เจาะลึก Beauty Tips น่าเก็บจากสาวฝรั่งเศสคนดัง

47 15


สวยแบบสาวฝรั่งเศส
เริ่ดแบบสาวฝรั่งเศส
กินแบบสาวฝรั่งเศส
ชิคแบบสาวฝรั่งเศส
ทัศนคติแบบสาวฝรั่งเศส


หัวข้อเหล่านี้วนเวียนมาผ่านสื่อแฟชั่นไม่ได้ขาด   ทั้งยังมีนักเขียนที่ประพันธ์ผลงานชื่อดังเพื่อเปิดโลกอันแปลกใหม่ให้คนนอกได้เรียนรู้ความเป็นฝรั่งเศส


เหตุใดพวกเธอจึงได้รับคำยกย่องว่าเป็นตัวอย่างอันดีงามในการพัฒนาตัวเอง

มาติดตามกันได้เลย!


หลักการที่สำคัญที่สุด  être bien dans sa peau


Frédérique Verley บรรณาธิการฝ่ายความงามของ Vogue Parisได้อธิบายตัวตนของสาวฝรั่งเศสอย่างเรียบง่ายว่า

" สำหรับสาวฝรั่งเศสแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าละอายนิดหน่อยหากไม่ยอมรับในสิ่งที่พวกเธอเป็น"


ความมั่นใจที่เกิดขึ้นจากการยอมรับและรู้สึกดีต่อตัวเองคือพื้นฐานสำคัญของความงามตามสไตล์สาวฝรั่งเศส    ไม่ว่าจะสัมภาษณ์คนดัง หรือfashion guru ก็มักจะมีประโยคนี้เสมอ    หลายคนได้รับการปลูกฝังให้รักในตัวตนที่เป็นอยู่  โฟกัสต่อแนวคิดด้านบวก   ไม่คอยแต่จ้องจับผิดแต่ข้อเสียจนทำให้ตัวเองจิตตก   แทนที่จะหมกมุ่นว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงจุดที่ไม่มั่นใจหรือด้อยค่าความงามของตัวเอง ก็หันมาชื่นชมในข้อดีที่มีและพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆกัน

นี่คือคำอธิบายจาก Marie-Anne Lecoeur บล็อกเกอร์และนักเขียนผลงาน best seller ที่guide ผู้คนให้เรียนรู้ที่มาของความโดดเด่นของชาวฝรั่งเศส

"ในประเทศฝรั่งเศส เราจะให้ความสำคัญต่อการเปิดใจยอมรับและพอใจในตัวตนของเรา   เราพร้อมยอมรับว่าอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือสวยงามไปหมด แต่นั่นก็ไม่เป็นไร  เราจะเน้นเรื่องคุณสมบัติดีงาม ความเป็นตัวของตัวเอง สติปัญญาและเรื่องอื่นๆ"

"เราได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่ยังเด็กให้เรียนรู้วิธีการแต่งกายที่ดูดี และใส่ใจกับเรื่องรูปลักษณ์โดยที่ไม่ให้ดูเยอะจนล้น   เราได้เรียนรู้ที่จะนำเสนอจุดเด่นให้ยิ่งเปล่งประกาย ซึ่งจะช่วยกลบเกลื่อนจุดด้อยที่เราไม่ชอบไปได้  และนั่นช่วยเพิ่มพูนความมั่นใจให้กับเรา   ยกตัวอย่างคือ  คนฝรั่งเศสจะวิจารณ์เรื่องการแต่งกายที่ดูไม่เข้าตามากกว่าจะจิกกัดคนอื่นว่าดูขี้เหร่"




"เราเปิดใจยอมรับข้อบกพร่องและบางครั้งก็นำมันมาเป็นข้อได้เปรียบ ไม่ว่าใครก็รู้สึกพอใจในตัวตนได้ หรือจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่สำหรับในฝรั่งเศส เรายอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของผู้คนราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถึงขนาดว่าเรามีศัพท์ jolie-laide ที่ใช้บรรยายผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์จืดชืด หรือสำหรับคนประเทศอื่นแล้วอาจจะมองว่าพวกเธอดูขี้ริ้วขี้เหร่  แต่พวกเธอกลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ยากจะต่อต้านและทำให้พวกเราชาวฝรั่งเศสมองว่าพวกเธอดูดีหรือสวย  ฉันจะได้ยินคนใช้ศัพท์นี้ในแง่บวกเพื่อบรรยายคนที่มีความมั่นใจและมีความสุข"



Lou Doillon  นักร้องชื่อดังผู้เป็นลูกสาวของ Jane Birkin และผู้กำกับระดับตำนาน Jacques Doillon    เธอมักถูกบรรยายด้วยคำว่า jolie-laide    ในขณะที่มีผู้มองว่า เธอมีหน้าตาด้อยกว่าแตกต่างคุณแม่ในวัยสาวที่สวยเป๊ะตรงกับมาตรฐานความงามของวงการบันเทิง   แต่หลังจากที่ถูกปรามาสทั้งเรื่องรูปลักษณ์และความสามารถ เธอได้โลดแล่นในวงการบันเทิงด้วยงานหลากหลาย  ในที่สุดก็ก้าวไปประสบความสำเร็จในอาชีพนักร้องด้วยยอดขายระดับ platinum  และแม้ว่าการเติบโตขึ้นมาแบบสองสัญชาติ- สองวัฒนธรรมจะทำให้เธอคนฝรั่งเศสจะมองว่าเธอมีสไตล์การแต่งกายแบบสาวอังกฤษมากกว่า  แต่ก็ถูกยกให้เป็นสาวสไตล์เริ่ดประจำParisอยู่เสมอ

ความหมายที่ครอบคลุมของ jolie-laide อาจจะไม่การแปลตรงตัวที่ฟังดูย้อนแย้งว่า คนขี้เหร่ที่ดูสวย แต่เป็นการแสดงถึงการยอมรับในความงามของผู้หญิงที่อาจจะไม่ตรงกับค่านิยมของคนในสังคม แต่พวกเธอกลับดูเจิดจ้าจากตัวตนภายในและถ่ายทอดความมั่นใจ, บุคลิกภาพ, การรับรู้คุณค่าของตัวเองที่อยู่นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกล้วนๆ








เปิดใจยอมรับ+รักความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง



Jeanne Damas influencerสาวผู้ประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจความงาม โดยเฉพาะ Rouje ลิปสติกขายดีที่ราคาสูงพอๆกับลิปสติกแบรนด์ดัง ริมฝีปากเฉดแดงสุดสวยของเธอนั้นสร้างเสียงกล่าวขวัญจน Vogue ชวนมาทำ How To video และสิ่งหนึ่งที่ฟังดูเป็นฝรั่งเศสจ๋าจากคำแนะนำในการแต่งหน้าของเธอ หลังจากลงคอนซีลเลอร์เฉพาะจุดรับแสงเงาบนใบหน้าก็คือ

"คุณยังจะเห็นความไม่สมบูรณ์แบบปรากฏอยู่ที่หน้านะคะ  แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันชอบ    ฉันชอบให้งานผิวดูยังเหมือนผิวค่ะ"  


ส่วนริมฝีปากที่เป็น signature ที่ปูทางสู่ธุรกิจลิปสติกนั้น   Jeanne  ยืนยันว่า  ชอบใช้ปลายนิ้วนี่แหละแตะพาเลตต์แต่งแต้มสีสัน ไม่เน้นความเนี้ยบ เพราะความอุ่นจานิ้วทำให้สีกระจายตัวดูฟุ้งเหมือนผ่านการกัดปากมา  และ "ย้ำอีกครั้ง ฉันชอบความไม่มบูรณ์แบบค่ะ"    


Jeanne ยังแนะนำว่า หากทาปากแดงสด เธอจะไม่ใช้มาสคาร่า เพราะคิดถ้าจับคู่สองอย่างแล้วจะดู'เยอะเกินไป' และเลือกดัดขนตาเท่านั้น ทั้งยังออกตัวว่า หากเป็นตอนกลางคืน เธอจะคอนทัวร์เพิ่มบ้าง
 "ซึ่งคอนทัวร์ก็ฟังดูไม่สมเป็นฝรั่งเศสสักเท่าไรค่ะ" เธอพูดอย่างเขินนิดๆ  (ที่จริงแล้ว เธอปัดบรอนเซอร์ปรับกรอบหน้าเพียงเบาๆเท่านั้น)


Camille Razat หรือ Camille สาวไฮโซสุดเริ่ดของEmily จาก Emily In Paris แสดงความเห็นใน How to video ผ่านช่อง Vogue France ว่า

" ที่เราใช้คอนซีนเลอร์เพราะมันไม่ทิ้งเนื้อสัมผัสหนาหนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่ชอบเลยค่ะ    พูดง่ายๆคือ ฉันขอเผยให้เห็นรอยคล้ำใต้ตานิดๆ ด้วยการแต่งแบบธรรมชาติที่ไม่ทำให้ดูโทรมเกินไป ดีกว่าโบ๊ะกลบซะแน่นจนดูหนาเป็นปื้นๆบนผิว"


Un maquillage minimaliste   - แต่งหน้าสไตล์ minimal ฝรั่งเศสสุดๆ





คำพูดของJeanne Damas แทบจะถ่ายเอกสาร Camille Rowe (นางแบบสาวที่เดท Harry Styles แบบเงียบๆพักใหญ่ และเล่าลือว่า ช่วงที่เลิกกัน ซุปตาร์หนุ่มอังกฤษนั้นเฮิร์ทสุด) เธอบอกกับ Vogue ว่า ไม่ถือเรื่องผิวหรือจุดที่ไม่สมบูรณ์แบบของหน้าตา เธอใช้รองพื้น แต่ก็ใช้ในรูปแบบของคอนซีลเลอร์ คือลงเฉพาะจุดเท่านั้น แม้ในวันที่ถ่ายทำvideoจะมีสิวฮอร์โมนขึ้นสองสามเม็ดก็ไม่ใช้การแต่งหน้าแบบ full coverage


"ฉันเห็นใครๆก็บอกว่า ผู้หญิงฝรั่งเศสไม่ทำอะไรกับหน้าเลย แต่ที่จริงมันเป็นเรื่องของการโชว์ด้านที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่าค่ะ"

เธอแชร์ประสบการณืตัวเองว่า เลือกจะไม่แต่งหน้าไปพาร์ตี้ย์ เพราะผลตอบรับมันก็ดีทั้งสองแบบ  ไม่ว่าจะเป็น  โอ้ เธอดูดีจัง  ไม่แต่งหน้าก็ยังสวย    หรือถึงจะมีคนบอกว่า   โห นางกล้าเนอะ มาพาร์ตี้ย์แบบหน้าสดขนาดนี้  ต้องมั่นใจมากแน่ๆ    มันก็ฟังเป็นแง่บวกเหมือนกัน
สังเกตที่คิ้วของเธอสิคะ   คิ้วขวาของเธอมีรอยแผลเป็นที่ทำให้ดูแหว่งไปนิดหน่อย  แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่า ไม่ชอบเขียนคิ้วถมให้ดูเต็มขึ้นมา เธอจะใช้ปลายนิ้วจิกขนคิ้วให้เรียงตัวเป็นแนวไม่ให้รอยแผลเป็นดูสะดุดตาเกินไป    และใช้มาสคาร่าใสปัดคิ้วเพื่อความสวยแบบธรรมชาติที่ไม่ได้ดูสมบูรณืแบบนั่นเอง

นี่น่าจะสะท้อนถึงการยอมรับด้านที่คนอื่นอาจจะมองว่าเป็นจุดด้อย    แต่สำหรับสาวฝรั่งเศสหลายคน  ความไม่สมบูรณ์แบบก็ถือเป็นความงามที่ไม่จำเป็นต้องเสียความมั่นใจจนต้องอำพรางทุกครั้งไป     หากมีงานสำคัญที่จะต้องแต่งสวยเป๊ะ พวกเธอก็พร้อมเต็มที่  แต่ถึงจะแต่งแบบธรรมชาติ ก็มั่นใจได้ไม่แพ้กัน!


เลิฟ 'No Makeup' Makeup  Look เป็นที่สุด

บ่อยครั้งที่เราจะได้พบเห็นนางเอกและนางแบบจากฝรั่งเศสที่ไปไหนมาไหนโดยที่ดูเป็นธรรมชาติเอามากๆ    และดูเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางครั้ง คนดังจะออกงานกลางวันโดยไม่ได้แต่งหน้าแบบ full options   ไม่แต่งตา หรือเขียนคิ้วให้คมเข้ม   ลองมาดูคำอธิบายจาก Lea Seydoux สิ

" ตอนทำงานฉันต้องแต่งหน้าเยอะมากจนอยากจะเปลือยหน้าสดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ฉันจะยึดมั่นกับการบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ บางอย่างก็เป็นแบรนด์ฝรั่งเศสที่หาซื้อได้ที่ร้านขายยาฝรั่งเศส"

เธอยกตัวอย่างแป้งผลัดเซลล์ผิวและน้ำมันธรรมชาติจาก EarthTu Face ,La Roche-Posay และแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง DHC ว่าใช้ดี

"ถ้าฉันไม่อยากจะปล่อยให้หน้าสดแบบเต็มๆ  ฉันจะใช้ BB cream นิดหน่อย และแตะบลัช  แล้วก็เท่านั้นเลยค่ะ    แต่งตาจัดเต็มนั้นเอาไว้สำหรับถ่ายแบบและออกงานพรมแดง"


ยึดมั่นสโลแกน Less Is More



Ariane Labed นางเอกจาก Assassin’s Creed เป็นหนึ่งในสาวฝรั่งเศสที่ยึดหลักการเดียวกัน ในตอนกลางวัน เธอจะไม่ใช้รองพื้น ถ้าจะใช้ก็จะเป็นงานกลางคืนเท่านั้น และจะไม่ทารองพื้นทั่วทั้งใบหน้า แต่เลือกจุดที่จำเป็นต้องแก้ไข และแทนที่จะใช้มาสคาร่า ก็จะดัดขนตาให้สวยเด้งแทน


มาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะมองว่า ลุคที่เป็นเอกลักษณ์ของสาวฝรั่งเศสคือการแต่งหน้าที่ดูเหมือนกับ 'ไปไม่สุดทาง'หรือดู'ครึ่งๆกลางๆ' นั่นคือความจงใจทำเพื่อเป็นการส่งสารให้คนรอบต้องชื่นชมว่า ถึงแต่งแค่นี้ก็ยังสวยปิ๊ง เนื่องจากผิวพรรณของพวกเธอสวยซะจนไม่จำเป็นต้องใช้การปกปิดหลายชั้น

และมันได้นำมาสู่กุญแจที่จะเฉลยที่มาแห่งความมั่นใจอันนี้
มันคือการบำรุงผิวนั่นเอง



ลงทุนกับการบำรุงผิว


อาจจะมีคนสงสัยว่า สาวฝรั่งเศสใช้skincare ที่แพงไม่แพ้กระเป๋าแบรนด์เนมอย่าง La Prairieกันเป็นปกติรึเปล่า? ขอบอกเลยว่า ตามเกาะสัมภาษณ์เคล็ดลับความงามของคนดังฝรั่งเศสมาหลายคน พวกเธอเลือกใช้ผสมผสานกันทั้งตัวแพงระยับและตัวที่ราคาแบบสบายกระเป๋า ที่จริงแล้วคนดังเหล่านี้จะพูดถึงFrench pharmacy brand กันด้วยความภูมิใจซะด้วย คำว่าลงทุนกับเรื่องการดูแลผิวของเธอ จึงไม่ใช่การทุ่มซื้อผลิตภัณฑ์แสนแพงเท่านั้น

ยกตัวอย่าง ที่ปลาบปลื้มในซีรัม Augustinus Bader ราคา 320ยูโรเพื่อเติมความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าทำให้ดูนุ่ม แต่งหน้าก็ดู glowสวย แต่ก็ไม่ลืมใช้ครีมน้ำนม Embryolisse ราคา 26ยูโร เธอยังนวดกระชับผิวหน้าด้วยหินกัวซาตามศาสตร์ความงามจีนทุกวันไม่ได้ขาด หากพิสูจน์คุณภาพแล้ว ตัวไหนใช้ดี จะไฮเอนด์หรือแบบย่อมเยาว์ก็พร้อมจะเปิดใจ





อินกับเทรนด์โชว์ผิวได้  เพราะบำรุงผิวให้สวยเปล่งประกาย



Mathilde Thomas หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Caudalie แบรนด์ฝรั่งเศสที่โดดเด่นเรื่องส่วนผสมจากธรรมชาติได้ list เรื่องความเชื่อในเรื่อง skincare ของสาวฝรั่งเศสด้วย motto ที่คุณจะได้ยินซ้ำแล้วซ้ำอีก less is more นั่นเอง

"ที่ฝรั่งเศส เราจะเชิดชูผิวพรรณสวยงามเปล่งปลั่ง พวกเราจึงแต่งหน้าให้เหมือนกับไม่ได้แต่งจนดูเป๊ะได้ มันเป็นวิธีที่work"

"ฉันพบว่า ผู้หญิงในอเมริกาพยายามหาทางลัดแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่ส่งผลกระทบทำให้ผิวแห้งผาก หนังลอก เกิดความเสียหาย  จากนั้นพวกเธอก็ต้องซื้อเครื่องสำอางมาใช้มากขึ้น  ความแตกต่างก็คือ ผู้หญิงอเมริกันเลือกใช้ skincare ที่ยุ่งยากซับซ้อน  ในขณะที่เคล็ดลับของผู้หญิงฝรั่งเศสคือการยึดมั่นความเรียบง่่ายชัดเจน"


(มีการกล่าวเปรียบเทียบระหว่างอเมริกันและฝรั่งเศสเยอะ เพราะหลายคนให้สัมภาษณ์กับสื่ออเมริกันค่ะ)





ผู้หญิงฝรั่งเศสมองเรื่องความงามเป็นศิลปะการใช้ชีวิต ไม่ว่าต้องบำรุงความงามด้วยหลากหลายขั้นตอน หรือรวบรัดในห้องน้ำในเวลาไม่กี่นาที ก็คือส่วนหนึ่งในชีวิตที่จะขาดหายไปไม่ได้ สำหรับสุนทรียศาสตร์แบบฝรั่งเศส ความสวยที่แท้จริงต้องมาจากความรู้สึกดีๆภายใน ไม่ใช่การทรมานตัวเองให้เจ็บปวด

เส้นทางแห่งความสวยตั้งแต่ภายในของสาวฝรั่งเศสอาจจะไม่ได้ฟังดูแปลกใหม่ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ทำจิตใจให้เบิกบาน บริหารร่างกายสม่ำเสมอ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นคือวัฒนธรรมการกินอาหาร คนฝรั่งเศสจะเลือกสรรแต่วัตถุดิบชั้นดีมีประโยชน์ต่อร่างกายและความงาม การปรุงรสเลิศที่ทำให้ฮอร์โมนความสุขหลั่งไหล เมื่อภายในรู้สึกดี ย่อมสนับสนุนให้ภายนอกดูดีไปด้วย




bien dans votre âge   มั่นใจเรื่องอายุ




การครองรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์ได้อย่างยาวนานคือความปรารถนาสูงสุดของคนมากมาย แต่สาวฝรั่งเศสมีจุดยืนชัดเจนต่อเรื่องรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากความแก่ตัวลง ลองมาชมความคิดเห็นของ Juliette Binoche นางเอกเจ้าของรางวัล Oscar
วัย 57 กัน

"ตามความเห็นของฉัน  ผู้หญิงฝรั่งเศสจะเบ่งบานอย่างเต็มที่เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 40  สำรับกรณีของฉันแล้วมันใช่เลยค่ะ    ในฝรั่งเศส แนวความคิดเรื่องความงามนั้นมีความละเอียดอ่อนมากกว่า และยอมรับเรื่องความแก่ได้มากกว่า"

"ในขณะที่ผู้คนในอเมริกาเชื่อว่า  หน้าอกใหญ่และความอ่อนวัยคือนิยามแห่งความงาม   แต่เราเชื่อว่า มันขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองมากกว่าการใช้วิธีการที่ไม่เป็นตามธรรมชาติเข้าช่วย"

"ที่จริง  โบท็อกซ์กลับยิ่งทำให้คนยิ่งแก่ลงไปอีก   หากคุณมองผู้หญิงที่ฉีดโบท็อกซ์ คุณจะเห็นความหวาดกลัวความแก่ที่ปรากฏบนหน้าพวกเธอ"




ความเชื่อของนางเอก A List ตรงกับสาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่หรือไม่    น่าจะพิจารณาได้จากหนังสือ Lifestyle จาก Mireille Guiliano  ที่เคยสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากหนังสือ 'ผู้หญิงฝรั่งเศสไม่อ้วน'  ที่นำเสนอself-helpเล่มต่อที่ตั้งชื่อได้ดึงดูดความสนใจไม่แพ้กันว่า 'ผู้หญิงฝรั่งเศสไม่ดึงหน้า  French Women Don't Get Facelifts: The Secret of Aging with Style and Attitude





"ฉันเชื่อในการแก่ตัวลงที่มาพร้อมกับบุคลิกทัศนคติสุดเริ่ด" มาดาม Guiliano อธิบาย

"คุณและฉันไม่ได้มีกรรมพันธุ์เดียวกัน ไม่ได้ใช้ชีวิตในสถานที่เดียวกัน แต่เราวสาสามารถสร้างทัศนคติพื้นฐานที่จำเป็นได้ นั่นคือการรู้สึกดีกับตัวตนของเราเอง" นักเขียนวัยอาวุโสยังบรรยายต่อว่า โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงฝรั่งเศสจะระมัดระวังเรื่องรูปร่างไม่ให้น้ำหนักเกิน ใส่ใจดูแลความงาม และเมื่ออายุมากขึ้น จะไม่พยายามฝืนทำให้ตัวเองดูเหมือนกับสาวยี่สิบ"

การปลูกฝังแนวคิดต่อเรื่องความงามจากรุ่นสู่รุ่น

"เมื่อตอนที่ฉันอายุประมาณ 48 ปี ผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่งเตือนฉันว่า ควรเริ่มทำหน้าลดริ้วรอยได้แล้ว"

"เมื่อฉันไปหาแม่ ก็ได้บอกกับท่านว่า ฉันมีริ้วรอยยับย่นนะแม่"
"ท่านจึงแนะนำฉันว่า สมาชิกครอบครัวเราทั้งหัวเราะและจูบกันบ่อยๆ เพราะฉะนั้น มีริ้วรอยบ้างก็ไม่แปลก"
"มันคือสิ่งที่ได้ถ่ายทอดวิถีชีวิตของลูก และนั่นคือสิ่งที่สำคัญมาก แม่บอกเช่นนั้นค่ะ"


อย่างไรก็ตาม นักเขียนหนังสือดังก็ยอมรับว่า เธอตั้งชื่อหนังสือเพื่อนั้นดึงดูดความสนใจนักอ่าน ไม่ได้ฟันธงจริงจัง แน่นอนว่ามีผู้หญิงฝรั่งเศสที่น้ำหนักเกิน และก็มีคนที่ดึงหน้าเหมือนกัน แต่จะเลือกใช้วิธีนี้เป็นที่พึ่งสุดท้ายเท่านั้น





คนวงในอย่างศัลยแพทย์และวิสัญญีแพทย์จากฝรั่งเศสเคยเปิดเผยกับสื่อว่า ผูัหญิงฝรั่งเศสหลายคนมีความประสงค์จะขึ้นเขียงเปลี่ยนลุคด้วยมีดหมอ แต่ต้องการผลลัพธ์ที่ช่วยให้ดูดีขึ้นโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าทำศัลย กรรมตกแต่งมาแล้ว พวกเธอต่างร้องขอลุคที่ดูสวยขึ้นแบบธรรมชาติถึงขนาดที่สามีเห็นก็ยังไม่รู้ตัวว่าภรรยาทำหน้ามา และถึงจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์โดสไม่มากนัก ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะไม่ปริปากพูดถึง เพราะหวั่นเกรงว่าจะสวนทางกับแนวคิดของคนรอบข้างนั่นเอง

เพราะอะไรจึงมีเสียงกล่าวขวัญว่า สาวฝรั่งเศสเลี่ยงไม่ล้างหน้าด้วยน้ำประปา?


เพียงแค่กวาดหาข้อมูลคร่าวๆ เราก็พบผู้หญิงจากวงการบันเทิงฝรั่งเศส ทั้งนางเอกดังและนางแบบรันเวย์ที่ยืนยันว่า ไม่ใช้น้ำประปาล้างหน้า    (มีรายหนึ่งที่ใช้คลีนซิ่งเช็ดโดยไม่ใช้น้ำเลย!) 


หลายเสียงเห็นพ้องต้องกันว่า น้ำจากก็อกมีทั้งคลอรีน ฟลูออไรด์ แฝงด้วยแร่และโลหะหนักที่ทำให้ผิวพรรณแห้งผากระคายเคืองจนอาจจะยากจะกู้กลับคืนมา โดยเฉพาะน้ำประปาในกรุง Paris ที่เป็นน้ำกระด้างมีไอออนของโลหะปะปน เช่น calcium, magnesium, copper, zinc, และ iron


ผู้หญิงฝรั่งเศสพยายามชดเชยความชุ่มชื่นให้ผิวด้วยสเปรย์น้ำแร่ธรรมชาติ และยังมีคนที่พยายามเสาะหาการล้างหน้าที่สะอาดโดยไม่พึ่งน้ำประปา ทั้งหาซื้อน้ำแร่บรรจุขวดมาล้างหน้า หรือใช้ Micellar Water คลีนซิ่งรูปแบบน้ำที่ใช้เช็ดโดยไม่ต้องใช้น้ำล้างตาม ยิ่งแต่งหน้าแล้ว สาวๆคงรู้ว่าจะยิ่งมีขั้นตอนมากขึ้น แต่หัวใจสำคัญก็คือ ไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบใดก็ต้องทำความสะอาดไม่ให้เกิดการอุดตัน และรักษาความชุ่มชื่นไว้



หากต้องแต่งสวยจัดเต็มให้เข้ากับกาลเทศะ  ไม่ว่าเทรนด์จะวิ่งไปเช่นไร  แต่มักจะเลือก signature look ของตัวเองเสมอ



สาวฝรั่งเศสหลายคนมี look ประจำตัวที่ช่วยรับประกันความมั่นใจว่า จะไม่พลาดยามออกงานหรือพบปะคนสำคัญ แม้ว่าการ take risks หรือเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการเกาะเทรนด์ใหม่ๆฟังดูน่าสนุกและไม่จำเจ แต่เมื่อเลือกสิ่งที่ทำให้มั่นใจที่สุด ความงามกจะเฉิดฉายออกมาแบบไร้สะดุด ดังที่เราได้เห็นกันที่งานพรมแดงหลายครั้ง เมื่อเซเลบเลือกฉีกลุค แต่ความไม่เคยชินอาจจะสร้างความวิตกกังวลจนสื่ออกมาทางสีหน้าจนคนรอบข้างสัมผัสได้

สาวงามยืนหนึ่งอย่าง Eva Green คิดอย่างไรกับ signature look ของเธอ?

"เวลาเดินพรมแดง ฉันจะทาปากแกงค่ะ ปากแดงเฉดร้อนแรง ไม่เช่นนั้น ฉันจะไปไม่เป็นเลยทีเดียว"

Eva ปลื้มพิกเมนท์ของลิปสติก M.A.C สี Ruby Woo และ NARS สี Lady Danger



"ฉันชอบsmoky eyes  และปากก็ต้องจัดเต็ม  นั่นเป็นเพราะว่าในชีวิตจริง ฉันเป็นพวกน่าเบื่อมากค่ะ ปกติก็ไม่แต่งหน้า  เมื่อได้เดินพรมแดงก็ถือเป็นโอกาสจะได้แต่งหน้าสวยเต็มที่ ฉันชอบแต่งหน้าออกงานค่ะ"




พยายามกันสุดชีวิต เพื่อให้ดูสวยเหมือนไม่ได้พยายาม


Caroline de Maigret สาวไฮโซที่มักวนเวียนกับการถ่ายแบบ ให้สัมภาษณ์นิตยสารแฟชั่นดังและนั่ง front row ชม collection จากห้องเสื้อชั้นสูง ไม่เพียงแต่จะถูกยกให้เป็นผู้นำเทรนด์แห่ง Paris เธอยังร่วมเขียนหนังสือ How to be Parisian

"ผุู้หญิงฝรั่งเศสเลิกพยายามจะดูสมบูรณ์แบบ ทุกวันนี้เราอยากจะสวยแบบดูไม่พยายาม แต่จะสวยแบบดูไม่พยายามน่ะต้องอาศัยความพยายามเยอะนะ"

"เราจึงต้องถ่ายทอด story ออกมา สร้างภาพมายาแห่งความดูดีโดยไม่ต้องพยายาม"

"ฉันหาทำอะไรอย่างอื่นได้มากกว่าจะไปประกาศให้คนอื่นรู้ว่าฉันใช้เวลาในร้านทำผมนานเท่าไร หรือว่าเมื่อเช้าได้ออกกำลังกายไปรึเปล่า ถ้าจะให้บอก ฉันก็แค่อ่านหนังสือพิมพ์เท่านั้น  ก็ไม่รู้จะว่ายังไงนะ ฉันมันคนหัวสูงนี่นา"






The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE