รวม Scandal กีฬาฉาวแห่ง Olympics

50 11

ปี 1988

เหรียญทองกีฬาชกมวยที่ทำให้เจ้าภาพถูกตราหน้าว่า "โกงกันแบบไร้ยางอาย"


หากอยากรู้ว่าโกงกันแน่ๆหรือแค่ถูกกล่าวหา  ผลกระทบที่ตามมานั้น แม้แต่ชาวเกาหลีก็รับไม่ได้ เล่นเอาผู้ชนะใช้ชีวิตอย่างอับอายไปชั่วชีวิตเชียวล่ะ!
พวกเราต่างคุ้นเคยกับภาพจากการแข่งขันชกมวยสากลที่คู่ต่อสู้จากทั้งสองมุมมีผลงานที่สูสี และแสดงความมั่นใจในชัยชนะหลังจากเสียงระฆังหมดยก    แต่การคว้าเหรียญทองใน Seoul 1988 Olympic Gameที่ทำให้แฟนๆกีฬาอึ้งกันไปทั้งโลก ย่อมหนีไม่พ้นการแข่งขันชกมวยรุ่นe light-middleweight  ระหว่างดาวรุ่งจากอเมริกา  Roy Jones Jr. ที่ขึ้นสังเวียนปะทะกับ Park Si-hun  จากชาติเจ้าภาพ   และถูกยกให้เป็นการตัดสินกีฬามวยที่ค้านสายตามากที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ Olympics    

พูดง่ายๆก็คือ   แม้แต่ผู้ชนะเองยังดูละอายใจกับเหรียญทองของตัวเอง  หลังจากที่คู่คำตัดสินของกรรมการทำให้ต่อสู้ตกตะลึงที่ถูกปล้นเหรียญทองอย่างไม่น่าเชื่อ   เขาตะบันบุกต่อยจน Park ต้องถูกนับแปดถึงสองครั้ง  มีผู้วิเคราะห์หมัดที่เข้าเป้าของฝ่ายอเมริกันไว้ที่ 86 ครั้ง  ส่วนเจ้าภาพต่อยถูกเพียง 32 ครั้งเท่านั้น   ภาพ rewind ของการแข่งขันถูกสื่ออเมริกันนำมาขยี้ซ้ำๆอย่างเผ็ดร้อน   ทั้งยังชี้ว่า  แท้จริงแล้ว "แชมป์"เกาหลีใต้ไม่ได้มีผลงานดีพอจะเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยซ้ำไป  จากที่ถูกแมทช์ก่อนหน้าก็ถูกโค้ชของประเทศคู่แข่งประท้วงมาแล้ว
Jones ไม่ได้ฟูมฟายประท้วงผลการแข่งขัน  เขายอมรับความพ่ายแพ้ที่ถูกยัดเยียดให้  แต่เพื่อความมั่นใจจึงได้ตรงไปเผชิญหน้ากับ Park ด้วยการดึงล่ามเข้าไปช่วยเป็นสื่อกลางเพื่อถามอีกฝ่ายตรงไปตรงมาว่า คิดว่าตัวเองคือผู้ชนะในแมทช์นี้หรือไม่ ?  

" เขาส่ายหน้า และตอบว่า No ครับ ผมจึงรู้สึกรับได้ ในเมื่อเขากล้าพูดความจริง ผมก็รับไหว"

Jones ยืนยันว่า Park เอ่ยคำขอโทษที่ผลการแข่งขันออกมาเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่คิดอยากจะหยิบเหรียญเงินมาสวมคออีกเพราะเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ แต่ก็ทำใจปล่อยวางไปได้

 สื่ออเมริกากดดันกรรมการและเจ้าภาพอย่างหนัก กรรมการรายหนึ่งยอมรับว่า  ให้คะแนนนักมวยเกาหลีใต้เพราะมั่นใจว่ากรรมการคนอื่นจะต้องเทคะแนนให้กับทางอเมริกาแน่นอน จึงให้คะแนนสงสารไปเพราะกลัวว่าเจ้าภาพจะอับอาย แต่กลายเป็นว่ากรรมการคนอื่นก็ให้คะแนนให้กับเกาหลีจนกลายเป็นถูกตีข่าวฉาวไปทั่วโลก  กรรมการสองในสามคนที่ลงคะแนนให้กับ Park ถูกแบนให้ให้ร่วมตัดสินตลอดชีพ   ความฉาวโฉ่นี้ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ผลักดันให้ Olympic หันมาปรับปรุงระบบให้คะแนนในการแข่งขันชกมวยให้โปร่งใสยิ่งขึ้นอีกด้วย
ในอดีตนั้นอาจจะไม่มีโลก social media เป็นเครื่องมือช่วยกระพือความฉาว  แต่เกาหลีใต้ก็เสียหน้าอย่างจริงจัง ปฏิกิริยาจากสังคมนั้นรุนแรงมากและเรียกร้องให้แชมป์คืนเหรียญนี้ไป    แม้สมาคมมวยสากลสมัครเล่นเกาหลีใต้จะยืนปรานปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องติดสินบนกรรมการ  แต่นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งเกาหลีใต้อ้างว่า มันเป็นการตัดสินที่บริสุทธิ์ยุติธรรมแล้ว   เขากล่าวหาผู้ที่ต่อต้านผลการตัดสินว่า
"พวกคนตะวันตกมีอคติและนี่ถือเป็นการดูหมิ่นชาวเกาหลี"
แต่จากนั้นกลับลาออกจากตำแหน่ง!

คนที่ซวยที่สุดหนีไม่พ้นผู้ชนะ ทั้งๆที่ภาพลักษณ์ของนักกีฬาเหรียญทอง Olympic จะได้รับการเชิดชูเต็มไปด้วยลาภยศสรรเสริญ แต่ Park กลับถูกดูแคลนว่าไร้ศักดิ์ศรีของผู้ชนะที่แท้จริง (ทั้งๆที่หากจะมองตามความเป็นจริง เจ้าตัวไม่น่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโกงระดับโลก แต่เป็นผู้ที่มีอำนาจของเกาหลีต่างหาก) ในรายการ TV ที่เชิญ 12นักกีฬาเหรียญทองของเกาหลีไปสัมภาษณ์ถึงความสำเร็จ พิธีกรจงใจเมินเฉย Park ราวกับว่าเขาไร้ตัวตน ความอับอายที่เกิดขึ้นทำให้เขาบอกลาอาชีพนักมวยอย่างถาวร และปลีกตัวจากสังคมไปทำอาชีพครูในโรงเรียนห่างไกลอยู่หลายปี ก่อนจะกลับมาเป็นโค้ชมวยอีกครั้ง เมื่อปีที่แล้วซึ่งเป็นกำหนดการเดิมของ Olympic ที่โตเกียว สื่อได้ตามหาเพื่อสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกต่อเหตุการณ์เมื่อกว่าสามสิบปีก่อน

" ผมคงต้องแบกรับความรู็สึกที่ถูกเกลียดชังไปตลอดชีวิต "
"ผมไม่อยากให้กรรมการชูมือผมขึ้นมาเลย แต่มือของผมก็ถูกชูขึ้น จากนั้นชีวิตก็เต็มไปด้วยแต่ความหม่นหมอง"


Park บรรยายว่า เขาไม่มีทางสู้ Jones ในแมทช์นั้นได้เลย เพราะคู่ต่อสู้มีฝีมืออยู่คนละระดับ

" นักมวยจะรู้เสมอว่าจะชนะหรือแพ้ ผมรู็ว่าตัวเองแพ้ไปแล้วเพราะฝีมือการชกไม่สมควรจะได้รับชัยชนะ"

"ผมได้แต่คิดว่า ชีวิตจะมีความสุขแค่ไหน ถ้าตัวเองได้ที่สองในการแข่งขันครั้งนั้น"


ในขณะที่ Parkต้องทุกข์กับเหรียญทองOlympics ไปอีกหลายสิบปี   ฝ่ายJones ได้กลายมาเป็นนักมวยอาชีพที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง  การขึ้นชก 75 ครั้ง เขาพบกับความพ่ายแพ้เพียง 9 ครั้ง และ ชัยชนะ 66 ครั้งนั้นมาจากการน็อคถึง 47 ครั้ง     ทำให้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักมวยที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยทีเดียว




    

ปี 2008


อดีตแชมป์เหรียญทองจากคิวบาสติหลุดเตะแสกหน้ากรรมการ!


ที่จริงแล้วคงไม่ต้องอธิบายความกันยืดยาว  เอาเป็นว่า  หากนักกีฬาคนใดอยากจะมีอนาคตเพื่อคว้าเหรียญใน Olympic  ก็อย่าได้แม้แต่คิดจะทำร้ายร่างกายกรรมการเด็ดขาด!   เพราะเพียงแค่คิดก็อาจจะควบคุมสติไม่ได้จนฟาดอวัยวะใส่แสกหน้ากรรมการจนถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตเหมือนกับนักเทควันโดจากคิวบาผู้นี้

Angel Valodia Matos เคยประสบความสำเร็จจนคว้าเหรียญทองในSydney Gamesในปี 2000 และยังสามารถกลับมาลุ้นเหรียญทองแดงใน Beijing Games ในแมทช์ท้าชิงกับคู่แข่งจากคาซักสถาน ในขณะที่เขากำลังนำอยู่ด้วยคะแนน 3-2 ก็เกิดอาการบาดเจ็บจนต้องขอเวลานอก ซึ่งตามกฎแล้วจะหยุดการแข่งขันได้เพียง 1 นาทีแล้วต้องรีบกลับมาแข่งต่อ เมื่อกรรมการจากสวีเดนเห็นว่าเขาใช้ไม่ยอมกลับมาแข่งหลังจากเลยเวลาตามกำหนดไปแล้ว กรรมการจึงประกาศให้เขาออกจากการแข่งขันและยกให้ฝั่งคาซักสถานเป็นผู้ชนะ การตัดสินใจของกรรมการได้นำมาสู่การทุ่มเถียงที่รุนแรง แต่ไม่มีใครคาดมาก่อนว่า Matos จะยกเท้าเตะกรรมการอย่างจัง และยังทุบกรรมการอีกคนที่เข้ามาห้ามปรามไปตุ้บใหญ่

ผลที่ตามมาจากพฤติกรรมอันธพาลก็คือ การถูกแบนจากสหพันธ์เทควันโดสากลไปตลอดชีวิต พร้อมกับโค้ชที่ต้องรับกรรมถูกแบนไปด้วย






ปี 2000 และ 2008

การโกงอายุของทีมชาติ Gymnastics หญิงจีน


เบื้องหลังภาพนักกีฬาgymnastics สาววัยใสรูปร่างบอบบางนั้นคือการฝึกฝนเข้าขั้นหฤโหดหลายปีติดต่อจนบางคนถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์มหัศจรรย์จากการก้ามขีดจำกัดของร่างกาย   พวกเธอต้องรับมือกับอาการบาดเจ็บและแรงกดดันจากการแข่งขันเพื่อจะติดทีมชาติ  หน้ำซ้ำยังมีเรื่องโค้ชล่วงละเมิดนักกีฬาวัยเยาว์ที่ทำให้โลกตกตะลึง ไม่ว่าจะเป็นประเทศมหาอำนาจจากฝั่งเสรีหรือคอมมิวนิสต์   scandal จากวงการกีฬานี้ก็ทำสร้างความตกตะลึงมาแล้วหลายครั้ง

ความสำเร็จในมหกรรมกีฬาของชาติมหาอำนาจอย่างจีนนั้นได้นำไปสู่การจับจ้องจากทั่วโลกต่อวิธีการฝึกฝนนักกีฬาด้วยข้อกังขาเรื่องสิทธิเด็กและสิทธิมนุษยชน มีการตีแผ่ว่า บางครอบครัวได้ส่งลูกที่อยู่ในวัยใส่ผ้าอ้อมมาฝึดดัดตัวในโรงเรียน gymnastics เด็กๆส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ฐานะไม่ดีนัก และจำต้องจากพ่อแม่มาใช้ชีวิตกินนอนในโรงเรียนและแบกรับคาดหวังที่ใฝ่ฝันอยากพาครอบครัวหลีกหนีจากความยากจน เพราะความสำเร็จของบุตรหลานที่จะได้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันในระดับนานาชาติจะช่วยพลิกชีวิตให้พ้นความลำบาก การค้นหาเพชรในตมจากระบบโรงเรียนกีฬาเป็นหนึ่งใน method ที่ทำให้จีนกลายมาเป็นผู้นำในมหกรรมแข่งขันกีฬาระดับโลก แต่ภาพน้ำตาของเด็กๆที่ถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวดรวมถึงบทลงโทษนั้นก็ทำให้หลายคนรู้สึกสะเทือนใจไปด้วย

จากระบบนี้ หลายคนอาจจะไม่ประหลาดใจเมื่อได้พบกับนักกีฬาวัยทีนจากจีนที่เข้ามาเป็นคู่แข่งขันอันน่ากลัวกับนักกีฬาอายุมากกว่าจากชาติอื่น   แต่จีนก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อมีการสอบสวนจนพบว่า จงใจส่งนักกีฬา  gymnastics ที่อายุน้อยกว่ากติกาที่กำหนดมาร่วมชิงเหรียญรางวัล


กฏที่กำหนดอายุของนักกีฬา gymnastics ในการแข่งขันระดับนานาชาติไว้ที่  16  ปีนั้น  สาเหตุอันหนึ่งมาจากประวัติแห่งการล่วงละเมิดยาวนานหลายสิบปี  เมื่อแชมเปี้ยนจากหลายประเทศได้ออกมาเปิดเผยว่าถูกทารุณระหว่างการฝึกฝนจากน้ำมือผู้ที่ถูกเรียกว่าสุดยอดโค้ช   ทั้งabuseด้วยวาจาจนส่งผลระทบต่อสุขภาพจิต และทำร้ายร่างกาย   และยังมีกรณีที่บีบให้ฝึกหนัก ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของนักกีฬาจนเกิดอาการบาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นพิการ    จากเดิมตั้งแต่ยุค 70s ที่ได้กำหนดอายุขั้นต่ำของนักกีฬาไว้ที่ 14 ปี ก็มีการเปลี่ยนแปลงเป็น 16 ปีในปี 1997   จากความคาดหวังว่า  ความเจริญเติบโตทางร่างกายและจิตใจของนักกีฬาที่อายุสูงขึ้นมาจะช่วยทำให้พวกเค้ารับมือกับแรงกดดันมหาศาลของกีฬานี้   ซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดแล้วว่า นักกีฬาที่ยังเป็นผู้เยาว์มีความเปราะบาง โดยเฉพาะเด็กหญิงที่ถูกฉวยโอกาสเข้ามาล่วงละเมิดระหว่างการฝึกฝน

หลังจาก IOC ตรวจสอบพบว่า Dong Fangxiao นักกีฬาgymnastics เจ้าของเหรียญทองแดงในการแข่งขันที่ Sydneyเมื่อปี2000 มีอายุน้อยกว่าข้อกำหนด จึงตัดสินใจริบเหรียญรางวัลคืน มีผลทำให้ทีม USA ที่ทำคะแนนมาได้เป็นลำดับ4 ได้ครองเหรียญทองแดงแทน เรื่องอายุที่แท้จริงของเธอนั้นเป็นเรื่องเล่าลือมาตั้งแต่อยู่ในค่ายนักกีฬา แต่ไม่ได้มีการขยายผลสืบสวนต่อ ทำให้ทีมจีนสามารถรักษาเหรียญนี้ไว้นานถึงสิบปี แต่กลับถูกตรวจสอบย้อนหลังและยึดเหรียญคืนเมื่อนักกีฬาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องฉาวที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือของจีน เพราะหลักฐานที่ทางจีนส่งให้สหพันธ์gymnasticsนานาชาตินั้นระบุว่า เธอเกิดในปี 1983 แต่เอกสารที่ผ่านการรับรองซึ่งเธอได้ใช้ในการทำงานระหว่าง Beijing Games ในปี 2008 ได้ปรากฏชัดเจนว่า เธอเกิดในปี 1986 ชี้ชัดว่า ในปี 2000 ที่ทีมจีนคว้าเหรียญทองแดง เธอยังเป็นเด็กหญิงวัย 14 เท่านั้น


นอกจากนั้น Yang Yun เพื่อนร่วมทีมที่คว้าเหรียญทองแดงจากการแข่งในประเภทบาร์ต่างระดับคือผู้ที่เอ่ยปากยอมรับกับสื่อทาง TV ด้วยตัวเองว่า เธอมีอายุเพียง14 ปี ในการเข้าร่วม Sydney Games แต่สหพันธ์gymnasticsนานาชาติยังตรวจไม่พบหลักฐานนำมาหักล้างกับเอกสารจากจีนได้ จึงอนุญาตให้เธอครองเหรียญรางวัลต่อไป แต่ก็ออกคำตักเตือนกับเจ้าตัว อาจจะมองได้ว่า ยังฟันธงว่าผิดไม่ได้เพราะขาดหลักฐานนั่นเอง

ฝ่ายหน่วยงานที่รับผิดชอบของจีนไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดมากมายนัก นอกจากจะแสดงความรู้สึกเสียใจต่อการตัดสินใจของ IOC ที่ริบเหรียญคืน และรับปากว่าจะมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยที่ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์แต่อย่างใด


สิ่งที่ spark เรื่องการโกงอายุของทีม gymnastics จีนคือ กระแสความคลางแคลงใจต่อ He Kexin แชมป์สองเหรียญทองจาก Beijing games ในปี 2008 ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนเด็กหญิงวัยสิบต้นๆ ทำให้ทีมคู่แข่งรวมถึงสาธารณชนจับจ้องเจ้าภาพอย่างจับผิด แม้จีนจะโชว์พาสปอร์ตว่าของ He Kexin เพื่อพิสูจน์ว่าเธอมีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ แต่หลายคนก็ยังไม่เชื่อถือและกล่าวหาว่า จีนกระหายชัยชนะจนไม่เลือกวิธี ส่วนเอกสารราชการที่นำมายืนยันก็มาจากการปลอมแปลง


สื่ออเมริกันตามจับผิดหนัก  มั่นใจ จีนตุกติกเรื่องอายุนักกีฬา

สื่อจากประเทศคู่แข่งตลอดกาลไม่ยอมปล่อยวางง่ายๆ มีความพยายามค้นหาหลักฐานเพื่อกล่าวหาว่า จีนโกงอายุเพื่อส่ง He Kexin มาชิงเหรียญทอง และมีการตีแผ่ข้อความภาษาจีนจากสื่อจีนหลายเจ้าในปี 2007 ที่กล่าวถึงสาวน้อยมหัศจรรย์ความหวังในการคว้าชัยชนะในOlympics "วัย 13 ปี"  และเอกสารการลงทะเบียนนักกีฬาที่ระบุว่า เธอเกิดในปี 1994  มิใช่ 1992   แต่หลังจากสหพันธ์gymnasticsนานาชาติ ได้ตรวจสอบหลักฐานก็แสดงความมั่นใจในข้อมูลจากพาสปอร์ตของเธอและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆว่ามีอายุเกิน 16 ปี  ไม่ผิดกฎแต่อย่างใด


scandal คดีล่วงละเมิดทางเพศและทารุณทั้งร่างกาย-จิตใจที่สร้างความอัปยศให้กับสมาคม Gymnastic อเมริกัน


หรือจะให้ฟันธงกันจริงๆ นี่คือคดีประวัติศาสตร์ที่ทำให้หลายหน่วยงานแห่งประเทศมหาอำนาจ Olympics ต้องเอาปี๊บบังหน้า แม้แต่ FBI ก็ยังถูกกดดันหนักจากข้อกล่าวหาการสืบสวนที่ไร้ประสิทธิภาพจนเปิดโอกาสให้อาชญากรชั่วทำร้ายเด็กเพิ่มอีกหลายสิบคน

นี่คือ scandal ในวงการกีฬาสหรัฐอเมริกาถูกเปรียบเทียบว่า สร้างความอัปยศไม่แพ้คดีนักกีฬารัสเซียใช้สารกระตุ้นจนถูกแบนยาวหลายปี   และส่งผลกระทบที่ร้ายแรงกว่าเรื่องชื่อเสียง  เพราะต้องแลกมาด้วยจิตใจอันร้าวรานของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยวัยใสให้กลายเป็นแผลใจตลอดชีวิต    

เด็กหญิงถูกหมอวิปริตล่วงละเมิดนับร้อย แต่หน่วยงานที่เกี่บวข้องกลับเมินเฉยเสียงร้องทุกข์ของเหยื่อ
เมื่อพูดถึงคดีล่วงละเมิดทางเพศนักกีฬา gymnastics  ประเทศอเมริกา  เชื่อว่าหลายคนจะคุ้นกับเชื่อของ  Larry Nassar  หมอนรกที่ใช้หน้าที่การงานเป็นเครื่องมือเข้าถึงเหยื่อ  เบื้องหน้าเขาคือหมอประจำทีมที่ดูแลสุขภาพร่างกายของนักกีฬา และได้รับความเชื่อถือจนได้ติดตามทีมชาติอมริกันไปถึง Olympics มาแล้ว  แชมป์อย่าง Jordyn Wieber, Aly Raisman, McKayla Maroney และSimone Biles เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มเหยื่อนับร้อยที่ถูกชายโฉดชั่วผู้นี้ทำร้าย  หลายคนที่ถูกล่วงละเเมิดทางเพศยังเป็นเพียงเด็กหญิงที่ถูกล่อหลอกให้ยอมรับ "การตรวจเชิงกราน" และเข้าหาถึงเตียงยามค่ำคืน   พวกเธอต้องพบกับฝันร้ายเมื่อได้รับรู้ว่า การรักษาพยาบาลเพื่อสุขภาพของพวกเธอนั้นคือข้ออ้างสุดบัดซบ


สิ่งที่เป็นเหมือนกับมือใหญ่ยักษ์ตบหน้าของ US Olympic Committee, USA Gymnastics และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือคำถามเรียบง่ายว่า

"ปล่อยให้ปีศาจทำร้ายเหยื่อยาวนานขนาดนี้ได้เช่นไร?"

เพราะมีหลักฐานบ่งชี้แน่ชัดว่า มีเหยื่อร้องเรียนพฤติกรรมของอาชญากรทางเพซในคราบหมอมาตั้งแต่ยุค 90s และตลอดหลายปีที่ผ่านมา เหยื่อได้เข้าร้องทุกข์กับหน่วยงานผู้รับผิดชอบมาแล้วหลายราย แต่เรื่องกลับเงียบหายโดยไม่มีการติดตามเรื่องและกำหนดบทลงโทษ กว่าจะมีการเคลื่อนไหวเพื่อเอาผิด Nassar ก็ล่วงเลยไปถึงปี 2015 หลังจากเรื่องราวเริ่มหลุดไปยังสื่อ นักกีฬาบางคนออกมาประนาม USA Gymnastics ที่ไม่ใส่ใจปกป้องพวกเธอ และเห็นแก่ประโยชน์จนเลือกจะหมกเม็ดเรื่องเลวร้ายนี้ เพียงเพราะหวั่นว่า sponsor จะถอนตัวเพราะข่าวฉาว

Michigan State University ที่เคยเป็นต้นสังกัดของอดีตหมออาชญากรต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับเหยื่อ 332 คนเป็นเจ้านวนถึง 500 ล้านเหรียญ นับเป็นการชดเชยค่าเสียหายของมหาวิทยาลัยจากการล่วงละเมิดทางเพศจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์   แต่แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่เรียกว่าสูงลิบลิ่วจนต้องคนรับผิดชอบต้องกระอักเลือก  แต่นั่นไม่อาจเปรียบกับความทุกข์ที่เด็กๆและหญิงสาวเหล่านั้นต้องเผชิญได้เลย
เมื่อตำรวจพบหลักฐานภาพวีดีโออนาจารเด็กที่ชายชั่วผู้นี้เก็บสะสมไว้หลายหมื่นชิ้นก็เปรียบดั่งตะปูตอกโลงดอกสุดท้าย   เพราะนี่คือหลักฐานมัดว่าว่าเป็นพวกใคร่เด็กจนดิ้นไม่หลุด เขาไม่สามารถหาข้ออ้างอื่นใดมาหลบหนีความผิดได้อีก   แต่นั่นก็ไม่ได้อธิบายเรื่องค้างคาใจว่าว่า เหตุใดจึงมีการปล่อยให้เรื่องบานปลายจนมีเหยื่อมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา    

แม้ Nassar จะถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกเกินร้อยปีและกรรมการบริหาร USA Gymnastics ต้องลาออกกันราวรูดถึง 18 คน และยังมีหน่วยงานอื่นๆที่ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกเช่นเดียวกัน ฝ่ายผู้รักษากฎหมายอย่าง FBI ก็เลี่ยงกระแสโจมตีไม่พ้น เมื่อมีการตรวจสอบรายงานออกมาชัดเจนว่า พวกเขาใช้เวลาถึง 14 เดือนนับตั้งแต่มีการแจ้งความเอาผิด Nassar กว่าจะจับกุม การทำคดีอย่างไม่มีประสิทธิภาพทำให้ถ่วงเวลาออกไป ในระหว่างนั้นมีรายงานว่า Nassar ก็ล่วงละเมิดผู้หญิงและเด็กไปอีกหลายสิบคน

ที่สำคัญ เรื่องนี้ไม่ได้จบที่การชดเชยความปิดในกรงขังของ Nassar เท่านั้น ยังมีการขยายผลเพื่อจับกุม predator คนอื่นๆอีกด้วย




สองโค้ช Olympic ดิ้นหนีหลักฐานไม่หลุด  ปลิดชีวิตตนเองหนีความผิด

ก่อนที่พฤติกรรมเลวทรามของ Nassar จะถูกเปิดโปง เมื่อหลายปีก่อน Marvin Sharp โค้ชทีมชาติที่เคยคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี ถูกตัดสินจำคุกจากการครอบครองภาพอนาจารเด็กจำนวนหลายพัน ซึ่งในจำนวนนั้นมีภาพของเด็กหญิงวัยเพียง 6-7 ขวบที่เข้ามาฝึกฝน gymnastics ที่ gym ของเขา รวมไปถึงข้อหาล่วงละเมิดนักกีฬาหญิง แต่หลังจากชดใช้ความผิดในคุกเพียงไม่นานก็เสียชีวิต โดยมีคำยืนยันจากเรือนจำว่าเป็นการฆ่าตัวตายอย่างไร้ข้อสงสัย

John Geddert หัวหน้าทีมโค้ชที่พาทีม USA ให้ก้าวไปคว้าเหรียญทองใน Olympics ปี2012 มีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับ Nassar และถูกกล่าวหาว่า รู้เห็นเป็นใจกับพฤติกรรมหยาบช้าของอดีตหมอประจำทีม ตัวเขาเองได้ทารุณนักกีฬาด้วยวิธีการฝึกสุดโหดที่ไม่แคร์ต่ออาการบาดเจ็บที่เป็นอันตราย นักกีฬาบางคนเผยว่า เขาเป็น abuser ที่ทำให้เด็กๆเผชิญกับคำพูดร้ายกาจและการใช้กำลังบีบบังคับให้แสดงผลงานให้เข้าถึงมาตรฐานที่เขาวางไว้

จากเอกสารทางศาล ผู้กล่าวหาบางคนระบุว่า เมื่อโค้ชไม่พอใจในผลงานของเธอ ก็ลากเธอเข้าห้องเพื่อทำร้ายร่างกาย หญิงสาวอีกหลายคนให้การตรงกันว่า แม้จะบาดเจ็บ แต่ Geddert จะไม่ยินยอมให้พักฟื้นและบังคับให้ฝึกต่ออย่างหนักหน่วงโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เมื่อเขาโมโหก็จะไล่ไปฆ่าตัวตาย ทั้งยังเหยียดหยามเรื่องรูปร่างและสติปัญญา หลายคนมีความเชื่อว่า เขาย่ามใจ abuse นักกีฬาเด็กสาวเพราะมีต้นสังกัดให้ท้ายนั่นเอง


เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Geddert ถูกแจ้งจับด้วย 24 ข้อกล่าวหา แต่ยังไม่ทันขึ้นศาลเพื่อสู้คดี เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เขาได้ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองด้วยการยิงตัวตาย





candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE