เหตุผลที่เจ้าหญิง Diana ได้รับการยกย่องให้เป็น fashion icon ตลอดกาล

33 15
หลายคนลงความเห็นว่าซีรีส์ The Crown  ยังเป็นผลงานดราม่าทรงพลังที่เป็นตัวเก็งของการประกาศรางวัลชั้นนำของวงการโทรทัศน์   ถ่ายทอดเรื่องราวของบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่มีตัวตนจริงยิ่งท้าทายขึ้นไปอีก เพราะหนึ่งในต้นฉบับคือสมาชิกราชวงศ์ที่โด่งดังและเป็นที่รักมากที่สุดในโลก   เธอคือ Diana เจ้าหญิง แห่ง  Wales   'เจ้าหญิงแห่งปวงชน' ผู้ที่ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำ

นับแต่ย่างก้าวแรกของDiana กับบทบาทของ 'เจ้าหญิงแห่ง Wales' บรรดาศักดิ์ของชายาของเจ้าชายผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ ภาพของเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดฟูฟ่องยาวกรุยกรายดุจตัวละครในเทพนิยายนั้นได้เลือนหายไป เธอสร้างชื่อเสียงในฐานะเจ้าหญิงแห่งความ modern ที่ได้ฉีกกรอบความเป็นอนุรักษ์นิยมจนกลายมาเป็น fashion icon สำหรับผู้คนทุกชนชั้นทุกระดับ

เพราะอะไร style สุดเริ่ดของเจ้าหญิง Diana จึงจับใจผู้คนมาถึงปัจจุบัน และไม่มีทีท่าว่าจะถูกลืมเลือนไปได้ง่ายๆ

มาติดตามเรื่องราของเธอได้เลยค่ะ


แค่เปิดตัวก็สร้างกระแสฮือฮา


ข่าวลือเรื่องเลดี้สาววัยทีนเอจที่ถูกวางตัวเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเจ้าชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ Windsor ได้เลื่องลือในหน้าข่าวสังคม ก่อนจะมีการเปิดตัวเธออย่างไม่เป็นทางการด้วยฝีมือของช่างภาพที่ได้ข้อมูลมาว่า เธอคนนี้นี่แหละที่อาจจะได้เอื้อมถึงสถานะว่าที่ queen consort ในอนาคตข้างหน้า แต่เมื่อเขาได้พบว่าเป้าหมายว่าเป็นใครกันแน่ เขากลับรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะเธอดูอ่อนเยาว์เกินไปที่จะเป็นชายาของเจ้าชายที่อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ แต่ในที่สุด เมื่อแหล่งข่าวยืนยันตรงกันว่า เธอนี่แหละตัวจริงแน่นอน เขาก็ได้ ติดตามไปถึงโรงเรียนอนุบาลที่เธอรับหน้าที่ดูแลเด็กๆ ก็ได้พบกับสาววัย 19 เจ้าของดวงตาหวานซึ้งและกิริยาเขินอาย

แต่เพียงภาพเปิดตัวของเธอบนพาดหัวแทบลอยด์ก็สร้างความฮือฮาแล้ว เพราะจังหวะที่ช่างภาพรัวชัตเตอร์ แสงอาทิตย์เจิดจ้าพ้นจากเมฆก็สาดส่องมาถึงกระโปรงที่ดูบางเบาของเธอ เลดี้ Diana ไม่รู้ตัวเลยว่าภาพนี้จะถูกตีพิมพ์ออกสื่อ ว่ากันว่า เธออับอายไม่ใช่น้อย เพราะเธอไม่ต้องการให้ใครต่อใครเรียกเธอว่า เป็นสาวที่ไม่ยอมใส่กระโปรงซับใน!



ภาพเปิดตัวด้วยกระโปรง see through ไม่ได้สื่อถึง royal style ที่ต้องวางตัวสูงสส่งและเคร่งครัดตามจารีตที่สืบทอดกันมา มีรายงานว่า มันกลายเป็นบทเรียนของเจ้าหญิงให้หลีกเลี่ยงการใส่ผ้าที่บางเบาที่เสี่ยงต่อภาพเช่นนี้ออกมาอีก แม้จะเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันตามมาอีกครั้งตอนที่เธอใส่ summer dress ระหว่างการroyal tour ที่ Canada  แต่มันไม่ได้สร้างผลกระทบเช่นเดียวกับ first impression ตอนที่ยังเป็นที่ยังเป็นเลดี้สาวใส
 
ในช่วงเวลาที่โด่งดังจากฉายา'Shy Di' คู่หมั้นสาวใสของเจ้าชาย Charles หลายคนคงสัมผัสถึง fashion sense ของเธอได้แล้ว เลดี้ Diana อาจจะดูกลมกลืนไปกับสตรีจากตระกูลขุนนาง แต่ความสดใสเยาว์วัยของเธอได้สร้างความประทับใจจากผู้คนจนสื่อต้องคอยเกาะติดเธอทุกความเคลื่อนไหว หลายฝ่ามองว่าเธอคือ'กุหลาบอังกฤษ' ขนานแท้ จากภาพของเชื้อพระวงศ์ที่ต้องวางตัวอยู่บนกรอบแห่งความเคร่งครัด และมักดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย หากพูดถึง royal style ก็ไม่ใช่สิ่งที่จับต้องเข้าถึงง่าย และบางครั้งก็มีเสียงวิจารณ์ว่า ดูเคร่งขรึมคร่ำครึเกินไป   แต่สื่อต้องโจษจันเมื่อว่าที่สะใภ้หลวงมาพร้อมกับ eyeliner สีน้ำเงิน ผมบลอนด์ซอยสั้นที่ดูหนานุ่ม และเสื้อผ้าทันสมัย ทั้งรูปร่างหน้าตาก็เป๊ะไม่ต่างจากนางแบบในยุค 80s   ไม่แปลกใจเลยว่า  จะมีผู้ตั้งความคาดหวังให้เธอเป็นผู้นำความ modern มาสู่ราชวงศ์

 The Crown พยายามสื่อว่า  ในจุดเริ่มต้น Lady Diana รู้สึกเพลิดเพลินกับกระแสควรามสนใจที่ล้นหลามเข้ามา  เพราะใครๆก็ยกย่องเธอให้เป็นขวัญใจชาวอังกฤษคนใหม่  แม้ว่าจะเลี่ยงการจ้องจับผิดไปไม่ได้ แต่สื่อก็มักพูดถึงเธอในด้านดีงาม   และเห็นพ้องต้องกันว่า เธอเป็นตัวแทนของความใสบริสุทธิ์ไร้เดียงสา   และมาพร้อมกับออร่าที่ไม่ต่างจาก superstar     แต่ได้มองภาพ vintage  ของรู้ดี  เธอดูเหมือน  celebrity มากกว่าเจ้าหญิงในจินตนาการแบบดั้งเดิม   และยิ่งกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปเรื่อยๆ  เธอใส่ชุดแบรดน์อะไร? ทำผมที่ร้านไหน?  ไปช็อปเครื่องสำอางเคาน์เตอร์ใดบ้าง?
ผู้ที่เคยตัดเย็บเสื้อผ้าให้เธอได้เล่าว่า  เธอไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่อง fashion มาแต่ไหนแต่ไร  แต่บทบาทหน้าที่ของเจ้าหญิงทำให้เธอต้องเร่งเรียนรู้ปรับตัวเพื่อไม่สร้างความผิดหวังให้กับคนรอบข้าง   เห็นได้จากภาพช่วงแรกๆที่เธอมักจะก้มหน้าหรือแสดงท่าทีขวยเขินต่อการตกเป็นศูนย์กลางความสนใจ  

กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับ fever

หลังจากประกาศการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ  สิ่งที่สังคมรอคอยคือการออกงานคู่กันเป็นครั้งแรก      แต่ไม่ต่างจากการเปิดตัวกับบนหน้าสื่อด้วยภาพกระโปรง see through     ว่าที่เจ้าหญิงแห่ง  Wales ได้สร้างเสียงวิจารณ์อื้ออึงด้วยชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังเกินความคาดหมายในการร่วมชมคอนเสิร์ตเพื่อการกุศลกับเจ้าชาย  Charles เมื่อเธอได้ปลดผ้าคลุมไหล่ออกก็เผยให้เห็นชุดเอาอกที่คว้านต่ำที่ไม่ได้พบจากเชื้อพระวงศ์มากนัก   ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า  หลายฝ่ายต้องนำ style ของเธอไปเปรียบเทียบกับสมเด็จพระราชินี  Elezabeth ที่ยึดมั่นในแนวคิดอนุรักษ์นิยมจนทำให้มีผู้ตำหนิว่า เธอเลือกลุคที่ใจกล้าท้าทายมากเกินจนเลยข้ามเขตเส้นความสูงส่งของราชวงศ์       แต่สำหรับแฟนๆ ที่ปรารถนาจะเห็นเจ้าหญิงเฉิดฉายในชุดสวยที่ผสมผสานความ modern และ classsic  ไม่ต่างจากนางเอก  A List   นี่คือลุคที่สมบูรณ์แบบแล้ว!      นอกจากนั้น เทรนด์ย่อมไม่หยุดนิ่ง  หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา   หากย้อนกลับไปชมภาพวาดของสมเด็จพระราชินี Victoria  บรรพบุรุษของราชวงศ์ในปัจจุบันก็จะพบว่า   พระองค์มีชุดงดงามดีไซน์เปิดไหล่และคว้านท่อนบนลึกไม่แพ้กัน

เมื่อเสกสมรสเข้าสู่ราชวงศ์ Windsor เต็มตัวกระแสความคลั่งไคล้เจ้าหญิง Diana ยิ่งฉุดไม่อยู่ ดูเหมือนว่า เธอหยิบจับอะไรมาใส่ก็ดู โดดเด่นขโมยทุกซีน อย่างการเข้าร่วมอีเวนท์กลางวันที่ Scotland ที่สวามีและสุภาพบุรุษในงานใส่ kilt ลายตารางเข้ากับประเพณีชาว Scottish แต่เจ้าหญิงเลือกเดรสลายตารางสีแดงจับคู่กับหมวกเบเรต์ที่ให้ความรู้สึกแบบ fashionista ใน Paris

หากเป็นสไตล์ลำลองนอกเหนือการร่วมอีเวนท์ที่เป็นทางการแล้ว เราจะได้เห็นดีไซน์ที่ดูไม่ต่างจากอิทเกิร์ลในยุคปัจจุบัน หากเป็นคนรุ่นเก่า คงนึกภาพเจ้าหญิงที่สูงเกือบๆ 180 ใส่เอี๊ยมน่ารักสดใสไม่ออก  แต่เธอใส่แล้วดูน่ารักเป็นธรรมชาติสมกับวัยที่ยังสาวพริ้ง  

ลุคแบบลำลองนี่เองที่เป็นสัญญาณว่า  royal style ไม่ได้มีแต่ชุดราตรีกรุยกราย หรือชุดสุภาพอย่างเดรสและสูทกระโปรงที่มีความยาวคลุมเข่า  แต่ยังครอบคลุมถึงเสื้อยืดกางเกงเดนิม  บู๊ตคาวบอย  หรือสิ่งต่างๆที่เราเคยเห็นจาก magazine   หลายครั้งหลายคราที่การฉีกกรอบธรนมเนียมดั้งเดิมของเจ้าหญิง Diana  ถูกยกให้เป็น  iconic fashion moment ไม่ว่าเธอจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม และแฟนๆต่างนำลุคเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อประยุกต์เข้ากับตัวเองได้โดยไม่รู้สึกว่า ต้องตะเกียกตะกายปีนบันไดเพื่อให้ได้สไตล์เลิศเลอเกินเอื้อมถึง


มีการเผยธรรมเนียมการแต่งกายของเชื้อพระวงศ์ว่า ไม่ควรทำเล็บสีสด แต่เลือกสีเบจหรือสีเนื้อที่ดูอ่อนใส ซึ่งเจ้าหญิงก็เคยถูกวิจารณ์มาก่อนว่าแหกกฎเกณฑ์ด้วยการทำเล็บ red polish ซึ่งในปัจจุบัน เชื้อพระวงศ์รุ่นหลังก็เริ่มหันมาทำเล็บสีสันกันบ้างแล้ว

ซึ่งตรงกับคำพูดของเจ้าหญิงที่ว่า

"ฉันจะทำในสิ่งที่แตกต่างออกไปเพราะฉันไม่ได้ยทำตามกฎเกณฑ์ในคู่มือ ฉันจะใช้หัวใจนำทางไม่ใช่การใช้หัวคิดคำนวณ แม้ว่ามันอาจจะทำให้ฉันประสบปัญหาในการทำงานบ้าง"

หลักการของเธอตรงกับกฎของ fashion นั่นคือ การไม่ต้องยึดกับกฏทั้งหลายนั่นเอง

ทดลองในสิ่งที่แตกต่าง
มีเสียงร่ำลือว่า  เชื้อพระวงศ์ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องช็อคเมื่อได้เห็นภาพเจ้าหญิง Diana นำ choker มรกตที่ได้รับเป็นของขวัญจากสมเด็จพระราชินี Elizabeth  มาใส่ประดับศีรษะ    แต่สำหรับแฟนๆ fashion แล้ว พวกเค้าอาจจะถามกลับไปว่า "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?"


อีกหนึ่ง moment การออกนอกกรอบของเจ้าหญิงคือการสวมใส่ทักซิโด้ไปร่วมงานราตรี  ในยุคนั้น คำว่า androgynous style ยังไม่พูดถึงกว้างขวาง  แต่เจ้าหญิงได้กลายเป็น  talk of the town   ด้วยการผูกหูกระต่ายใส่สูทออกงานไม่ต่างจากสุภาพบุรุษมาแล้วหลายครั้ง   มีการยืนยันว่า เธอเป็นสมาชิกราชวงศ์คนแรกที่ปรากฏกายในงานสังคมด้วยชุดกางเกงกับทักซิโด้  ช่างสมกับคำเปรียบเทียบว่า เธอคือเจ้าหญิงผู้มาก่อนกาลจริงๆ

The Birth Of Trendsetter

ชุดเจ้าสาวของเจ้าหญิงได้สร้างข้อถกเถียงในยุคนั้นอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว  เพราะแม้จะมีเสียงชื่นชมว่า   ความอลังการของมันนั้นช่างสมกับเป็นพิธีเสกสมรสที่งดงามราวกับเทพนิยายอย่างแท้จริง  แต่ก็มีผู้โต้แย่งว่า   นี่คือดีไซน์ที่เยอะเกินเหตุ  โดยเฉพาะความใหญ่พองของแขนเสื้อติดระบายที่ทำให้นึกถึงเทรนด์ชุดเจ้าสาวยุค 80s ซึ่งทั้งดูชวนขำและสำหรับหลายคนยังถือว่าเป็นภาพน่าอายในวัยสาวซะด้วยซ้ำ   แม้ลดน้ำหนักจนรูปร่างบอบบางด้วยรอบเอว  23 นิ้ว   แต่เธอกลับดูเหมือนตุ๊กตาเจ้าสาวในชุดฟูฟ่อง ทั้งกระโปรงผ้าไหมก็ยังมีรอยยับรอบตัว   สำหรับผู้ที่คาดหวังจะได้เห็นสไตล์ที่คลาสสิคและดูเป็นอนุรักษ์นิยมนั้นเงิบกันไปอย่างถ้วนหน้า   แต่ในเวลาต่อมา มันกลับเป็นที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในชุดเจ้าสาวที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด    ตัวดีไซน์เนอร์ได้เผยว่า จัดเต็มกับดีไซน์สุด dramatic ในตอนนั้น  เจ้าหญิงยังไม่ประสีประสาเรื่อง fashion นัก   พวกเค้าต้องแบกรับหน้าที่การสร้างสรรค์ชุดเจ้าสาวที่จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ และจะต้องเป็นสไตล์ที่เจ้าหญิงปลาบปลื้ม  ส่วนผลลัพธ์ที่ตามมาคือ เจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวหันมาใส่ชุดแขนพองติดระบายและกระโปรงใหญ่อลังการเป็นทิวแถว



ทันทีที่เธอกลายมาเป็นเจ้าหญิงแห่ง Wales ออร่าสาวใสซื่อก็เจือจางลงไป แม้จะมีวัยเพียงยี่สิบนิดๆ แต่ก็บทบาทหน้าที่ที่มาพร้อมกับ title ก็ทำให้เธอต้องแสดงความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าหญิง Diana พจนานุกรมด้านสไตล์ของเธอไม่ได้ต้อนรับคำว่าเบื่อ เธอกลายมาเป็นต้นแบบของหญิงสาวจำนวนมากมาย บรรดานิตยสารจะต้องนำเสนอ how to สารพัดวิธีที่เนรมิตเสื้อผ้าหน้าผมให้เหมือนเจ้าหญิง ส่วน salon ก็ต้องเรียนรู้วิธีซอยเซ็ททรงผมให้ได้ layer หนาให้ตรงปก   ส่วนแบรนด์เครื่องสำอางดังก็กอบโกยยอดขายเมื่อสื่อรายงานไอเท็มต่างๆที่เจ้าหญิงโปรดปราน


Timeless Style
ถึงจะวันเวลาจะผ่านมาร่วมสามทศวรรษ  แต่คุณสามารถค้นหาชุดของเจ้าหญิงที่เข้ากับสมัยนิยมในทุกวันนี้ได้เสมอ  หลายลุคเธอเลือกใส่ออกงานสังคมนั้นสวยแพงแบบที่จับมาใส่บนพรมแดง Oscar  ในยุคนี้โดยที่ไม่ทำให้คิดว่าดูเฉิ่มเชยหรือตกยุค

ชุดสไตล์เทพธิดากรีกใส่เจ้าหญิง Dianaใส่เฉิดฉายบนพรมแดงเทศกาลหนังเมือง Cannes ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลุค Grace Kelly นางเอก Hollywood ที่สวยลืมหายใจในชุดชีฟองจับจีบพริ้วไหวจากหนัง To Catch A Thief เมื่อเธอได้อภิเษกสมรสกับประมุขแห่ง Monaco จึงได้กลายเป็นเจ้าหญิง Grace แม้ว่าเจ้าหญิงทั้งสองจะเคยพบปะกันเพียงน้อยครั้ง แต่ต้องยอมรับว่า นี่คือต้นฉบับที่เหมาะเหม็งที่สุดสำหรับการเดินพรมแดงเทศกาลหนังชื่อดังระดับโลก ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากรถ เธอก็ดึงดูดทุกความสนใจไว้หมดสิ้น

สำหรับกรณียกิจในการเดินทางเยือนต่างประเทศ เจ้าหญิงได้พลิกแพลงสไตล์เพื่อให้เกียรติกับเจ้าบ้านด้วยการนำเสนอสัญลักษณ์ประจำชาติผ่านเสื้อผ้า และวิธีการทูตผ่าน fashion ก็ได้เป็นสิ่งที่เชื้อพระวงศ์รุ่นใหม่ได้ปฏิบัติตามมา




มีความเชื่อว่า หลังจากแยกทางจากสวามีและได้รับอิสระในการใช้ชีวิตกลับมา เจ้าหญิงก็ก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนทาง fashion ด้วยระดับ sex appeal ที่เพิ่มพูนชัดเจน นอกจาก revenge dress ในตำนาน เธอก็เคยใส่ slip dress* จาก Dior ร่วมงาน Met Gala ในปี 1996 มาแล้ว  ทำให้จินตนาการถึงภาพหมู่ของเจ้าหญิงและทีม supermodel ผู้โด่งดังในยุคนั้นอย่าง Kate Moss, Naomi Campbell และ Cindy Crawford ได้ชัดแจ๋ว

*ชุดผ้าไหมซาตินที่ดูเหมือนกับชุดนอนหรือ lingerie  เป็นไอเท็มที่ได้รับความนิยมสุดๆในยุค 90s  อิทเกิร์ลใส่กันถ้วนหน้า​​​

John Galliano ผู้ออกแบบชุดนี้ได้เผยว่า ที่จริงแล้วเขาได้คำนึงถึงแนวการแต่งกายที่เคร่งครัดของสมาชิกราชวงศ์ จึงได้ทำคอร์เซ็ทไว้ภายในชุดเพื่อพรางทรวดทรงของเจ้าหญิง  แต่ถึงวันงานเธอกลับดึงคอร์เซ็ทออกไป ทำให้เขาตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นภาพสะท้อนจากความรู้สึกภายในของเธฮในตอนนั้น นั่่นคือการปลดปล่อยตัวเองสู่อิสระเสรี





 Style ที่เชื่อมโยงกับงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

มีผ้วิเคราะห์ว่า เจ้าหญิงเลือกใส่ชุดสีสันสดใสอยู่เสมอ เพราะมันจะช่วยปลุกขวัญกำลังใจด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นร่าเริง บางครั้ง เครื่องประดับของเธอก็เป็นสื่อกลางให้เธอใกล้ชิดกับเด็กๆที่เธอไปเยี่ยมเยียน เพราะพวกเค้าหยิบจับเล่นได้อย่างสบายใจ เธอจะจับมือทักทายกับผู้คนโดยไม่ใส่ถุงมือเพราะเธอชื่นชอบยามที่ได้สัมผัสมือคนอื่น และเมื่อได้รู้ว่า หมวกใบใหญ่ๆทำให้กอดเด็กๆได้ลำบาก เธอจึงพยายามหลีกเลี่ยงใส่หมวกตอนไปเยี่ยมเยือนโรงพยาบาล


นั้นทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เธอไม่ได้ฉายาเจ้าหญิงแห่งปวงชนจากรูปโฉมงดงามและสไตล์สุดเริ่ดเพียงเท่านั้น แต่เป็นจิตใจอันอ่อนโยนมีเมตตาต่างหากที่ทำให้ผู้คนหลงรักเธอ


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE