มัดรวม Night Skin care Routine ฉบับ “สาว วัยเลข 3”

43 19

Hello สวัสดีค่า สาวๆโต๊ะเครื่องแป้งทุกคน ^^ 

เป็นยังไงกันบ้างค่ะสาวๆ สบายดีกันมั๊ยเอ่ยย ??? เราหวังว่าทุกคนสบายดีน๊าาค๊าา : )

ต้องขอบอกกับสาวๆก่อนเลยนะคะว่า วันนี้ไม่ได้จะมาป้ายยาสาวๆ แต่อย่างใด เนื่องจากว่าช่วงนี้เราไม่ได้ออกไปไหนทำให้ไม่ได้ไปชอปปิ้ง T-T (เหงามาก เบื่อมาก Covid มันร้ายกาจจริงๆค่ะ) และบวกกับมีสาวๆหลายคนหลังไมค์มาถามถึง Skin Care Routine กันค่อนข้างเยอะ 

     อ่ะๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ววันนี้เราก็เลยจะขอหยิบ Night Skin Care routine ที่เราใช้เป็นประจำทุกวัน มารีวิวซะเลยค่ะ พร้อมกันหรือยังค่ะสาวๆ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปดูกันเลย  

     ขอเกริ่นเบาๆ อีกนิดนิงนะค่ะว่า เราเป็นคนผิวผสม จะมีความมันเยิ้มหยดย้อยบริเวณช่วงทีโซน มีความแห้งเป็นขลุยบ้างบริเวณข้างๆจมูก และแอบมีปัญหาตามประสาผิววัยเลย 3 ที่มีจุดด่างดำบ้าง มีริ้วรอยบ้างบาง และมีปัญหาเรื่องฝ้า กระ บ้างนิดหน่อยตามการเวลาค่ะ 

มาเริ่มที่ตัวแรกกันก่อนเลยนะคะ

“ADVANCED GÉNIFIQUE SERUM”

     เซรั่มตัวดังที่หลายๆคนยกให้เป็น Frist Serum (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น) ที่หลักๆแล้วเค้าจะเข้าไปช่วยทำให้ผิวดุอ่อนเยาว์ เปล่งประกาย และช่วยสร้างสมดุลให้กับผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และสุขภาพดีขึ้น ด้วยนวัฒกรรม “Microbiome” ที่ช่วยสร้างสมดุลไมโครไบโอม (เรามาทำความรู้จัก Microbiome กันนิดนึงนะคะ Microbiome  คือระบบนิเวศน์ของจุลินทรีย์มีชีวิตที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนังชั้นนอก เมื่อเราอายุมากขึ้น เจ้าไมโครไบโอมจะลดลงซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่างๆนั่นเองค่ะ) เพื่อทำให้ผิวของเรามีความสมดุ

     และนอกจากนี้เค้ายังส่วนผสมอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อผิว ไม่ว่าจะเป็น

    • 30 MILLIONS PRE- AND PROBIOTIC FRACTIONS* เสริมปราการผิว ช่วยปกป้องและฟื้นบำรุง ให้ผิวดูแข็งแรงสุขภาพดี

    • HYALURONIC ACID ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง
  

    • VITAMINE CG ที่ช่วยลดความหมองคล้ำ 

 Texture    

     สำหรับเซรั่มขวดนี้เค้ามาในรูปของเซรั่มใสๆ ที่มีเนื้อมัสผัสบางเบา และซึมผิวหน้าได้ดีมากๆ สำหรับในเรื่องของกลิ่นเค้ามีกลิ่นหอมอ่อนๆค่า (กระซิบนะคะว่าเค้ามีส่วนผสมของน้ำหอมนะคะสาวๆที่แพ้น้ำหอมเราไม่แนะนำน๊า) 

ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองใช้ในครั้งแรก

     เซรั่มขวดนี้เค้าเป็น Frist Skin Care ที่ดีมากๆสำหรับเราค่ะ เพราะเค้ามีเนื้อสัมผัสที่บางเบา และซึมเข้าสู่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่เหนียวเหนอะหนะ และสามารถทา Skin Care ในขั้นตอนต่อไปได้โดยที่ไม่ทำให้หนักหน้าเลยค่าา

ผลลัพธ์
   

     ในส่วนของผลลัพธ์เราว่าเค้าตอบโจทย์ผิวของเราได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ เพราะเราสัมผัสได้เลยค่ะว่า ผิวหน้าดูชุ่มชื้น และดูกระจ่างใสขึ้น แถมจุดด่างดำก็ยังดูจางลงอีกด้วยค่า
 

เรามาต่อกันที่ตัวที่สองกันเลยนะคะ

“Inaclear dark spot Serum”  

     หรือที่หลายๆคนรู้จักกันดีในชื่อ “เซรั่มลดฝ้าหมอกุ้ง” นั่นเอง สำหรับเซรั่มตัวเนี้ยเป็นเซรั่มที่วิจัยและทดลองในคนยุโรปและเอเชีย ซึ่งเซรั่มขวดนี้เค้าจะเข้าไปช่วยดูแลปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น จุดด่างดำ หรือ แม้กระทั้งปัญหา ฝ้า หรือ กระ  

     ด้วยส่วนผสมที่สำคัญอย่าง

     • DKK-1 เข้มข้น 2% (กระซิบนะคะว่าเป็น DKK -1 เจ้าเดียวในไทย) ซึ่งเป็นนวัฒกรรมใหม่ล่าสุด (เดี๋ยวเราจะอธิบายสั้นๆข้างล่างนะคะ) ที่จะเข้าไปช่วยหยุดเม็ดสีตั้งแต่เริ่มสร้างเม็ดสี และช่วยทำให้ผิวหน้าแข็งแรง  

     • Ectoin ที่ช่วยลดความเข้มของเม็ดสี ช่วยทำให้ผิวปกป้องผิวจากมลพิษ และช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย  

     • Gold particle & Stabilized ascorbic acid ที่ช่วยเร่งให้ผิวกระจ่างใสได้เร็วขึ้น  และช่วยเพิ่มความเสถียรของตัวเซรั่ม   

     • Phytobioactive Clerilys ช่วยปรับสีผิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวทำให้ผิวกระจ่างใส 

    • Encapsulated peptide ที่จะเข้าไปช่วยลดเม็ดสี และช่วยเสริมให้ส่วนผสมอื่นๆทำงานได้เห็นผลสูงสุดค่ะ) 

 (เรามาทำความรู้จักกับ ส่วนผสมอย่าง DKK-1 กันนิสนึงนะคะ DKK-1 เค้าคือโปรตรีนสังเคราะ์เรียนแบบ โดยใช้ทฤษฎีฝ่ามือ ฝ่าเท้า สาวๆจะสังเกตุได้ว่าสีผิวบริเวณฝ่ามือ และฝ่าเท้าของเราจะขาวกว่าบริเวณอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะสัมผัสกับแสงแดด หรือมลภาวะมากกว่าบริเวณอื่น

Texture    

     เค้ามาในรูปของเซรั่มสีครีมอ่อนๆ ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยนง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทิ้งความมันบนผิวหน้า สำหรับในเรื่องของกลิ่นเค้ามีกลิ่นของส่วนผสมอ่อนๆค่า

ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองใช้ในครั้งแรก
    

     ด้วยความที่เราเป็นค่อนข้างผิวมัน และไม่ชอบ  Skin Care ที่เหนียวเหนอะหนะ หลังจากที่เราได้ทดลองใช้ในครั้งแรก จึงรู้สึกว่าเค้าตอบโจทย์มากๆ เพราะเค้าซึม เกลี่ยง่าย และสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ทิ้งความมัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ เลยค่ะสาวๆ และที่เราชอบมากๆอีกอย่างนึงเลยก็คือเค้าช่วยให้ผิวชื้นขึ้นทันทีที่ทาอีกด้วยค่า 

ผลลัพธ์
    

     ตรงนี้เราสัมผัสได้เลยค่ะว่าหลังจากที่ได้ทดลองใช้เป็นประจำ สีผิวของเราดูสม่ำเสมอขึ้น จุดด่างดำดูจาง และที่สำคัญฝ้าบางๆของเราก็แอบจางลงด้วย แถมผิวก็ยังกระจ่างใสดูสุขภาพดีขึ้นอีกด้วยค่า  

มาที่ตัวที่สามกันบ้างนะคะ  

“Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing & Dark Circle-Diminishing Vitamin C Eye Serum” 

     ตัวนี้เป็นอีกตัวนึงที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเราเป็นคนนึงที่นอนดึกมาก แถมเป็นภูมิแพ้บ่อยๆ ทำให้เราเองมีปัญหาใต้ตาหนักมาก สำหรับตัวนี้เค้าจะช่วยบำรุงรอบดวงตาของเราให้ดูเรียบเนียน กระจ่างใส และนอกจากนี้เค้ายังช่วยลดเลือนริ้วรอยทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาดูอ่อนเยาว์ขึ้น 

ด้วยส่วนผสมหลักๆอย่าง

      • ไตรเป็ปไทด์คอมเพล็กซ์ (Tri-Peptide Complex)

     • อนุพันธ์ ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid Derivative)

     • วิตามินซีบริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้น 10 เปอร์เซ็นต์ (10% Pure Vitamin C) 

Texture
   

      ตัวเนื้อสัมผัสเค้าจะเป็นเซรั่มที่เนื้อสัมผัสเข้มข้นมากๆ แต่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากๆเช่นกันค่ะ ในเรื่องของสีเค้ามีสีเหลืองอมส้ม (ตัวนี้มีส่วนผสมของ Vitamic C สีอาจจะมีเข้มข้นบ้างค่ะ) สำหรับในเรื่องของกลิ่นตัวนี้เค้าไม่มีกลิ่นค่า 

ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองใช้ในครั้งแรก

     สำหรับเซรั่มขวดนี้จะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเรามากๆ เพราะขณะทาจะให้ความรู้สึกอุ่นๆ และแอบมีรู้สึกยิบๆนิสนุง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ ไม่ได้ส่งผลให้เราเกิดการแพ้หรือระคายเคืองแต่อย่างใด ในส่วนตัวเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างจะเข้มเข้น หลังจากที่เกลี่ยลงบริเวณใต้ดวงตาก็ยังคงสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เป็นอย่างดีค่า

ผลลัพธ์
 

      เราสัมผัสได้เลยค่ะว่า ผิวบริเวณรอบดวงตาดูสุขภาพดีขึ้น กระจ่างใสขึ้น คือจากบริเวณรอบดวงตาจากที่เป็นวงหมองคล้ำดั่งหมีแพนด้าก็จางลงค่ะสาวๆ ในส่วนของเรื่องริ้วรอยคงต้องใช้ต่ออีกนิสนุงน่าจะเห็นผลค่า 

มาถึงตัวที่สี่กันแล้วนะคะ

 “Clinique Moisture Surge  Extended Replenishing Hydrator” 

     ตัวนี้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยชีวิติผิวบริเวณข้างจมูกที่แห้งลอกของเราได้เป็นอย่างดี เพราะเค้าสามารถเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ถึง 174%  ทันทีที่ใช้  และที่สำคัญเลยก็คือเค้ายังสามารถคงความชุ่มชื่นได้ยาวนานแม้เวลาไป 100 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือหลังจากใช้ต่อเนื่องประมาณ 4 สัปดาห์ เค้ายังช่วยเสริมเกาะป้องกันให้ผิวดูสุขภาพดี และดูเปล่งประกายขึ้น 

ด้วยส่วนประกอบที่สำคัญที่อย่าง
      

      • Aloe Vera Bio Ferment ที่พัฒนามาจาก  Aloe Extract Powder, Lactobacillus และ Activated Aloe water ผ่านกระบวนการหมักพิเศษ เพื่อให้ได้สารที่มีประโยชน์เข้มข้น และสามารถซึมเข้าสู่ผิว และมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างเต็มที่
       

     • Trehalose + Sorbitol ส่วนประกอบที่ได้จากน้ำตาล ที่ช่วยเสริมความสามารถในการเก็บความชุ่มชื้นจากสภาพแวดล้อม 

เนื้อสัมผัส
    

     สำหรับเนื้อสัมผัสของเค้า มาในรูปแบบครีมเจลสีชมพูอ่อน ที่ให้สัมผัสเข้มข้น แต่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ทิ้งความมัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ และยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆอีกด้วยค่ะสาวๆ 

ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองใช้ในครั้งแรก
   

       ตัวนี้เป็นอีกตัวที่ต้องบอกเลยค่ะว่าดีงามมากๆ เพราะด้วยตัวเนื้อสัมผัสของเค้าที่บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งความันบนผิวหน้า และที่สำคัญเลยก็คือเราสัมผัสได้เลยค่ะว่าผิวหน้าของเราชุ่มชื้นขึ้นทันทีหลังจากที่ทาเลยค่า 

ผลลัพธ์
    

      เราสัมผัสได้เลยค่ะว่าจากผิวที่เคยดูแห้งกร้าน ก็กลับมาดูชุ่มชื้น ฉ่ำน้ำ ดูเปล่งปลัง มีชีวิตชีวาขึ้นจนสังเกตุได้เลยค่ะสาวๆ และที่สำคัญเลยก็คือเราสังเกตุได้เลยค่ะว่าผิวดูสุขภาพดี และแข็งแรงขึ้น แถมยังแต่หน้าติดทนนานขึ้นอีกด้วยค่า  

สุดท้ายกันแล้วนะคะสำหรับ Night Skin Care routine ของเราในวันนี้

 “Inaclear Cream” 

     ไหนๆก็มีเซรั่มแล้วก็ต้องไม่พลาด ครีมทาฝ้าตัวดัง จริงมั๊ย ?? สำหรับ Inaclea Cream กระปุกนี้ เค้าเป็นครีมที่เรียกได้ว่าเป็น all in one เลยค่ะ เพราะเค้าช่วยทำให้ผิวของเราสุขภาพดีได้ถึง 7 ประการ ทั้ง ช่วยลดอนุมูลอิสระจากการโดนแสงแดด, ช่วยลดอาการผิวไหม้จากการแสงแดดหรือความหมองคล้ำจากมลภาวะ, ช่วยให้รอยดำ รอยแดงจากสิวดูจางลง, ช่วยให้รู้ขุมขนกระชับเรียบเนียน, ช่วยให้ฝ้าแลดูจางลง, ช่วยป้องกันการเกิดฝ้า และช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้น  

     ด้วยส่วนผสมหลักๆ   

     • DKK-1, Glucoside, Alpha - Arbutin ช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีที่ทำให้เกิดจุดด่างดำ หรือฝ้า   

     • Glycolic Acid ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว  

     • Niacinamide ช่วยลดการอักเสบของผิว

     • Helianthus Annuus Seed Oill, Coco-Caprylate/Caprate  ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี    

     และที่สำคัญเลยก็คือ เค้าไม่มีส่วนผสมของ พาราเบน, สเตียรอยด์, ปรอท, สารฟอกขาว, สารเร่งผลัดเซลล์ผิว และสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวอีกด้วยค่ะ 

Texture
    

     เค้ามาในรูปครีมสีครีมอ่อนๆ ที่ให้เนื้อสัมผัสค่อนข้างบางเบา เกลี่ยง่าย  และสามารถซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้เป็นอย่างดี สำหรับในเรื่องของกลิ่น เค้าไม่มีกลิ่นค่า 

ความรู้สึกหลังจากที่ได้ทดลองใช้ในครั้งแรก
    

     ส่วนตัวเราว่าตัวครีมเค้าตอบโจทย์ของเราได้ดีมากๆ เพราะ Skin Care ที่ใช้ก่อนนอนสำหรับเรา ต้องไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทิ้งความมันค่ะ ซึ่งกระปุกนี้เค้าทำได้มากๆ และที่ดีงามสุดๆไปเลยก็คือหลังจากที่เราได้ทาครีมก่อนนอน ตื่นมาเราก็รู้สึกได้เลยค่ะว่าผิวหน้านุ่มขึ้นสัมผัสได้เลยค่า 

ผลลัพธ์
    

     สำหรับผลลัพธ์หลังจากที่เราได้ใช้เป็นประจำ เราสัมผัสได้เลยค่ะว่า ผิวหน้าดู เรียบเนียน นุ่ม และชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะสาวๆ และที่สำคัญเลยก็คือ จุดด่างดำต่างๆ ไม่ว่าจะเกิดจากสิว หรือฝ้า กระก็ดูจาง แถมผิวก็ยังดูแข็งแรง สุขภาพ และแต่งหน้าติดทนนานตลอดทั้งวันอีกด้วย คือเรียกได้ว่าเป็นของดีคุ้มค่าราคาไม่แพงค่า 

เป็นยังไงกันบ้างค่ะสาวๆ สำหรับ Night Skin Care routine ที่เรามารีวิวแบบย่อยๆในวันนี้ (กระซิบนะคะว่าบางตัวมีรีวิวฉบับเต็มแล้วนะคะ) ไม่เยอะไปใช่มั๊ยละคะ แต่ต้องแอบกระซิบเลยค่ะว่าบางทีเราก็ไม่ได้ใช้ทุกตัวในทุกๆวัน เพราะบางทีขี้เกียจบ้าง บางวันเหนื่อยบ้าง ก็จะหยิบแค่สองตัว “Inaclear Cream”และ “Inaclear dark spot Serum” (ใครอยากให้รีวิวอินนาเคลียครีมฉบับเต็มก็คอมเม้นมาเลยได้เลยน๊าา) มาใช้แค่นี้ก็เอาอยู่แล้วค่า 

สำหรับสาวๆคนไหนที่กำลังมีปัญหาผิวหน้า หรือ กำลังมองหา Skin care สำหรับใช้ในยามค่ำคืน เราก็ขอแนะนำให้ลอง Skin care ทั้ง 5 ตัวด้านบนนี้เลยค่า รับรองเลยค่ะว่าได้ผิวที่ดีอย่างแน่นอนเลยค่า
   อย่าลืมไปหามาลองใช้กันดูน๊าา สำหรับวันนี้เราต้องขอตัวไปนอนก่อน บ๊าย บาย 


Kittiya Sureesing

Kittiya Sureesing

CMU
BAAC
THX FOR FOLLOW ME :)

FULL PROFILE