🌟 REVIEW: 10 items ทำความสะอาดและดูแลเส้นผม

45 19

สวัสดีทุกคนค่ะ กระทู้ใหม่อันนี้จะเน้นเรื่องของผมล้วนๆ ขออธิบายสภาพเส้นผมของเราก่อน เราเป็นคนผมแห้ง,เส้นเล็กชี้ฟูและพันกันง่ายมากๆ ผมทำสีและไฮไลท์ แต่ไม่ได้มีปัญหาหนังศรีษะมันและเป็นรังแคใดๆ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเราใช้มานาน 3-9 เดือนแล้ว การรีวิวเป็นความคิดเห็นส่วนตัวและขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและหนังศรีษะของแต่ละคนด้วยจร้า ส่วนตัวเราค่อนข้างจะระวังเรื่องสิวขึ้นและระวังเรื่องหนังศรีษะจะมันเพิ่มขึ้น  เราจะสระผม 2-3 รอบทุกครั้ง เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องโคนผมมันเลยคิดว่าสระผม 2 วันครั้งกำลังพอดี ไปเริ่มกันเลยดีกว่าตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง 😀 

1️⃣  Schwarzkopf Silver Shampoo
เราทำผมสีอ่อนและไม่อยากให้ผมมีสีเหลืองและส้มเร็ว จึงเลือกใช้แชมพูม่วงเป็นหลักในการสระผมทุกครั้ง ส่วนตัวเราผสมกับครีมนวดผมและยาสระผมตัวอื่นด้วย ถ้าวันไหนพอมีเวลาก็จะหมักทิ้งไว้กับครีมนวดนานๆ เพื่อที่จะทำให้ผมยังมีสีเทาและไม่เหลือง 

❗️  ข้อควรระวัง: เพื่อนเราเคยบอกว่าแพ้ตัวนี้และทำให้สิวขึ้นถ้าสาวๆอยากลองเราแนะนำว่าซื้อขวดเล็กมาลองก่อนจะดีกว่า

2️⃣ Lush Big
ตัวนี้เราใช้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ช่วยทำความสะอาดหนังศรีษะได้ดีมากๆ และเพิ่มวอลลุ่มผมให้มีน้ำหนักมากขึ้น กลิ่นสะอาดๆ ติดผมดี และที่สำคัญใช้แต่น้อย ย้ำว่าต้องใช้แต่น้อย น้องตีฟองได้เยอะและทั่วหัวเร็วมาก
❗️ ข้อควรระวัง : มันล้างสีผมอย่างไวและผมจะแห้งหลังสระ เราต้องบำรุงพิเศษหรือใช้ครีมนวดตัวหนักๆในวันที่ใช้น้องตัวนี้

3️⃣ Davines Melu Shampoo
เรารู้จักยี่ห้อนี้เพราะไปทำผมร้านทำผมเกาหลีแล้วได้เทสเตอร์มาพอดี หลังใช้แล้วติดใจเพราะฟองนุ่มมากกกกกก มากๆๆ ฟองนุ่มเหมือนโฟมล้างหน้าและตามคำเครม เค้าช่วยให้ผมมีวอลลุ่มเหมาะกับผมเส้นเล็กของเราเป็นอย่างมาก 
4️⃣ Lush Glory 

ตัวนี้เด็ดมากกกก แต่แอบแพง แพงจิงๆ จะซื้อคือคิดแล้วคิดอีก 

ตอนที่เราเข้าไปดูข้อมูลเค้าบอกว่าเหมาะกับคนที่ผมหยิกและตัวนี้คือชุ่มชื้นมากสุดๆ ผมเสีย ผมแห้งต้องจัด เราเลยไปขอเทสเตอร์มาใช้ สรุปไปซื้อไซส์จริงมาเลย เพราะน้องดีย์ ดีย์สมราคา ตัวเนื้อครีมไม่ได้หนักเท่า Aveda พอนวดๆเค้าซึมไปทั่วเส้นผมและทำงานได้ดีมาก รู้สึกว่าจะมีส่วนผสมของออยหลายชนิด เราเลยคิดว่ามันเหมาะกับคนผมที่โคตรจะแห้งตามคำเครมจริงๆ และกลิ่นน้องคือติดผมไปหลายวัน

5️⃣ Aveda Shampure nurturing conditioner calming aroma 

ตอนที่ตัว Kristin Ess หมดเลยได้ซื้อน้องมาลอง ข้อแรกที่ไม่ชอบเลยคือกลิ่นเหมือนยากันยุงฉีดตัวกลิ่นตะไคร้ แต่ แต่ด้วยเนื้อครีมเข้นข้น หนักสุดๆ ทำให้ผมไม่ค่อยแห้ง ไปๆมาๆชอบเฉย 

❗️  ข้อระวังคือเราต้องตีครีมนวดกับผมและน้ำให้เข้ากันดีๆ เพราะครีมเค้าหนักมาก ต้องระวัง


6️⃣ KRISTIN ESS The One Signature Conditioner 

ตัวนี้เป็นตัวกันตายของเราเลย มีไว้ติดบ้านเพราะน้องเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผมได้ดีในราคาที่ไม่แพงมาก เห็นถึงความแตกต่างจากการใช้ครั้งแรกเลย กลิ่นน้องค่อนข้างแรง เพื่อนทักนึกว่ากลิ่นน้ำหอมของเราแต่จริงๆเป็นครีมนวดผม ถ้าไม่รู้จะใช้อะไรก็หยิบตัวนี้มาใช้ ซื้อได้ที่ Sephora ช่วงที่มีโปรก็ลดไปอีก


7️⃣ Lush H’Suan Wen Hua

ก่อนหน้าที่ยังไม่ทำสีผมเราใช้น้ำมันมะพร้าวหมักผมก่อนสระ แต่เราเคยได้ยินว่าจะทำให้สีผมหลุดเร็วเราเลยไปหาตัวอื่นๆมาลอง ตัวนี้ได้มาพร้อมกับ Glory พอใช้ครั้งแรกแล้ว เห้ยยย ผมนิ่มจัง หลังจากแค่ล้างน้ำเปล่าเองนะ เราผสมน้ำเล็กน้อยและนวดๆตรงปลายผมทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก สระผมต่อปรกติ เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ผมเรียงเส้นสวยชึ้นหลังเป่าผมและไม่ชี้ฟูเลย ชอบมากๆ ซื้อต่อแน่นอน LOVE LOVE

8️⃣ Davines Dede/ hair mist

ตัวนี้เป็นมิสอีกตัวที่หาเอามาลองแบบงงๆ เราใช้น้องตอนผมแห้งในวันที่ไม่ได้สระผม เพราะน้องไม่ได้หนักมากเท่าไหร่ รวมๆแล้วเราเฉยๆ ไม่ได้ชอบหรือจะซื้อต่อ ถ้าเทียบกันแล้วชอบ Kristin Ess มากกว่า


9️⃣ L’oreal Elseve Extraordinary oil: Botanical 

ตัวนี้เราว่าสาวๆคงรู้จักกันบ้าง ไว้ใช้หลังสระผมลงก่อนที่จะไดผมให้แห้ง น้องช่วยทำให้ผมไม่พันกันได้ดี แต่คิดว่าถ้าหมดแล้วจะไปลองยี่ห้ออื่นบ้าง แต่ต้องระวังอย่าใช้เยอะเกินไปจะทำให้ผมมันเอาได้


🔟 Kristin Ess Weightless Shine Leave-In Conditioner
คอนดิชันเนอร์แบบ all-in-on แบบไม่ต้องล้างออก ที่ทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น, ฟื้นฟูผมให้นุ่ม, เรียบลื่น ตัวนี้ใช้ให้เพื่อน เพื่อนบอกผมนุ่มมาก เราใช้มาขวดที่สองแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่ชอบกล่นเพราะน้องกลิ่นเเรงเลย



parnny0312

parnny0312

FULL PROFILE