ดราม่าโจมตีเซเลบผิวสีที่ "ไม่darkพอ"

55 6
เมื่อพูดถึงเรื่องเหยียดผิว  ก็อาจจะทำให้หลายคนนึกไปถึงการแบ่งแยกที่เกิดจากอคติที่มีต่อความแตกต่างทางเชื้อชาติ  แต่ยังมีปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นแทบทุกภูมิภาคทั่วโลก  นั่นคือ Colourism      ซึ่งเกิดขึ้นในสังคมคนที่มีเชื้อชาติเดียวกัน  แต่ก็ยังเลือกปฏิบัติด้วยความลำเอียงเพราะชื่นชมโทนสีผิวที่อ่อนกว่า   แนวคิดนี้ถูกปลูกรากฝังลึกในสังคมชาวเอเชียน จนทำให้พวกเราคุ้นเคยกับความปรารถนาที่จะมีผิวขาวกว่าเดิม  ในสังคมยังเต็มไปด้วยผู้ที่ยึดมั่นว่า ยิ่งขาวเท่าใด ก็ยิ่งสร้างโอกาสที่ดีให้กับชีวิต

แต่การเลือกปฏิบัติแบบ colourism ไม่ได้เกิดในเฉพาะโลกฝั่งตะวันออก      แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว   เรื่องของ colourismก็ได้สร้างประเด็นขัดแย้งมาเนิ่นนาน  โดยเฉพาะใน Black Community หรือกลุ่มคนที่มีเชื้อสายAfrican ผิวดำ  ที่สร้างข้อถกเถียงเรื่อง "อภิสิทธิ์คนผิวดำในกลุ่ม light skin"   เกิดเป็นดราม่าในวงการบันเทิงไม่หยุดหย่อน

Lihgt Skin คืออะไร ?
เมื่อแปลตามความหมายภาษาอังกฤษ  อาจจะทำให้คุณคิดว่า   เป็นการบรรยายโทนสีผิวที่ขาวที่เป็นลัักษณะเด่นของฝรั่งผิวขาวหรือชาวเอเชียตะวันออก  แต่เมื่อพูดถึงกลุ่ม ethnic  อย่าง คนผิวดำเชื้อสาย African หรือชาติพันธุ์อื่นๆที่มีโทนสีผิวเข้ม   light skin  จะหมายถึงผู้ที่มีโทนสีผิวที่ไม่เข้มมากนัก   และอาจจะเป็นลูกผสมหรือไม่ก็ได้   คำนี้ไม่ได้ใช้กับกลุ่มคนผิวดำเท่านั้น   แต่ยังนำมาใช้กับผู้คนที่มีเชื้อสายจากเอเชียใต้และเชื้อชาติอื่นๆอีกด้วย



อภิสิทธิ์คนผิวสีในกลุ่ม light skin มีอยู่จริงหรือ ?

Lupita Amondi Nyong'o และ Chadwick Bosemanพระเอกผู้ล่วงลับอาจจะได้รับการยกย่องว่ามีรูปลักษณ์ที่งดงามเป็นที่สุด หรือจะเป็น Naomi Campbell ที่สวยสะกดใจยืนหนึ่งมานานกว่าสามทศวรรษ แต่ถ้าคุณลองพิมพ์ค้นหาใน internet ว่า ใครคือผู้หญิงผิวดำที่สวยที่สุด ภาพของสาวงามด้านล่างมักจะ pop ขึ้นมา เหล่าแร็พเพอร์ชื่อดังมักจะควงคู่มากับหญิงสาว light skin หัวข้อที่คนในกลุ่ม dark skin ถูกเลือกปฏิบัตินั้น ไม่ได้เป็นที่ถกเถียงแพร่หลายตามสังคมออนไลน์เท่านั้น ถูกนำเสนอแพร่หลายตามหน้าสื่อ และผลงานบันเทิงต่างๆ (Dear White People, Grown-ish และ Skin)

มันยากจะปฏิเสธว่า global beauty standard ส่งผลให้หลายสังคมชื่นชมผู้ที่มีผิวสีในกลุ่ม light skin และตั้งแง่กับผู้มีที่โทนสีผิวเข้ม     ผู้หญิงผิวดำเชื้อสาย African จำนวนมากยังเสาะหาวิธีเพื่อทำให้ผิวดูสว่างขึ้นอีกหลายเฉดหรือที่เรียกว่า skin bleaching

เมื่อ Zozibini Tunzi จาก South Africa คว้ามงกุฎ Miss Universe เธอได้รับทั้งเสียงชื่นชม และคำโจมตีว่า เธอสวยไม่คู่ควรเป็นผู้ชนะเพราะสวยไม่พอกับมาตรฐานเวทีนางงามระดับโลก รวมถึงเชื่อว่า ผู้จัดการประกวดต้องการ "อวย" แนวคิดdiversity จนลำเอียงให้สาวผิวดำเอาชนะสาวผิวขาว หรือบางคนยังวิจารณ์ว่า หากเธอสวยเหมือน Rihanna ก็คงไม่ค้านสายตาขนาดนี้


 มีแฟนนางงามที่ไปเกาะติดขอบเวทียืนยันว่า เธอเป็นตัวเก็งมาทุกรอบ   ปรากฏบนเวทีเมื่อใดก็ทำให้ผู้ชมจำนวนมากอ้าปากค้าง  เตรียมพร้อมทั้งเรื่องการตอบคำถาม  fashion และการนำเสนอตัวเองอย่างโดดเด่น          คนที่เชื่อมั่นในศักยภาพของ Miss Universe  ผู้นี้เชื่อว่า กระแสโจมตีว่าเธอไม่คู่ควรกับมงกุฎสาวงามระดับโลกนั้นมาจากแนวคิด colourism นั่นเอง     ซึ่งที่ผ่านมานั้น   นางงามผิวดำส่วนมากที่ก้าวมาคว้าชัยชนะจากเวทีนี้ได้จะเป็นสาวกลุ่ม light skin   ทำให้เธอสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเวทีนี้   เพราะนอกจากจะมีผิวในโทนเข้มแล้ว ยังมาพร้อมกับทรงผมสั้นเกรียน และการประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า "พวกเราทำได้"



พ่อ Beyonce ซัด  ลูกประสบความสำเร็จได้จนถึงทุกวันนี้เพราะเป็นสาว light skin
ความสัมพันธ์ของ Beyonce และพ่อที่เคยทำหน้าที่จัดการดูแลเธอจนสร้างความโด่งดังในวงการดนตรีนั้นไม่ได้ราบรื่นสวยงามนัก   บางครั้ง  เขาใช้พื้นที่สื่อเพื่อ "แฉ"   เป็นสายเลือดตัวเอง  รวมไปถึงข้อกล่าวหาที่ว่า  หากไม่ได้มีสีผิวในเฉด light skin  เธอคงไม่ประสบความสำเร็จล้นหลามขนาดนี้


คำพูดของพ่อ Beyonce  คงไม่ทำให้ superstar สาวรู้สึกยินดีมากนัก   หลายฝ่ายเชื่อมั่นว่า ความสำเร็จที่ผลักดันให้เธอกลายมาเป็นศิลปินแถวหน้ามาจากความมุ่งมั่นตั้งใจและความสามารถระดับสูงของเธอ    แต่พวกเราสามารถมองข้ามประเด็น  colourism  ไปได้จริงๆหรือ ?  


พ่อของ Beyonce ตั้งคำถามน่าคิดว่า

" เมื่อลองคิดถึงศิลปินสาวผิวดำที่สถานีวิทยุนิยมเปิดเพลงของพวกเธอ Mariah Carey, Rihanna, Nicki Minaj และลูกๆของผม พวกเธอเหล่านั้นมีอะไรตรงกันล่ะครับ ?"
(ผู้สื่อข่าวตอบทันทีว่า พวกเธอมีโทนสีผิว light skin )

"คุณคิดเหรอว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้จงใจ ?"


เขายอมรับว่า การเลือกปฏิบัตินี้เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดกันรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกพึงใจในตัวแม่ Beyonce ก็เพราะว่าเธอมีสีผิวที่สว่างกว่า แม่ของเขายังเคยพร่ำบอกว่าอย่าพาผู้หญิงผิวสีเข้มจัดมาบ้าน เมื่อหลายสิบปีก่อน เฉดสีผิวเป็นสิ่งที่คนผิวดำให้ความสำคัญ และโชคไม่ดีนักที่เขาถูกปลูกฝังให้ยึดติดเรื่องนี้


" ในวงการดนตรียังมีปัญหาการแบ่งแยกอยู่ สื่อต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มดนตรี pop ได้นำเสนอว่า สิ่งที่ถูกยอมรับว่าสวยงามควรจะเป็นแบบไหน พวกเค้าให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์นั้นพอๆกับการขับร้องเพลง"

"ถ้าคุณมองย้อนกลับไปถึง Whitney Houston พวกเค้าตกแต่งภาพให้ผิวของเธอสว่างขึ้น มันมาจากแนวคิด colourism ยิ่งคุณมีผิวสว่างเท่าไร คุณก็ยิ่งดูฉลาดขึ้น และและมีข้อได้เปรียบในการทำมาหากิน แนวคิดเรื่องนี้กระจายไปทั่วโลก แม้แต่กลุ่มคนผิวดำอย่างเรา"


พ่อบียอนเซ่ได้ยก Kelly Rowland มาเปรียบเทียบว่า เป็นตัวอย่างที่แจ่มแจ้งในประเด็นนี้       ที่ผ่านมานั้น   Beyonce คือศูนย์กลางที่โดดเด่นที่สุดในวง Destiny's Child  เมื่อพวกเธอแยกตัวมาสร้างชื่อเสียงในฐานะศิลปินเดี่ยว   แม้จะมีความสามารถไม่แพ้กัน  แต่ Kelly  ที่มีผิวสีเข้มกว่าไม่สามารถก้าวไปเข้าใกล้ความสำเร็จระดับ top เหมือนกับ Beyonce  แม้ว่าเธอจะสร้างยอดขายจากต่างประเทศได้ดี    แต่เป็นเวลาหลายปีที่ Kelly เคยต้องยืนเคียงข้างกับสาวผิวดำที่ถูกยกย่องว่าสวยที่สุด ผิวสว่างกว่าหลายเฉด   ผู้คนย่อมคิดว่าเธอเป็นรอง Beyonce อยู่ร่ำไป


Kelly ยอมรับว่า กว่าที่เธอจะยอมรับผิวสี chocolate ของตัวเองได้ก็ใช้เวลาเนิ่นนาน และในที่สุดก็เห็นคุณค่าของโทนสีผิวนี้ เธอให้เครดิตแม่ของ Beyonce ว่าเป็นผู้ให้กำลังใจจนเธอไม่คิดว่ามันเป็นปมด้อยอีกต่อไป



Bridgerton   ซีรีส์ที่ถูกกล่าวหาว่า ขายเรื่อง diveristyแบบเปลือกๆ
ความสำเร็จของซีรีส์เรตติ้งระดับ top ของ Netflix ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับดราม่า  เมื่อสื่อและชาวเน็ทแสดงข้อกังขาว่า  การนำเสนอจักรวาลชนชั้นสูงอังกฤษที่โดดเด่นด้วยเชื้อชาติที่หลากหลายนั้นถูกสร้างมาจากแนวคิด colourism หรือไม่  ?

เพราะนอกจาก เลดี้ Danbury ไฮโซอาวุโสที่เผ็ดระดับตัวแม่ ตัวละครนำอื่นๆนับตั้งแต่

duke ที่แสนเลิศเลอ perfect
ควีนผู้ทรงอิทธิพล
,มาดามช่างตัดชุดหรูที่แอ๊บฝรั่งเศส
สาวน้อยจากชนบทฝั่ง Featherington ที่สวยแย่งความสนใจจนนางเอกหงอย

พวกเค้าต่างเป็นนักแสดงเชื้อสายผิวดำในกลุ่ม light skin


การ call out  ซีรีส์ดังเรื่องหาประโยชน์จากความงามแบบ light skin  ถูกตอกย้ำด้วยคำพูดของ Paige DeSorbo  นักแสดงรายการ Summer House ในการพูดคุยผ่าน podcast ว่า   duke รูปงามแห่ง Bridgerton  เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะคว้าบท James Bond  เพราะ  " เขาเป็นหนุ่มอังกฤษตัวจริง และเขามีผิวโทนสว่าง"

การแสดงความเห็นที่สื่อออกมาชัดเจนว่า พระเอกผิวดำที่สวมควรจะได้รับบทสายลับสุด classic จะต้องเป็นหนุ่ม light skin เท่านั้น อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ทจำนวนไม่น้อย และมีแรงกดดันให้เจ้าของความเห็นต้องออกมาประกาศขอโทษต่อ Rege-Jean อย่างรวดเร็ว แต่ข่าวนี้ก็ได้ทิ้งคำถามไว้ว่า แท้จริงแล้ว นี่เป็นความเห็นที่ตรงใจผู้คนจำนวนมากแต่พวกเขาไม่กล้าพูดออกไป  เพราะเกรงว่าจะถูก judge  หรือไม่ ?
ชาวเน็ทบางคนเชื่อว่า   casting นักแสดง light skin ใน  Bridgerton เป็นความจงใจ   และนำเสนอ stereotype ที่คนผิวดำที่มีผิวโทนเข้มจะดูไร้การศึกษา หรือมีนิสัยร้ายกาจดัง  Duke แห่ง Hastings คนพ่อที่มีพฤติกรรมราวกับปีศาจร้าย

เมื่อผู้สร้าง Bridgerton ได้ประกาศ;ว่านางเอกคนใหม่ที่จะมาร่วมประชันบทบาทในซีซัน 2 คือ Simone Ashley สาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียจาก Sex Education กระแสตอบรับจากสื่อและชาวเน็ทเป็นไปทางเดียวกัน คือความชื่นชมยินดีต่อการสนับสนุน diversity ด้วยการก้าวออกมาจากกรอบ colorism และวิพากษ์วิจารณ์ว่า นี่เป็นสัญญาณที่ดีในการแก้ไขสถานการณ์ที่ถูก call out


ที่ผ่านมา นักแสดงเชื้อสายเอเชียใต้เคยก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงนำในผลงานดังมาแล้ว Mindy Kaling อาจจะสร้างชื่อเสียงโด่งดังมาก่อน แต่เธอได้ปูทางวสร้างชื่อเสียงในฐานะนักเขียนบทและโพรดิวเซอร์ผลงาน comedy หากพูดถึงผลงานแนว romance แล้ว คุณจะไม่ได้เห็นนักแสดง dark skin เชื้อสายเอเชียใต้กันบ่อยนัก( แม้แต่วงการ Bollywood ก็เชิดชูผิวขาวกว่ามาโดยตลอด)   นางเอกคนใหม่ของ Bridgerton อาจจะทำให้อคติที่มีต่อโทนผิวสีเข้มเปลี่ยนแปลงไปในทางทีดีขึ้น


blackAF ซีรีส์ที่ถูกเย้ยหยันว่าควรจะตั้งชื่อใหม่เป็น lightAF จึงจะถูกต้อง


Kenya Barris คือ creator ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Black-ish ซีรีส์สุดฮาเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากจนแตกมาเป็นภาคแยกอย่าง Grown-ish และ Mixed -ish เมื่อเขาได้รับข้อเสนอด้วยสัญญามูลค่าสูงจาก Netflix ให้มาสร้างซีรีส์โกยเรตติ้งจึงตัดสินใจก้าวจากเบื้องหลังมาแสดงต่อหน้ากล้องใน comedy ที่สร้างจากจินตนาการที่มาจากชีวิตจริงของเขาเอง นั่นคือ เรื่องราวของครอบครัวคนผิวดำฐานะร่ำรวยนั่นเอง ฟังดูแล้ว ไม่ต่างจาก Black-ish มากนัก พ่อประสบความสำเร็จทำงานเบื้องหลังในวงการบันเทิง แม่เป็นลูกครึ่งทำงานในสายอาชีพที่ได้รับการยกย่อง ( แพทย์/ทนาย) ลูกๆได้รับการเลี้ยงดูอย่างสมบูรณ์พูนสุข style เศรษฐี

แต่ผลงาน blackAF ของ Kenya  กลับถูกโจมตีหนักหน่วงว่า   ใช้ colorism  สร้างกระแส     ดราม่าแรงกว่า Bridgerton ไปหลายดีกรี   
blackAF  ได้เล่าเรื่องด้วยการจำลองภาพของ reality show  ที่เปิดเผยชีวิตครอบครัวของคนผิวดำด้วยอารมณ์ขันร้ายกาจไปพร้อมๆกับการอธิบายถึงต้นตอปัญหาต่างๆที่พวกเค้าต้องรับมือ  ที่แม้ว่าจะเป็นอภิสิทธิ์ชน แต่ก็ยังต้องเผชิญกับเรื่องแบ่งแยก  และอาจจะถือเป็นการ "เบิกเนตร" ด้วยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และข้อมูลจาก black community    แต่รูปลักษณ์ของนักแสดงที่รับบทเป็นสมาชิกครอบครัวของ Kenya  ทำให้ชาวเน็ทจวกซีรีส์เรื่องนี้ยับ

โดยเฉพาะ Rashida Jones นางเอกสาวลูกครึ่งที่มักถูกบรรยายด้วยคำว่า passing for white หรือสาวผิวสีที่ดูเหมือนคนผิวขาวนั่นเอง

    แม้ว่านักแสดงชื่อดังใน Hollywood หลายคนจะมี background ที่เป็นลูกผสมเช่นเดียวกับ Rashida    แต่ด้วยผิวโทนน้ำตาล ดวงตาสีอ่อน ผมตรงธรรมชาติ และโครงหน้าแบบยูโรเปี้ยน    ทำให้เธอเคยเข้าสู่ออดิชั่นเพื่อแสดงบทผิวขาวโดยไม่สร้างความความรู้สึกที่ค้านสายตา (เธอเคยรับบทสาว American เชื้อสาย Italian ใน The Office)   แต่เพราะรูปลักษณ์แบบลูกผสมก็เคยทำให้เธอถูกตัดโอกาสมาก่อน    เพราะนักสร้างหนังมองว่าเธอดู exotic เกินไปที่จะรับบทผู้หญิงผิวขาว  และขาวเกินไปสำหรับบทผู้หญิงผิวดำ

เมื่อเธอรับบทนำในซีรีส์ที่บอกตรงตัวว่า blackAF  กระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็แพร่กระจายไปทั่ว social media   ว่าเธอไม่เหมาะสมต่อการถ่ายทอดความเป็นคนดำ (blackness) มากพอจะใช้คำว่า "ดำโคตรๆ " (AF)     สื่อบางเจ้าทวงถามว่า  หากจะตั้งชื่อซีรีส์ให้สะดุดตาขนาดนี้ แล้วนางเอก dark  skin ไปอยู่ที่ไหน ?     และเสนอว่า ในเมื่อโพรโมทเรื่องราวของครอบครัวคนดำ light skinกันเกือบยกบ้านแล้ว  น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น lightAF จะดีกว่า!
กระแสโจมตีเรื่อง casting ทำให้ Kenya ต้องออกมาชี้แจงตั้งแต่ซีรีส์ยังไม่ออนแอร์     เขายืนยันว่านี่คือภาพที่ตรงกับครอบครัวในชีวิตจริงของเขา และต้องการนำเสนอภาพของภรรยาลูกครึ่ง  เพื่อความสมจริงทางลักษณะทางพันธุกรรม เขาจึงไม่สามารถ cast นักแสดงที่ไม่ตรงกับเรื่องการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ( แม่ light  skin ลูกก็ต้อง light skin) เพื่อจะเติมโควต้านักแสดง dark skin ให้ครบ

ในเวลาต่อมา  เขาได้ยอมรับว่า  เข้าใจถึงปัญหา colorism   และยื่นอกยอมรับฟังทั้งความเห็นในด้านบวกและด้านลบ  

ภาพของครอบครัวตัวจริงของ Kenya ได้ชี้ชัดว่า เขาสร้างซีรีส์ดังมาจากประสบการณ์ของตัวเอง แต่กระนั้น ก็ยังถูกทวงถามว่า เหตุใด เขาจึงไม่คิดจะนำเสนอเรื่องราวของคนในกลุ่ม dark skin เลย

อย่างไรก็ตาม  ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุน casting  นักแสดงในบท light skin  เพราะพวกเค้าเป็นส่วนหนึ่งของ community เช่นเดียวกัน  และไม่ควรถูกแบ่งแยกเพราะโทนสีผิวที่สว่างกว่า




Tinashe  ตัดพ้อ black community ว่าไม่ยอมรับเธออย่างสนิทใจ แต่ถูกถล่มซ้ำ

นักร้องสาวได้กลายมาเป็นหัวข้อข่าวกอสสิป หลังจากที่เธอให้สัมภาษณ์ว่า เธอยังไม่ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ แ ม้เธอจะมองเห็นตัวเองเป็นผู้หญิงผิวดำ แต่ black community ไม่เคยยอมรับเธออย่างเต็มที่เพราะเชื้อสายลูกผสม* ทำให้รู้สึกไม่เข้าถึงและสับสน

และกระแสตอบรับก็ร้อนระอุขึ้นมา เพราะข้อเท็จจริงก็คือ ศิลปินสาวลูกครึ่งและผู้ที่มีผิวโทนสว่างต่างหากที่ได้เปรียบในการสร้าวชื่อเสียงในวงการ  สีผิวจึงไม่ใช่สิ่งที่ฉุดรั้งเธอไม่ให้โด่งดังเหมือนกับ Rihanna    แต่เป็นองค์ประกอบอื่นๆ


* พ่อของเธอมาจากซิมบับเว และแม่มีเชื้อสายนอรเวย์เจี้ยนและเดนิชอ่างความสามารถและการนำเสนอเสน่ห์ที่มีเอกลักษณ์ต่างหาก
นอกจากนั้น  สื่อยังได้เผยแพร่คำพูดที่สร้างความไม่พอใจจากกลุ่มแฟนของนักร้องระดับซุปตาร์ที่ Tinashe ยกมาเปรียบเทียบว่า

" มีแร็พเพอร์เป็นร้อยที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันไปหมด การร้องแร็พก็แบบเดียวกัน แต่เมื่อเป็นผู้หญิงผิวดำ ก็จะนิยมแต่ Beyoncé หรือ Rihanna เท่านั้น มันแปลกมากเลยค่ะ"


หลังจากที่เจอถ้อยคำเผ็ดร้อนจากชาวเน็ทที่กล่าวหาว่า เธอหลงประเด็นเรื่องการเลือกปฏิบัติเพราะสีผิว     Tinashe  ได้ชี้แจงว่า  สื่อที่เธอให้สัมภาษณ์ตีความคำพูดของเธอไปผิดพลาด  เพราะเธอไม่ได้โทษว่า  ผิวโทนสว่างของเธฮทำให้คนดำไม่ยอมรับและส่งผลให้ไม่ประสบความสำเร็จในวงการอย่างที่คาดหวังไว้   แต่เธอกำลังเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตที่เติบโตขึ้นมาโดยมีความแตกต่าง  เพราะเป็นลูกครึ่งจึงไม่เข้าพวกได้เต็มที่ 
สิ่งที่ Tinashe พูดถึง  ตรงกับประสบการณ์ของศิลปินสาวลูกครึ่งอย่าง Alicia Keys และ Rihanna ที่เคยถูก   bully  เพราะมีรูปลักษณ์แตกต่าง จากคนใน community    และน้อยเนื้อต่ำใจเพราะไม่เข้าพวก    แต่เมื่อพวกเธอมีชื่อเสียงโด่งดัง  กลับถูกยกเครดิตให้กับโทนสีผิวที่สว่างกว่าสาวผิวดำคนอื่นๆ   



light skin คือข้อได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมในสังคมจริงหรือ ?  คุณคิดว่าอย่างไรคะ 


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE