Full Review : Dr.Different Vitalift-A (6 เดือน)

48 18
🧪🧪Dr.Different Vita-A Cream 0.05% (Package เก่า)
รุ่นใหม่จะเป็นชื่อ Dr.Different Vitalift-A
จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจใช้สกินแคร์ในกลุ่ม Retinoid  คือโอ๊ตไปส่องไอจีพี่คนนึง อายุ 27 หน้าคือไปไวมาก ร่องหน้าผากชัดมาก โอ๊ตที่อายุ 25 ปีนั่งกระพริบตาปริบๆ ว่า 27 มันสามารถไปได้ไวขนาดนั้นเลยเหรอ โอ๊ตรับไม่ได้ครับอยากหน้าเด็กตลอดกาลเลยยอมใช้สกินแคร์กลุ่ม Retinoid ที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเป็นสกินแคร์ปราบเซียน

🧪🧪Retinoid คืออะไร?
เป็นชื่อที่ใช้เรียกสารกลุ่ม Vitamin A นั่นเองครับซึ่งจะแบ่งเป็น 4 รูปแบบ
1. Retinyl Esters เช่น Retinyl pamitate
2. Retinol
3. Retinal
4. Retinoic acid
โดยรูปแบบที่โอ๊ตสนใจในกลุ่มของ Retinoid คือ “ Retinal หรือ Retinaldehyde “ 

🧪🧪ทำไมต้องเป็น Retinal ?

จากกลไกการออกฤทธิ์ของสารกลุ่มนี้จะเป็นรูปแบบนี้นะครับ
Retinyl Esters <-> Retinol <-> Retinaldehyde -> Retinoic acid

โดย Retinoic acid คือรูปแบบที่สามารถจับกับตัวรับเพื่อออกฤทธิ์ที่ผิวนะครับ ซึ่งถ้าเราเลือกใช้ Retinal ผิวเราจะเปลี่ยนร่าง Retinal ครั้งเดียวเป็น Retinoic acid เพื่อออกฤทธิ์ได้เลยนะครับดังนั้นการเลือกใช้ Retinal จะเห็นผลได้ไวกว่าเมื่อเทียบกับ Retinol แม้ว่า Retinal จะออกฤทธิ์ได้ไวกว่า Retinol แต่ก็แลกมากับการระคายเคืองที่มากกว่า Retinol ด้วยนะครับ

(ข้อมูลจากพี่โดนัท) Retinal ดูรวมๆแล้วดีงามแต่มีปัญหาอยู่อย่างนึงครับ คือ “ความไม่เสถียร” สลายตัวได้ง่ายมากบอบบางเหมือนจิตใจของฉันที่พร้อมจะแตกสลายตลอดเวลา ซึ่ง Dr.Different มี Stability test ครับโดยวัดว่า Retinal หลังจากเปิดใช้ไปแล้วเหลืออยู่กี่ % ซึ่งผลการทดสอบคือเหลือมากกว่า 95 % หลังจากเปิดใช้ไปแล้ว 3 เดือน นี่เป็นเหตุผลหลักที่โอ๊ตซื้อ Dr.Different มาใช้ครับ

🧪🧪Retinal ใช้แล้วช่วยอะไรบ้าง ?
มีงานศึกษาที่เปรียบเทียบผลของการใช้ Retinal 0.05% เทียบกับ 0.1% เพื่อรักษาอาการ Photoage ในระยะเวลา 3 เดือนพบว่าทั้งสองกลุ่ม
- ริ้วรอยลดลง
- ความหยาบกร้านของผิวลดลง
- ค่า TEWL (Transepidermal Water Loss) ลดลง
- ความกระจ่างใสไม่เปลี่ยนแปลง
- ความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้น
- Melanin index ลดลงเฉพาะกลุ่ม 0.1%
จริงๆแล้วยังมีผลด้านอื่นๆอย่างเช่นเรื่องสิวด้วยฮะ แต่ยังไม่ได้อ่านข้อมูลอะไรเลย ต้องขออภัยด้วยครับ

🧪🧪วิธีการใช้
- เริ่มต้นให้เริ่มจากความเข้มข้นต้ำที่สุดเสมอไม่ว่าจะใช้แบรนด์อะไรก็ตาม อย่าง Dr.Different เริ่มต้นที่ 0.05% ครับ
- ปริมาณให้ลงเท่าเม็ดถั่วเขียวทั่วใบหน้า
- ความถี่สำหรับเดือนแรก ให้เริ่มต้นที่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ทาเฉพาะกลางคืนเท่านั้น
- หลังจากเดือนแรกไป จะเพิ่มความถี่ขนาดไหนก็ลองสังเกตว่าผิวตัวเองไหวไหม

 ตัวอย่างความถี่ที่โอ๊ตใช้
     o ในสัปดาห์แรกโอ๊ตเริ่มต้นทาที่ 1 ครั้ง
     o สัปดาห์ที่สองจนถึง 1 เดือนครึ่งทา 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยการทา 1 วันเว้น 2-3วัน แล้วทาอีกครั้ง
     o 1 เดือนครึ่ง – 2 เดือนทา 1 ครั้งต่อสัปดาห์
     o 2 เดือน – 4 เดือนทา 2 ครั้งต่อสัปดาห์
     o 4 เดือน – 6 เดือน ทาทุกวัน
- เมื่อตัดสินใจใช้ Retinoid เตือนตัวเองว่าผิวจะไวต่อแสงมากกว่าปกติ เลี่ยงการโดนแดดและทากันแดดต้องถึงด้วยนะครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าในอนาคต
- สังเกตผิวอย่างสม่ำเสมอ ว่าระคายเคืองหรือแห้งไหม เพื่อที่จะปรับสกินแคร์ให้เหมาะสม

🧪🧪ผลข้างเคียง
- วันแรกยิบผิวและวูบวาบโดยเฉพาะบริเวณข้างจมูก
- เมื่อใช้ไปเดือนครึ่งผิวแห้งมากแต่ไม่ลอกเป็นขุย แห้งถึงขอบปากแห้งจากภายในเลยครับ ชนิดที่ทาสกินแคร์ก็ไม่ช่วย เลยลดปริมาณการใช้ลงเหลือสัปดาห์ละครั้งและมาส์กหน้าทุกวันจนหน้าหายแห้งครับ
-สามารถเกิดอาการดันสิวได้นะครับสำหรับผู้ที่มีสิวอุดตัน (แต่ส่วนตัวไม่มีอาการนี้)

🧪🧪เทคนิคการทา
วิธีแรก ทาเป็นตัวแรกของรูทีนเลยครับ ถ้าผิวคุณแข็งแรงมากพอและไม่ระคายเคืองใดๆ
วิธีที่สอง ที่เขาเรียกว่าทาแบบ Sandwich ให้ทาสกินแคร์ใดๆลงไปก่อนหน้าที่จะทา Retinal จะช่วยลดอาการระคายเคืองได้ฮะ ปกติโอ๊ตก็ทาแบบนี้นะครับ ลงน้ำตบก่อน 1 ตัวแล้วค่อยทา Retinal

❌ข้อห้าม
- ห้ามหญิงตั้งครรภ์ใช้เด็ดขาดเลย
- ผู้ที่ผิวบอบบางระคายเคืองง่ายๆ
ส่วนข้อห้ามที่ว่าห้ามใช้คู่กับ AHA BHA ขอไม่โฟกัสมาก เพราะโอ๊ตใช้ร่วมกันได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าผิวไม่แข็งแรงพอ อย่าทำตามเด็ดขาดเพราะมันจะระคายเคืองครับ

✅ผลลัพธ์
ในช่วง 4 เดือนโอ๊ตว่าโอ๊ตเฉยๆกับผิวตัวเองอยู่นะครับ แต่พอลงสตอรี่ก็โดน Follower ทักมาหลายคนมากๆว่าทำไมผิวดูดีขึ้นไปทำอะไรมา โอ๊ตก็ตอบว่าไม่ดีเลยครับ โชว์รอยแดงสิวข้างแก้มให้เขาดูด้วย แล้วก็มานั่งคิดว่าก็ไม่ได้ใช้อะไรแปลกๆนี่นาผิวมันดีขึ้นได้ยังไง จนสุดท้ายนึกได้ว่าใช้ Retinal มานานแล้วนี่นาก็คงใช่แหละเพราะเขาช่วย Texture ผิวให้ละเอียดขึ้นด้วยแต่โอ๊ตก็ปล่อยไปจนถึง 6 เดือนละค่อยถ่ายภาพทีเดียวเลย 
ผลตามภาพเลยครับ Texture ผิวคือละเอียดขึ้นจริง เวลาถ่ายสตอรี่ขอบอกเลยว่าผิวมีออร่ามาก ส่วนที่ชัดที่สุดคือริ้วรอยใต้ตาครับ ผลอื่นๆที่เห็นก็คือหน้ามันน้อยลงจนตอนนี้โอ๊ตไม่เรียกตัวเองว่าเป็นคนหน้ามันแล้วครับ สิวก็ไม่ค่อยขึ้นเลยครับนานๆจะมาที จะใช้ตลอดชีพ

🧪🧪สรุป
Retinal ถือว่าเป็นสกินแคร์ที่ใช้ยากจริงๆครับ ทั้งต้องทากันแดดให้ถึงในทุกๆวัน สังเกตผิวตัวเองตลอดเวลา แห้งไหม เคืองไหม จะปรับรูทีนอย่างไรให้เหมาะกับผิวหน้าช่วงนี้ ผลที่ได้ก็ถือว่าตรงตามงานวิจัยที่ไปอ่านอยู่นะครับมีแค่เรื่องความชุ่มชื้นของผิวที่รู้สึกแห้งบ่อยกว่า แอบเสียดายที่มีความรู้เรื่องสกินแคร์ช้าไปหน่อยไม่งั้นโอ๊ตจะเริ่มใช้ Retinol ตั้งแต่วัยละอ่อนกว่านี้อีกแต่ก็ไม่เป็นไรฮะถือว่ายังไม่ช้าเท่าไหร่
ก่อนจากกัน ถ้าคุณอยากก้าวเข้ามาในวงการ Retinoid แนะนำให้เริ่มที่ Retinol ก่อนก็ได้นะครับเพราะอ่อนโยนกว่าแต่ก็จะเห็นผลช้ากว่า Retinal 
สำหรับวันนี้ก็ไปละครับหวังว่าข้อมูลที่แชร์ตรงนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

ใครอยากติดตามไอจี : EnvyNvy
สามารถไปตามได้นะครับโอ๊ตสิงในนั้นบ่อยที่สุด 

🧪🧪อ้างอิง
KWON ET AL.,(2018) , Efficacy and safety of retinaldehyde 0.1% and 0.05% creams
used to treat photoaged skin: A randomized double-blind
controlled trial


EnvyNvy

EnvyNvy

สวัสดีครับ โอ๊ต นะครับ
Skincare Lover
Combination Skin
Honest Review
------------------------
ช่องทางการติดตาม
Ig : EnvyNvy
Twitter : EnvyNvy

FULL PROFILE