นับถอยหลังวันชี้ชะตา กระแสสังคมก่อนประกาศผลการตัดสินคดี Depp VS Heard

40 9


สำหรับผู้ติดตามคดี Depp VS Heard การฟ้องร้องหมิ่นประมาทที่อาจจะเปรียบได้ว่าเป็นคดีแห่งศตวรรษ ระยะเวลาของการต่อสู้ทางกฎหมายหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นฟังดูยาวนานจนไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่ในที่สุด ช่วงเวลาที่ผู้คนมากมายเฝ้ารอก็กำลังเข้าใกล้ขึ้นมาทุกที เราจะได้รับฟังคำตัดสินของคณะลูกขุนกันทั้ง 7 กันเร็วๆนี้

(ลูกขุนประกอบไปด้วยเพศชาย 5 คน หญิง 2)

ปฏิกิริยาตอบรับจากหลายกลุ่มในสังคมที่แตกความเห็นกันไปคนละขั้วนั้นนั้นทำให้เกิดความค้างคาใจกับแนวโน้มของผลการตัดสิน ลองมาติดตามกันระหว่างรอคอยฟังคำตัดสินว่า แต่ละฝ่ายจะมองคดีนี้กันเช่นไร



คุณอาจจะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ตามสำรวจทิศทางความเห็นจากสาธารณชน ตั้งแต่เริ่มต้นการพิจารณคดี กล่องคอมเมนท์ใต้ลิงค์ข่าวที่ถูกแชร์กันไปเรื่อยๆใน social media อัดแน่นไปด้วยความคิดเห็นพุ่งโจมตีนางเอก Aquaman อย่างดุเดือด ด้วยความเชื่อว่า JD ต่างหากที่เป็นเหยื่อความรุนแรงที่ถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสและใส่ร้ายป้ายสีเพื่อผลประโยชน์
และยังพบได้ว่า

  • มีชาวเน็ทเพียงส่วนน้อยที่เชื่อถือในตัว AH เต็มร้อย และโจมตี JD ว่าเป็นวายร้ายทรงอิทธิพลที่นอกจากจะทุบตีอดีตภรรยาก็ยังตามคุกคามเธอด้วยการฟ้องร้องให้ล่มจม
  • ผู้ที่แสดงความเห็นกลางๆว่า ไม่มีใครรู้ความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง และมองว่า ทั้งคู่มีพฤติกรรม toxic  ต่างฝ่ายต่าง abuse  กันทั้งทางร่างกายและจิตใจ 


แต่กระแสจากสาธารณชนที่ดูเหมือนว่า เสียงส่วนใหญ่จะเทไปให้กับการสนับสนุนฝ่ายชาย ตามการวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายบางคน เขาอาจจะไม่ต้องชนะคดีนี้ แต่ถือว่าได้รับชัยชนะตามรูปแบบที่เขาต้องการแล้ว

Katherine Lizardo นักกฎหมายจาก Texas ลงความเห็นกับ The New York Postว่า

"ฉันคิดว่า จะชนะคดีหมิ่นประมาทหรือไม่นั้น มันไม่ส่งผลกระทบต่อเขานัก หากชนะ ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ดูดีขึ้นไปอีก แต่เป้าหมายของเขาที่ยื่นฟ้องร้องหมิ่นประมาทคือการกอบกู้ชื่อเสียงและสร้างคะแนนต่อมหาชน ซึ่งตอนนี้มันยากที่จะแย้งว่า เขาได้รับสนับสนุนจากมหาชน จะชนะคดีนี้หรือไม่ มันจะไม่เป็นปัญหากับเขา หรือกระทบต่อมติมหาชนแต่อย่างใด"





เสียงตอบรับจากชาว Hollywood


คดีนี้ได้เปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาจากชาว Hollywood  จากเดิมที่มีคนดังในวงการออกมาให้ความคิดเห็นกับความขัดแย้งนี้กันเพียงน้อยราย และส่วนใหญ่จะสงวนท่าทีไม่เข้าข้างฝ่ายใด   คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า   การแสดงตัวว่าสนับสนุนฝ่ายใดก็อาจจะเสี่ยงต่อคำครหาตามมา      แต่ในช่วงนี้  เราก็ได้เห็นคนดังเปิดใจพูดถึงประเด็น Depp VS Heard กันมากขึ้น      เราได้พบว่า   ทำให้เพื่อนฝูงที่เชื่อมั่นในตัว JDได้ออกโรงปกป้องและให้กำลังใจกันหลายคน    ไม่นานที่ผ่านมา Eva Green นางเอก A List ที่เคยร่วมงานกันก็ประกาศผ่าน social media ว่า  JD จะกลับมาสร้างชื่อเสียงทำให้โลกจะได้รับรู้ถึงจิตใจอันงดงามของเขา      

ไม่ต่างจากการแสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันในโลกออนไลน์ที่มีทั้งคนที่ถกเถียงกันว่า ควรเชื่อหรือไม่เชื่อใคร สื่อหลายเจ้าได้รวบรวมรายชื่อของคนบันเทิงที่ประกาศว่า เชื่อคำพูดของ AH หนึ่งในนั้นคือJD คือ David Krumholtz ที่ฟันธงว่า ปัญหาติดยาเสพติดได้เปลี่ยน JD ให้เป็นปีศาจร้ายทำร้ายร่างกาย AH และ Julia Fox ที่วิจารณ์ว่า Amber ทุบตี JD จริง แต่มันไม่ใช่พฤติกรรม abusive นั่นเป็นเพราะว่า เธอไม่ได้มีอำนาจใกล้เคียงกับเขา ตอนนั้นเธออายุแค่ 25 และเขาก็มีทั้งกำลังกายและฐานะทางเงินมากกว่า


รายชื่อคนดังที่สนับสนุน JD อาจจะยาวกว่า AH พอสมควร แต่มันคงไม่ทำคุณประหลาดใจ เพราะเสียงตอบรับจาก Hollywood ก็อาจจะคล้ายคลึงกับมหาชนที่เทใจไปให้กับพระเอกดังตามที่เราได้เห็นกันเกลื่อนsocial media

อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนคือ จากเดิมที่ประเด็น Depp VS Heard ดูเป็นเรื่องต้องห้าม ที่คนในวงการเลี้ยงจะชี้ชัดว่าชี้ชัดว่าใครถูก ใครผิด แต่ตอนนี้มันกลายมาเป็นฉากตลกในรายการ Saturday Night Live ไปซะแล้ว

  

ตัวแทนจาก  PR Firm วิเคราะห์  เหตุใด  JD จึงได้รับแรงสนับสนุนอย่างล้นหลาม



สื่อหลายเจ้าพยายามหาคำอธิบายเรื่องกระแสสังคมที่แทบจะเหมือนกับการต่อสู้แบบ The World VS Heard มีการฟันธงว่า สังคมได้เอื้อประโยชน์ให้กับพระเอกที่มีภาพลักษณ์ทรงเสน่ห์ เขาเป็นขวัญใจคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่า scandal ในรูปแบบไหนก็ไม่สามารถสั่นคลอนความนิยมไปได้ แต่ EW ได้นำเสนอการวิเคราะห์ที่ต่างออกไป สื่อเจ้านี้ได้ติดต่อตัวแทนจาก PR firmแห่งหนึ่งเพื่อหาความเป็นไปได้ว่า ทั้งสองคนจะกลับมาสร้างความโด่งดังในวงการได้หรือไม่ ซึ่งคำอธิบายก็คือ ผู้ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากคนในสังคมมากมายย่อมมีลู่ทางสดใสที่จะกลับมาทวงตำแหน่ง

"การดึงตัวพยานอย่าง Kate Moss มาให้การที่เป็นประโยชน์กับเขา หลังจากที่มีข่าวลือว่า เธอถูกเขาทำร้ายร่างกาย มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาได้เปรียบคือ มีผู้คนจำนวนมากที่พร้อมจะหนุนหลังปกป้องเขา ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นจากการใช้สถานะทางอำนาจและสื่อถึงด้านดีด้านร้ายของโลก Hollywood มันก็ช่วยให้เขาดูน่าเชื่อถือขึ้นมา"

"ในขณะที่ Heard ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนตามที่เธอจำเป็นจะต้องมี ฉันว่าทีมกฎหมายของเธอมองว่าจะชนะคดีได้ง่ายๆ ทนายของเธอดูดึงดันกันทั้งคู่ ฉันไม่รู้ว่าผลการตัดสินจะลงเอยยังไง แต่เขาชนะใจมหาชนไปแล้ว"

PR อีกคนได้ประเมินแล้วว่า ใครคือผู้ชนะตัวจริงของการฟ้องร้อง

"มันพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า มันไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการตัดสินทางกฎหมาย สิ่งสำคัญคือมหาชนคิดเช่นไรกับเรื่องนี้  เป็นอีกครั้งที่ Depp ได้แสดงถึงความนิยมในตัวของเขา  เขาก็เหมือน The Fonz ใช่มั้ยล่ะ"









ทนายAH มั่นใจ หากลูกขุนเชื่อว่า  JD abuse AH เพียงแค่ครั้งเดียวจากบรรดาข้อกล่าวหาทั้งหมดของเธอ   นั่นหมายความว่า เธอจะชนะคดีนี้

ประธาน PR firm ชี้ JD จะได้กลับมาแสดงหนัง


Juda Engelmayer ผู้เป็นตัวแทนของ Harvey Weinstein เชื่อว่า การพิจารณาไต่สวนคดีแบบ live streamไม่เป็นผลดีกับ AH เลย เธอกดดันจนเกิดข้อผิดพลาดจากการตอบคำถามในขณะที่social media จ้องจับผิดเพื่อตามขยี้ แต่ในทางกลับกัน ด้วยเสน่ห์ตามธรรมชาติของ JD นั้นทำให้หลายคนร่วมมาเอาใจช่วย เขาเตรียมการมาเพื่อแสดงไหวพริบและอารมณ์ขัน ซึ่งเป็นวิธีเอาชนะใจผู้ชม ไม่ว่าจะอยู่บนเวที อยู่ต่อหน้ากล้อง หรือต่อหน้าลูกขุน

ประธาน PR firm เชื่อว่า JD ได้พิสูจน์แล้วว่า เขามีแฟนกลุ่มใหญ่ที่แข็งแกร่งและเขาก็ยังดึงงดูดผู้คนให้มาติดตามได้ และมันย่อมทำให้ studio เกิดความประทับใจ บทหนังเรื่องต่อไปของเขาอาจจะเป็นตัวร้าย หรือไม่ก็เป็นตัวร้ายที่คนหลงรัก

สำหรับ AH เขามองว่า เธอยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนที่ชื่นชมที่เธอออกมาบอกเล่าเรื่องร่าวจากฝั่งตัวเองด้วยความชอบธรรมและเข้มแข็งมากพอจะรับมือกับการคุกคามโจมตีจากโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้นในช่วงไต่สวนคดี แต่เขาก็ทำนายไว้ว่า หากลูกขุนตัดสินให้เธอมีความผิดข้อหาหมิ่นระมาท อาชีพทางการแสดงของเธอก็คงต้องพบกับจุดจบ





กระแสสังคมที่สวนทางกับความเห็นจากสื่อ



คอนเทนท์ #justiceforjohnnydepp บน Tiktok ดึงดูดให้มีผู้เข้าชมถึง 18,500 ล้านครั้ง ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดนักสร้างคอนเทนท์ที่ถูกเรียกว่า DeppTok รวมถึงการตั้งข้อสังเกตเพื่อยืนยันทฤษฎีที่ว่า AH คือจอมลวงโลกที่กำลังถูกไล่ต้อนให้จนมุม  ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อใดที่คุณไถหน้าจอเพื่อติดตามสถานการณ์ต่างๆในสังคมจากsocial media ย่อมพบกับสารพัด meme ที่เหยียดหยัน AH ว่ามีพฤติกรรมปลิ้นปลอกและถูกจับโกหกได้กลางศาล ไม่เพียงแต่จะถูกตั้งฉายาว่า Amber Turd ข้อมูลหลักฐานต่างๆ จากการไต่สวนคดีทำให้จำนวนผู้ลงรายชื่อเรียกร้องให้ Warner Bros ถอดเธอออกจากหนังAquaman พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วไปเกินสี่ล้านคน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงจากไม่กีปีก่อนอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเธอประกาศตัวว่าเป็น survivor จากการใช้ความรุนแรงในครอบครัว และได้รับการเชิดชูให้เป็นผู้หญิงตัวอย่าง คว้ารางวัล Woman Of The Year จาก Glamour และ GQ แต่ปัจจุบันกลับถูกเย้ยหยันด้วยฉายา Amber Turd จากข้อกล่าวหาเรื่องขับถ่ายของเสียบนเตียงนอน ดังมุกเสียดสีจาก Chris Rock ว่า "เราควรเชื่อคำพูดของผู้หญิงทุกคน ยกเว้น Amber Heard เธอปล่อยอึบนเตียงเขา"

ในสายตาของผู้คนจำนวนมาก ความน่าเชื่อถือของเธอลดน้อยลงไปทุกที แต่หากคุณเปลี่ยนแหล่งข่าวข้อมูลจากสังคมออนไลน์มาเป็นบทความจากนักเขียนประจำสื่อชื่อดังของอเมริกา บางคนอาจจะไม่คาดคิดว่า สื่อจำนวนไม่น้อยเลยที่เลือกข้างชัดเจน และผู้ที่พวกเค้าสนับสนุนไม่ใช่พระเอก superstar .. ตรงกันข้าม นักข่าวเหล่านี้ได้ร่วมวิภาษสังคมที่เฮโลไปเอาใจช่วย abuser ที่เป็นชายอิทธิพลทรงเสน่ห์ แล้วบีบคั้นกลั่นแกล้งให้เหยื่ออับอายขายหน้าจนไร้ที่ยืนในสังคม


บอกได้เลยว่า การแสดงทัศนคติและวิเคราะห์เรื่องราวจากบรรดาสื่อนั้นแตกต่างกระแสโจมตีที่พวกเราได้เห็นจากplatformต่างๆบนสังคมออนไลน์แบบหนังคนละม้วน


ชาวเน็ทจำนวนมากลงความเห็นตรงกันว่า หลายครั้ง คำให้การของ AH และการทำหน้าที่ทีมทนายฝ่ายเธอดู 'บ้ง' มากจนถูกนำเยาะเย้ยเป็นเรื่องขำขัน ในขณะคำพูดกับหลักฐาน 'ที่พิสูจน์ได้' ไม่สอดคล้องกัน ตัวอย่างชัดเจนจาก ประเด็นเงินบริจาคที่ถูกบีบให้ยอมรับในที่สุดว่า ไม่ได้บริจาคเงินหย่า 7 ล้านตามที่ประกาศออกสื่อและคำให้การหลังจากให้คำสาบานว่าจะพูดแต่ความจริงที่ศาล London จนทำให้นักหมายบางคนตั้งข้อสังเกตว่า หากเธอสามารถบิดเบือนความจริงในเรื่องที่สามารถตรวจสอบได้เป็นลายลักษณ์อักษณได้อย่างมั่นใจ จะมีเรื่องใดอีกที่เธอไม่ได้พูดความจริง?





สื่อดังหลายเจ้ายังเชื่อมั่นในตัว AH  เชิดชูหลักการ 'Believe all women'

ก่อนหน้านี้เราเคยได้คาดการณ์ไว้ว่า   เมื่อฝ่าย  JD พิสูจน์ได้ว่า AH โกหกในบาสิ่งบางอย่าง    สื่ออาจจะมีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปและหันมารับฟังคำพูดของเขามากขึ้น  แต่ดูเหมือนว่า  สื่อยังปักใจไม่คลอนแคลน  ดังบทความจาก VOGUE ที่ยืนยันว่า AH กำลังเผชิญแรงกดดันจากทัศนคติเหยียดผู้หญิงจาก social media เปรียบเหมือนกับการพิจารณาลงทัณฑ์แม่มดแห่งยุคโมเดิร์น เราต้องเชื่อคำพูดของ AH   ในเมื่อศาลLondon  ตัดสินแล้วว่า  JD  คือ abuser  เราก็ไม่สมควรจะไปตั้งข้อสงสัยในตัวเธอ    แม้แต่คนที่ถือหลักว่า ควรฟังความทั้งสองข้างก็ควรจะปรับเปลี่ยนเปลี่ยนแนวคิด เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ต้องเชื่อคำพูดของผู้หญิงทุกคน   

The New York Post ฟันธง ถึงAHจะโกหกอยู่บ้าง แต่ยังไง JD ก็คือ abuser

VOGUE อาจจะเรียกร้องให้นักสิทธิสตรีและผู้คนเปิดใจเชื่อ AH แต่ The New York Post มาพร้อมกับความดุดันกว่านั้น นักเขียนจี้ให้สังคมตอบคำถามว่า เหตุใดจึงตามจงเกลียดจงชัง AH ทั้งๆที่เธอเปิดเผยประสบการณ์อันเลวร้ายที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง แต่ผู้คนกลับยกย่อง Depp ผู้เป็นเหมือนตัวตลก จากภาพหลักฐานที่ AH นำมาโชว์ว่า เขาเสพเหล้ายาจนหมดสติ ส่วนพฤติกรรมในศาลก็เอาแต่นั่งระบายสีและคอยยิ้มเยาะ AH ที่ให้การบรรยายเหตุการณ์ที่ JD ล้วงหาโคเคนในอวัยวะเพศของเธอ และยังล่วงละเมิดทางเพศด้วยการทิ่มขวดเหล้าเข้าไปในที่ส่วนนั้น

บทความนี้ยังยืนยันความเชื่อว่า แม้คำพูดบางอย่างของ AH จะมีข้อชวนสงสัย แต่โลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า เหยื่อในอุดมคติ (perfect victim )ที่มีภาพลักษณ์และการแสดงออกโกยคะแนนความสงสารไปทุกอย่าง เธออาจจะโกหกเรื่องการบริจาคเงิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอโกหกเรื่องถูกอดีตสามีทำทารุณกรรม สังคมไม่ควรคาดหวังให้เธอเป็น perfect victim แต่ถ้าอยากจะเห็นตัวร้ายเต็มขั้น (perfect villain) นี่ถือเป็นผลงานที่สุดแทนสมบทบาทของเขาในรอบหลายปีเลยทีเดียว


บทวิจารณ์จาก The New Yorkนั้นชี้ชัดเจนว่า ไม่รับฟังคำพูดและหลักฐานที่ JD ถูกทำร้ายร่างกายแม้แต่น้อย



.




Variety โจมตี  JD มีสถานะดาราขายไม่ออกมาก่อนที่จะถูกกล่าวหาเรื่องใช้ความรุนแรง



มาถึงประเด็นนี้ แฟนๆของ JD อาจจะร้องถามว่า Hello Fantastic Beasts? แต่สื่อเจ้านี้ยึดมั่นในคำให้การของ Tracy Jacobs อดีตเอเจนท์และอดีตผู้จัดการทางธุรกิจของพระเอกดังที่ว่า เขาอยู่ในช่วงขาลงมาได้ได้พักใหญ่ ก่อนที่เหตุการณ์ความขัดแย้งกับภรรยาจะกลายมาเป็นข่าวฉาวโฉ่ ทั้งพฤติกรรมเจ้าปัญหาที่ไม่เป็นมืออาชีพนักก็ทำให้คนในกองถ่ายทำเอือม แม้ว่าเขาจะเป็นมิตรกับทีมงานดี แต่ไม่มีใครต้องมาเสียเวลากับความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของพระเอก


ชาวเน็ทสันนิษฐานว่า ความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมงานที่ยาวนานสามสิบปีของ JD และเอเจนท์จบลงแบบไม่สวยงาม เขาไล่เธอออกในปี 2016 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องเผชิญกับ scandal การหย่าร้างและปัญหาทางการเงิน เปิดช่องว่างให้สื่อกอสสิปชื่อดังอย่างPage Six โจมตีเขาว่า ตกอับจนไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนให้ agent ที่หางานมาให้ตลอดได้ ความไม่พอใจที่ก่อตัวจากความไม่ลงตัวในผลประโยชน์ก็ไม่ชวนแปลกใจที่เธอให้การเพื่อให้เขาดูย่ำแย่


 

The New Yorker กล่าวหา JD  ว่าใช้อิทธิพลแก้แค้นให้AHอับอายไม่ต่างจากrevenge porn

สื่อดังจากกรุง New York อีกเจ้าที่โจมตี JD ว่าเป็น abuser และแดกดันพลังsocial media ที่ปกป้องพระเอกดัง ทั้งๆที่อดีตภรรยาของเขาโชว์หลักฐานข้อความทางโทรศัพท์ที่เหยียดหยามเธอด้วยคำหยาบคาย ทั้งยังมีไอเดียสุด dark ที่เขาบรรยายถึงการฆาตกรรมเธอและภาพวีดีโอที่เขากำลังทำลายข้าวของและตะคอกใส่เธอ ภาพที่แฟนๆรวมตัวให้กำลังใจเขาที่นอกศาลเป็นเรื่องน่าสะพรึงไม่แพ้ แฮชแทก #AmberHeardIsALiar ที่ปรากฏอยู่ทุกsocial media platform

ส่วนหลักฐานเทปเสียงจากทีมกฎหมายJD ที่เผยคำยอมรับจาก AH ว่าเคยตี JD และท้าให้เขาประกาศกับคนทั้งโลกว่าเป็นเหยื่อความรุนแรง นักเขียนรายนี้ก็ฟาดฟันว่า ดูเหมือนพฤติกรรมของ abuser ที่พยายามโยนความผิดให้เหยื่อเพื่อกลบเกลื่อนพฤติกรรมความรุนแรงของตัวเอง

The New Yorker ได้แสดงความเห็นใจ ที่เหยื่อความรุนแรงที่เคยถูกปาโทรศัพท์ใส่หน้าจนฟกช้ำ ต้องถูกหัวเราะเยาะเย้ยเมื่อเธอให้การทั้งน้ำตา จากที่เป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว ก็กลายเป็นเหยื่อของ internet ที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธอไปอีกยาวนาน และเปรียบเทียบว่า การฟ้องหมิ่นประมาทแบบ livestreamครั้งนี้มีรูปแบบการแก้แค้นเหมือนกัน revenge porn เมื่อฝ่ายที่มีพลังอำนาจมากกว่าบีบคั้นให้อีกฝ่ายต้องเผยเรื่องราวส่วนตัวจนเกิดความอับอายต่อสาธารณชน



นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่ชี้ชัดว่า จุดยืนของสื่อหลายเจ้าอยู่ตรงข้ามกับ internet ราวกับว่าไม่ได้ติดตามการไต่สวนในคดีเดียวกัน!




สื่อที่โจมตีพระเอกทรงอิทธิพลต่างลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า หากเขาชนะคดี หรือทำลายความน่าเชื่อถือของอดีตภรรยาให้พังทลายลงไปได้จริงๆ นี่จะเป็นสัญญาณเลวร้ายสำหรับเหยื่อความรุนแรงที่จะหมดความเชื่อมั่นในการลุกมาปกป้องตัวเอง และใช้กฎหมายเพื่อเอาผิด abuser


แต่ในขณะเดียวกัน Mission NGO องค์กรอิสระที่ช่วยเหลือผู้หญิงและเหยื่อความรุนแรงได้แถลงการณ์เพื่อแสดงควมจุดยืนสนับสนุน JD และชี้ว่าจะร่วมต่อต้านความรุนแรงโดยไม่แบ่งแยกเพศ วัย และเชื้อชาติ ทั้งยังมีการตึ้งข้อสังเกตจากนิตยสาร Harper Bazaar ว่า มีอดีตเหยื่อความรุนแรงหลายคนที่แสดงตัวปกป้อง JD และโจมตี AH ว่า เธอไม่มีสิทธิ์จะประกาศตัวเป็ยปากเป็นเสียงให้กับเหยื่อความรุนแรง แต่พฤติกรรมของเธอนั้นจะยิ่งทำให้ผู้คนด่วนพิพากษาเหยื่อตัวจริงว่าเป็นพวกลวงโลก


สื่อที่ประกาศอยู่ฝ่าย AH  เลือกจะไม่โฟกัสในคำถามว่าเธอเคยทำร้ายร่างกายอดีตสามีหรือไม่?



แม้ผู้ติดตามข่าวจะได้เห็นหลักฐานชิ้นใหม่ในระหว่างการพิจารณาคดีเป็นภาพร่องรอยฟกช้ำรอบดวงตาและรอยบวมแดงที่จมูกของฝ่ายชายในจากช่วง honeymoon แต่ดูเหมือนว่าสื่อจะเมินเฉยต่อข้อสงสัยว่า 'ชายผู้มีชื่อเสียงและทรัพย์สินมากมายจะกลายมาเป็นเหยื่อความรุนแรงจากน้ำมือภรรยาที่อ่อนกว่ายี่สิบกว่าปีได้หรือไม่?'

(คู่กรณีแย้งว่า รอยดังกล่าวเกิดจากphotoshop แต่ช่างภาพรายหนึ่งได้โชว์ภาพจากช่วงเวลาไล่เลี่ยกันที่ทำให้คิดว่า บริเวณดวงตาของเขาดูบวมและฟกช้ำจริงๆ)

นั่นทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่าสื่อกำลังเลือกปฏิบัติ เมื่อคนในสังคมต่างรับรู้ เหยื่อความรุนแรงที่เป็นเพศชายมีอยู่จริง แม้ว่าจะไม่ได้มีตัวเลขใกล้กับเหยื่อเพศหญิง แต่ค่านิยมและความคาดหวังต่อการแสดงออกที่แข็งแกร่งสมชายนั้นทำให้เหยื่อเลือกไม่แจ้งความ นำไปสู่คำถามที่ทำให้ชาวเน็ทค้างตาใจว่า หากมีชายคนหนึ่งที่บอกกับสังคมว่า เขาเคยถูกอดีตภรรยาทำร้ายร่างกาย เราไม่ควรเชื่อถือคำพูดและหลักฐานของเขาเพราะมีสถานะคนดังที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทรงอิทธิพลเกินไปจนยากจะเชื่อว่าจะตกเป็นเหยื่อได้เช่นนั้นหรือ?

สื่อเมริกันหลายเจ้าได้แสดงออกชัดเจนแล้วว่า ไม่ให้ความเชื่อถือกับคำกล่าวหาของ JD   

ชาวเน็ทข้องใจ  สื่อเรียกร้องให้สังคมเชื่อคำพูดและหลักฐานของฝ่ายหญิง แต่ควรเมินเฉยหลักฐานที่ชี้ว่าฝ่ายชายเป็นเหยื่อความรุนแรง?


 ระหว่างการไต่สวนพิจารณาคดี เริ่มมีแทบลอยด์ลงข่าวโจมตีฝ่ายหญิง


เมื่อได้สัมผัสก่อนการพิจารณาคดีที่ Virginia AH อาจจะตกเป็นเป้าหมายโจมตจากโลกออนไลน์มาได้พักใหญ่ แต่เธอไม่ได้พบกับแรงกดดันจากสื่อมากนัก แม้แต่แทบลอยด์ที่สร้างรายได้จากการนำเสนอด้านฉาวโฉ่ของคนดังก็ยอมไม่แตะต้องประเด็นภาพวงจรปิดที่ทำให้โลกรู้ว่า เธอต้อนรับ James Franco ขึ้นไปที่เพนท์เฮาส์หลังจากทะเลาะเบาะแว้งกับ JD ราวกับว่าเธอมีเครื่องรางปกป้องไม่ให้ถูกเล่นงานด้วย scandal

แต่หลังจากจากที่ได้เห็นสื่อใหญ่แสดงความสนับสนุน AH สุดตัว เราก็ได้เห็นหน้าปก National Enquirer ที่พาดหัวโจมตีด้วยการตั้งฉายาว่าเธอคือผู้หญิงที่ถูกเกลียดมากที่สุดใน Hollywood

สถานการณ์ของเธอรุนแรงขนาดนั้นเชียวหรือ? ก็น่าจะอธิบายได้จากปฏิกิริยาของ Courtney Love เพื่อนเก่าแก่ของ JD แม้เธอจะออกตัวชัดเจนว่าเชื่อมั่นในตัวเพื่อน แต่ก็รู้สึกเห็นใจ AH ที่ต้องผจญกับแรงความเกลียดชังจากคนในสังคม

(เธอเล่าว่าเคยเกือบตายจากอาการเสพยาเกินขนาดและรอดมาได้เพราะ JD ช่วยทำ CPR จากนั้นเขาก็คอยช่วยเหลือเธอและลูกสาวจนซาบซึ้งใจไม่ลืมเลือน)


"ฉันเคยผ่านประสบการณ์ที่ถูกจัดให้เป็นผู้หญิงที่ถูกเกลียดมากที่สุดในอเมริกา ถูกเกลียดมากที่สุดในโลกก่อนที่คนจะรู้จัก TikTok จึงเข้าใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง"

แต่ Courtney ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของ AH เธอมองว่าเป็นการใช้ความเคลื่อนไหวทางสังคมและอาศัยภาพลักษณ์ของนักสิทธิสตรีที่เป็นqueerมาสร้างประโยชน์ส่วนตัว




ผลการลงเสียงเพื่อตัดสินคดีของเหล่าลูกขุนจะตรงกับความคาดหวังของผู้คนมากมาย หรือเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับการฟ้องร้องที่อังกฤษ

รอคอยอีกไม่นานเท่านั้น


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE