บังเอิญหรือจงใจ ? เมื่อสื่อเกาหลีใช้เรื่องความรักดาราเป็นเครื่องมือเบี่ยงประเด็นฉาวของสังคม

59 6
 Scandal    คือคำศัพท์ที่ดูเปราะบางสำหรับคนเกาหลี    สำหรับวงการบันเทิง    เพียงแค่นักแสดงไม่แสดงท่าทางที่สำรวมและแสนดีตลอดเวลาในขณะทีปรากฏตัวต่อที่สาธารณชนก็ถูกจัดให้เป็น scandal แล้ว   หากเป็นหมวดข่าวความสัมพันธ์คนดัง  สื่อสามารถส่งช่างภาพตามเกาะติดเพื่อสืบหาข้อมูลเป็นเดือนๆ เพื่อค้นหาหลักฐานมาเปิดโปงชีวิตรักที่พวกเค้าพยายามเก็บเป็นความลับสุดชีวิต      ถึงขนาดที่ว่า  คุณไม่จำเป็นต้องเห็นภาพคนดังควงคู่กันซะด้วยซ้ำ    เพียงแค่สื่อชี้ identity ภาพบุคคลในชุดอำพรางหน้าตาที่ปรากฏตัวในสถานที่เดียวกันว่าคือคู่รักคนดัง  ก็ถูกยกให้เป็น scandal  ที่สั่นสะเทือนอารมณ์แฟนๆแล้ว


ภาพหนึ่งที่แฟนๆซีรีส์และเว็บตูนเกาหลีน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี คือฉากการต่อรองระหว่างสื่อแทบลอยด์ยักษ์ใหญ่กับเอเจนซีดารานักร้องรวมไปถึงผู้ทรงอิทธิพลในสังคม หลังจากที่ได้ตามขุดคุ้ยจนจนพบหลักฐานเพื่อปั่น scandal สร้างกระแส หากฝ่ายถูกขู่มี backup ที่แน่นปึ้กมากพอ ก็สามารถใช้อำนาจเงินหรืออำนาจอิทธิพลเพื่อแลกผลประโยชน์กับสื่อกอสสิปให้ยุติแผนเปิดโปงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

แต่มันอาจจะทำให้คุณสงสัยว่า      สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นในชีวิตจริง  หรือเป็นเพียงจินตนาการของนักเขียน ?


เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมแทบลอยด์ในตะวันตกอย่างอังกฤษและอเมริกา สื่อยักษ์ใหญ่เงินทุนหนาปึ้กต้องทุ่มเทเพื่อแย่งชิงเพื่อการนำเสนอเรื่องส่วนตัวของคนดังแบบ exclusive พวกเค้าสามารถร่อนเงินใส่ paparazzi จนร่ำรวยหากหาภาพเด็ดมาพาดหัวข่าวตัดหน้าคู่แข่งได้ มีรายงานว่า ภาพของเจ้าหญิง Diana ในขณะล่องเรือยอว์ชไปกับหนุ่มคนรักใหม่นั้นมีมูลค่าถึง 6 ล้านเหรียญ! ( และนั่นเกิดขึ้นเมื่อ 24 ปีที่แล้ว) มีช่างภาพให้ข้อมูลว่า US weekly เคยทุ่มเงินให้ 140,000 ดอลลาร์ในการติดตาม Britney เพื่อนำภาพเด็ดของเธฮมาตีข่าวฉาว การแข่งขันในวงการนี้สูงมากขนาดที่สื่ออังกฤษอย่าง The Sun ทุ่มเงินเพื่อซื้อตัวพ่อของ Meghan Markle มาจัดฉากถ่ายภาพให้ดูเหมือนกับถูก paparazi คอยติดตาม สื่อที่เสนอข่าวได้เร็วที่สุดและมีภาพหลักฐานที่แน่นหนาที่สุดคือผู้ชนะในเกม scandal


แต่ในสังคมเกาหลีที่มีสื่อกอสสิปรายใหญ่ผูกขาดความเป็นเจ้าแห่งข้อมูล     สไตล์การแฉจะแตกต่างออกไป     ทุกความเคลื่อนไหวมีการคำนวณไว้เพื่อผลประโยชน์หลายด้าน   แต่จะเป็นผลประโยชน์ของใคร?   มันอาจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้นว่า    สังคมกำลังตื่นตัวกับเรื่องใดสุดๆ    และมีเสียงเล่าลือมาเนิ่นนานหลายปีว่า   สื่อดังได้นำภาพหลักฐานการเดทของคนดังมากลบเกลื่อนประเด็นฉาวในสังคม     หากเรื่องนี้มีมูลความจริง     คำถามที่ตามมาคือ  "เพื่ออะไร?"


การใช้ dating scandal เป็นเครื่องมือหันเหความสนใจของผู้คนจากข่าวฉาวของสังคมและการเมือง อาจจะฟังเหมือนกับทฤษฏีสมคบคิดจากชาวเน็ทที่เต็มไปด้วยจินตนาการ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาซ้ำกันหลายครั้ง ก็ชวนให้ระแวงไม่น้อย เพราะสื่อแทบลอยด์เกาหลี ไม่ได้พยายามชิงชัยเพื่อตีแผ่ชีวิตรักของคนดังให้รวดเร็วที่สุด แต่เป็นข้อมูลหลักฐานต่างๆที่มีครอบครองในมือมาพักใหญ่ เมื่อใดก็ตามที่เกิดกระแสวิพากษฺ์วิจารณ์ประเด็นปัญหาที่สร้างความมัวหมองอย่างร้อนแรง เพียงไม่นานหลังจากนั้น ก็จะมีการเปิดประเด็นคู่รักคู่ใหม่ในวงการตามมา มันอาจจะไม่ง่ายที่จะฟันธงอย่างแน่ใจว่า นี่เป็นแค่ความบังเอิญ หรือจงใจเพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง


Dispatch ได้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า มีการคำนวณผลลัพธ์ต่างๆในการปล่อยภาพหลักฐานการเดทของดัง อย่างในกรณีของคัง แดเนียลและพัค จีฮโยที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟนคลับ พวกเค้ามีข้อมูลชัดมาสักพักแล้วว่า ทั้งคู่กำลังอินเลิฟ แต่ตัดสินใจไม่เปิดโปงเรื่องนี้เพราะ "ไม่อยากให้กระทบกับอัลบั้มโซโล่การการจัด fan meetingของไอดอลหนุ่ม"

ฟังดูแล้วเหมือนกับเป็นการดำเนินธุรกิจอยู่บนศีลธรรมจรรยา และคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนดังที่พวกเค้าต้องการจะแฉ แต่มันฟังดูสวยหรูขนาดนั้นเชียวหรือ ?
แท้จริงแล้ว การเผยแพร่ข่าวเรื่องส่วนตัว ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะกระทบจิตใจของไอดอลที่ต้องรับมือกับพลังแฟนด้อมที่โหดจนขึ้นชื่อลือชา (จากความผิดหวังที่ไม่ครองตัวเป็นโสดหรือยึดติดคู่ชิปกับไอดอลชายอีกคน) เกิดขึ้นจากพื้นฐานความเห็นอกเห็นใจ หรือแท้จริงแล้ว เรื่องนี้เป็นผลลัพธ์จากการต่อรองระหว่างทั้งสองฝั่ง


ชาวเน็ทหลายคนเชื่อว่า นี่ไม่ใช่เพียงทฤษฏีสมคบคิดแน่ๆ




รักของพี่น้องร่วมค่ายที่ถูกเปิดเผยภายหลังข่าวฉาวแห่งวงการกีฬา

ล่าสุด scandal การเดทของคนดังที่ทำให้แฟนๆรู้สึกอึ้งกันไปเป็นแถบคือความสัมพันธ์ร่ของโอปป้าไอดอลตัวพ่อวัย 32  และน้องสาวร่วมค่ายที่โด่งดังร้อนแรงเป็นที่สุด       เมื่อ Dispatch เปิดเผยว่า  พวกเค้าได้พัฒนาความสัมพันธ์พี่น้องมาเป็นคู่รักมาได้ร่วมปี โดยที่นัดพบกันที่บ้านของฝ่ายชายแล้วหลายครั้ง  นั้นก็บ่งชี้ชัดว่า เป็นอีกครั้งที่พวกเค้ามีข้อมูลหลักฐานต่างๆไว้พร้อม  และขึ้นอยู่กับเหตุผลบางประการที่จะผลักดันให้เปิดเผยเรื่องนี้ออกมาโดยไม่ต้องรีบร้อนหรือกลัวใครจะตัดหน้าชิงเล่นข่าว

เพียงไม่นานก่อนหน้าที่ผู้คนจะฮือฮากับข่าวของ G Dragon และ Jennie ประเด็นความรุนแรงในการกีฬาเกาหลีใต้ได้กลายเป็น talk of the town อีกครั้ง เมื่อคู่แฝด อี ดายอง และ อี แจยอง นักวอลเลย์บอลชื่อดังถูกอดีตเพื่อนนักเรียนกีฬาเปิดโปงว่าพวกเธอเคย bully เพื่อนคนอื่นๆจนได้จิตใจได้รับความเสียหายรุนแรง สังคมได้เคลื่อนไหวกดดันจนในที่สุดพวกเธอก็ได้รับโทษแบนจากการเข่าร่วมทีมชาติ และได้ปลุกกระแสให้ผู้รับผิดชอบเข้ามาปฏิวัติเรื่องการใช้ความรุนแรงในวงการกีฬาเกาหลีที่หยั่งรากลึกรุนแรง นับตั้งแต่การเคลื่อนไหว MeToo ที่นักกีฬาได้ออกมาเปิดเผยว่าถูกโค้ชทำร้ายร่างกายอย่างหนักรวมไปถึงนักกีฬาที่ถูกกระทำชำเรา ไม่กีปีที่ผ่านมา ยังเกิดกรณีสุดสะเทือนใจเมื่อนักกีฬาวอลเลย์บอลตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองจากโรคซึมเศร้า และยังมีนักไตรกีฬาที่ฆ่าตัวตายถูกโค้ชลงโทษด้วยการทุบตีและด่าทอ

ทั้งๆที่มีกรณีที่แสดงถึงความ "ฟอนเฟะ"  ของวงการกีฬาเกาหลีมาแล้วหลายครั้ง   แต่ก็ยังเกิดข่าวสะเทือนใจแบบเดียวกันออกมาเรื่อยๆ  ยังไม่รวมถึงผู้ที่ไม่กล้าจะออกมาเปิดเผย     ในขณะที่ประเทศเกาหลีใต้ผงาดขึ้นมาเป็นประเทศที่พัฒนาก้าวไกลทัดเทียมอารยประเทศ  แต่เรื่องการใช้ความรุนแรงกลับถูกซุกซ่อนไว้กลายเป็นสิ่งที่นักกีฬาต้องฝืนใจยอมรับว่า นี่คือเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางสู่ความก้าวหน้าของอาชีพ  
หลังจากที่นักวอลเลย์บอลแฝดชื่อดังถูกกระแสสังคมกดดันจนต้องประกาศขอโทษและถูกแบนอย่างไม่มีกำหนดจนไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันลุ้นคว้าเหรียญในโอลิมปิกเกมส์      ก็ได้เกิดแรงสั่นสะเทือนถึงไปนักกีฬาร่วมวงการที่ถูกแฉจนต้องออกจากทีมที่สังกัดในข้อกล่าวหาเรื่องทำร้ายร่างกายเพื่อนในโรงเรียน     ผู้ที่ต้องลาออกจากทีมกะทันหันคือ นักวอลเลย์บอลชาย ซง มยองกึนและชิม คยองซบ  และพัค ซังฮาได้ปิดฉากชีวิตนักกีฬาด้วยความฉาวโฉ่จากพฤติกรรมใช้ความรุนแรงในอดีต   และยังมีการขุดคุ้ยถึงปัญหาความรุนแรงที่ให้ท้ายโค้ชจนทำร้ายร่างกายนักกีฬาอย่างเหิมเกริม   แต่บางคนก็หวาดเกรงว่า   เรื่องนี้จะค่อยๆจางหายไปจากความสนใจของผู้คน   จนกระทั่งมีเรื่องฉาวโฉ่เกิดซ้ำซากเรียกกระแสขึ้นมาใหม่โดยไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง

และเป็นอีกครั้งที่ชาวเน็ทเกาหลีเชื่อว่า การปล่อยข่าวความรักของไอดอลระดับ top เป็นความจงใจเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนจากเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนและวงการกีฬาให้มา search คำว่า 'G-Dragon และ Jennie, Kwon Ji Yong หรือ Dispatch แบบรัวๆ และคำว่าการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนก็ถูกเบียดออกไปจากการค้นหาแบบ real time


มีใครบางคนแนะนำว่า  หากอยากรู้ว่าในวงการสื่อออนไลน์กลบเกลื่อนข่าวฉาวในสังคมกันเช่นไร ให้ลองชมซีรีส์เรื่อง Search: WWW  ซึ่งได้ตีแผ่เรื่องดันข่าวเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คนตามที่ต้องการโดยที่ไม่แคร์ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร  แม้จะเป็นการละเลยสิ่งที่ควรให้ความสำคัญหรือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้กระทำผิดก็ตาม    ในฉากที่ประธานาธิบดีเหน็บแนมเจ้าแม่web portal ว่าสามารถลบข่าวชู้สาวของคู่แข่งของเขาไปจากการค้นหาทาง internet  และยังเปลี่ยนทิศทางความสนนใจของสังคด้วยการแฉนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเรื่องซื้อประเวณี ได้ทำให้องค์กรของเธอเป็๋นเหมือนกับผู้ควบคุมประเทศไปแล้ว  แม้ซีรีส์จะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา    นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่สะท้อนการใช้อำนาจการสื่อสารเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มที่เกิดขึ้นจริงในสังคม      



การเดทของพระเอกหนุ่มสุดฮ็อทกับไอดอลสาวงามสามารถกลบข่าวการทุจริตของนักการเมืองได้จริงหรือ ?


scandal  ที่ชาวเน็ทหลายคนยกให้เป็นการกลบเกลื่อนระดับชาติน่าจะเป็นคู่ของอี  มินโฮและแบ ซูจี เมื่อปี 2015      เล่าลือกันว่า  สื่อดังได้ใช้สูตร cover up แบบดั้งเดิม  นั่นคือการตามสืบเรื่องราวความรักคนดังจนมีหลักฐานแน่นหนา  แต่ไม่ปล่อยข่าวสู่สังคมโดยทันที    แต่เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลทุจริตของอดีตประธานาธิบดีอี มยอง-บัก   Dispatch ก็ได้เปิดเผยภาพหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ของคู่รักซุปตาร์   ข่าวนี้ได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจของผู้คนเบียดข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงของอดีตผู้นำประเทศ   ส่งผลให้ netizen หลายคนประชดประชันว่าอี มยอง-บักต้องส่งคำขอบคุณไปถึงคนดังทั้งสองที่ช่วยให้กระแสความกดดันลดฮวบลงไป
แน่นอนว่าข่าวคนดังเดทกันไม่ได้ทำให้อี มยอง-บักพ้นผิดไปได้  หลังจากสู้คดียืดเยื้อหลายปี   ศาลก็ได้ตัดสินให้อี มยอง-บักมีความผิดจริงในข้อหารับสินบน ทุจริตยักยอกเงิน มีโทษจำคุกถึง 17 ปี และเสียค่าปรับ-ริบทรัพย์สินอีกหลายร้อยล้านบาท
ความหวาดระแวงว่าสื่อได้ใช้เรื่องส่วนตัวคนดังมาเบี่ยงเบนประเด็นการเมืองในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงความคิดเห็นของชาวเน็ทไม่กี่คน แต่มีการถกกันอย่างเผ็ดร้อนใน web portal ดัง user ที่แสดงความเห็นว่า อดีตประธานาธิบดีได้ประโยชน์จากข่าวอี มินโฮและแบ ซูจีเดทกันถูกดันเป็น top comment จาก 5000 ไลก์





พระเอกสุด private  ที่ถูกเผยตัวตนแฟนสาวในระหว่างที่การเมืองกำลังร้อนระอุ

แม้นักข่าวจาก Dispatch จะเคยปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ปั่นกระแสสังคมกลบข่าวฉาวด้วยข่าวเซเลบเดทกัน แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ปักใจเลื่อนทฤษฎีนี้ เพราะมั่นใจว่า เรื่อง timing น่าสงสัยเกิดขึ้นบ่อยเกินไป ย้อนไปเมื่อปี 2013 ที่หน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (NIS)ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยการใช้ social media จูงใจประชาชนเพื่อโหวตให้กับพัค กึนฮเย ป้ายสีผู้สมัครคู่แข่งจากพรรคฝ่ายค้าน ผลที่ตามมาคือเกาหลีใต้ได้ประธานาธิบดีหญิงคนใหม่ แต่หลังจากนั้นก็ถูกสาวไส้เรื่องการทุจริตใหญ่โตจนกลายเป็นนักโทษ ส่วนอดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองก็ถูกสั่งจำคุกไปแล้ว


ข้้อกล่าวหานี้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายเดือน ในช่วงที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงถึงชัยชนะอันไม่โปร่งใสของประธานาธิบดีคนใหม่ Dispatch ก็ได้เปิดเผยภาพหลักฐานเรื่องการมีคนรักของวอน บิน พระเอกชื่อดังที่เก็บตัวแบบ low profileมาโดยตลอด

ข่าวความรักของพระเอกผู้โด่งดังทำให้ อี โอยซู นักประพันธ์เจ้าของผลงาน best seller  ทวีทว่า เมื่อใดก็ตามที่สื่อตีข่าว scandal ของคนดัง ก็ทำให้เขาส่งสัยว่า รัฐบาลกำลังพยายามกลบเกลื่อนเรื่องใดอยู่

ความไม่เชื่อใจต่อการทำหน้าที่สื่อบันเทิงนั้น ทำให้เกิดการสันนิษฐานเรื่องราวอย่างไม่คาดคิดได้เช่นกัน อย่างคดีเมาแล้วขับของนักแสดงตลก โนฮงชอล ที่มีคนปักใจเชื่อว่าเป็นกับดักที่รัฐบาลอยู่เบื้องหลังเพราะไม่พอใจการนำเสนอ content ที่เกี่ยวกับการเมืองของเขา แม้ว่าโน ฮงชอลยอมรับผิดและกล่าวคำขอโทษต่อแฟนๆต่อความผิดนี้ก็ตาม

หรือแม้กระทั่งอีเวนท์โพรโมทผลงานฟอร์มยักษ์อย่าง Avengers ที่มีนักแสดง Hollywood เดินทางมาที่เกาหลีใต้เพื่อพบปะกับแฟนๆ    ก็มีข้อกล่าวหาว่า  รัฐบาลพยายามเบี่ยงแบนความสนใจของผู้คนจากที่โกรธแค้นจากเหตุการณ์เรือเฟอร์รี่เซวอลจม  เพราะเป็นช่วงที่ตรงกับวันครบรอบที่เกิดโศกนาฎกรรมพอดี



นี่เป็นเรื่องของ timing ที่เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ หรือเป็นวิธีการปั่นกระแสเหมือนพล็อทที่เราเคยเห็นในซีรีส์เกาหลีกันแน่

คุณเชื่อไปทางไหนมากกว่า มาเล่าให้เราฟังสิคะ


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE