อยากกู้ร่างพัง แบบไม่ต้องเสียตัง ทำไง?

35 19

สวัสดีจ้าาาา 


สบายดีกันรึเปล่า  เป็นอย่างไงกันบ้าง ในช่วงที่ผ่านมาที่ต้อง Work From Home กันเป็นส่วนใหญ่ เราว่ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แรกๆ ก็คงโอเคกันที่ได้พักอยู่กับบ้านกันบ้าง บางคนก็คง กินๆ นั่งๆ นอนๆ ปั่นงานกันไป ก็เพราะอย่างงั้นไง หุ่นพังกันหมดแล้วแม่


และหลังจากกระทู้ที่แล้วเราแชร์การกู้ผิวพังกันแล้ว วันนี้มาเล่าเรื่องการดูแลหุ่นกันบ้าง 


มาเริ่มเล่าถึงพื้นฐานหุ่นเดิมเราก่อน คือเราเป็นคนผอม น้ำหนักจะอยู่ไม่เกิน 43 กิโล เมื่อก่อนคือต้องขอ “How to  กินยังไงให้อ้วน” จนเพื่อนหลายคนหมั่นไส้ แต่พอเรียนจบเข้าสู่วัยทำงานเท่านั่นแหละ!!  วันๆ เอาแต่นั่งอยู่กับหน้าคอมตลอด และสิ่งสำคัญที่โปรดปรานต้องกินทุกวันก็คือ  ชานมไข่มุกจ้า  ประกอบกับนิสัยกินตอนดึก มาม่าตอนกลางคืนคือเดอะเบส บางคืนออกไปตามล่าหาของหวานกิน บัวลอยนมสดงี้ รวมมิตร สลิ่มงี้  โรตีตอนดึกๆ งี้  (เห้ยยย พูดละหิว) และใช่ค่ะ!! กินทุกวันตลอด 2 ปี รู้ตัวอีกที พุงกองเป็นก้อนเลยทุกคนนนน T^T เรากลายร่างเป็นคนผอม แต่พุงยื่น มันไม่โอเคเลยง่ะ แต่ก็ยังปลอบใจตัวเองว่า ดูรวมๆ ก็ยังผอมนะแก อย่าไปโฟกัสที่พุงสิ หึ หึ 


แต่ยัง ยังไม่จบจ้า หลังจากทำเรื่องจะไปออสเตรเลียผ่าน ช่วงที่เรารอวันเดินทาง เราก็กลับไปพักอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เป็นช่วงเวลาที่เปรมปรีมาก คือกินอะไรก็อร่อยไปหมด กินมะม่วงสุกทุกวัน วันละ 1-2 ลูก  และชอบมากกับการจกข้าวเหนียว (คิดแล้วฟินนน) ก็คือไม่สนใจหุ่นใดๆ (ฉันยังผอมๆ หลอกตัวเองไป)


ละพอมาออสเตรเลีย จัดหนักอย่างต่อเนื่อง นม เนย ชีส ขนมปัง พิซซ่า เบอร์เกอร์ KFC ตอนดึกก็ยังกินไม่หยุดเหมือนเดิม แล้วเราก็ทำงานที่ร้านอาหารด้วย ก็คือ Enjoy Eating มากจ้าแม่  มาชั่งน้ำหนักอีกทีเหยียบ 50 กิโลแล้วอ่ะแกร ToT ช็อคคคค!!! (น้ำหนักน่าจะสะสมมาจากไทยด้วยแล้วแหละ) เราเริ่มกลับมาย้อนดูความเปลี่ยนแปลงตัวเองที่ผ่านมา คือเป็นคนที่อ้วนออกที่หน้า แก้มมาเป็นกอง ต้นขาตรงขาหนีบมาชิดกันแล้ว ต้นแขนใหญ่ขึ้น พุงยื่น และที่รับไม่ได้คือ รอยแตกลายที่บั่นท้ายของเราาาา  แง่ๆๆ 


ตอนนั้นคือเริ่มคุมการกินมากขึ้น ไม่ได้หยุดกินนะ แต่มีสติตอนกิน จากกินอย่างบ้าคลั่ง ก็ยังกินตามใจปากแต่กินในปริมาณน้อยลง ผลก็คือน้ำหนักก็ค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ และหยุดที่ 46 กิโล (เพราะหล่อนยังไม่หยุดกินไง -.,-“) แต่ที่ยังลดลงไม่ได้ คือแก้มกับพุงจ้า มาแล้วมาเลย ลงยากมาก 


ยังใช้ชีวิตอย่างนี้เป็นปีเลย แต่พอวันนี่ง พี่ๆ นัดกันว่าจะไปเที่ยว Eight Pool เป็นแลนด์มาร์คนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่พลาดกัน เราก็มีฟิลอยากใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายรูปบ้าง เนื่องจากเราอยู่ติดทะเลแต่ไม่เคยไปเล่นทะเลเลย เพราะทะเลที่นี่แอบน้ำกลัวสำหรับเรา น้ำเย็นมากกกก คลื่นก็น่ากลัวเกินไปสำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างเรา แต่ที่ที่จะไปเหมือนเป็นสระน้ำธรรมชาติที่เป็นรูปเลขแปด เราก็เลยฟิตออกกำลังกายเลย เอาพุงออกสักนิดก็ยังดี  ตอนนั้นเราออกกำลังกายตามคลิปในยูทูปเลย เน้นท่าลดหน้าท้องล่าง ประมาณเดือนนึ่ง น้ำหนักลงมาแค่ 1 กิโล บางวัน 45 บางวัน 46 ขึ้นๆ ลงๆ อย่างนั้น

วันที่ไปเที่ยวก็เลยไม่ได้ภาพชุดว่ายน้ำตรงจุดที่คิดไว้ แต่ไปเล่นที่ทะเลอีกจุดนึ่งต่อจากนั้นแทน (แต่เอาจริงๆ ถ่ายรูปออกมาแล้วก็แบบ อ่าวเห้ย!! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า -.,-“ ) ลบภาพทิ้งไปๆ (ขออนุญาตไม่เอามาโชว์น้า เขิล -///- ) หลังจากไปเที่ยวครั้งนั้น ก็ไม่ออกกำลังกายต่อแล้วแต่น้ำหนักก็ 45 - 46 เหมือนเดิมแหละ 

อ่ะ!!!  เริ่มเข้าเรื่อง


และแล้วคุณผู้ชายคนนั้นก็เข้ามา คนที่ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นจริงๆ ก็นั่นแหละ ด้วยความคลั่งรักมันเป็นพลัง คราวนี้เอาจริงเอาจังมาก เราก็กลับมาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลหุ่นให้มากขึ้น เราคิดถึงคุณพี่สะใภ้คนสวยของเรา (แทบจะเป็นไอดอลหลายๆ ด้านเลย) พี่แกเป็นคนเก่ง ถ้าสนใจเรื่องอะไรแล้วจะไปให้สุดในเรื่องนั้นๆ เลย เรื่องลดน้ำหนัก พี่เขาก็เคยหลายวิธีที่เราเห็นก็มี การกินแบบคีโต (Ketogenic) และอันล่าสุดที่เราคิดว่าโอเคเลยคือการทำ IF ซึ่งก็เป็นวิธีที่หลายๆ คนนิยมในปัจจุบัน


ซึ่งการทำ IF (Intermitent Fasting) คือการจัดสรรเวลาในการกินของเราในแต่ละวัน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ 

  1. Feeding เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถกินอาหารได้ตามปกติ 

  2. Fasting เป็นช่วงเวลาที่เราหยุดกินอาหารเป็นเวลาต่อเนื่อง 

ซึ่งเราตัดสินใจลองทำ IF ดู  เราเลือกทำแบบ 16 / 8 หมายถึง  กินได้ใน 8 ชั่วโมง และหยุดกิน 16 ชั่วโมง ซึ่งตอนหยุดกินก็จะทานได้แค่น้ำเปล่า ชา กาแฟดำ และของเรามีทานแอปเปิลไซเดอร์ด้วย แต่กินแบบเม็ดนะ  


เราเริ่มกินตอน 10 โมงเช้า คือกินพวกวิตามิน ซึ่งบางตัวก็ถือว่ามีพลังงานก็เลยหยุดนับเวลา Fasting ที่ 10 โมง และกินมื้อเย็นตอน 5 โมงเย็น และหยุดกินทุกอย่างตอน 6 โมงเย็น ระหว่างวันก็กินน้ำเยอะมากเพราะอยู่ในช่วงดูแลผิวด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วการดื่มน้ำ ดีต่อร่างกายมาก ในทุกๆ ด้านเลย ( จิบทีละนิด แต่บ่อยๆ นะคะ)  

ความรู้สึกช่วงแรกทรมานมาก เพราะถึงแม้ปกติเราจะไม่ค่อยทานข้าวเช้าแล้วจะกินสายๆ อยู่แล้ว แต่มันทรมารหลังจากเข้าช่วง Fasting เนี้ยแหละ คิดดูว่าจากคนกินดึกทุกมื้อ ท้องต้องมีอาหารถึงจะนอนได้อย่างสบาย  กลับต้องเข้าโหมดรักสุขภาพขึ้นมาซะงั้น หักดิบแบบสุดๆ ไปเลย กลับบ้านก็รีบทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็อยู่แต่ในห้องนอนเลย เพราะถ้ายังอยู่กับพี่ๆ ข้างล่างฉันตะบะแตกแน่ๆ 


พอผ่านช่วงปรับตัวไปได้ เราก็ชิวๆแล้ว เพราะเราทำ IF แบบไม่เครงครัด ไม่ได้คุมอาหารเท่าไหร่ (จริงๆ ควรคุมการกินไปด้วยจะเห็นผลดีและเร็วมากๆ) ในช่วง 8 ช่วงโมงที่กินได้ เราก็จัดเลยจ้า คิดว่ากินเยอะกว่าเดิมด้วยซ้ำ จากกับข้าวปกติ เราจะลวกผักกับเนื้อไก่ทานเพิ่มด้วย ละก็มีกินถั่วเล็กน้อย ส่วนเรื่องขนมก็กินนะ แต่จะใช้เทคนิค กินพอหายอยาก เน้นแบ่งปัน กินครึ่งนึ่งให้พี่ครึ่งนี่งงี้  


ใครที่อยากลองทำ IF เราต้องบอกเลยว่า อย่าอดอาหารเด็ดขาด แบบกินน้อยจนเกินไปคือไม่ได้เลยนะคะ เพราะถ้าเพื่อนๆ กินไม่พอ ร่างกายจะโหย แล้วมีโอกาสที่กล้ามเนื้อจะสลายอีกด้วย กลับกลายเป็นผลลบกับร่างกายเราแทน จากจะผอมกลายเป็นโยโย่ได้นะ

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามมากคือ การออกกำลังกาย ซึ่งหลายคนที่ทำคลิปลดน้ำหนักแบบ IF ก็จะชอบบอกว่า ไม่ออกกำลังกายน้ำหนักก็ลด (ซึ่งก็อาจจะจริง) แต่!! ร่างกายเราก็จะไม่เฟริม์ อีกทั้งการออกกำลังกายยังช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อให้เราเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นผลดีต่อกระบวนการเผาผลาญอีก ดังนั้น เราจึงตัดสินในออกกำลังกายควบไปด้วย


แต่เราก็ไม่ได้ออกเยอะ หรือท่าออกกำลังแบบยากอะไรนะ  คือหลังจากเลิกงานก็จะออกกำลังกายก่อนอาบน้ำ  จริงๆ แล้วก็ไม่ควรออกในเวลาใกล้เข้านอน แต่พอดีเรานอนดึก ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ควรนอนดึกอีกนั่นแหละ (สายชิว) แต่เราก็พักผ่อนเพียงพอนะ เพราะนอนประมาณตี 2 ตื่นประมาณ 9 - 10 โมง ( 6 - 7 ชั่วโมงได้ )

ท่าออกกำลังกายของเรา ก็จะมี

  1.  ซิทอัพ 50 ครั้ง 

  2. ท่า Hip Raise Twist คือเราจะนอนราบแล้วยกขาตั้งเป็น 90 องศา แล้วกระดกยกก้นขึ้นนิดหน่อย 30 ครั้ง

  3. ท่า Bicycle Crunch นอนราบแล้วดึงเขาข้างซ้ายขึ้น พร้อมกับเอี้ยวตัวยกขึ้นไปทางซ้าย ให้ข้อซอกขวาชนกับเข่าซ้ายที่ดึงขึ้นมา แล้วก็ทำสลับซ้ายขวาไปเรื่อยๆ 30 ครั้ง จะเหมือนเราปั่นจักรยาน

  4. ท่าแพลงก์ 1 นาที

  5. ท่าไซด์แพลงก์ ข้างละ 1 นาที (คือการแพลงก์แบบนอนตะแคงข้าง)

  6. ท่าสควอท

ที่ทำประจำก็จะประมาณนี้นะ อันนี้คือฉบับวันชิลๆ ถ้าวันไหนเราอยากออกเยอะหน่อยก็จะทำตามคลิปของ Chloe Ting (ใน 2 Week Shred Challenge เราทำเฉพาะ ABS 2 Week)

และนิก็คือผลของความพยายาม แบบชิลๆ ของเราาาาา

คือถ้าเราเครงครัดกว่านี้ ก็คงจะใช้เวลาน้อยกว่านี้ แต่สำหรับตัวเราเอง ค่อยๆเป็นค่อยๆ ไป แบบที่เราทำก็แฮปปี้นะ ไม่ได้ฝืนตัวเองจนเกินไป เราถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว ที่เหลือก็คือ ต้องมีวินัย ทำเรื่อยๆ จนเป็นนิสัย เชื่อว่าจะสามารถมีหุ่นที่เป๊ะกว่านี้ได้  


แอบเล่าเพิ่มเติม 

เรากลับไทย 4 เดือนคือทีแรกทำใจไว้แล้วว่ากลับมาออสค่อยลดหุ่นอีกรอบละกัน ขอกลับไปกินแบบจัดเต็ม ไม่ออกกำลังกายใดๆ แต่เรายัง IF อยู่เหมือนเดิม


ผลก็คือ ยังคงน้ำหนักได้ดี 39 - 40 กิโล แต่ก็พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า การออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย แบบที่อยู่ออสมันดีกว่าจริงๆ เพราะรู้สึกร่างกายเฟริมกว่า เวลากินเยอะพุงก็ไม่ค่อยป่องมาก  ต้อนอยู่ไทยไม่ออกกำลังกายทำแต่ IF ร่างย้วยมาก กินปุ๊บ ป่องปั๊บเลย

สุดท้ายแล้ว ด้วยค่านิยมของผู้คนยุคนี้ที่มองกันต่างมุมมากขึ้น บางคนมองว่า การมีหุ่นที่ผอมเพียว มีซิกแพ็คนิดๆ คือนิยามของคำว่าสวย  บางคนมองว่า ไม่ว่าเราจะหุ่นแบบไหน เราก็มีความสวยในตัวเอง อย่างที่ตอนนี้นิยมคำว่า "Real Size Beauty"


ไม่ว่าทุกคนจะมองในมุมให้ก็ตาม แต่สำหรับเราแล้ว จุดเริ่มต้นที่เราเลือกออกกำลังกาย ดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น เพราะคำพูดของผู้ชายที่เป็นแรงผลักดันของเรา ว่า  "ฉันแค่อยากให้เธอดูแลตัวเอง เพื่อสุขภาพที่ดี เธอจะได้อยู่กับฉันนานๆ" แค่นั้นเลย 


หลังจากได้ดูแลตัวเอง ทั้งผิว ทั้งหุ่น จนดีขึ้นระดับหนึ่งแล้ว เรารักตัวเองมากขึ้น มากๆเลยนะ แล้วก็อยากจะทำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปนานๆ


ขอบคุณนะ คุณชนาธิป :)

จบแล้วจ้า สำหรับเรื่องเล่าจุดเปลี่ยนชีวิตของเราอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะแชร์ให้ทุกคนรู้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับใครที่ได้อ่านไม่มากก็น้อยน้า


เราเชื่อว่าถ้ามีเป้าหมาย ตั้งใจอยากทำอะไร เราก็จะทำมันได้ แค่เราต้องอดทน และมีวินัย


"ไม่มีความสำเร็จไหน ได้มาโดยไม่พยายาม"


สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้ก่อนหน้าของเรา ที่เราเล่าเกี่ยวกับการ ดูแลผิวของตัวเอง ก็สามารถตามไปอ่านได้น้า พูดได้เลยว่า ภูมิใจนำเสนอมาก เพราะจากเราคนที่เป็นสิวมาตลอดชีวิต ก็ยังสามารถกู้ผิวให้สวยปังได้


อยากให้ตามไปอ่านกันน้า แปะลิงค์ไว้ให้แล้วจ้า

แชร์สกินแคร์ตัวดัง เปลี่ยนผิวพังให้สวยปัง


ไปแล้วจ้า เจอกันใหม่กระทู้หน้านะ 

ส่วนใครที่กำลังดูแลผิวหน้า ก็แวะไปอ่านกระทู้ก่อนหน้าได้น้า



แชร์สกินแคร์ตัวดัง เปลี่ยนผิวพังให้สวยปังได้
https://www.jeban.com/topic/334909


lemonhoneybee

lemonhoneybee

สวัสดีค่ะ
ชื่อน้ำผึ้งนะคะ ตอนนี้กำลังพัฒนาตัวเองในทุกๆด้าน เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้อ่านด้วย หวังว่าจะเป็นประโยชน์และสร้างพลังให้กับใครที่ได้เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อยนะคะ
เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้าาา

ทักทายกันได้จ้า เหงาๆมาเม้าส์ได้ทุกเรื่อง

ป.ล. เราเป็นทาสน้องหมาน้องแมวงับ กับมนุษย์ทุกคนก็เป็นมิตรเช่นกัน แหะ😆

FULL PROFILE