Ariana Grande อยากจะบอกอะไรกับพวกเราผ่าน comeback single

20 8
'Yes, And?'  ผลงาน comeback ในรอบสามปีของ Ariana ไม่ได้มาพร้อมกับกับความโดดเด่นท่วงทำนองสุด catchy ที่ทำให้พวกเรารำลึกถึง 'VOGUE' สุดยอดเพลง  dance แห่ง 90s เท่านั้น  แต่ attitude สุดมั่นของเพลงทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า นี่จะเป็นผลงานยอดฮิตสั่นสะเทือน  social media ในเดือนเริ่มต้นปี 2024 แลเะประโยคสั้นๆสุดเชิด Yes, and?  จะกลายเป็นคำพูดติดปากของชาวเน็ท  ไม่นานที่ปล่อยตัวเพลงนี้ออกมาก็กลายเป็น trending 

superstar สาววัยสามสิบอาจจะไม่ได้ sample เพลง VOGUE ของ Madonna แต่เธอดูจะเปิดเผยแรงบันดาลใจจากเพลงนี้อย่างเต็มที่ ทั้งองค์ประกอบดนตรี House หรือจะเป็นท่อนร่ายประโยคเด็ดกลางเพลง ไม่น่าแปลกใจที่เหล่า Arianators จะแชร์ภาพของ superstar สาวในขณะ 'Vogueing' การนำเสนอผลงานโมเดิร์นที่ทำให้แฟนๆได้รำลึกถึงความดีงามในยุคอดีตนั้นทำให้ผู้ฟังบางคนประกาศว่า นี่คือหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดของเธอ

ที่สำคัญ  superstar สาววัยสามสิบก็ยังร่วมเขียนเพลงนี้เพื่อสร้างพลังบวก แต่ไม่ได้มาในรูปแบบของนางเอกแสนดี แต่เป็นสาวสุด firece ที่จะไม่ปล่อยให้ใครมามีอิทธิพลเหนือชีวิต

ส่ง MV มาสั่นสะเทือน Internet แต่ศิลปินคนใดคือแรงบันดาลใจ?


แน่นอนว่า MV ที่เพิ่งจะถูกปล่อยตัวออกมาได้ไม่นานนั้นก็ได้รับอิทธิพลมาจากท่าเต้นในตำนานจริงๆซะด้วย เป็นไปได้ไหมว่า Ariana กำลังปลุกกระแส Vogueing ให้กลับมาลือลั่นอีกครั้ง? ในขณะที่มือไม้บางคนเริ่มเคลื่อนไหว strike the pose แบบไม่รู้ตัว บ้างก็กดไปชม VOGUE เพื่อเปรียบเทียบกันรัวๆ แต่ชาวเน็ทชี้ว่า MV ของเธอได้แรงบันดาลใจมาจาก popstar อีกคนอย่างชัดเจน

เค้าคนนั้นคือใคร?

  เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่คุ้นเคยกับนักร้องรุ่นใหญ่ที่โด่งดังในยุค 80-90s Paula Abdul  นักร้องรุ่นใหญ่ที่โด่งดังในยุค 90s   แต่หากกดไปชมวีดีโอ 'Cold Hearted' เพลงดังของ Paula จากปี 1988 ก็จะพบว่า คอนเสปท์ดูคล้ายคลึงกับ yes, and? จนทำให้หลายคนมั่นใจถึงการนำเสนอผลงานที่บ่งบอกถึงความเคารพนับถือระดับตำนาน


Empower  ให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเองโดยไม่สั่นคลอนไปกับเสียงวิจารณ์

Boy, come on, put your lipstick on (No one can tell you nothin')
Come on and walk this way through the fire (Don't care what's on their mind)

ท่อนที่เชิญชวนหนุ่มมาทาลิปสติกสื่อความเสรีในการแสดงออกโดยโดยได้ต้องกักขังตัวเองอยู่ในกรอบและแรงกดดันจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และเลือกเส้นทางที่ภาคภูมิในตัวตนแทนที่จะให้ความสำคัญว่าคนอื่นจะคิดเช่นไร    
Ariana ได้ให้คำแนะนำวิธีรับมือกับปัญหาว่า

"หากคุณต้องเผชิญสถานการณ์ที่มืดมน ก็แค่กดเปิดไฟซะ แล้วพูดแบบนี้"
"ก็เอาดิ แล้วไง?"
"จงทำตัวเป็นเหมือนกับว่าคุณเป็นเพื่อนรักของคุณเอง"
"แอ่นอกพูดมันออกมาเลยสิจ๊ะ"
"ทำต่อไปให้เหมือนกับว่า จะมีอะไรอีกก็เข้ามาได้เลย"

Independent เปรียบว่า นี่คือผลงานโต้กลับสังคมจอมพิพากษาชีวิตส่วนตัวคนดังเหมือนกับ Shake It Off ของ Taylotr Swift แต่ Ariana มีความสามารถโดดเด่นในการตีปีกโบกสะบัดพ้นจากมรสุมดราม่าทาง social media อย่างนุ่มนวลและทำให้รู้สึกอบอุ่น สอดคล้องกับกระแสตอบรับทาง social media ในตอนนี้ที่พลิกไปจากช่วงที่เกิดข่าวลือเรื่องรักนอกใจ จากที่ชาวเน็ทรุมก่นด่าและขุดคุ้ยหาเรื่องราวในอดีตมาตอกย้ำว่าเธอเป็นพวกชอบฉกผู้ชายมีเจ้าของ ทั้งสื่อและชาวเน็ทก็ชื่นชมว่าเธอศิลปะผ่านบทเพลงที่เชิดชูเรื่อง self-loveและฟาดกลับ haters แบบเริ่ดๆเชิดๆ yes, and?

 
100% Unapologetic Energy

"Why do you care so much whose d*ck I ride ?”
ปี 2023  อาจจะเป็นช่วงเวลาที่  Ariana  เงียบหายไป  ทั้งข่าวคราวเรื่องการหย่าร้างจากสามีและมรสุมข่าวลือที่ทำให้เธอถูกตราหน้าว่า เป็นคนดังที่มีพฤติกรรมไร้ศีลธรรม แย่งชิงสามีคนอื่นจนทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด  จากรายงานว่า  ความรักครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นกลางกองถ่ายกับ Ethan Slater เพื่อนนักแสดง Wicked   หลายฝ่ายเชื่อว่า timeline ความสัมพันธ์ที่ทำให้พวกเค้าตกเป็นเป้าหมายโจมตีจากโลกออนไลน์ทำให้เธอเลือกจะเก็บเนื้อเก็บตัวจากสายตาผู้คนและการไล่ล่าจากสื่อ  แตกต่างจากการแสดงออกในช่วงที่มีความสัมพันธ์ครั้งก่อนๆ  แต่การ  comeback ของ Ari ครั้งนี้ก็มาพร้อมกับการส่งสารแจ่มแจ้งว่า เธอจะไม่หลบๆซ่อนๆอีกต่อไป   และตั้งคำถามติดเรทกับคนที่ตามอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของเธอว่า "ทำไมถึงต้องมาสนใจใยดีนักว่าเธอกำลังควบขย่ม (จุด จุด จุด) ของใครอยู่  ฮี..ทำไม?"

ส่วนประเด็นที่ชาวเน็ทมักจะกดดันให้ Ariana ออกมาชี้แจงเรื่องราวข่าวลือ+ดราม่า เนื้อเพลงนี้ก็สื่อว่า เธอมีสิทธิ์ที่เลือกพูดหรือไม่ก็ได้ตามที่ใจต้องการ ซึ่งช่วงสิ้นปี 2023 เธอก็ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในปีที่ผ่าน แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่แสนสุข แต่ก็พบกับอุปสรรคท้าทาย เนื่้องจากบ่อยครั้งที่ผู้คนมองเธอผิดๆจากการปะติดปะต่อเรื่องราวจากเสียงซุบซิบนินทา คาดเดาเรื่องราวชีวิตของเธอกันไปเองทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักเธอเลย


"ฉันเลิกสนไปแล้วว่าคุณจะคิดกันยังไง ฉันจะไม่หลบซ่อนอยู่ภายใต้มายาคติของคุณอีกต่อไป หรือต้องมาเปลี่ยนแปลงชีวิตอันแท้จริงของตัวเอง"
เธอยังเตือนไม่ให้มาคอยก้าวก่ายเรื่องของเธอ เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการของคนอื่น
"อย่ามาคอมเมนท์เรื่องรูปลักษณ์ อย่ามาคอยตอบข้อความกัน"


