แฟนเตือน Red Flag พฤติกรรมก้าวร้าวของแฟน Taylor Swift กลางเกม Super Bowl

20 9
การแข่งขัน Super Bowl ที่มาพร้อมกับความ dramatic จากการทำแต้มทัชดาวน์ของ Kansas City Chiefs ในช่วงทดเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วินาทีเกมก็จะจบลง ทำให้พวกเค้าได้ป้องกันตำแหน่งแชมอัป์นยิ่งใหญ่ต่ออีกปี  นับว่าเป็นชัยชนะที่สั่นสะเทือนอารมณ์ราวกับกำลังชมภาพยนตร์  แต่แรงกดดันที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันอันดุเดือดเลือดพล่านก็ได้ปรากฏภาพที่สร้างความไม่สบายใจให้กับชาวเน็ท  หลายคนฟันธงว่า นี่คือสัญญาณของผู้ที่มีพฤติกรรม red flag  ที่พึงหลีกเลี่ยง   บุคคลที่เผชิญกับกล่าวหาหนักหน่วง คือ Travis Kelce  นักกีฬาเบอร์ 87 ตำแหน่ง tight end ที่ถูกจับตามองทุกความเคลื่อนไหวนับตั้งแต่เปิดตัวความสัมพันธ์กับ Taylor Swift ศิลปินสาวทรงอิทธิพลระดับโลก

มันเกิดอะไรขึ้น?  เขาได้ชี้แจงเพื่อเคลียร์ตัวเองจากข้อกล่าวหาอย่างไร?  มาติดตามกันเลยค่ะ
ยิ่ง Travis   ได้รับบอลแล้วทะยานตัวด้วยสปีดรวดเร็วเพื่อช่วยทีมทำแต้ม  ไม่ต้องคาดเดาก็คงรู้ว่าตากล้องจะซูมไปยัง Taylor หวานใจ superstar ที่บินตรงจากญี่ปุ่นมาให้กำลังใจหนุ่มคนรักถึงสนาม  ภาพจุมพิตฉลองชัยชนะของคู่รักเซเลบน่าจะทำให้เหล่า Swifties ร่วมยินดีปรีดาไปด้วย  แต่หลายคนยอมรับว่า  ท่าทีของ Travis ที่ปฏิบัติต่อ Andy Reid โค้ชวัย 65  ด้วยความ 'ก้าวร้าว'  ทำให้รู้สึกว่า ไม่สามารถแสดงความยินดีได้สุดใจ และยังมีอีกหลายคนขยี้ประเด็นนี้ด้วย meme ล้อเลียน 

 footage เพียงไม่กี่วินาทีที่ได้เผยอารมณ์อันพลุ่งพล่านของ Travis เมื่อทีมสูญเสียการครองบอลทำให้เขาตกเป็นเป้าโจมตีจากโลกออนไลน์ทันที  เขาตรงเข้ามาตะโกนบางอย่างใส่หน้าโค้ชอายุรุ่นราวคราวพ่อ  เมื่อเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเร็วจึงดูเหมือนกับกระแทกจนโค้ชเซไปด้านหลัง จากนั้นเพื่อนร่วมทีมได้กันเขาออกมาในเชิงปรามให้สงบสติอารมณ์    แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็น look ที่ดูดีนัก  แม้จะพอดูออกว่า เขาไม่น่าจะตั้งใจพุ่งใส่จนอีกฝ่ายเสี่ยงจะล้มลงกับพื้น  แต่ชาวเน็ทหลายคนก็โจมตี  Travis แล้วว่าไร้น้ำใจนักกีฬา ไม่เคารพการตัดสินใจของโค้ชมากประสบการณ์ที่เคยพาทีมสู่ชัยชนะเมื่อปีก่อนมาแล้ว  รวมถึงแฟนๆของ Taylor ที่แสดงความกังวลว่า เธออาจจะตกหลุมรักผู้ชายที่มีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์  หรืออาจจะก้าวเข้าสู่กับดักความสัมพันธ์ abusive  และเตือนให้ Tay หนีไปให้ไกลก่อนจะสายเกิน

คอมเมนท์จำนวนหนึ่งของแฟน Taylor  และแฟน NFL ที่ไม่พอใจกับการระเบิดอารมณ์ของ Travis


ก่อนการแข่งไม่กี่ชั่วโมง โค้ชเพิ่งจะชมไปว่า แก้ไขนิสัยอารมณ์ร้อนได้บ้างแล้ว

ฟังแล้วก็คล้ายกับตลกร้าย เพราะโค้ช Andy เพิ่งจะให้สัมภาษณ์ชื่นชม Travis ไปหยกๆ

"เขาเคยมีอารมณ์ร้อน ระหว่างการแข่งขันในสนาม เขาก็เคยทำอะไรห่ามๆมาก่อน"

"ช่วงเริ่มแรก เขาก็รับมือได้ยาก แต่เราได้เห็นเขาได้เติบโตขึ้น เขามีจิตใจอ่อนโยนเสมอมา ตอนนี้เขาได้พัฒนาตัวเองให้ก้าวข้ามเรื่องพรรค์นั้นไปแล้ว ต้องจัดระเบียบตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง"

โค้ชไม่ได้บ่ายเบี่ยงเรื่องพฤติกรรมเลือดร้อนของ Travis เขาเคยกระทบกระทั่งกับเพื่อนร่วมทีม Chiefs ในระหว่างการซ้อมถึงขั้นผลักอกกันและเหวี่ยงหมัดใส่ เขาเคยถูกไล่ออกจากเกมเพราะไม่พอใจคำตัดสินของกรรมการแล้วดึงผ้าขนหนูขว้างใส่อีกฝ่าย หรือทุ่มหมวกกันน็อคอยู่ข้างสนามเพราะโมโหที่เล่นไม่ได้ดังใจตัวเอง และแม้ว่าหมวกจะไม่ได้กระเด็นไปถูกเพื่อนร่วมทีมและทีมงาน แต่มันก็เสี่ยงที่ผู้อื่นจะบาดเจ็บ

ตัวตนของ Travis ที่เปิดเผยในการจัดรายการ Podcast กับพี่ชายดูเป็นผู้ชายอารมณ์ดี สบายๆ ดูติดดินเข้าถึงง่าย แต่ในสนามแข่งขันกลับดูเลือดร้อนจนดูเป็นตัวปัญหาในบางครั้ง ตัวเขาก็เคยยอมรับว่า มันเป็นเรื่องน่าขายหน้าเมื่อควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทำให้ชาวเน็ทจินตนาการถึงวิธีที่เขาใช้รับมือกับความขัดแย้งในความสัมพันธ์ เพราะแม้แต่คู่รักที่รักกันลึกซึ้งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งไปได้ ภาพที่เขาตะคอกใส่โค้ชจึงเป็น red flag ใหญ่เบ้อเริ่มในสายตาของหลายคน และตั้งคำถามว่า หาก Travis เกิดหัวร้อนขึ้นมา Taylor อาจจะเสี่ยงกลายเป็นสนามอารมณ์




โค้ชแถลงข่าวชี้แจง   Travis ใช้ความรุนแรงจริงหรือ?
ในขณะที่มีเสียงวิจารณ์ว่าพฤติกรรมของ Travis ว่า สื่อถึงความรุนแรงและไม่ให้เกียรติโค้ช  แต่ระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อหลังจบเกม โค้ช Andy ได้แสดงออกชัดว่า เขาไม่ได้ถือสากับสิ่งที่เกิดขึ้น และอธิยายพร้อมกับหัวเราะไปด้วยว่า

"เขาเข้ามาชนทำให้ผมเสียการทรงตัว ผมไม่ทันได้มอง สะดุ้งไปหน่อย เขามาบอกว่า ให้ผมลงแข่งเถอะ ผมจะทำแต้มให้ได้ เรื่องราวมันก็มีเท่านี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกสักหน่อย และผมก็ชื่นชมเขา สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกปลื้มคือ เขามุ่งมั่นที่จะแข่งและช่วยเหลือทีมให้คว้าชัยชนะ มันไม่ใช่การกระทำที่เห็นแก่ตัว ผมเข้าใจดี เขากระแทกโดนตัวผมก็จริง แต่จากนั้นผมก็คุยกับเขาและทำความเข้าใจกัน เขาพุ่งเข้ามาจนผมตกใจเสียการทรงตัวเท่านั้นเอง"

แต่ถึงเขาจะชมเชย Travis เต็มที่ แต่ก็ยังมีชาวเน็ทที่เชื่อว่า การปกป้องและรักษาภาพลักษณ์นักกีฬาในทีมย่อมเป็นหน้าที่โค้ช ในใจจริงของเขาจะคิดว่า Travis ล้ำเส้นหรือไม่ เขาก็ต้องประกาศออกสื่ออยู่แล้วว่า มันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้ดูเสียหายตามที่อื่นมองกัน รวมถึงคนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า ถึงสถานการณ์ที่ทีมกำลังตกเป็นรองจะบีบคั้นจน Travis อัดอั้นตันใจที่ไม่ได้ลงไปช่วยทีม แต่เขาเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะรู้ว่า การตะคอกใส่โค้ชไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น และควรจัดการกับอารมณ์ไม่ให้กระทบกับทีม

Travis เปิดใจ  อารมณ์พลุ่งพล่านไปหน่อย
แน่นอนว่าตัว Travisจะต้องถูกตั้งคำถามเรื่องการแสดงออกที่ดูหัวร้อนเช่นกัน  เขาตอบแบบติดตลกว่า  ตอนนั้นเขาแค่กำลังบอกรักโค้ช

"ผมเพียงอยากจะทำคะแนนเปลี่ยนเกม โค้ชได้ขอให้พวกเราได้บอกเล่าเรื่องราวในใจ และผมอยากให้เขาได้รู้ว่าผมมีความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อทีมของเรามากมายแค่ไหน เขาคือหนึ่งในผู้นำที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยได้พบเห็นในชีวิต และเขาได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผมมากมายหลายอย่าง ทั้งการจัดการเรื่องอารมณ์ความรู้สึก และความมุ่งมั่นตั้งใจ ผมมีอาชีพอย่างทุกวันนี้ได้ก็เป็นเพราะเขา และมีความสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองก็เพราะเขาช่วย ผมรักโค้ชครับ"




 
ยังมีแฟน American football ที่เห็นต่างจากกระแสโจมตี Travis ว่า ในแวดวงกีฬาคนชนคน การปะทะทางอารมณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องสุดช็อค เพราะนี่คือกีฬาที่ขึ้นชื่อเรื่องความ violent ไม่ใช่สนามแห่งความอ่อนโยน นักกีฬาและโค้ชต้องแบกรับความกดดันหนักหน่วง และต้องรับมือกับสถานกาณณ์ท้าทายความอดทนอดกลั้น ทำให้เป็นภาพที่ได้เห็นกันบ่อยครั้งในการแข่งขัน NFL ยิ่งแมทช์ชิงแชมป์ที่ต้องทุ่มเทสุดตัวเพื่อถ้วยรางวัลใหญ่ก็ยิ่งสติหลุดกันได้กว่าปกติ Travis ไม่ใช่นักกีฬาคนแรกที่ออกอาการหัวร้อนใส่โค้ช แม้การกระทำของเขาจะดูไม่ตรงกับภาพลักษณ์นักกีฬาตัวอย่าง แต่ก็ไม่ใช่การตั้งใจใช้ความรุนแรงใส่โค้ช และเขาก็ยังพยายามชดเชยด้วยการใช้ศักยภาพทั้งหมดของตัวเองช่วยเหลือทีมจนสร้างประวัติศาสตร์ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ   Travis วิ่งเข้าไปกอดโค้ชอย่างตื้นตัน ส่วนโค้ชก็ตบไหล่ให้กำลังใจกันแบบไม่ได้ถือสากับเหตุการณ์ในช่วงต้นเกม  

Taylor ควรตระหนักถึงอนาคตความสัมพันธ์เนื่องจาก red flag ที่บ่งบอกถึงการขาดวุฒิภาวะและปัญหาการควบคุมอารมณ์ของ Travis ตามคำเตือนของแฟนๆ? หรือพวกเราไม่ควรพิพากษาตัวตนของเขาจาก footage ระหว่างการแข่งขันกีฬาที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด?

คุณคิดกันอย่างไร มาบอกเล่าให้เราฟังบ้างสิคะ...


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE