นักแสดงยุค90s ที่กลับมาปังกับผลงานซีรีส์ ตอนที่2
Panchud Thammachat127คนต่อไป เป็นนักแสดงหญิงที่แจ้งเกิดจากซีรีส์วัยรุ่น มีผลงานภาพยนตร์มากมายตั้งแต่ปลายยุค90's จนถึงยุค2000's จนกระทั่งกลับมาคืนฟอร์มกับซีรีส์แนวจารกรรม เธอก็คือ...
4.Claire Danes
เกิด:12 เมษายน 1979
บ้านเกิด:นครNew York สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1992
เกิด:12 เมษายน 1979
บ้านเกิด:นครNew York สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1992
ชีวิตก่อนเข้าวงการ
คุณDanes มีชื่อจริงว่า"Claire Catherine Danes" มีพ่อเป็นช่างภาพ และมีแม่เป็นช่างปั้นและจิตรกรด้านPrintmaking มีพี่ชายทำงานเป็นทนายความ
ช่วงที่คุณDanes ยังเด็ก แม่ของเธอเปิดร้านสำหรับการดูแลเด็กเล็กชื่อว่า"Danes Tribe" พ่อของเธอทำงานเป็นช่างก่อสร้างที่อยู่อาศัยในรัฐNew York เป็นเวลา20ปี
คุณDanes มีชื่อจริงว่า"Claire Catherine Danes" มีพ่อเป็นช่างภาพ และมีแม่เป็นช่างปั้นและจิตรกรด้านPrintmaking มีพี่ชายทำงานเป็นทนายความ
ช่วงที่คุณDanes ยังเด็ก แม่ของเธอเปิดร้านสำหรับการดูแลเด็กเล็กชื่อว่า"Danes Tribe" พ่อของเธอทำงานเป็นช่างก่อสร้างที่อยู่อาศัยในรัฐNew York เป็นเวลา20ปี
คุณDanes เรียนตั้งแต่เกรด3 จนถึงเกรด11 ที่Professional Performing Arts School ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เธอเรียนที่New York City Lab School for Collaborative Studies ในManhattan เธอเรียนที่Dalton School ในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นเวลา1ปี ก่อนย้ายไปที่เมืองSanta Monica รัฐCalifornia เพื่อไปถ่ายทำซีรีส์เรื่องMy So-Called Life หลังจากนั้นอีก2วันก็ต้องย้ายอีกเพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี1994
คุณDanes จบการศึกษาจากLycée Français de Los Angeles เมื่อปี1997 จากนั้นเมื่อปี1998 เธอก็ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยYale หลังจากที่เธอศึกษาด้านจิตวิทยาแล้ว เธอก็ตัดสินใจดรอปเรียนเพื่อโฟกัสด้านการแสดง
คุณDanes จบการศึกษาจากLycée Français de Los Angeles เมื่อปี1997 จากนั้นเมื่อปี1998 เธอก็ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยYale หลังจากที่เธอศึกษาด้านจิตวิทยาแล้ว เธอก็ตัดสินใจดรอปเรียนเพื่อโฟกัสด้านการแสดง
ผลงานเริ่มแรก
ปี1994 เป็นปีที่คุณDanesทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย กับซีรีส์ดราม่าวัยรุ่นเรื่องMy So-Called Life โดยรับบทเป็นAngela Chase
ปี1994 เป็นปีที่คุณDanesทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย กับซีรีส์ดราม่าวัยรุ่นเรื่องMy So-Called Life โดยรับบทเป็นAngela Chase
ซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด19ตอน ออกอากาศตั้งแต่ปี1994 จนถึงปี1995
ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้คุณDanes ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประเภทซีรีส์ดราม่า
ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้คุณDanes ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประเภทซีรีส์ดราม่า
นอกจากนี้ ในปีเดียวกัน คุณDanes ก็มีผลงานภาพยนตร์เรื่องLittle Women ในบทBeth March อีกด้วย
ผลงานภาพยนตร์ช่วงปลายยุค1990's
1.Romeo+Juliet(1996)
เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าฝีมือการกำกับและร่วมเขียนบทโดยลุงBaz Lurhman ที่นำวรรณกรรมขึ้นหิ้งของWilliam Shakespeareมาดัดแปลงในธีมมาเฟีย
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยคุณLeonardo DiCrapio และคุณClaire Danes แต่ช่วงพักกองทั้งคู่กลับไม่ยอมสนิกกันสักเท่าไหร
1.Romeo+Juliet(1996)
เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าฝีมือการกำกับและร่วมเขียนบทโดยลุงBaz Lurhman ที่นำวรรณกรรมขึ้นหิ้งของWilliam Shakespeareมาดัดแปลงในธีมมาเฟีย
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยคุณLeonardo DiCrapio และคุณClaire Danes แต่ช่วงพักกองทั้งคู่กลับไม่ยอมสนิกกันสักเท่าไหร
2.The Rainmaker(1997)
เป็นภาพยนตร์ดราม่ากฎหมายที่เป็นผลงานการกำกับของคุณตาFrancis Ford Coppala และเป็นการรับบทที่ท้าทายการแสดงของคุณMatt Damon ก็ว่าได้
เป็นภาพยนตร์ดราม่ากฎหมายที่เป็นผลงานการกำกับของคุณตาFrancis Ford Coppala และเป็นการรับบทที่ท้าทายการแสดงของคุณMatt Damon ก็ว่าได้
นอกจากคุณMatt Damon และคุณClaire Danes แล้ว ลุงDanny DeVito และคุณตาJon Voight ก็มาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้
ผลงานภาพยนตร์ในช่วงยุค2000's
1.Terminator 3: Rise of the Machines(2003)
เป็นภาพยนตร์เรื่องที่3 ของแฟรนไชน์Terminator เรื่องราวของJohn Conner ในอนาคตที่ต้องเจอกับไซบอร์กพันธุ์ใหม่จ้องจะเอาชีวิตของเขา
1.Terminator 3: Rise of the Machines(2003)
เป็นภาพยนตร์เรื่องที่3 ของแฟรนไชน์Terminator เรื่องราวของJohn Conner ในอนาคตที่ต้องเจอกับไซบอร์กพันธุ์ใหม่จ้องจะเอาชีวิตของเขา
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการรับบทเป็นThe Terminator ครั้งที่3ของลุงArnold Schwarzenegger ร่วมด้วยคุณNick Stahl,คุณClaire Danes และคุณKristanna Loken
2.Stardust(2007)
คุณDanes ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องStardust ภาพยนตร์แฟนตาซี-โรแมนติกที่กำกับโดยคุณMatthew Vaught
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของTristan ได้พบรักกับVictoria โดยมีหญิงสาวจากดวงดาวนามว่าYvaine เป็นพยานรัก แต่ทว่าทั้งแม่มดและเหล่าทหารจากStormhold กลับตามล่าYvaine Tristan ต้องช่วยVictoria ก่อนที่เส้นตายซึ่งก็คือวันเกิดของเธอจะมาถึง
คุณDanes ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องStardust ภาพยนตร์แฟนตาซี-โรแมนติกที่กำกับโดยคุณMatthew Vaught
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของTristan ได้พบรักกับVictoria โดยมีหญิงสาวจากดวงดาวนามว่าYvaine เป็นพยานรัก แต่ทว่าทั้งแม่มดและเหล่าทหารจากStormhold กลับตามล่าYvaine Tristan ต้องช่วยVictoria ก่อนที่เส้นตายซึ่งก็คือวันเกิดของเธอจะมาถึง
ภาพยนตรเรื่องนี้นำแสดงโดยคุณClaire Danes,พี่Charlie Cox,พี่Sienna Miller,ลุงRobert de Niro,ป้าMichelle Pfeiffer และคุณMark Strong
ซีรีส์ที่ทำให้กลับมาปังและคว้ารางวัลด้านทีวีซีรีส์
Homeland(2011-2020) เป็นซีรีส์จารกรรม-ระทึกขวัญที่กลายเป็นซีรีส์ที่ทำให้คุณClaire Danes กลับมาเป็นนักแสดงมืออาชีพต่อไป หลังจากหมดไฟจากภาพยนตร์เรื่องStardust
โดยคุณDanes รับบทเป็นCarrie Mathison เจ้าหน้าที่CIA หญิงที่มีปัญหาไบโพลาร์จนส่งผลต่อหน้าที่การงาน ซึ่งเรื่องราวจะเป็นการก่อการร้ายจนถึงปัญหาทางการเมือง
Homeland(2011-2020) เป็นซีรีส์จารกรรม-ระทึกขวัญที่กลายเป็นซีรีส์ที่ทำให้คุณClaire Danes กลับมาเป็นนักแสดงมืออาชีพต่อไป หลังจากหมดไฟจากภาพยนตร์เรื่องStardust
โดยคุณDanes รับบทเป็นCarrie Mathison เจ้าหน้าที่CIA หญิงที่มีปัญหาไบโพลาร์จนส่งผลต่อหน้าที่การงาน ซึ่งเรื่องราวจะเป็นการก่อการร้ายจนถึงปัญหาทางการเมือง
ซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด8ซีซั่น 96ตอน
โดยซีรีส์เรื่องนี้ทำให้คุณDanes ได้รับรางวัลด้านการแสดงในผลงานซีรีส์ ดังนี้
โดยซีรีส์เรื่องนี้ทำให้คุณDanes ได้รับรางวัลด้านการแสดงในผลงานซีรีส์ ดังนี้
- รางวัลPrimetime Emmy Awards สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์ดราม่าทั้งหมด2ครั้ง
- รางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์ดราม่าทั้งหมด2ครั้ง
- รางวัลSAG Awards สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่นประเภทซีรีส์ทั้งหมด1ครั้ง
- รางวัลCritics' Choice Awards สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์ดราม่าทั้งหมด1ครั้ง
- รางวัลSatellite Awards สาขาการแสดงนำหญิงประเภทซีรีส์ดราม่าทั้งหมด3ครั้ง
ผลงานล่าสุดของคุณDanes เป็นมินิซีรีส์ทางHulu เรื่องFleishman is in Trouble(2022) เป็นมินิซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยาย เรื่องราวของดร. Toby Fleishman ที่มีปัญหาคาราคาซังกับอดีตภรรยา ร้อนถึงเพื่อนสนิทเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
มินิซีรีส์เรื่องนี้นำแสดงโดยพี่Jesse Eisenberg,คุณClaire Danes และพี่Lizzy Caplan
ชีวิตครอบครัว
ก่อนจะมาลงเอยกับคุณHugh Dancy นักแสดงชาวอังกฤษ คุณDanes เคยออกเดตกับผู้ชายในแวดวงดนตรีและแวดวงการแสดง ได้แก่
ก่อนจะมาลงเอยกับคุณHugh Dancy นักแสดงชาวอังกฤษ คุณDanes เคยออกเดตกับผู้ชายในแวดวงดนตรีและแวดวงการแสดง ได้แก่
- ปี1997 คุณDanes ได้พบกับคุณBen Lee นักร้องชาวออสเตรเลียในวันเกิดครบ18ปี จนได้เดตกันโดยใช้ระยะเวลานาน6ปี จนกระทั่งทั้งคู่ได้แยกทางกันเมื่อปี2003
- ปี2003 คุณDanes ได้พบกับคุณBilly Crudup หลังจากที่ฝ่ายชายเพิ่งเลิกรากับคุณMary-Louise Parker ที่กำลังตั้งครรภ์ได้7เดือน แต่เดตกันได้แค่3ปี ทั้งคู่ต้องแยกทางกันเมื่อปี2006
คนต่อไป เป็นนักแสดงหญิงที่แจ้งเกิดจากผลงานซิทคอม จนได้แสดงภาพยนตร์ระดับบล็อคบัสเตอร์ทั้งหมด4เรื่อง และได้กลับมาผงาดกับผลงานซีรีส์เกี่ยวกับการเมือง เธอคนนี้ก็คือ...
5.Téa Leoni
เกิด:25 กุมภาพันธ์ 1966
บ้านเกิด:นครNew York สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1988
เกิด:25 กุมภาพันธ์ 1966
บ้านเกิด:นครNew York สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1988
ชีวิตก่อนเข้าวงการ
คุณLeoni มีชื่อจริงว่าElizabeth Téa Pantaleoni มีแม่เป็นทันตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ มีพ่อเป็นทนายความสังกัดFullbright & Jaworski คุณปู่ของเธอมีเชื้อสายไอริช,อังกฤษ และอิตาเลียน
คุณLeoni เติบโตในเมื่องEnglewood รัฐNew Jersey และนครNew York เรียนที่โรงเรียนเอกชนทั้งหมด2ที่ ได้แก่โรงเรียน Brearley School และโรงเรียนThe Putney School ในรัฐVermont เธอศึกษาอยู่ที่Sarah Lawrence College แต่ศึกษาไม่ครบเทอม
คุณLeoni มีชื่อจริงว่าElizabeth Téa Pantaleoni มีแม่เป็นทันตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ มีพ่อเป็นทนายความสังกัดFullbright & Jaworski คุณปู่ของเธอมีเชื้อสายไอริช,อังกฤษ และอิตาเลียน
คุณLeoni เติบโตในเมื่องEnglewood รัฐNew Jersey และนครNew York เรียนที่โรงเรียนเอกชนทั้งหมด2ที่ ได้แก่โรงเรียน Brearley School และโรงเรียนThe Putney School ในรัฐVermont เธอศึกษาอยู่ที่Sarah Lawrence College แต่ศึกษาไม่ครบเทอม
แจ้งเกิดจากซิทคอมยุค90's
คุณLeoni เข้าวงการจากการเป็นตัวประกอบในซีรีส์เรื่องSanta Barbara จนในปี1992 เธอได้รับบทนำในซิทคอมเรื่องFlying Blind
คุณLeoni เข้าวงการจากการเป็นตัวประกอบในซีรีส์เรื่องSanta Barbara จนในปี1992 เธอได้รับบทนำในซิทคอมเรื่องFlying Blind
โดยคุณLeoni รับบทเป็นAlicia หญิงเสเพลที่ดันไปสปาร์ครักกับNeil Barash(รับบทโดยคุณCorey Parker) เรื่องราววุ่นๆจึงเกิดขึ้น
ซิทคอมเรื่องนี้ออกอากาศทางช่องFOX ตั้งแต่ปี1992 จนถึงปี1993 รวมทั้งหมด22ตอน
ซิทคอมเรื่องนี้ออกอากาศทางช่องFOX ตั้งแต่ปี1992 จนถึงปี1993 รวมทั้งหมด22ตอน
ปี1995 คุณLeoni ได้แสดงนำให้กับซิทคอมเรื่องThe Naked Truth ซึ่งธีมของซิทคอมเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของนักข่าวบันเทิง
โดยซิทคอมเรื่องนี้ออกอากาศตั้งแต่ปี1995 จนถึงปี1998 รวมทั้งหมด3ซีซั่น 55ตอน และยังมี7ตอนที่ยังไม่ออกอากาศ
ผลงานภาพยนตร์ระดับBlockbuster
คุณLeoni มีผลงานภาพยนตร์ที่ทำเงินในระดับBlockbuster ทั้งหมด4เรื่อง ดังนี้
1.Bad Boys(1995)
เป็นภาพยนตร์แอคชั่นแนวตำรวจคู่หู ที่นำแสดงโดยคุณWill Smith และคุณMartin Lawrence และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตการกำกับของคุณMichael Bay
คุณLeoni มีผลงานภาพยนตร์ที่ทำเงินในระดับBlockbuster ทั้งหมด4เรื่อง ดังนี้
1.Bad Boys(1995)
เป็นภาพยนตร์แอคชั่นแนวตำรวจคู่หู ที่นำแสดงโดยคุณWill Smith และคุณMartin Lawrence และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตการกำกับของคุณMichael Bay
โดยคุณLeoni รับบทเป็นJulie Mott หญิงสาวที่มาเป็นพยานปากสำคัญให้กับตำรวจคู่หูอย่างMarcus และMike
2.Deep Impact(1998)
ภาพยนตร์ภัยพิบัติที่เข้าฉายก่อนภาพยนตร์เรื่องArmageddon ที่เข้าฉายในปีเดียวกัน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มีการพูดถึงอุตกาบาตชนโลกที่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยคุณปู่Robert Duvall,คุณTéa Leoni,พี่Elijah Wood และคุณตาMorgan Freeman
ภาพยนตร์ภัยพิบัติที่เข้าฉายก่อนภาพยนตร์เรื่องArmageddon ที่เข้าฉายในปีเดียวกัน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มีการพูดถึงอุตกาบาตชนโลกที่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยคุณปู่Robert Duvall,คุณTéa Leoni,พี่Elijah Wood และคุณตาMorgan Freeman
คุณLeoni รับบทเป็นJenny Lerner นักข่าวหญิงแห่งสำนักข่าวMSNBC
ปี2000 คุณLeoni ได้ร่วมงานกับคุณNicolas Cage ในภาพยนตร์โรแมนติก-คอเมดี้ต้อนรับวันคริสต์มาสในช่วงนั้นกับภาพยนตร์เรื่องThe Family Man
ปี2001 คุณLeoniได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องJurassic Park III ซึ่งนำแสดงโดยลุงSam Neil และลุงWilliam H. Macy
คุณLeoni รับบทเป็นAmanda Kirby หญิงสาวที่ร่วมทริปของDr. Alan Grant(รับบทโดยลุงSam Neil) เพื่อไปค้นหาลูกชายของเธอที่Isla Nublar
กลับมาปังกับซีรีส์การเมืองสุดเข้มข้น
ปี2014 คุณLeoni ได้รับบทนำในซีรีส์การเมืองเรื่องMadam Secretary(ช่วงซีซั่นที่6จะใช้ชื่อว่าMadam President) ออกอากาศทางช่องCBS
โดยซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของElizabeth McCord เจ้าหน้าที่สอดแนมหญิงที่ได้ลงสนามในการเมือง หน้าที่ของเธอคือการโน้มน้าวผู้คนให้ยึดมั่นในนโยบายต่างๆ
ปี2014 คุณLeoni ได้รับบทนำในซีรีส์การเมืองเรื่องMadam Secretary(ช่วงซีซั่นที่6จะใช้ชื่อว่าMadam President) ออกอากาศทางช่องCBS
โดยซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของElizabeth McCord เจ้าหน้าที่สอดแนมหญิงที่ได้ลงสนามในการเมือง หน้าที่ของเธอคือการโน้มน้าวผู้คนให้ยึดมั่นในนโยบายต่างๆ
ซีรีส์เรื่องนี้มีเนื้อหาทางการเมืองที่จริงจังซึ่งต่างจากซีรีส์เรื่องVeep ที่นำแสดงโดยป้าJulia Louis-Dreyfus ที่นำเสนอการเมืองในเชิงผ่อนคลาย
ชีวิตครอบครัวที่จบถึง2ครั้งและความรักครั้งใหม่
คุณLeoni เคยแต่งงานถึง2ตรั้ง ดังนี้
คุณLeoni เคยแต่งงานถึง2ตรั้ง ดังนี้
- แต่งงานกับลุงNeil Joseph Tardio Jr. โปรดิวเซอร์โฆษณาทางโทรทัศน์ตั้งแต่ปี1991 แต่ได้หย่ากันเมื่อปี1995
- แต่งงานกับลุงDavid Duchovny ซึ่งเป็นนักแสดงเช่นเดียวกันเมื่อปี1997 มีลูกด้วยกัน2คน ได้แก่น้องWest Duchovny(เกิดเมื่อปี1999) ลูกสาวคนโตที่ปัจจุบันเป็นนักแสดงตามรอยพ่อแม่ และน้องKyd Miller Duchovny(เกิดเมื่อปี2001) เป็นลูกชายคนเล็ก แต่ทั้งคู่ได้หย่ากันเมื่อปี2014
คนต่อไป เป็นนักแสดงชายที่กลายเป็นที่รู้จักในปลายยุค80's แต่กระแสซาในช่วงปลายยุค90's โชคดีที่กลับมาดังอีกครั้งในซีรีส์ยุค2010's เขาคนนั้นก็คือ...
6.Kevin Costner
เกิด:18 มกราคม 1955
บ้านเกิด:เมืองLynwood รัฐCalifornia สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1978
เกิด:18 มกราคม 1955
บ้านเกิด:เมืองLynwood รัฐCalifornia สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1978
ชีวิตก่อนเข้าวงการ
ลุงCostner มีชื่อจริงว่าKevin Michael Costner เกิดที่เมืองLynwood แต่เติบโตที่เมืองCompton มีพ่อชื่อWilliam Costner ทำงานเป็นช่างไฟ ส่วนSharon Costner ผู้เป็นแม่ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราห์ เขาเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาลูกชายทั้ง3 แต่พี่คนกลายเสียชีวิตตั้งแต่เกิด เขามีเชื้อชาติที่หลากหลาย ได้แก่ อังกฤษ,สก็อตติช,ไอริช และเวล์ส ในวัยเด็กเขาสนใจด้านกีฬา โดยเฉพาะกับกีฬาเบสบอล เล่นเปียโน เขียนแนวกวี และร้องเพลง
ลุงCostner ในช่วงวัยรุ่นได้ย้ายที่อยู่บ่อยๆในรัฐCalifornia เมื่อผู้เป็นพ่อประสบความสำเร็จด้านการงาน เขาอาศัยอยู่ที่เมืองVentura และช่วงที่อยู่ในเมืองVisalia เขาได้เรียนที่Villa Park High School เมื่อปี1973 เขาเล่นเบสบอลในVilla Park พร้อมกับเพื่อนร่วมห้องคือลุงDennis Burtt เขาได้ศึกษาที่California State University, Fullerton เมื่อปี1978
ลุงCostner มีชื่อจริงว่าKevin Michael Costner เกิดที่เมืองLynwood แต่เติบโตที่เมืองCompton มีพ่อชื่อWilliam Costner ทำงานเป็นช่างไฟ ส่วนSharon Costner ผู้เป็นแม่ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราห์ เขาเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาลูกชายทั้ง3 แต่พี่คนกลายเสียชีวิตตั้งแต่เกิด เขามีเชื้อชาติที่หลากหลาย ได้แก่ อังกฤษ,สก็อตติช,ไอริช และเวล์ส ในวัยเด็กเขาสนใจด้านกีฬา โดยเฉพาะกับกีฬาเบสบอล เล่นเปียโน เขียนแนวกวี และร้องเพลง
ลุงCostner ในช่วงวัยรุ่นได้ย้ายที่อยู่บ่อยๆในรัฐCalifornia เมื่อผู้เป็นพ่อประสบความสำเร็จด้านการงาน เขาอาศัยอยู่ที่เมืองVentura และช่วงที่อยู่ในเมืองVisalia เขาได้เรียนที่Villa Park High School เมื่อปี1973 เขาเล่นเบสบอลในVilla Park พร้อมกับเพื่อนร่วมห้องคือลุงDennis Burtt เขาได้ศึกษาที่California State University, Fullerton เมื่อปี1978
ลุงCostner สนใจในศาสตร์การเต้นในช่วงปีสุดท้ายของการศึกษาในมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นเขาได้พบกับคุณตาRichard Burton(1925-1984) แล้วพูดถึงการเป็นนักแสดงให้ฟัง ซึ่งหลังจากที่เขาได้เข้าวงการเป็นนักแสดงแล้ว เขาก็ได้ให้เครดิตกับคุณตาBurton ที่ทำให้เขาเป็นนักแสดง
ผลงานการแสดงในช่วงปลายยุค80's
ลุงCostner เข้าวงการตั้งแต่ปี1978 เริ่มมีผลงานภาพยนตร์กับภาพยนตร์นอกกระแสSizzle Beach, U.S.A. เมื่อปี1984
หลังจากนั้น ลุงCostner ก็สั่งสมประสบการณ์ด้านการแสดงจนในปี1987 เขาได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่องThe Untouchables โดยรับบทเป็นเจ้าหน้าที่FBI นามว่าEliot Ness
ลุงCostner เข้าวงการตั้งแต่ปี1978 เริ่มมีผลงานภาพยนตร์กับภาพยนตร์นอกกระแสSizzle Beach, U.S.A. เมื่อปี1984
หลังจากนั้น ลุงCostner ก็สั่งสมประสบการณ์ด้านการแสดงจนในปี1987 เขาได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่องThe Untouchables โดยรับบทเป็นเจ้าหน้าที่FBI นามว่าEliot Ness
ปี1989 ลุงCostner แสดงนำในภาพยนตร์เรื่องField of Dreams ซึ่งเป็นบทที่ค่อนข้างใกล้ตัว โดยเป็นเรื่องราวของชาวไร่ที่ฝันอยากให้ไร่ข้าวโพดของตัวเองกลายเป็นสนามเบสบอล
ปังสุดๆ กับผลงานภาพยนตร์ต้นยุค90's
ปี1990 ลุงCostnerเริ่มมาทำงานเบื้องหลังในผลงานของตัวเอง กับผลงานภาพยนตร์รางวัลออสการ์เรื่องDances with Wolves ซึ่งนอกจากเขาจะเป็นนักแสดงนำแล้ว ยังพ่วงตำแหน่งผู้กำกับและโปรดิวเซอร์อีกด้วย
ปี1990 ลุงCostnerเริ่มมาทำงานเบื้องหลังในผลงานของตัวเอง กับผลงานภาพยนตร์รางวัลออสการ์เรื่องDances with Wolves ซึ่งนอกจากเขาจะเป็นนักแสดงนำแล้ว ยังพ่วงตำแหน่งผู้กำกับและโปรดิวเซอร์อีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของร้อยโทJohn J. Dunbar ทหารกล้าที่เดินทางในช่วงยุคของคาวบอยเพื่อพบกับชนเผ่าLakota โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากทำรายได้และได้รับคำวิจารณ์ในด้านบวกแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคว้ารางวัลออสการ์ไป7สาขา จากการเข้าชิงถึง12สาขา
ปี1991 ลุงCostner ได้รับบทเป็นRobin Hood ในภาพยนตร์เรื่องRobin Hood: Prince of Thieves ซึ่งยังพ่วงตำแหน่งโปรดิวเซอร์อีกด้วย
แต่นักวิจารณ์กลับตำหนิการแสดงเป็นRobin Hood ของเขา เนื่องจากการใช้สำเนียงเหมือนคนขี้เกียจแทนที่จะใช้สำเนียงแบบคนสก็อตติช
แต่นักวิจารณ์กลับตำหนิการแสดงเป็นRobin Hood ของเขา เนื่องจากการใช้สำเนียงเหมือนคนขี้เกียจแทนที่จะใช้สำเนียงแบบคนสก็อตติช
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้คุณตาMorgan Freeman,คุณChristian Slater,ป้าMary Elizabeth Mastrantonio และลุงAlan Rickman(1946-2016) มาร่วมแสดง
ในปีเดียวกัน(1991)นั้นเอง ลุงCostner ได้แสดงเป็นJim Garrison ทนายความผู้ที่มาสะสางคดีการลอบสังหารประธานาธิบดีJohn F. Kennedy ในภาพยนตร์กึ่งสารคดีเรื่องJFK ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยลุงOliver Stone
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนั้ยังได้ลุงKevin Bacon,ลุงGary Oldman,ลุงTommy Lee Jones และป้าSissy Spacek ร่วมแสดง
ปี1992 ลุงCostner ได้รับบทนำในภาพยนตร์สุดฮิตเรื่องThe Bodyguard ร่วมกับดีว่าหญิงอย่างคุณWhitney Houston(1963-2012)
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของFrank Farmer ที่ต้องอารักขาRachel Marron นักแสดงและนักร้องชื่อดังให้รอดพ้นจากการถูกปองร้าย
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของFrank Farmer ที่ต้องอารักขาRachel Marron นักแสดงและนักร้องชื่อดังให้รอดพ้นจากการถูกปองร้าย
ช่วงขาลง
จริงๆแล้วช่วงเริ่มขาลงของลุงCostnerก็คือการรับบทนำให้กับภาพยนตร์เรื่องWyatt Earp(1994) โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายหลังภาพยนตร์เรื่องTombstone(1993)ไป6เดือน แต่คำวิจารณ์ค่อนข้างไปในเชิงลบ และทำรายได้ขาดทุนอีกด้วย
จริงๆแล้วช่วงเริ่มขาลงของลุงCostnerก็คือการรับบทนำให้กับภาพยนตร์เรื่องWyatt Earp(1994) โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายหลังภาพยนตร์เรื่องTombstone(1993)ไป6เดือน แต่คำวิจารณ์ค่อนข้างไปในเชิงลบ และทำรายได้ขาดทุนอีกด้วย
ปี1995 ลุงCostner ได้รับบทนำให้กับภาพยนตร์เรื่องWaterworld ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เล่นใหญ่เพราะต้องถ่ายทำกลางน้ำ ฉากที่ลงรายละเอียดเยอะ จนทำให้เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างแพงที่สุดในเวลานั้น
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย ทางUniversalจึงใช้ธีมของภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการสร้างเป็นนิยาย,วีดีโอเกม และยังได้เป็นหนึ่งในธีมพาร์คในสวนสนุกUniversal Studios ทั้งหมด4แห่ง ได้แก่
- สาขาฮอลลีวู้ด
- สาขาญี่ปุ่น
- สาขาสิงคโปร์
- สาขาปักกิ่ง
แต่ภาพยนตร์ที่ทำให้ลุงCostner ถึงขาลงจริงๆก็คือภาพยนตร์เรื่องThe Postman ที่เข้าฉายเมื่อปี1997
ภาพยนตร์เรื่องนี้ลุงCostner นอกจากแสดงนำแล้ว ยังพ่วงด้วยตำแหน่งผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ ที่ถึงแม้จะเข้าฉายในช่วยวันคริสต์มาส แต่ก็ทำรายได้ขาดทุนและเสียงวิจารณ์ไปในทางลบ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ลุงCostner นอกจากแสดงนำแล้ว ยังพ่วงด้วยตำแหน่งผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ ที่ถึงแม้จะเข้าฉายในช่วยวันคริสต์มาส แต่ก็ทำรายได้ขาดทุนและเสียงวิจารณ์ไปในทางลบ
กลับมาทวงบัลลังก์กับผลงานภาพยนตร์และซีรีส์ช่วงยุค2010's
หลังจากนั้นในปี2014 ลุงCostnerได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องJack Ryan: Shadow Recruit ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่5ของแฟรนไชน์Jack Ryan โดยพี่Chris Pine เป็นนักแสดงคนที่4ที่รับบทเป็นJack Ryan ต่อจากลุงAlec Baldwin,ลุงHarrison Ford และคุณBen Affleck
หลังจากนั้นในปี2014 ลุงCostnerได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องJack Ryan: Shadow Recruit ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่5ของแฟรนไชน์Jack Ryan โดยพี่Chris Pine เป็นนักแสดงคนที่4ที่รับบทเป็นJack Ryan ต่อจากลุงAlec Baldwin,ลุงHarrison Ford และคุณBen Affleck
ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้สมน้ำสมเนื้อจึงทำให้ลุงCostner กลับมาแบบสมศักดิ์ศรี
ปี2016 ลุงCostnerร่วมแสดงในภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่องHidden Figure
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ3สาวผิวสีซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์ในองค์การNASA ในช่วงยุค60's ซึ่งในช่วงนั้นการเหยียดสีผิวยังคงรุนแรง
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ3สาวผิวสีซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์ในองค์การNASA ในช่วงยุค60's ซึ่งในช่วงนั้นการเหยียดสีผิวยังคงรุนแรง
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยคุณTaraji P. Henson,คุณOctavia Spencer,พี่Janalle Monáe,พี่Kirsten Dunst,ลุงKevin Costner และคุณJim Parsons
ปี2018 ลุงCostnerรับบทนำในซีรีส์ดราม่าธีมคาวบอยเรื่องYellowstone ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวตระกูลDutton ที่เป็นเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ชื่อว่า"Yellowstone Ranch" เรื่องราวทั้งร้ายและดีของครอบครัวนี้เกิดขึ้นในฟาร์มที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
โดยล่าสุด ลุงCostner ได้ประกาศว่าจะไม่แสดงต่อในซีรีส์เรื่องนี้ หลังจากแสดงนำถึง5ซีซั่นด้วยกัน
ชีวิตคู่ที่จบลงถึง2ครั้ง
ลุงCostner ในช่วงเรียนวิทยาลัย(1975) ได้เดทกับป้าCindy Silva และได้แต่งงานในอีก3ปีต่อมา(1978) มีลูกสาว2คนซึ่งเกิดเมื่อปี1984และปี1986ตามลำดับ และลูกชายเกิดเมื่อปี1988 แต่ทั้งคู่ได้หย่ากันเมื่อปี1994 ปิดฉากชีวิตคู่16ปีอันเนื่องจากเรื่องเงินจากการสร้างภาพยนตร์เรื่องWaterworld
หลังจากการหย่าร้าง ลุงCoster ได้คบหาดูใจกับคุณBridget Rooney ทั้งคู่มีลูกชายซึ่งเกิดเมื่อปี1996
ในวันที่25 กันยายน 2004 ลุงCostnerได้แต่งงานรอบสองกับคุณChristine Baumgartner ซึ่งเป็นนางแบบและดีไซเนอร์กระเป๋าถือ ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน3คน ได้แก่ลูกชาย2คนที่เกิดเมื่อปี2007 และปี2009 ตามลำดับ และลูกสาวเกิดเมื่อปี2010 แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 คุณBaumgartnerได้ตัดสินใจหย่ากับเขา จนกระบวนการหย่าสำเร็จในวันที่19 กันยายน 2023
ลุงCostner ในช่วงเรียนวิทยาลัย(1975) ได้เดทกับป้าCindy Silva และได้แต่งงานในอีก3ปีต่อมา(1978) มีลูกสาว2คนซึ่งเกิดเมื่อปี1984และปี1986ตามลำดับ และลูกชายเกิดเมื่อปี1988 แต่ทั้งคู่ได้หย่ากันเมื่อปี1994 ปิดฉากชีวิตคู่16ปีอันเนื่องจากเรื่องเงินจากการสร้างภาพยนตร์เรื่องWaterworld
หลังจากการหย่าร้าง ลุงCoster ได้คบหาดูใจกับคุณBridget Rooney ทั้งคู่มีลูกชายซึ่งเกิดเมื่อปี1996
ในวันที่25 กันยายน 2004 ลุงCostnerได้แต่งงานรอบสองกับคุณChristine Baumgartner ซึ่งเป็นนางแบบและดีไซเนอร์กระเป๋าถือ ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน3คน ได้แก่ลูกชาย2คนที่เกิดเมื่อปี2007 และปี2009 ตามลำดับ และลูกสาวเกิดเมื่อปี2010 แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 คุณBaumgartnerได้ตัดสินใจหย่ากับเขา จนกระบวนการหย่าสำเร็จในวันที่19 กันยายน 2023
บทความนี้ในตอนต่อไป จะเป็นใคร ต้องติดตามต่อไปนะคะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ Bye.
แล้วพบกันใหม่ค่ะ Bye.
Discussion (7)