คำเตือนไม่ให้คนอื่นล้ำเส้นนี้เชื่อมโยงไปถึงประสบการณ์ที่ต้องแบกรับความกดดันจาก beauty standard ย้อนไปเมื่อหลายเดิอนก่อน Ariana เคยเปิดใจผ่านวีดีโอ tutorial กับ VOGUE ว่า เคยไม่มั่นใจจนรู้สึกว่าต้องปิดบังตัวตนไว้ ช่วงเวลาหลายปีมานี้ เธอเลือกฉีดฟิลฺเลอร์ริมฝีปากและโบท็ฺอกซ์มาเพียบ แต่พอมาถึงจุดที่คิดว่าทุกอย่างมันมากเกินไปก็ลดละมาได้พักใหญ่ แม้เธอไม่ได้คิดต่อต้านเรื่องทำสวยด้วยวิธีนี้ แต่ก็หันมายอมรับริ้วรอยได้แล้ว เธอเล่าไปน้ำตาคลอไปทีเดียว







 

MV มี  Easter Eggs หรือไม่??

'
MV ที่แฟนๆตั้งหน้าตั้งตรอชมนั้นไม่ได้นำเสนอ production ตระการตา  Ariana ไมไ่ด้เปล่ี่ยน costume ซะด้วยซ้ำ   แต่หลายคนก็ชื่นชมว่า นี่คือ performance ที่เฉียบคม คลีน และดูดีมีระดับโดยไม่ต้องเล่นใหญ่  ทั้งมีความเชื่อกันว่า มีสัญลักษณ์บางอย่างที่สอดแทรกในฉาก  อย่างบันไดที่มีสภาพถูกทำลายนั้น ก็มีผู้ตีความว่า เป็นการเสียดสีข้อกล่าวหาเรื่องพฤติกรรม homewrecker หรือชู้ที่สร้างความร้าวฉานให้กับครอบครัวคนอื่น   หรือจะเป็นตอนที่ฉากจบที่เธอเปลี่ยนตัวเองไปเป็นรูปปั้นยกมือปิดตาราวกับไม่อยากรับรู้สิ่งใด  คล้ายกับจะบอกว่า  กว่าจะเข้มแข็งและรักตัวเองได้เหมือนตอนนี้ ก็ต้องแตกสลายมาแล้วหลายครั้ง  แต่เมื่อแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว ถึงจะผ่านเรื่องหนักหน่วงมาสักแค่ไหน เธอก็จะยืนหยัด fierce ต่อไป

คุณน่าเดาออกว่า ท่ามกลางกระแสชื่นชมผลงาน comeback ของ Ariana ว่าช่างเลิศเลอสมการรอคอย แต่ยังมีผู้เห็นต่างอีกไม่น้อยที่โจมตีเธอด้วยข้อหากล่าวเรื่องเดิม เพิ่มเติมด้วยคำหยามหยันว่าเธอมั่นหน้าเกินเหตุและเชิดชูสถานะชู้โดยใช้คำว่าสิทธิความเป็นส่วนตัวและ self-love มาบังหน้า

คงต้องยอมรับว่า การ clap back ด้วยคำว่า yes, and? นี่แหละที่แสบสัน ไม่ว่าชาวเน็ทจะวิพากษ์วิจารณ์แรงแค่ไหน ก็แอ่นอกรับเบาๆแบบไม่ยี่หระ โปรยสายตาเยือกเย็นใส่ ไม่ต้องพยายามฟาดฟันกลับให้เหนื่อยแรง


ซิงเกิ้ลที่เพิ่งถูกปล่อยมาสดร้อนๆก็เข้าชาร์ท Top 10 of US Apple Music ไปแล้ว และต้องใช้เวลาอีกสักพักในการพิสูจน์ว่า เพลงนี้จะไปได้ไกลแค่ไหนใน Billboard แล้วคุณล่ะ อินกับเพลงนี้แบบหยุดฟังไม่ได้ หรือรู้สึกเช่นไร มาแชร์ให้เรารู้บ้างนะ!


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE