AHA, BHA, PHA, และ LHA เป็นสารสำคัญในการดูแลผิวที่นิยมมาก วันนี้โบตั๋นหาข้อมูลมาคลายความสงสัยว่าแต่ละตัวต่างกันยังไง? และเหมาะกับใครกันบ้าง? อ่านจบรับรองเชี่ยวชาญเรื่อง Active กลุ่มนี้แน่นอนค่ะ 😉

1. AHA (Alpha Hydroxy Acids) - กรดอัลฟาไฮโดรกซี่

- เช่น กรดไขมันอัลฟา (Glycolic Acid) และ กรดลาคติก (Lactic Acid) 

- ผลัดผิวเก่าชั้นนอกได้ดี

- ช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำ

- ปรับผิวกระจ่างใส

- ผิวชุ่มชื่น

- เหมาะสำหรับผิวแห้ง-ผิวผสม

2. BHA (Beta Hydroxy Acids) - กรดเบต้าไฮโดรกซี่

- เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) 

- เป็นสารผลัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับ AHA แต่แตกต่างกันตรงที่ BHA สามารถละลายในน้ำมันได้

- ช่วยลดการอักเสบและช่วยลดการอุดตัน

- ลดรูบาน

- เหมาะสำหรับผิวผสม-ผิวมัน

3. PHA (Polyhydroxy Acids) - กรดโพลีไฮโดรกซี่

- เช่น กรดแลคโทบิออนิค (Lactobionic Acid) เป็นกรดที่อ่อนโยนกว่า AHA และ BHA

- ช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนๆ

- เพิ่มความชุ่มชื่น

- ลดจุดด่างดำ 

- เห็นผลช้ากว่า AHA, BHA

- เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย

4. LHA (Lipohydroxy Acids) - กรดลิโพไฮโดรกซี่
- เป็นอนุพันธ์ของ BHA
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวคล้าย BHA แต่อ่อนโยนกว่า
- ช่วยรักษาและป้องกันการเกิดสิว
- ลดการอุดตัน
- ลดรูบาน
- เหมาะสำหรับผิวผสม-ผิวมัน

ก็ลองเลือกใช้กันดูนะคะ ส่วนตัวโบตั๋นผู้มีผิวมันขาดน้ำ และเป็นสิวอุดตันอยู่เรื่อยๆ จะวนเวียนใช้ทั้ง AHA BHA PHA และ LHA แต่ที่ใช้บ่อยก็จะเป็น AHA สำหรับใช้ก่อนนอน เพราะน้องให้ความชุ่มชื่นด้วย และใช้ BHA กับ PHA สลับกันในตอนเช้า ส่วนเจ้า LHA ก็จะผสมอยู่ในสกินแคร์ที่มี Acitive Ingredient หลักอย่าง AHA และ BHA หลายตัวมาก จึงทำให้มีโอกาสได้ใช้ LHA ไปโดยปริยายค่ะ

หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ 

มีใครใช้ตัวไหนกันอยู่บ้าง? คอมเม้นต์บอกกันหน่อยค่ะ 😉

#AHA #BHA #PHA #LHA #khunbotanreview #REVIEW #จีบันถามได้ #รีวิว #skincare #สกินแคร์