราไม่ได้มองเค้าอย่างไร้ค่า แต่มองด้วยความรู้สึกสงสาร มองถึงว่าคนเหล่านั้นเค้าจะรู้สึกยังงัยที่เค้าต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีแม้กระทั่งโต๊ะให้นั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว หรือแม้กระทั่งที่นอนอุ่นให้ได้นอนในยามค่ำคืนเมื่อวันหยุดที่ผ่านมาได้มีโอกาสเจอเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่เกิดจากคนสถานะเดียวกัน แต่เหตุการณ์แรกถึงจะมองดูครั้งแรกแล้วมันเศร้า แต่พอมองอีกทีก็ได้เห็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในนั้น เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ในขณะที่เดินผ่านตรงรถไฟฟ้าช่วงด้านล่าง ได้เห็นคนพเนจรสองคนนั่งคุยกันอยู่บนม้านั่ง สองคนนี้ ทรงผมเค้ารกรุงรัง แต่งตัวซอมซ่อ ด้วยเสื้อยืดเก่า เสื้อแจ๊กเกตเก่าๆ กางเกงเก่าๆ รองเท้าเก่าๆ กระเป๋าใบเก่าๆที่มีของหลายๆอย่างที่บางคนอาจเรียกมันว่าขยะ แต่สำหรับคนเหล่านี้มันอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบเดียวที่ไปพร้อมกับเค้าทุกที่ ในนั้นมีกระดาษหนังสือพิมพ์ มีขวดหลายๆใบ และอะไรอีกมากที่เราแทบจะไม่ได้สังเกตุ แน่นอนคนทั่วไปอย่างเราก็คิดว่าเค้าเอาไปทำอะไร คำตอบแรกที่มันเกิดขึ้นในใจทุกคนก็คือ ขายแลกเงิน แต่อีกอย่างนึงที่เราคิดก็คือ หรือเพราะคนพวกนี้เค้าอยากจะมีสิ่งที่เรียกว่าเป็นสมบัติของเค้าเอง เพราะในชีวิตเค้าจะมีสิ่งที่มีค่าสำหรับพวกเค้าซักกี่อย่างกันเชียว แล้วสิ่งที่พวกเค้าเห็นว่ามันมีค่ามันคือสิ่งที่พวกเราเห็นว่ามันไร้ค่าหรือที่เราเรียกมันว่า "ขยะ" ตอนแรกเราคิดว่าคนสองคนนี้นั่งคุยกัน แต่เปล่าเลย เค้านั่งเงียบอยู่สองคนโดยไม่พูดคุยอะไรกันเลยซักคำ แต่สิ่งที่เราคิดได้คือ คนที่ไร้บ้านหรือคนพเนจรอาจจะไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่มีคนนั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรซักคำเลย อย่างน้อยถึงจะไม่ใช่พี่น้อง แต่เค้าก็คือเพื่อนที่ทำให้อบอุ่นใจได้ว่า ในโลกใบนี้ไม่ได้มีเค้าอยู่เพียงคนเดียว.....ความสุขเล็กๆน้อยของคนพเนจรเพียงเท่านี้ คงทำให้เค้าสองคนได้พอชุ่มชื่นหัวใจในการที่จะอยู่บนโลกนี้ได้บ้างสินะ....เราหวังว่าจะให้เค้าได้รู้สึกแบบนี้จิงๆ


คนชรา.....

อีก 1 เหตุการณ์มันเป็นเรื่องที่เราเห็นแล้วน้ำตาเราไหลออกมาโดยที่เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่หลายๆคนที่ได้เห็นคงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ได้แน่นอน บนถนนที่มีแต่ความวุ่นวายในกรุงเทพ เราเห็นผู้ชายคนนึงเค้าคือ "คนชรา" ที่เนื้อตัวแทบจะเรียกได้ว่า มีแต่หนังหุ้มกระดูก ผมสั้นสีดอกเลา ที่ดวงตาของเค้ามีน้ำขี้ตาเกรอะกรังพร้อมทั้งมีรอยคราบน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง ใส่กางเกงขาสั้นเก่าๆ เสื้อยืดเก่าๆ ในมือข้างนึงถือแก้วน้ำของเซเว่นว่างเปล่า 1 ใบ มืออีกข้างนึงถือถุงพลาสติกที่เราไม่แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคืออะไร เรี่ยวแรงของชายชราคนนั้นแทบไม่มีที่จะพยุงร่างกายตัวเองให้เดินได้ไหว จึงต้องเดินไปเหมือนกับเด็กทารกที่เพิ่งหัดเดิน โดยเราไม่รู้เลยว่าเค้ากำลังจะเดินไปไหน เรามองเค้าผ่านไปโดยที่ได้แต่รู้สึกสะเทือนใจเพียงอย่างเดียว ในใจครุ่นคิดว่าทำไมคนเราถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำไมชีวิตคนเราต้องมาพบเจอกับความลำบากแบบนี้ ในวันเดียวกันแต่ต่างช่วงเวลา เราได้เห็นชายชราคนนี้ในตอนกลางคืน สภาพที่เราเห็นเค้าคือ เค้านั่งอยู่ข้างถนนในท่าชันเข่าขึ้นมา เราเดินมาทางด้านหน้าของเข้า สิ่งที่เราเห็นคือเค้ากำลังกินม่าม่าคัพอยู่ 1 ถ้วย แต่สิ่งที่เราเห็นแล้วมันทำให้น้ำตาของเราไหลออกมาอย่างที่เรากลั้นแทบไม่ได้เลยคือ บริเวณพื้นที่เค้านั่งกินมาม่าอยู่นั้น ถ้าเพื่อนหลายคนเคยกินมาม่าคัพคงจะรู้ว่าปริมาณที่มันมีอยู่ มันไม่พอที่จะทำให้เราอิ่มได้แน่นอน แต่สิ่งที่เราเห็นคือมาม่าหกเรี่ยราดเต็มพื้นไปหมด เรามองไปที่มือชายชราคนนั้นมันเต็มไปด้วยอาการสั่น แม้เพียงแค่แรงที่จะเอาอาหารเข้าปากยังแทบไม่มี แล้วความคิดที่ตามมาคือ เค้ามีชีวิตรอดอยู่ในเมืองที่วุ่นวายแบบนี้ได้ยังงัย มันเป็นสิ่งที่คงจะยากเย็นมากรึเปล่า สำหรับคนชราที่เรี่ยวแรงแทบจะไม่มีไว้เพียงแค่พยุงตัวเอง สิ่งที่เรากลับมาคิดและเสียใจอยู่คือ ณ ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือหรือถามไถ่เค้าซักนิด แต่ถ้ามีโอกาสเจอคุณลุงคนนั้นอีกครั้งเราคงจะไม่ปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆอย่างแน่นอน สิ่งที่เราคิดตามมาอีกคือ คนๆนึงที่ยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถ้าชะตาของเค้าถูกกำหนดว่าคืนนี้เค้าจะต้องหมดลมหายใจลงไป ใครจะคอยอยู่เคียงข้างเค้า คอยปิดตาให้เค้า แม้กระทั่งความตายมาเยือนมันยังมาพร้อมกับความโดดเดี่ยวอย่างนั้นเหรอ บางทีการหมดลมหายใจของเค้าหลายๆคนอาจจะพูดออกมาได้ว่า "ตายอย่างหมาข้างถนน" ซึ่งนั่นมันช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับชีวิตของชายชราคนนึง หรือคนเหล่านี้ถูกละเลยจากผู้ที่ควรจะรับผิดชอบเพราะเพียงแค่เค้าไม่มีภาษีจะให้คุณ นั่นมันไม่ยุติธรรมเลยจิงมั๊ย คำถามที่ตามมาอีกคือ "ลูกบังเกิดเกล้า ญาติมิตร พี่น้อง หายไปไหน?" คำถามนี้มันทำให้เราทั้งหดหู่ใจและคิดว่าทำไมลูกถึงดูแลพ่อแม่ไม่ได้ ในวันที่เราเกิดจนกระทั่งเราโต เราประสบความสำเร็จ เราร้องไห้ เราท้อแท้ เราป่วย หรือต้องการกำลังใจ "พ่อ" เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างเรา คอยสู้ไปกับเรา แต่ทำไมคนเหล่านั้นถึงทิ้งผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อได้ลงคอ สำหรับผู้เขียนเองมีพ่อที่ประเสิฐที่สุด อยู่กับเราในวันที่เรามีปัญหา กอดเรายามที่เราท้อ ดูแลเรายามที่เราป่วย ทุกครั้งที่ดูรอยย่นบนหน้าพ่อผู้เขียนอยากให้ทุกคนคิดถึงความเหนื่อยยากที่พ่อต้องเจอเพื่อเลี้ยงเรามาจนโต อย่าเลยค่ะ อย่าทอดทิ้งคนที่รักเรามากที่สุด เพราะถ้าคุณทิ้งคนที่รักคุณมากที่สุด คุณจะเสียสิ่งสำคัญในชีวิตและคุณอาจจะไม่มีโอกาสที่จะรู้จักความรักที่แท้จริงอีกเลยก็ได้ เพราะความรักที่มีค่าที่สุดและไร้เงื่อนไขใดๆคุณยังทิ้งได้ลงคอ อยากให้ทุกคนช่วยกันนะคะ อย่ามองคนเหล่านี้คือคนไร้ค่า ถ้าคุณมีโอกาสเพียงเล็กน้อย แบ่งปันเรื่องราวดีๆสิ่งดีๆให้คนเหล่านั้นบ้าง อย่ามองว่าพวกเค้า "ไร้ค่า" เลยนะคะ.......

 


SwEEtieLoliPop

SwEEtieLoliPop

สวัสดีค่ะ......

แอบดูเว็บ Jeban มานานแล้ว สนใจเรื่องสวยๆงามๆเหมือนกัน ฝีมือแต่งหน้าก็แอบฝึกเคล็ดลับวิชาไปพลางๆ วันใดวิชากล้าแกร่งจะลองนำเสนอดูบ้างนะคะ

FULL PROFILE