ส่องดูซิ ใครเจอ cancel ในปี 2021

47 13


Cancel เพราะข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ: Chris Noth  


ด้วยบทบาท Mr. Big เขาเคยทำให้แฟนๆ Sex And The City ฝันหวานถึงหนุ่มใหญ่มาดสุดป๋าลีลาพราวแพรว และถึงแม้จะมีผู้วิเคราะห์ว่า ความสัมพันธ์ของ Big & Carrie จะเป็น toxic romance แต่หลายคนยกให้เป็นคู่รักที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลจากในวงการ TV

เขาโลดแล่นสร้างชื่อเสียงในวงการแสดงมายาวนานนับตั้งแต่ยุค 80s โดยที่ไม่มีผู้หยิบยกประเด็นฉาวโฉ่มาวิจารณ์

แต่เมื่อไม่นานมานี้   แฟนซีรีส์ต้องช็อคเมื่อสื่อดังเผยข้อกล่าวหาจากหญิงสาวหลายคนว่า พวกเธอต้องพบกับประสบการณ์เลวร้ายด้วยน้ำมือพระเอกรุ่นใหญ่ผู้นี้  

ผู้หญิง 4 คน เผย เคยเป็นเหยื่อทางเพศพระเอกหนุ่มใหญ่    หนึ่งในนั้นยืนยัน ถูกข่มขืนจนบาดเจ็บต้องเย็บแผล

ดูเหมือนว่า ปฏิบัติการ 'เปิดโปง' พฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศนั้นถูกเตรียมการมาเต็มที่ เห็นได้ชัดเจนจากความเคลื่อนไหวของ The Hollywood Reporter (สื่อที่แฉคนดังมาแล้วหลายครั้ง) ที่นำเสนอบทความสุดช็อคในขณะที่ And Just Like That.. (ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวต่อเนื่องจาก Sex And The City) กำลังออนแอร์ ทั้งพล็อทเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Mr. Big ก็กำลังสร้างความฮือฮา เปรียบแล้วคงไม่แตกต่างจากการทิ้งระเบิดใส่ทีมนักแสดงและผู้สร้างซีรีส์ เพราะแม้ว่า หญิงสาวทั้งสองคนที่ให้ข้อมูลกับ THR จะใช้นามแฝงและไม่มีการแจ้งความเอาผิดผู้กระทำ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า คำพูดของพวกเธอฟังดูมีน้ำหนัก จากสภาพแวดล้อมและพยานที่รู้เห็น และคำกล่าวอ้างที่ตรงกันคือ พวกเธอยังเป็นเด็กสาวอายุเพียงยี่สิบนิดๆ เท่านั้น

เรื่องราวของหญิงสาวสองคนที่ไม่แสดงชื่อจริงๆมีดังนี้
  • Zoe (นามแฝง) อ้างว่า เธอถูกล่วงละเมิดในรูปแบบของ date rape  หลังจาก Chris Noth หว่านเสน่ห์ใส่เธอ และเชื้อเชิญให้เธอไปที่อพาร์ทเมนท์  และใช้กำลังบีบบังคับให้เธอมี sex ด้วย
  • ในขณะนั้นเธอเป็นบัณฑิตใหม่วัย 22 ทีjเริ่มทำงานใน firm ที่คนดังแวะเวียนเข้ามาติดต่องาน  เจ้านายเป็นคนบอกเธอว่า ได้รับ voicemail จาก Mr. Big  แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้าย เพราะพวกเค้าชื่นชมพระเอกดังราวกับเขาเป็นเทพเจ้า
  • เธอชักชวนเพื่อนไปพบพระเอกดังที่สระว่ายน้ำของอพาร์ทเมนท์  พวกเค้าแช่ jacuzzi ด้วยกัน  เขาขอตัวขึ้นไปที่ห้องเพื่อใช้โทรศัพท์แต่ให้เธออ่านหนังสือที่เขาจะใช้เป็นข้อมูลสร้าง project ใหม่ และขอให้เธอนำหนังสือกลับไปคืนให้ที่ห้อง
  • เมื่อเธอขึ้นไปหา เขาก็จูบเธอทันที แม้จะจูบตอบแบบไม่แน่ใจ แต่ก็ขอตัวกลับไปหาเพื่อนและคิดว่า นี่จูบกับดาราดังคงเป็นเรื่องสนุกๆเอาไปโม้กับเพื่อน แต่เขาดันเธอไปยังห้องนอนแล้วลงมือข่มขืนเธอทั้งๆที่เธอร้องขอให้หยุด   เธอถึงกับต้องขอให้เขาใส่ถุงยางอนามัย แต่ถูกหัวเราะใส่
  • เธอพบว่าตัวเองเลือดไหล   และกลับไปหาเพื่อนด้วยอาการเลื่อนลอย เมื่อเพื่อนสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติก็เค้นความจริงจากเธอ และพาเธอไปโรงพยาบาล
  • ตำรวจเข้ามาสอบปากคำ แต่เธอไม่ระบุตัวผู้กระทำเพราะหวาดกลัวว่าจะไม่มีใครเชื่อถือ
'เธอต้องเย็บแผลที่เกิดจากการข่มขืน 2 เข็ม'
  • นอกจากเพื่อนที่พาไปโรงพยาบาล (ปัจจุบันเพื่อนคนนี้ทำอาชีพจิตแพทย์) ก็มีอดีตเจ้านายที่ได้รับสายแจ้งจาก Zoe ว่าถูกพระเอกหนุ่มใหญ่ข่มขืน 

  • Lily สาววัย  22 ที่ทำงานที่คลับใน New York   เธอเป็นแฟนของ  Chris Noth  จาก Sex And The City   เธอแสนจะตื่นเต้นดีใจที่ได้พบกับพระเอกคนโปรดที่ในขณะนั้นอายุ 60 ปี ถึงขนาดที่รู้สึกเสียดายนิดๆที่เขาแต่งงานแล้ว 
  • เขามีท่าทางสุภาพและให้เกียรติเธอมาก เธอจึงไม่รู้สึกถึงสัญญาณอันตรายใดๆเมื่อเขาชักชวนให้เธอไปดินเนอร์ 
  • เธอดื่มจนเมา แต่ก็มีสติ   ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็อ่อนต่อโลกถึวขั้นที่เชื่อว่า ถึงจะกลับไปที่แพาร์ทเมนท์กับเขาแล้วจะไม่มีลงเอยด้วยความสัมพันธ์เกินเลย แต่เป็นการพูดคุยเรื่องอาชีพเท่านั้น  
  •  แต่เมื่อคุยกันไม่ได้นาน เขาก็พยายามกอดจูบเธออย่างไม่ยอมแพ้  ช่วงแรกเธอก็นึกสนุกอยู่บ้าง แล้วก็ได้เห็นว่า เขาดูแก่ชรากว่าเธอมาก   ทั้งๆทีเธอควรจะปฏิเสธให้เด็ดขาด แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็ถอดกางเกงออกและดันอวัยวะเพศเข้าไปในปากของเธอ
  • ทั้งๆที่เธอเตือนว่าเขาแต่งงานและมีลูกแล้ว  เขาก็ตอบกับมาว่า การแต่งงานเป็นเรื่องลวงโลก และผัวเดียวเมียเดียวไม่มีอยู่จริง  เธอร้องไห้ในขณะที่เขาปฏิบัติกิจ  เธอรู้สึกย่ำแย่เมื่อถูกทำร้าย  ภาพของไอดอลในดวงใจที่ใฝ่ฝันถึงมาหลายปีต้องสลายไป
  • เมื่อเรียกรถให้มารับ เธอโทรหาเพื่อน (ที่เตือนไม่ให้เธอออกไปพบกับพระเอกดัง) และโทรหาตำรวจโดยที่ไม่มีสติรู้ตัว และจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้กดโทรหาใคร วันต่อมา เธอและเพื่อพยายามปลอบใจตัวเองว่า  sex ที่เกิดขึ้นจากการฝืนใจเป็นสิ่งที่เธอตีโพยตีพายไปเอง  และควรลืมมันไปซะ 
  •  แต่เมื่อเพื่อนเธอได้ฟัง voiceที่ Chris Noth  ฝากไว้ให้หลังจากเกิดเรื่องว่า ' เราแค่สนุกกัน หวังว่าคุณจะไม่เข้าใจผิดคิดเป็นเรืองอื่น'  ก็ทำให้เชื่อว่า เขารู้ตัวว่าทำอะไรลงไป  ส่วน Lily  จำได้ว่า  เขาขอร้องให้เธอไม่บอกเพื่อนๆในสิ่งที่เกิดขึ้น 
  • Lily โชว์ข้อความที่พูดคุยกับChris Noth ต่อ THR  หลังจากวันนั้น เขาถามไถ่ว่าเธอรู้สึกอย่าวไร  เพราะเขารู้สึกสนุกกับคืนนั้นมาก  ส่วนเธอตอบกลับไปว่า รู้สึกเหมือนกับถูกหลอกใช้อยู่บ้าง  เขาพยายามนัดดินเนอร์กับเธออีก แต่ลงท้ายก็ไม่เคยได้พบกันอีกเลย  (เธอเก็บข้อความที่เขาส่งมาขอเจอกับเธอไว้)





ถูกขุดคุ้ยหนัก  คนรักเก่าเคยขอคำสั่งศาลไม่ให้เข้าใกล้  ส่วนนักแสดงสมทบออกมาแฉพฤติกรรมยอดแย่กลางกองถ่าย
หลังจากนั้น มีผู้หญิงอีกสองคนที่ออกมายืนยันว่าเคยถูก Chris Noth ลวนลาม    คนหนึ่งเป็นอดีตพนักงานต้อนรับในร้านอาหารซึ่งในขณะนั้นมีวัยเพียง18 ปี เธอระบุว่า เขาลงมืออย่างอุกอาจในออฟฟิศร้านอาหาร ไม่ยอมหยุดทั้งๆที่เธอกำลังมีประจำเดือน แต่เธอรอดไปได้เพราะเหลี้ยกล่อมว่าจะไปพบกับเขาที่อพาร์ทเมนท์  จึงมีโอกาสชิ่งหนีในขณะที่เขาส่งรถมารับ  เธอติดต่อไปที่พ่อแม่ที่คุ้นเคยกับเจ้าของร้านอาหารเพื่อเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เจ้าของกับบอกปัดว่า   Chris Noth ไม่มีทางมาสนใจคนที่ไร้ความสำคัญแบบเธอ ทำให้เธอตัดสินใจลาขาดไม่ทำงานที่นั่นต่อไป

ส่วนอีกคนแสดงตัวตนชัดเจน เธอคือ Lisa Gentile ที่ทำความรู้จักคุ้นเคยกับพระเอกดังในปี 2002 เมื่อเขาอาสาไปส่งเธอที่อพาร์ทเมนท์ และขอตามเข้าไปชมบ้าน แต่กลับลงมือลวนลามเธอ ในวันต่อมาก็โทรมาขู่ว่า หากนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง เขาจะทำลายอาชีพนักร้องของเธอซะ หรือจะเป็น Heather Kristin อดีตนักแสดงสแตนด์อินที่เข้าฉาก Sex And The City ที่เล่าว่า เจอกับประสบการณ์แย่ๆ เมื่อ Chris Noth ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวเธอ และทำกิริยาไม่เหมาะสม เขากร่างพูดจาแทะโลมเธอต่อหน้าทีมงานว่า อยากให้มีคนจับเธอมัดแล้วส่งตัวไปในเทรลเลอร์ของเขา เมื่อเธอพยายามปกป้องตัวเอง คนในกองต่างหัวเราะขบขัน


ไม่เพียงเท่านั้น Zoe Lister-Jones นางเอก, ผู้กำกับและ producer เจ้าของผลงาน The Craft: Legacy ได้เพิ่มน้ำหนักให้คำกล่าวหาของผู้หญิงทั้งสี่คนว่า สมัยที่เธอยังรับบทนักแสดงสมทบในวัยยี่่สิบ เธอเคยทำงานในคลับที่ Chris Noth เป็นเจ้าของ และได้เห็นเขาแสดงออกทางเพศอย่างไม่เหมาะสมกับพนักงานสาวๆ และเมือ่เธอได้ร่วมแสดงซีรีส์ Law & Order ก็ต้องเจอเข้ากับตัวเอง เมื่อ Chris Noth พกเหล้ามาดื่มระหว่างถ่ายทำจนดูมึนเมา แล้วฉวยโอกาสดมคอของเธอและกระซิบว่าเธอตัวหอม แต่ในสมัยที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหว Me Too ทั้งตัวเธอและเพื่อนที่ทำงานที่คลับก็ไม่เคยปริปากพูดถึงพฤติกรรมนี้

เมื่อพูดถึงพฤติกรรมใช้ความรุนแรง Page Six ก็ตามขุดคุ้ยจนพบเอกสารทางกฎหมายที่อดีตคนรักที่คบหากันห้าปีในยุค 90s ได้ร้องขอต่อศาลไม่ให้เขาเข้าใกล้เธอ,ลูกสาว และสุนัขน้อยกว่า 500 ยาร์ด โดยระบุว่า เขาเคยต่อยหน้าและร่างกายทำให้เธอได้รับบาดเจ็บที่รอยฟกช้ำที่ใบหน้าและซี่โครงจนต้องรับการรักษาจากแพทย์ ทั้งยังกระหน่ำโทรหาเพื่อขู่ฆ่า, ทำให้เธอเสียโฉม และฆ่าสุนัขสัตว์เลี้ยง


สำหรับหลายฝ่าย คำกล่าวหาของผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้ฟังเป็นเรื่องปั้นแต่งเพื่อทำลายชื่อเสียง หรือมีเจตนาเรียกร้องเงินทอง แม้เขาจะยืนกรานปฏิเสธว่าไม่เคยข่มขืนและมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ แต่ก็มีคนฟันธงแล้วว่า เขาไม่่น่าจะได้ผุดได้เกิดในวงการบันเทิงอีก แม้จะไม่มีการดำเนินคดีดังกรณี Harvey Weinstein แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นน่าจะเกินเยี่ยวยาไปแล้ว!










ความเคลื่อนไหวปัจจุบัน  


  • ซีรีส์  And Just Like That... อาจต้องพับแผนการสร้าง season 2
  • นักแสดงนำหญิงทั้ง 3 แห่ง Just Like That.. แถลงการณ์สนับสนุนผู้หญิง
  • ถูกปลดจากซีรีส์ Equalizer
  • เสียโอกาสจากดีลธุรกิจมูลค่านับล้าน
  • มีข่าวลือว่า ชีวิตแต่งงานกับภรรยาที่อ่อนกว่าถึง 27 กำลังแขวนบนเส้นด้าย   แม้จะเพิ่งมีลูกเล็กๆด้วยกันและมีภาพที่ชื่นมื่นก่อนที่สื่อจะปล่อยข่าวนี้ออกมา  แต่ภาพพล่าสุดเธอกลับไม่ใส่แหวนแต่งงาน



Cancel ย้อนหลัง - Justin Timberlake

 

ก่อนที่สารคดี Framing Britney Spears จะสร้างปรากฏการณ์จนทำให้ชาวเน็ททวงถามความยุติธรรมให้กับเจ้าหญิงเพลง pop ชื่อเสียงของ Justin Timberlake ยังถือว่าเข้าขั้นดี แม้จะมี scandal ที่แสดงท่าทางสนิทสนมกับเพื่อนนักแสดงสาวแบบดูเกินเลยออกมา ก็ยังไม่ก้าวไปอยู่ในกลุ่ม 'ถูก cancel' แต่อย่างใด เขาเคยได้รับการชื่นชมให้เป็นขวัญใจอเมริกา ส่งผลงานดนตรีกอบโกยความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และยังมีภาพลักษณ์ที่เป็นแบบอย่างให้กับหนุ่มสาวสมัยใหม่

แต่กระแสร้อนแรงของสารคดีสุดฉาวก็ได้ทำให้หลายคนเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อซุปตาร์หนุ่ม ทั้งๆที่วีรกรรมที่ทำให้เขาถูกสังคมพิพากษานั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกหมดเม็ดหรือเพิ่งจะถูกเปิดโปงเป็นข่าวใหม่ แต่ดูเหมือนว่า สังคมได้มองข้ามเรื่องนี้ไปยาวนานเกินทศวรรษ แม้จะมีผู้ทักท้วงและพยายามเรียกร้องให้เขาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำ โดยเฉพาะแฟนๆของสองศิลปินหญิง

Britney และ Janet นั่นเอง...
Britney
  • เขาจบความสัมพันธ์กับ Britney ท่ามกลางข่าวลือว่าเธอเป็นฝ่ายนอกใจ  ไม่นานต่อมาก็ปล่อยเพลง  Cry Me A River  ที่ประสบความสำเร็จอลังการ แม้จะไม่ได้พาดพิงชือตรงๆ แต่ message และ MV ก็ทำให้คนเชื่อว่า Brit เป็นฝ่ายไม่ซื่อสัตย์จนทำให้เขาใจสลาย
  • เขาเคยยอมรับแบบไม่เกรงใจในการสัมภาษณ์ เมื่อพิธีกรถามว่า ได้ฟัน Britney  ไปแล้วหรือยัง  และเผยความรู้สึกย่ำแย่ที่เกิดขั้นจากความสัมพันธ์ร้าวฉานมาแล้วหลายครั้ง   นั่นบีบให้  Brit  ต้องออกมายอมรับว่าเสียความบริสุทธิ์ให้เขาไปแล้ว  หากเป็นสมัยนี้  ศิลปินดังที่เอาเรื่องบนเตียงมาฉีกหน้าคนรักเก่าคงถูก cancel  ไปแล้ว  แต่ในยุคนั้น   Brit ถูกนำเสนอในภาพสาวใจแตก และถูกสื่อเล่นงานด้วย slut - shaming มานาน  ซ้ำเติมอาการป่วยทางจิตใจให้สาหัสไปอีก
  • แฟนๆของ Brit มั่นใจว่า เขาใช้ประสบการณ์ความสัมพันธ์และชื่อเสียงของเธอมาสร้างกระแสจนผลงานเพลงโด่งดัง  ทั้งๆที่ความสัมพันธ์เป็นเรื่องของสองคน  แต่เขากลับลอยตัวอยู่เหนือความฉาวโฉ่  ในขณะที่ Brit ตกเป็นจำเลยสังคมว่าพฤติกรรมหลอกลวงผู้ชาย



Janet

  • เหตุการณ์ nipplegate  บนเวที Super Bowl  ในปี 2004 ลุกลามบานปลายกลายเป็นวาระแห่งชาติ  เมื่อซุปตาร์ทั้งสองเกิดอาการ'ผิดคิว' จนเต้าขวาของฝ่ายหญิงปรากฏต่อสายตาคนทั่วโลก  แม้จะเป็นเวาลเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรง มีสายร้องเรียนเกินครึ่งล้านจากทางบ้าน และช่อง CBS ที่ถ่ายทอดการแสดงต้องถูกเรียกปรับจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารถึง 550,000ดอลลาร์
  • กระแสล่าแม่มดหาคนรับผิดชอบดุเดือดโดยที่ไม่ต้องมี Twitter  มีการปล่อยข่าวออกมาหลายแบบ  แม้ Janet จะอธิบายว่า  ความตั้งใจจริงๆคือ เมื่อ Justin ดึงเกราะอกออกแล้ว จะเผยให้เห็นบราสีแดง (ตามที่เห็นในรูป)  ทั้ง Janet และ Justin ถูกกดดันให้ปล่าวขอโทษหลายครั้ง แต่ผู้คนจำนวนมากเชื่อมั่นว่า  Janet ต้องการสร้างกระแสด้วยการโชว์เต้า ไม่ใช่เรื่องของความผิดพลาด  และมันกลายมาเป็นคำกล่าวหาที่ตามหลอกหลอนเธอมายาวนาน 17 ปี
  • ในปี2018 โพรดิวเซอร์Super Bowlสันนิษฐานว่า ฝ่าย Janet หรือไม่ก็สไตลิสต์ของเธอเป็นผู้เสนอไอเดียเปลี่ยนแปลงโชว์ในนาทีสุดท้าย และเข้าข้าง Justin ว่า เขาน่าจะถูกเกลี้ยนกล่อมให้ทำตาม โดยที่เจ้าตัวระบุว่า ได้รับแจ้งว่าทีมงานรู้เรื่องการเปลี่ยนคิวฉีกเกราะหน้าอกเพื่อให้เข้ากับเนื้อเพลงที่ว่า 'จะจับเธอเปลือยก่อนจะจบเพลง' 
  • ในช่วงแรกๆ Justin ยังดูไม่ซีเรียสนัก เขายังพูดทีเล่นที่จริงว่า ปลาบปลื้มที่ถูกนำไปเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์  แต่ในเวลาต่อมาก็ประกาศขอโทษถึงความผิดพลาดที่ไมไ่ด้ตั้งใจให้เกิดขึ้นในขณะขึ้นไปรับรางวัลบนเวที Grammy  แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Janet ระบุว่า ผู้จัดไม่เชิญเธอไปร่วมงาน และหากอยากได้รับคำเชิญจริงๆ เธอก็แสดงความเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นออนแอร์เหมือนกับ  Justin
  • ประธานคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการตำหนิการแสดงนี้ว่า ไร้รสนิยม หยาบโลนและน่าสมเพช  แต่หลายปีหลังจากที่เขาออกจากตำแหน่งไปแล้วก็ยอมรับว่า เขาต้องแสดงท่าทีแข็งกร้าวตามน้ำไปกับกระแสสังคม และจริงๆเชื่อว่า  Janet ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เพราะการแสดงเป็นของสองคน ฝ่ายที่ดึงเกราะอกจนเต้าเธอหลุดออกมาก็เป็น  Justin
  • ผลงานอัลบั้มเพลงของ Janet  ถูกปล่อยตามมาไม่นานจากนั้น แม้จะยังขายได้ในระดับ platinum แต่ก็เป็นยอดขายที่น้อยลงฮวบฮาบ อีกหลายอัลบั้มต่อมาก็มียอดขายลดลงมาเรื่อยๆจนไม่เข้าใกล้หลักล้าน เธอค่อยๆเงียบหายไปจากวงการดนตรี และหลายฝ่ายเชื่อว่า  เหตุการณ์ nipplegate นี่เองที่ทำลายอาชีพของเธอ ในขณะที่ Justin ยังเดินหน้ากอบโกยความสำเร็จ และยังได้รับเชิญกลับไปแสดงบนเวที Super Bowl ในปี 2018
  • ในปี 2006    Janet เปิดใจกับ Oprah ว่า เธอยังอยากรักษามิตรภาพกับ Justin ไว้   แม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกลับเมื่อเขาพยายามส่งข้อความถึง   นั่นเป็นเพราะว่าเธอยังรู้สึกว่า เมื่อเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา คำพูดบางอย่างของเขาไม่ได้สื่อว่าเขายืนหยัดเคียงข้างเธอ

Kylie Minogue
  •  แม้จะไม่ถูกจัดเป็นข่าวฉาวเหมือนกับศิลปินสาวสองคนด้านบน  แต่Justin ก็กลายเป็น viral  อีกครั้ง เมื่อมีผู้โชว์คลิปการแสดงบนเวที  Brit Awards คู่กับ Kylie Minogue แล้วสร้างความฮือฮาได้การจับก้นของเธอระหว่างเต้น  มันดูเหมือนจะผ่านการซักซ้อมมาเป็นอย่างดีและฝ่ายหญิงให้ความยินยอมเพื่อการแสดง  แต่เขายังให้สัมภาษณ์หลังการแสดงเพื่อโอ้อวดว่าไม่ได้แค่แตะ แต่สัมผัสบั้นท้ายเธอเต็มๆ และบรรยายความรู้สึกว่าเขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดชาวอังกฤษจึงคลั่งไคล้ก้นของเธอมาก เพราะเขาก็ได้พบรู้สึกแบบเดียวกัน  และยังโอ่ว่า เขาควรจะได้รางวัล ท่าจับก้นยอดเยี่ยมซะด้วย
  • เมื่อได้พบกันอีกครั้งในการประกาศรางวัล Grammy  เขาก็ได้ถามหยอกเย้าเธอกลางเวทีว่า ขอจับก้นอีกครั้งจะได้รึเปล่า ซึ่งเธอยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้
  • ชาวเน็ทวิจารณ์ว่า  ในยุคแห่ง cancel culture  หากคนดังชายออกมาเพ้อถึงก้นของผู้หญิงที่เขาเพิ่งจะสัมผัสไปเต็มไม้เต็มมือระหว่างการแสดง หรือขอจับก้นเธออีกครั้งระหว่างถ่ายทอดสด ก็คงถูกรุมถล่มมากกว่าเห็นดีเห็นงาม  แต่สังคมกลับเห็นดีเห็นงามราวกับเป็นเรื่องน่าชมเชย


การเคลื่อนไหวในปัจจุบัน
  • สารคดี Framing Britney Spears ทำให้ Justin เผชิญกับแรงกดดันจากสังคมจนเขาต้องแถลงการณ์ขอโทษศิลปินสาวทั้งสอง และยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดที่ได้แสดงออกอย่างให้เกียรติพวกเธอ   แต่ทั้งสื่อและชาวเน็ทต่างตอบรับเป็นเสียงเดียวกันว่า  นี่คือคำขอโทษที่สายเกินไป
  • New York Times  ได้ปล่อยสารคดี Malfunction: The Dressing Down of Janet Jackson ออกมาในเดือนพฤศจิกายน และทำให้ Twitter เดือดอีกครั้ง  เพราะหลายคนเชื่อว่า เขาไม่ได้รู้สึกผิดกับพวกเธอแม้แต่น้อย แต่จำใจต้องแก้ไขความเสียหายแบบขายผ้าเอาหน้ารอด
  • เรื่องการงานของ Justin อาจจะไม่ได้รับผลกระทบหนักมากนัก    แต่ภาพลักษณ์ซุปตาร์ที่ผู้คนชื่นชมยกเป็นแบบอย่างก็คงจืดจางหายไป

Cancel เพราะพฤติกรรม cyberbully:   Chrissy Teigen


หนึ่งใน scandal ใหญ่โตของปี 2021 นีไม่พ้นกรณี cyberbully จากฝีมือของ Chrissy Teigen ที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว แต่ก็สร้างผลกระทบหนักมากพอที่ทำให้แบรนด์ที่สร้างสมมาเสียหายลงในพริบตา

  • Courtney  Stodden  ดาราreality show เปิดใจกับสื่อว่าต้องทุกข์ใจเพราะถูก Chrissy รังความผ่านsocial media มาหลายปี ทั้งๆที่ไม่ได้มีความแค้นหรือรู้จักมักจี่กันด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายกลับแช่งชักให้เธอไปฆ่าตัวตาย  ทั้งๆที่ในขณะนั้นเธอยังเป็นแค่สาววัยทีน
  • ชาวเน็ทขุดหาหลักฐานมายืนยันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยัง  boost พลังความฉาวด้วย tweet อื่นๆที่  Chrissy โจมตีคนในวงการด้วยถ้อยคำล้ำเส้นรุนแรง
  • เธอออกมายอมรับผิดทุุกประการ และให้เหตุผลว่า หิวแสง อยากเรียกร้องความสนใจให้ผู้คนยอมรับจากคำพูดร้ายๆจิกกัดชาวบ้าน
  • เธอสัญญาว่าจะขอโทษคู่กรณีเป็นการส่วนตัว  แต่ Courtney  ยืนยันว่า รออยู่นานสองนานก็ไม่ได้รับคำขอโทษ  แม้แต่การติดต่อจากทีมงานของ  Chrissy ก็ไม่มีวี่แวว แถมยังถูก block จาก Twitter ของเธออีกด้วย  ในขณะที่เวเลบคนอื่นๆที่เคยใช้คำพูดทำร้ายเธอก็ส่งคำขอโทษที่ฟังดูจริงใจมาแล้ว
  • เมื่อสูญเสียดีลธุรกิจไปหลายอย่าง และถูกถอดออกจากผลงานซีรีส์  Netflix Chrissy ออกมาอัพเดทซ้ำว่าเธอรู้สึกผิดมากมาย  ขอใช้เวลาเพื่อสำนึกตัวและพํฒนาแก้ไขพฤติกรรม  และยืนยันว่า นิสัยจอม bully ในอดีต ไม่ได้สะท้อนตัวตนในปัจจุบัน 

ความเคลื่อนไหวในปัจจุบัน   
  • Chrissy หวนคืน social media และ event   เธอยังได้รับกำลังใจจากแฟนๆให้ move on จากความผิดพลาด และมีผู้แสดงคามเชื่อมั่นว่า เธอได้ปรับปรุงตัวเอง และชื่นชมว่า ติดอกติดใจ Chrissy จากโดดเด่นเรื่องความตรงไปตรงมา และอารมณ์ขันที่เข้าถึงได้ง่าย
  • เมื่อค่อยๆกลับเข้าสู่แสงสีงานสังคมและ social media อีกครั้ง  Chrissy  ไม่สามารถเลี่ยงสายตาจ้องจับผิดไปได้     จากเดิมที่เธอต้องเจอกับดราม่าสารพัดเรื่อง    แต่เมื่อถูกผูกติดกับคำว่า cyberbully  ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ถูกโจมตีไปทุกความเคลื่อนไหว  อย่างการจัดparty ที่กำหนด theme เป็น Squid Game   หรือการปลูกขนคิ้วให้ดกหนา   หรือการแช่อ่างอาบน้ำร่วมกับลูกๆ
  • เธอให้สัมภาษณ์รายการ TV ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้กลายมาเป็นคนดีขึ้น และเข้มแข็งขึ้น หลังจากได้รับรู้ว่า การกระทำของตัวเองส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออีกฝ่ายเช่นไร  และเฝ้าหวังว่าผู้อื่นจะให้อภัย


Cancel เพราะเหยียดเกย์และแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ HIV: DaBaby



เป็นศิลปิน hip hop ที่กำลังรุ่งโรจน์อยู่ดีไม่ว่าดี DaBaby ก็อยากได้สถานะชายเหยียดเกย์พ่วงมาด้วยซะงั้น ไม่ได้เหยียดแบบบอกใบ้เป็นนัยๆ แต่กราดใส่ด้วยคำหยาบคายเพื่อด้อยค่าชาวเกย์จนต้องตกตะลึงไปถ้วนหน้า



  • ระหว่างการแสดงดนตรี  DaBaby ปลุกใจฝูงชนที่ล่างเวทีว่า
"หากไม่ได้ป่วยเป็น HIVหรือ AIDS  โรคร้ายแรงที่ทำให้ตายภายใน2-3สัปดาห์ก็ให้ชูไฟโทรศัพท์มือถือขึ้นมา"
"หากผู้ชมหญิงที่มีอวัยวะเพศกลิ่นสะอาดเหมือนน้ำเปล่า ก็ให้ชูไฟโทรศัพท์มือถือขึ้นมา"
"หากผู้ชมชายที่ไม่ได้เป็นพวกชอบทำoral sexให้กับชายอื่นตามลานจอดรถ ก็ก็ให้ชูไฟโทรศัพท์มือถือขึ้นมา"


  •  แน่นอนว่าคำพูดไม่กี่ประโยคนี้ทำให้สะพรึงกันไปถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นชาวเกย์หรือรสนิยมทางเพศแบบใด  บางคนต้องถามว่า ในยุคที่วิทยาศาสตร์ก้าวไกลและการติดต่อสื่อสารเชื่อมทั้งโลกได้เพียงปลายนิ้ว ยังมีคนเผยแพร่ fake news เรื่อง HIVและ AIDS ว่าคร่าชีวิตคนภายในไม่กี่สัปดาห์อยู่จริงๆหรือ
  • ซุปตาร์ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเคลื่อนไหวเพื่อให้ความรู้และช่วยเหลือผู้ป่วย HIV อย่าง Madonna และ Elton  John  ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้   พวกเค้าวิจารณ์แร็พเพอร์อื้อฉาวแบบจัดหนัก และเตือนให้เขาไปหาความรู้ที่ถูกต้อง แทนที่จะทำลายสังคมด้วยความเชื่อเหลวไหลที่สร้างมลทินให้กับผู้ป่วย
  • Dua Lipa ที่เคยร่วมงานกันในซิงเกิ้ลดัง Levitating  ต้องประกาศจุดยืนชัดเจนว่าเธออยู่ข้างเดียวกับชุมชนLGBTQ  คำพูดเหยียดเกย์ของ DaBaby ทำให้เธอตกตะลึง และเรียกร้องให้ทุกคนต่อต้านการยัดเยียดตราบาปให้กับผู้ป่วย HIV และการไม่ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้อง
  • ในช่วงแรก DaBaby ตอบโต้อย่างไม่หวาดหวั่น  ประกาศว่า แฟนชาวเกย์ของเขาเป็นเกย์มีระดับ ไม่ใช่พวกขี้ยาติดโรคข้างถนนที่ไปอมจู๋แถวลานจอดรถ
  • แต่เมื่อถูกยกเลิกงานรัวๆ ทั้งการแสดงคอนเสิร์ตและงานโฆษณาสินค้า  น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าวก็ปรับเปลี่ยนไป    หลายคนเชื่อว่า  PR  ของเขาได้เรียบเรียงคำขอโทษและยอมรับผิดที่แพร่ข้อมูลเท็จ และใช้คำพูดที่ทำให้กลุ่มคนรักร่่วมเพศต้องเจ็บปวด



ความเคลื่อนไหวในปัจจุบัน
  • แม้เพื่อนร่วมวงการอย่าง TI,  50 Cent, และ  Kanye จะแสดงจุดยืนสนับสนุน DaBaby เต็มตัว  แต่ชาวเน็ทต่างวิจารร์ว่า แร็พเพอร์เหล่านี้เป็นกลุ่มเจ้าปัญหาที่แท้จริง     และไม่ได้ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของเขาดูน่าชื่นชมแต่อย่างใด
( TI   เจอข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ   50 Cent เหยียดผู้อื่นเป็นว่าเล่น มีศัตรูเกลื่อนวงการ  ส่วน Kanye ที่ดึงตัว DaBaby มาขึ้นเวทีพร้อมกับ Marilyn Manson ที่ถูกผู้หญิงหลายคนกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศและควบคุมบงการให้ตกอยู่ภายใต้รสนิยมทางเพศแบบวิปริต ก็ทำให้หลายคนส่ายหน้า)

  • หลังจากประกาศขอโทษ เขาได้เข้าพบกับตัวแทนหน่วยงานชุมชน LGBTQ และ HIV เพื่อพยายามทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า คำพูดของเขาสร้างความเสียหายให้กับสังคมเช่นไร
  • เขาได้กลับมาแสดงบนเวที เมื่อ 50 Cent ออกตัวช่วยเหลือด้วยการชักชวนให้เป็นศิลปินรับเชิญ 
  • หลังจากว่างเว้นงานไปหลายเดือน ผู้จัดคอนเสิร์ตเจ้าหนึ่งได้ดึง DaBaby มาร่วมงานเดินสายทัวร์ไปหลายรัฐ และให้เหตุผลว่า ได้เปิดโอกาสให้แร็พเพอร์สุดฉาวอีกครั้ง เพราะได้เรียนรู้ความผิดพลาดแล้ว

Cancel เพราะไม่เคารพวัฒนธรรมที่แตกต่าง:  James Corden



เมื่อไม่นานมานี้ เราได้รับคำถามจากคุณผู้อ่านรายหนึ่งที่ข้องใจกับกระแสต่อต้านพิธีกรอารมณ์ดี ถึงขนาดมีการลงชื่อเรียกร้องไม่ให้เขาเข้าร่วมแสดงใน Wicked หนัง musical เวอร์ชั่นรีเมคที่แฟนๆเฝ้ารอ

ที่ผ่านมา  James Corden  บินลัดฟ้าจากบ้านเกิดที่อังกฤษมาสร้างชื่อเสียงที่อเมริกาจนประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม   หากไล่ชมแขกรับเชิญคนดังที่ยินยอมมาร่วมร้องเพลงใน Carpool Karaoke  ก็จะพบว่ามีแต่ระดับซุปตาร์ทั้งนั้น หลายคนเป็นประเภทหวงความส่วนตัว ไม่ออกสื่อง่ายๆ   (เขาสามารถดึง  Britney, Adele, Bruno Mars หรือแม้กระทั่งวงRed Hot Chili Peppers  มาออกรายการได้)   เขาเป็นเพื่อกับเจ้าชาย Harry เป็นที่ชื่นชอบของชาว  Hollywood  และดำเนินรายการที่ประสบความสำเร็จ แต่เพราะอะไร เขาจึงได้มาอยู่ในกลุ่มคนดังถูก camcel ได้ล่ะ?

Spill Your Gut ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์แห่งความสนุกสนานจากรายการ Tonight Show เมื่อ James ได้นำเสนอเมนูอาหารแปลกใหม่ให้คนดังลองลิ้มชิมรส แต่สิ่งที่อยู่บนจานอาจจะไม่ได้ฟังดูน่าเชิญชวน และอาจจะทำให้เกิดอาการคอแข็ง หากทำใจกินไม่ลงจริงๆ ก็ต้องยอมตอบคำถามล้วงลึกอย่างไม่บิดพริ้ว หลายเมนูจะเป็นเนื้อสัตว์ส่วนต่างๆที่ชาวตะวันตกไม่นิยมรับประทาน เช่น เครื่องใน อัณฑะ หรือจะเป็นเนื้อที่มีวิธีปรุงแหวกแนว เช่น smoothie ปลาซาร์ดีน ไอศครีมปลาsalmon เป็นต้น

แต่สิ่งที่จุดกระแสดราม่าร้อนแรงขึ้นมาก็คือ รายการได้จับเอาอาหารที่คนในประเทศแถบเอเชียคุ้นเคย เช่น Balut (ไข่ข้าวหรือไข่ที่มีตัวอ่อนภายใน) เท้าไก่ ไข่เยี่ยวม้า การสื่อว่าอาหารทีชาวเอเชียนจำนวนมากนิยมชมชอบทำให้ชาวตะวันตกรู้สึกอยากจะขย้อนนั้นทำให้พิธีกรดังเผชิญกับข้อกล่าวหา Anti Asian เนื่องจากไม่ใส่ใจความรู้สึกของชาวเอเชียนที่มักจะถูก bully ด้วย stereotype เดิมๆว่าชาวเอเชียนมีวัฒนธรรมการกินอาหารแปลกประหลาดดูน่ารังเกียจ   หลายคนเชื่อว่า  รายการนี้ยิ่งสร้างตราบาปให้กับวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างของชาวเอเชียนหนักไปกว่าเดิม


ชาวเน็ทมากกว่าสี่หมื่นรายได้ลงชื่อเพื่อถอด section นี้ออกไปจากรายการ Late Night Show แม้ James จะรับฟังคำท้วงติง และรับปากว่าจะไม่นำอาหารเอเชียนมาถ่ายทำในร้านอีก แต่เขาก็ถูกมองในด้านลบไปซะแล้ว




ความเคลื่อนไหวในปัจจุบัน
  • ไม่เพียงแต่จะถูกโจมตีเรื่องเหยียดอาหารชาวเอเชียนเท่านั้น แต่ผลงานการแสดงในหนัง musical ก็ทำให้ชาวเน็ทจำนวนมากแสดงอาการ 'ขวางหูขวางตา'   นับตั้งแต่หนัง  Cats  ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นหนังยอดแย่ที่ทำให้คนดูต้องขนลุก บทบาทของ  James  เรียกเสียงเย้ยหยันอื้ออึงโลกออนไลน์  
  • เมื่อ James ทั้งโพรดิวซ์และร่วมให้เสียงพากย์เป็นหนูในหนัง Cinderella เวอร์ชั่น musical   แต่เมื่อเขาปรากฏตัวร่วมร้องเต้นใน trailer   ชาวเน็ทหลายคนก็แสดงความรำคาญใจแบบสุดกลั้น  เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยโชว์ฝีมือการแสดง musical มาหลายเรื่อง ( The Prom, Into the Woods  และ Trolls)   ข้อความโจมตี ประเภท  'พวกเรารับไม่ไหวอีกต่อไป' หรือ  'เขาควรอยู่ห่างๆหนัง musical'   กลายเป็นเรื่องปกติที่จะได้พบเห็นตามข่าวคราวผลงานของเขา
  • เมื่อมีการประกาศนักแสดงนำหนัง  Wicked  (หนึ่งในนั้นคือ Ariana Grande)   แฟนๆหนังเรื่องนี้ก็หวั่นเกรงว่าจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงร่วมลงรายชื่อนับแสนเพื่อเรียกร้องสตูดิโอไม่ให้ดึง James มาร่วมแสดงหนังที่พวกเค้ารอคอย  เรียกได้ว่าดักไว้ล่วงหน้า  หากสตูดิโอไม่หวั่นเกรงดราม่า กล้าเรียกเขามา cast  กระแสต่อต้านน่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
  • นอกจากนั้นชาวเน็ทยังร่วมวิจารณ์ข่าวลือที่ว่า ตัวตนจริงของ James ร้ายกาจ ไม่ได้เป็นมิตรเหมือนภาพที่ปรากฏในTV  คล้ายคลึงกับกรณี  Ellen  DeGeneres ที่เผชิญมรสุม cancel culture จนต้องประกาศเลิกทำ talk show


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE