ผู้เชี่ยวชาญฟันธง สาเหตุที่ fandom ไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของคนดังเกาหลี

12 8
ดราม่าที่ปะทุขึ้นมาจากความสัมพันธ์ของไอดอล K-Pop และพระเอกชื่อดังได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงถึงขนาดที่สื่อตะวันตกให้ความสนใจตีแผ่เรื่องราวที่ชวนอึ้ง   ส่งผลให้ให้แฟนๆนานาชาติเข้าร่วมวิพากษ์วิจารณ์ถึงวัฒนธรรม fandom ที่มาพร้อมกับความ toxic  ซึ่งส่งแรงกดดันรุนแรงจนส่งผลกระทบต่ออาชีพและสภาพจิตใจของศิลปินดารา  เราไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าจิตใจของพวกเค้าจะบอบช้ำแค่ไหนเมื่อต้องตกเป็นเหยื่อการโจมตีในโลกออนไลน์ หนำซ้ำยังบานปลายถูกคุกคามในชีวิตจริงา  หากเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไปก็คงเป็นเรื่องยากเย็นที่จะทำใจรับมือมันได้ แต่สำหรับคนดังที่ตกเป็นเป้าความสนใจจากสาธารณชนทั้งยังถูกตามจับผิดทุกความเคลื่อนไหวนั้นต้องอยู่ในสถานะที่เปราะบาง พวกเค้าแทบจะปกป้องตัวเองจากพลังงานด้านลบของ fandom ไม่ได้เลย

ท้ายสุด คู่รักเซเลบที่เพิ่งอยู่ในขั้นแรกเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ก็ต้องปิดฉากความรักกันไปในระยะเวลาเพียงสั้นๆ  แม้แฟนๆที่มีวุฒิภาวะจะออกมาปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของคนดังที่แฟนไม่ควรข้ามเส้นไปล่วงละเมิด ทั้งยังเรียกร้องให้ต้นสังกัดปกป้องศิลปินจากความเห็นเกลียดชังจากผู้ไม่ประสงค์ดี  แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อว่า  นี่จะไม่ใช่คู่รักคนดังในเกาหลีคู่สุดท้ายที่ถูกบีบคั้นให้ให้เลิกรากัน

ทั้งที่บรรดาแฟนๆต่างยืนยันหนักแน่นว่า พวกเค้าได้ทุ่มเทให้ความรักกับศิลปินบันเทิงชื่อดัง แต่นั่นก็ฟังดูห่างไกลจากคำว่า 'ความรักที่ไร้เงื่อนไข' กว่าที่จะได้รับแรงสนับสนุนล้นหลามจาก fandom นั้น คนดังเหล่านั้นจะต้องทำใจยอมรับว่า นั่นคือนั่นคือสิ่งที่ต้องแลกมากับราคาสูงลิบลิ่วจนฟังดูเป็นไปได้ยาก ดูเหมือนว่า ยิ่งแฟนทุ่มเทความรักให้เท่าไร แต่เมื่อได้ค้นพบว่า ขวัญใจของพวกเค้าไม่ได้เป็นตามที่คาดหวังไว้ ความรักอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นความเคียดแค้นโดยไม่คำนึงถึงตรรกะใดๆ โดยเฉพาะคนดังที่มีคนรักกับคนในวงการบันเทิงด้วยกัน มีความเป็นไปได้สูงที่ FC ของอีกฝ่ายจะเกิดความหวงแหนจนมาคอยรังควาน  ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้มีผู้มองว่า  แม้อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีจะพัฒนาอย่าวก้าวกระโดดจนสามารถกอบโกยความสำเร็จในระดับ international แต่ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก็ได้ชี้ชัดว่า วัฒนธรรม fandom นั้นไม่ได้แปรเปลี่ยนหรือลดทอนความ toxic ลงไปเลย  

เป็นเรื่องปกติของผู้คนในโลกนี้ได้เริ่มสัมผัสประสบการณ์ความรักตั้งแต่ยังอยู่ในวัยใส เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเต็มตัวก็เริ่มเรียนรู้เรื่องการคบหาเป็นคนรักกัน วงจรความรักของบางคู่อาจจะยืนยงไปตราบความตายจะพรากพวกเค้าไปจากกัน และอีกมากมายหลายคู่ที่ปรับตัวเข้าหากันไม่ได้และเลือกจบความสัมพันธ์เพื่อวันเวลาจะพาให้ไปทำความรู้จักกับความรักครั้งใหม่จนกว่าจะพบกับ 'The One' หรือ 'คนที่ใช่' แต่เมื่อความรักได้เกิดขึ้นกับคนดังวงการบันเทิงเกาหลี โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ยังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ในอาชีพการงานหลายคน นี่กลับกลายเป็นสิ่งต้องห้าม! แม้ว่าจะมีคนดังที่เปิดเผยเรื่องความรักบางคนที่รอดพ้นจากดราม่า 'fc ไม่ปลื้ม' ไปได้' พวกเราก็ยังได้ยินหลายกรณีความรักของคนดังเกาหลีที่กลายมาเป็นเครื่องมือทำลายชื่อเสียงของพวกเค้า ท

จดหมายเปิดผนึกของ Karina แห่ง Aespa เพื่อขออภัยต่อแฟนๆที่เกิดความไม่สบายใจต่อข่าวความสัมพันธ์ของเธอกับนักแสดงหนุ่มชื่อดัง อีแจอุค ได้กลายเป็นหัวข้อข่าวตามสื่อตะวันตกชื่อดัง ทั้ง CNN. BBC, Daily Mail, The Independent, New York Post และอีกหลายเจ้า น้ำเสียงของสื่อเหล่านั้นเป็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือความตื่นตะลึงกับวัฒนธรรม fandom ที่แทบจะเป็นเจ้าชีวิตของศิลปินดัง แม้แต่การมีความรักที่เป็นเรื่องที่แสนจะปกติก็กลายเป็นสื่งที่ดูผิดมากจนทำให้คนดังต้องก้าวออกมาแสดงความรับผิดชอบและขอโทษแฟนๆเพื่อจะได้รับการให้อภัยและลดอุปสรรคต่ออาชีพบันเทิง แต่ถึงแม้ว่า Karina จะขอโทษถึงขนาดนี้ ก็ยังมีชาวเน็ทส่งความเห็นเกลียดชังทำร้ายจิตใจเธออย่างต่อเนื่อง เมื่อข่าวของคู่รักคู่ดังที่ต้องรับมือกับกระแสโจมตีถูกตีแผ่ไปยังหลายประเทศทั่วโลก แม้แต่ชาวเน็ทเกาหลีบางส่วนก็ต้องออกมายอมรับว่า การคุมคามของแฟนไอดอลได้สร้างความอับอายให้กับประเทศ และมันดูสาสมแล้วที่ต้องขายหน้ากับวัฒนธรรม fandom สุด toxic เพราะความจริงก็คือ ดราม่าที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของ Karina แม้แต่น้อย แต่เป็นแฟนที่มีจิตใจคับแคบต่างหาก บางคนหวังว่า กรณีของ Karina จะจุดประกายให้เกิดความเปลี่ยนแปลงให้สังคมปฏิบัติต่อคนดังจากวงการบันเทิงด้วยความเป็นธรรมมากขึ้น

แต่เมื่อใดที่วันที่พวกเราคาดหวังจะมาถึง?


เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่ในสังคมเกาหลี   ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อน  สองไอดอลค่าย SM ก็เคยต้องฟันฝ่ากับกระแสโจมตีอันกราดเกรี้ยวของ FC  หลังจา่กแทบลอยด์ดังเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ลับๆของพวกเค้า่  และคำขอโทษขอโพยซ้ำๆของฝ่ายหญิงกลับไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมากนัก   ยังมีกลุ่มแฟนที่แค้นเคืองหนัก ไม่เพียงแต่ส่งข้อความเกลียดชังในโลกออนไลน์ ยังตามไปตะโกนด่าว่าระบายโทสะถึงเวทีการแสดง  ปล่อยข่าวใส่ร้ายป้ายสี ถึงขนาดว่ามีแฟนที่ขู่เข็ญให้พวกเค้าลาออกจากวงไปซะ!


บางคนอาจจะมองว่า แบคฮย็อนแห่ง EXO และแทยอนแห่ง Girls' Generation คือตำนานรักแห่งค่าย SM ที่สั่นสะเทือนวงการ K-Pop ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ในสายตาแฟนๆจำนวนมาก ความรักของพวกเค้าคือการทรยศหักหลังที่ไม่สามารถให้อภัยได้ แฟน Exo กลุ่มหนึ่งเทขายสินค้าของแบคฮย็อน ทั้งยังรวมตัวตะโกนด่าเขาว่า 'คนทรยศ' ระหว่างการแสดงในรายการ Inkigayo และมีการล่ารายชื่อเพื่อกดดันให้เขาลาออกจาก EXO ส่วนแทยอนก็เผชิญกับการคุกคามอย่างหนัก ทั้ง fanboys ที่โมโหสุดเหวี่ยงเมื่อไอดอลสาวในดวงใจมีคนรัก และ fangirls ของแบ็คฮย็อนที่หวงแหนไอดอลหนุ่ม หนึ่งในตัวอย่างเหล่านั้นคือข่าวลือเรื่องแทยอนไปให้กำลังใจแฟนหนุ่มที่คอนเสิร์ตของ EXO แม้จะไร้หลักฐานว่าเธอไปชมคอนเสิร์ตนั้นจริงๆ Instagram ของเธอก็เต็มไปด้วยคำประนามจากชาวเน็ท พวกเค้าเชื่อจริงๆว่า เธอไร้หัวคิดถึงขนาดไปชมการแสดงของแบคฮย็อน และการกระทำของเธอช่างเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้า

คงพอนึกภาพออกว่า การประคับประคองความสัมพันธ์ท่ามกลางเสียงแช่งชักและแรงอาฆาตก็ก้าวไปสู่ทางตัน ทั้งสองยังรักษาสถานะศิลปิน K-Pop ชื่อดังไว้ได้ แต่หลายปีผ่านไป แทยอนที่ก้าวสู่วัยหลัก 3 ได้เปิดเผยถึงอาการโรคซึมเศร้า ซึ่งทำให้เกิดข้อสันนิษฐานถึงต้นตออาการเจ็บป่วยของเธอว่า พฤติกรรม toxic ของแฟนๆที่คุกคามเธอในระหว่างที่คบหากับไอดอลหนุ่มร่วมค่ายน่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้จิตใจเธอบอบช้ำอย่างหนัก

ผ่านไปแล้วสิบปี  ดราม่าเดิมๆก็ยังเกิดขึ้น  จนมีการตั้งข้อสงสัยว่า วงการบันเทิงเกาหลีจะก้าวไกลไปมากถึวเพียงนี้ แต่จะมีทางใดบ้างที่ช่วยให้วัฒนธรรม fandom พัฒนาหลุดพ้นความ toxic ไปได้? 

นักวิจารณ์วัฒนธรรม Pop ชี้ 'การทุ่มเทสร้างความสัมพันธ์ข้างเดียว'ทำให้แฟนหมกมุ่นจนแยกแยะไม่ได้

จอง ด็อกฮย็อน นักวิจารณ์/วิเคราะห์ content ผู้เป็นหนึ่งในกรรมการ Baeksang Arts Awards ได้อธิบายกับ  BBC ว่า ความรู้สึกของแฟนๆที่เหมือนถูกศิลปินที่รักทรยศนั้นมาจากการสั่งสมของปฏิสัมพันธ์เรียกว่า'ความสัมพันธ์ข้างเดียว' จากการทุ่มเทใช้เวลา พลังงาน แรงใจและการใช้เงินไปเพื่อคนดังที่พวกเค้าปลาบปลื้ม แต่อีกฝ่ายไม่ได้รัยรู้ถึงตัวตนของแฟนเหล่านี้แต่อย่างใด

"อุตสาหกรรมบันเทิงได้เพิ่มการชักนำทำให้แฟนๆได้แสดงออกถึงความคลั่งไคล้หลงใหลในตัวศิลปินผ่านแนวคิดบริโภคนิยม เมื่อทุ่มเทไปแล้วแฟนๆจึงเกิดความปรารถนาที่จะได้รับสิ่งชดเชยตอบแทนจากสิ่งที่พวกเค้าลงทุนไปมากขึ้นเรื่อยๆ ในบางครั้ง มันก็มีส่วนทำให้แฟนๆแสดงออกล้ำเส้นไปที่การคุกคามขู่เข็ญให้คนดังสนองตอบความต้องการ"


ในบางครั้งที่คุณจะได้พบการระบายความผิดหวังแค้นเคืองใจในรูปแบบของการทวงบุญคุณเพื่อให้ศิลปินดาราดังได้สำเหนียกว่า หากไม่ได้รับการทุ่มเทสนับสนุนจากแฟนๆก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนกับทุกวันนี้ จงเชื่อมั่นว่าอย่าได้กระทำสิ่งใดที่ผิดแผกไปจากความคาดหวังของแฟนๆ  หรือหากเป็นไปได้ก็มองข้ามเรื่องสิทธิส่วนบุคคลออกไปได้เลย ส่วนกรณีการมีความรัก แม้ agency จะไม่ได้ออกกฎห้ามเดท แต่การครองตัวเป็นโสดจนกว่าแฟนๆจะทำให้ยอมรับได้ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดกระแสต่อต้านน้อยกว่า ที่สำคัญตัวคนรักของคนดังจะต้องเป็นผู้ที่แฟนๆให้การอนุมัติเท่านั้น หากเป็นคนที่ถูกมองว่า 'ไม่คู่ควร' แต่คนดังยังมุ่งมั่นจะเดินหน้าความสัมพันธ์ต่อ ความไม่พอใจของแฟนๆนั้นอาจจะรุนแรงจนกระทบต่อเรื่องระดับความนิยมของคนดัง


นักวิชาการตั้งข้อสังเกต   ต้นสังกัดใช้แผนการตลาดทำให้แฟนๆเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถครอบครองศิลปิน
ผู้ช่วยศาตราจารย์ จอง อารึม ที่เชี่ยวชาญการศึกษาศิลปะการแสดงและภาพยนตร์และวัฒนธรรม Pop เกาหลี ได้แสดงความเห็นกับ BBC ว่า  วัฒนธรรม fandom ที่หมกมุ่นกับศิลปินอยู่เพียงข้างเดียวนั้นมาจากกวิธีการตลาดของต้นสังกัด ที่ชักจูงใจให้แฟนๆเชื่อว่า พวกเค้ามีอำนาจกำหนดชะตาศิลปินได้  

ยกตัวอย่างการสื่อสารทาง social media ที่ต้นสังกัดนำเสนอ app เพื่อแฟนเกาะติดชีวิตไอดอลและส่งข้อความที่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนกับรูปแบบ chat ส่วนตัว แต่ที่จริงแล้วเป็นการส่งข้อความกลับครั้งละหลายคนแบบ group chat หรือจะเป็นการ live ที่สามารถสื่อสารกันแบบ real time ทางข้อความ สารพัดกิจกรรมที่ดึงดูดให้แฟนๆ ทุ่มทั้งเวลาและเงินทองเพื่อผลักดันให้ศิลปินขวัญใจประสบความสำเร็จ นานวันเข้าก็ทำให้สร้างความผูกพันราวกับเป็นเหมือนคนสนิท ไม่ได้เป็นคนที่สามารถจ้องมองผ่านจอหรือจากที่ไกลแสนไกลเท่านั้น หรือยิ่งกว่านั้น ศิลปินดังเหล่านั้นจะถูกมองเป็น 'ภารกิจ' หรือ 'ผลิตผล'ที่เกิดจากการรวมพลังแฟนร่วมปลุกปั้นให้เติบโตงอกงามเป็นดาวดัง ยิ่งไปได้ไกลแค่ไหน ก็ยิ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนๆ แต่หากริเดินออกนอกลู่นอกเส้นทางในอุดมคติที่แฟนๆได้กำหนดไว้ ผลที่ตามมาอาจจะรุนแรง ซึ่งน่าจะตรงกับคำพูดที่ว่า "รักแรง เกลียดแรง"

หนึ่งในคอมเมนท์ที่น่าสนใจมาจาก Jeff Benjamin นักข่าวสาย K-Pop แห่ง Billboard ที่ได้ชี้ถึงเรื่องตลกร้ายในวงการนี้ เนื่องจากศิลปิน K-Pop ต่างก็ขับร้องบทเพลงเกี่ยวกับการมีความรัก แต่การเดทในชีวิตจริงของพวกเค้ากลับทำให้แฟนๆขัดใจกลายเป็นดราม่า

ครั้งต่อไปเราจะมาชวนพูดคุยถึงการเดทของคนดังเกาหลีในอีกประเด็น เพราะอะไรกันที่บางคู่สามารถหลีกเลี่ยงกระแสต่อต้านไปได้ ถึงขนาดได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนๆด้วยความรู้สีก happy ไปด้วยแบบจริงใจสุดๆ แต่บางคู่ก็ต้องทุกข์ใจหนักจาก cyberbullying




candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE