รวมหนุ่มแซ่บจากผลงานย้อนยุคอังกฤษ

50 15
ภาพของ "สุภาพบุรุษอังกฤษย้อนยุค"  ที่โลดแล่นในผลงานการแสดงบนจอได้สร้างความตราตรึงใจให้กับแฟนๆได้เสมอ   นอกจากจะสร้างความนิยมได้ล้นหลาม  บทบาทนี้ยังทำให้บรรดาพระเอกสร้างความฮือฮาในฐานะ sex symbol อีกด้วย!

พวกเค้าจะร้อนแรงกันในรูปแบบใดบ้างนั้น ลองมาติดตามกับเราได้เลยค่ะ




Regé-Jean Page  -  ดยุคแห่ง Basset   แห่งBridgerton
หนุ่มร้อนแห่ง Netflix คนล่าสุดที่แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวจากบทดยุคแสนหล่อเหลาผู้หวงความโสดจนนักเขียนคอลัมน์กอสสิปชื่อดังอย่างเลดี้ Whistledown ยกให้เป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่สำหรับเหล่าแม่ๆในวงสังคมชนชั้นสูงที่กำลังมองหาสามีให้ลูกสาว หล่อแซ่บแย่งแทบทุกซีน ถ้าให้พูดตรงๆ เนื้อหาซีรีส์อาจจะไม่ได้ตรงจริตหลายคน แต่ต้องแอบเช็ดมุมปากกันนิดนึง บางทีก็แอบคิดว่า ซีรีส์ตั้งชื่อตามตระกูลของนางเอกก็จริง แต่ถ้านับถึงความโดดเด่นแล้ว มันอาจจะเหมาะกับชื่อ Basset มากกว่ามั้ย ?



ซีรีส์และหนังพีเรียดหลายเรื่องถูกสร้างขึ้นจากวรรณกรรมคลาสสิคผลงานของนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงมาหลายร้อยปี แต่ต้นฉบับของ Bridgerton คือนิยายรักยุค Regency * จากการสร้างจักรวาลขึ้นมาใหม่ นักเขียนชื่อดัง Julia Quinn ได้นำเสนออาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ที่สมมุติขึ้นมา เชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูงที่โลดแล่นในสังคมผู้ลาภมากดีแห่ง London ได้สืบเชื้อสายคนผิวขาวและคนผิวดำ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขไร้ซึ่งอุปสรรคการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ พล็อทเรื่องนี้ก็ได้แนะนำให้เราได้รู้จักกับดยุคแห่ง Basset ชายหนุ่มสูงศักดิ์ที่หล่อรวยในระดับหนุ่มโสดที่เป็นที่หมายปองอันดับ 1 แห่งอังกฤษนั่นเอง



* อังกฤษช่วงสั้นๆจากปี 1811 - 1820 ในรัชสมัยที่จ้าชายGeorgeได้กลายมาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนที่เสด็จพ่อที่ประชวรด้วยอาการทางจิตเวช แต่บางคนก็ยืดเวลาของยุค Regency ออกไปอีก

ใครเข้าใจความรู้สึกของน้องนางเอกบ้างคะ ?  เราคงเดาไม่ผิดว่า  เธออยากจะสลับบทบาทกับช้อนอันนั้น


นักอ่านนิยายรักประวัติศาสตร์จำนวนมากมายติดอกติดใจกับ romance ยุค Regency   เพราะเพราะชั้นเชิงในการแสดงออกของผู้ดียุคนั้นเต็มไปด้วยพิธีรีตองของสุภาพชน  ถ้อยคำที่เลือกมาโต้ตอบกันนั้นแพรวพราวราวกับว่าตัวละครนำล้วนแต่ช่ำชองเรื่องภาษากวี         อย่างไรก็ตาม   การแสดงออกความเสน่หาต่อกันของหนุ่มสาวต้องอยู่ในกรอบของธรรมเนียมเพื่อรักษาเกียรติของทั้งคู่ (โดยเฉพาะฝ่ายหญิง)   แต่สำหรับดยุคแห่ง  Bassett    ดูเหมือนว่า  ไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวในแห่งหนใดก็ทำเอาสาวๆน้ำลายหยดย้อยกันไปถ้วนหน้า   แม้แต่นางเอกที่มีบุคลิกของสาวใสซื่อที่รู้เรื่องเพศน้อยมากก็ยังเก็บไปฝันว่าถูกมือใหญ่แข็งแกร่งคู่นั้นลูบไล้จนรัญจวญใจ
(มีสปอยล์)
ภาพของนักรักผู้ช่ำชองที่วาดลวดลายไป "ทุกหนทุกแห่ง" ในคฤหาสน์ทำให้ผู้ชมหน้าจอหลายคนต้องหวีดด้วยความเขิน  แม้จะมีคำเตือนบนจอเรื่อง  nudity ตอนเริ่มต้น  แต่บางคนอาจจะไม่ได้ตั้งตัวกับความเผ็ดพริกล้นครก   เพราะการดำเนินเรื่องแรกๆจะยังไม่รีบร้อนเร่งเครื่อง มีหยอดให้วาบหวามเป็นระยะ  แต่พอเครื่องร้อนแล้ว วู้ว!    เป็นคนละโลกกับพระเอกแนว Jane Austen นะจ๊ะ 
บางคนอาจจะคิดด้วยซ้ำว่า   ผู้สร้างต้องการโฟกัสที่ดยุคสุดหล่อเป็นหลัก  แม้ว่าในซีรีส์จะมีนุ่มสาวหน้าตาดีกันอีกหลายคน  และมีการเฉลี่ยบทบาทไปยังคนอื่นๆ ด้วย แต่ที่สุดแล้ว เขาก็เป็นศูนย์กลางความสนใจ สื่อและชาวเน็ทต่างฮือฮากับดยุคจนเหมือนลืมไปแล้วว่ามีคนอื่นในเรื่องด้วย   แตกต่างจากซีรีส์เรื่องอื่นๆ ที่จะมีหลายทีมคอยเชียร์ตัวละครที่ตัวเองปลื้ม   และการแจ้งเกิดเต็มขั้นนี้ก็ทำให้ Rege ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับข่าวลือเรื่องความเป็นไปได้ในการคว้าบท James Bond คนใหม่แทนที่ Daniel Craig   ซึ่งน่าจะมาจากความหวังของแฟนๆที่ชื่นชมเขานั่นเอง




Colin Firth   -  Mr. Darcy  Pride And Prejudice


หากใครเคยได้อ่านนิยายสมัยใหม่ที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังดังอย่าง Bridget Jones's Diary ก็น่าจะจำได้ว่า ผู้เขียนแสดงความคลั่งไคล้ในตัว Colin Firth ในบทบาท Mr. Darcy แห่ง Prideไว้มากมายแค่ไหน และนั่นยังเป็นสาเหตุสำคัญที่เราได้เห็น Colin คว้าบท Mark Darcy ขวัญใจสาวอวบสุดฮาอย่าง Bridget ติดต่อกันถึงสามภาค เพราะว่า Pride And Prejudice ในเวอร์ชั่นนี้ได้สร้างกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนเกิร์ล คนรุ่นหลังอาจจะสับสนด้วยซ้ำว่าภาพของ ผู้ชายที่มีบุคลิกเคร่งขรึมหัวโบราณและเย่อหยิ่งชีวิตจะทำให้ Colin Firth กลายเป็น sex symbol ในอังกฤษยุค 90s ได้



เรามีคำอธิบายค่ะ...

BBC ทำให้อังกฤษต้องสั่นสะเทือนไปด้วยความ swoon ( ความเคลิบเคลิ้มของ fangirl อาจจะไม่ได้ถึงขั้นสลบ แต่อาจจะใจเต้นรัว มีหวีดออกมาด้วย) เมื่อได้เผยแพร่ฉาก Mr. Darcy กระโจนลงน้ำ แล้วเดินขึ้นมาต๊ะเอ๋กับ Elizabeth เมื่อได้เห็นภาพด้านล่าง บางคนก็อาจจะไม่ get นี่เค้า swoon อะไรกัน ? ดยุคจาก Bridgerton นี่เปลือยไปถึงท่อนล่างเชียวนะ

แต่ความวับๆแวมๆของเสื้อขาวเปียกน้ำในฉากนี้เองค่ะที่ทำให้สาวๆอังกฤษที่อัดรายการไว้ดูทีหลัง จะต้อง rewind ภาพซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อส่องให้เห็น "ขุมทรัพย์" ภายใน     ส่วนมากจะอินกับนิยายกันมาก่อนและซึมซับแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมในตอนนั้น   ภาพของ Mr. Darcyที่ เปียกโชกจนเสื้อแนบไปกับกล้ามเนื้อด้านใน อาจจะไม่ต่างอะไรกับการเปลือยกายในสายตาของหญิงสาวที่ต้องวางตัวเป็นเลดี้       เมื่อเปรียบเทียบกับฉากละครที่มีการเปลือยกันหมดจดจริงๆ   ภาพของเสื้อเปียกน้้ำนี้ดูเร้าใจสำหรับแฟนๆ เพราะสามารถจิตนาการกันไปได้ร้อยแปด !
ฉากนี้เป็นตำนานจริงๆหรือไม่ ?   ทาง BBC ได้อัพโหลดฉาก "เสื้อเปียก"ไว้ที่  Youtube และมีคนเข้าชมไปแล้วมากกว่า 8,800,000 ครั้ง  และยังเคยมีการสร้างรูปปั้น "Mr. Darcy" ตัวเปียกในที่สระที่ Hyde Park ใน London  อีกด้วย!


ตอนที่อ่าน  Bridget Jones's Diary นั้น  เราไม่ค่อยเข้าใจความหมกมุ่นเรื่องฉากเสื้อเปียกนัก  แต่ถ้าเป็น Colin Firth ในช่วงหนุ่มแน่น   ขอพยักหน้าให้แรงๆเลย  เค้าน่ารักจริงๆ  เป็นทั้ง Mr. Darcy และ  Mark Darcy ได้น่าจดจำเป็นที่สุด
จริงๆ  จากรสนิยมส่วนตัว เราไม่ได้ปลาบปลื้มจอนยาวๆของผู้ชายในยุคนี้นัก แต่ทำไมรู้สึกว่ามันเข้ากับ Colin ยังไงก็ไม่ทราบ    เคยดูเวอร์ชั่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง  ก็ชอบไม่แพ้เวอร์ชั่นล่าสุด  แม้องค์ประกอบในฉากจะดูเก่าไปบ้างก็ตาม




Aidan Turner  -   Ross แห่ง Poldark

ผู้กอง  Ross Poldark เคยสร้างกระแสที่ร้อนแรงในอังกฤษไม่แพ้ Internet Boyfriend คนอื่นๆ    เขาแตกต่างจาก พระเอกในยุคประวัติศาสตร์อีกหลายคน เพราะมีความ Dark Tall and Handsome  แบบหนุ่มยุโรปแถบเมดิเตอร์เรเนียน และทำให้สังคมต้องโจษจันด้วยบทบทเตียงที่ทำให้ใจเต้นระรัว 

ซีรีส์ของ ฺฺBBC เรื่องนี้สร้างต่อกันถึงห้าซีซัน  เป็นเรื่องราวของอดีตนายทหารที่เดินทางกลับอังกฤษหลังจากไปร่วมรบในสงครามปฏิวัติอเมริกาในปี 1783   เมื่อชีวิตในบ้านเกิดเปลี่ยนแปลงจากความคาดหวังโดยสิ้นเชิง  เขาจึงต้องเริ่มนับศูนย์ใหม่และต่อสู้กับการแบกรับภาระมากมาย  รวมไปถึงความรักสามเส้าที่ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นแล้วลุ้นอีกว่าตกลงพระเอกสุดแซ่บคนนี้จะลงเอยกับใคร


ด้วยความที่เป็นทหาร   Ross จะมีออร่าที่แตกต่างไปจากสองคนเบื้องต้น    เขาไม่ได้เป็นคุณชายที่ถูกประคบประหงมจน    หลายครั้ง คำพูดและการแสดงออกจะห้าวหาญร้อนแรง แต่ความรักในศักดิ์ศรีนั้นไม่ได้แตกต่างจากชายตระกูลสูงส่งเลย     เมื่อต้องสุญเสียนางในดวงใจให้กับญาติ   เมื่อฟื้นจากความเจ็บปวดได้ Ross หันมาต้องตาต้องใจสาวผมแดงนิสัยกระโดกกระเดกที่เขาจ้างมารับใช้ที่บ้าน   จิตใจที่โหยหาความเสรีทำให้เขาพยายามก้ามข้ามค่านิยมการแบ่งแยกชนชั้นด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาต้องการ แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงสาวใช้ที่ใครๆก็มองว่าชาติกำเนิดต้อยต่ำไม่คู่ควรกับเจ้าของกิจการเหมืองอย่างเขา 


สื่อได้รายงาน impact ของฉากเปลือยอกของ Rosso ว่า  ตอนเปิดซีซัน 2  จำนวนคนดูมีราว5.25 ล้าน  หลังจากจบฉากถอดเสื้อทำงานขุดหาแร่ในเหมือง  ภาพของหนุ่มหล่อที่เปลือยครึ่งร่างและชุ่มด้วยเหงื่อตรึงให้คนดูไม่เปลี่ยนช่องไปไหน  แต่พอเปลี่ยนฉาก  คนดูหายไปถึงสองแสนราย   แต่คนที่เปลี่ยนช่องไปก็เปิดกลับมาดู เพราะอีกไม่นานจากนั้นก็มีเลิฟซีนร้อนแรงต่อ  !


บทนี้อาจจะแตกต่างจากสุภาพบุรุษอังกฤษในซีรีส์ย้อนยุคเรื่องอื่นๆ เพราะเป็นนายทหารที่ต้องดูแลกิจการเหมือง ทำงานกลางแจ้งร่วมกับคนงาม ผิวคล้ำคม ยิ่งเข้าฉากกับนางเอกที่มีผิวขาวซีดแบบสาวผมแดงยิ่งต่างกันชัดเจน   ความสำเร็จจาก Poldark ทำให้  Aidan Turner ได้รับการโหวตถึง 340,000 เสียง ติดอันดับหนึ่งหนุ่มที่ sexy ที่สุดของอังกฤษเมื่อ 2016   

ภาพของผู้ชายแข็งแกร่ง พึ่งพาได้ แม้จะไม่ช่างปากหวานเอาอกเอาใจ และติดนิสัยออกคำสั่ง แต่ก็ให้เกียรติภรรยาทำให้แฟนๆคอยเอาใจช่วยให้พวกเค้าฟันฝ่าอุปสรรคจนมีความสุขให้ได้ แต่ประเด็นที่นอกเหนือจากนั้นคือ... ความเร่าร้อนของพระเอก เอะอะก็เสื้อปลิวอยู่นั่น    ฉากรักของคู่พระนางเคยถูกโหวต.ให้เป็น  ฺBest TV  moment แห่งปี 2016  โค่นฉากเปลือยก้นของ Tom Hiddleston ในซีรีส์ The Night Manager ไปได้ 

ซีรีส์จะไม่ดำเนินอยู่บนความเพ้อฝัน แต่นำเสนอความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งด้านสีเทาและความหวังที่สว่างสดใส    Ross อาจจะมีคุณสมบัติของสามีในฝันของยุคนั้น   บางครั้ง แต่ชีวิตที่พลิกผันก็ทำให้คนที่ดูมีคุณธรรมตัดสินใจในสิ่งที่สร้างความช็อกให้กับคุณได้     




Cillian Murphy -  Tommy Shelby แห่ง  Peaky Blinders
เปลี่ยนบรรยากาศที่เข้าใกล้ยุคโมเดิร์นเข้ามาอีกนิด  จากบรรยากาศของชุมชนเสื่อมโทรมใน  Birmingham    Tommy อาจจะห่างไกลจากภาพสุภาพบุรุษชนชั้นสูง   เพราะเขาเป็นมาเฟียที่ทั้งดิบเถื่อน  ไม่ได้มีการแสดงออกที่เต็มไปด้วยมารยาทแบบแผนของผู้ดี  แต่ก็คว้าหัวใจแฟนๆจนกลายเป็นบทบาทที่ตรึงตราใจผู้คนของ Cillian Murphy ไปแล้ว


เรื่องราวเริ่มต้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี 1919 เมื่ออดีตทหารได้ผ่านการต่อสู้ที่โหดร้ายจนเกิดความผิดปกติทางจิตใจหลังจากประสบสถานการณ์รุนแรง แต่เมื่อหวนคืนสู่ครอบครัว เขากลับแทบไม่เปิดเผยด้านที่อ่อนแอให้ใครเห็น และพยายามสร้างอาณาจักรผู้ทรงอิทธิพลด้วยบุคลิกที่ร้ายกาจเย็นชา ถึงจะถูกปื่นจ่อหัวก็ยังคงสติแน่วแน่ไว้ได้ เขาสามารถแผ่ออร่าความน่าเกรงขามแม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ



พระเอกซีรีส์ยุค Regency  อาจจะพูดสำเนียงเลิศหรู  ปฏิบัติตนตามระเบียบแบบแผนของผู้ดีอย่างเคร่งครัด  

แต่นี่คือพระเอกที่มีความเป็นผู้ร้ายเต็มขั้น เขาโหดเหี้ยม ปั่นหัวคนอื่นให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ และดูเย็นชายากจะเข้าถึง แต่จิตใจที่แน่วแน่กับการปกป้องครอบครัวและแรงดึงดูดบางอย่างทำให้ผู้ชมหลายคนเอาใจช่วยให้เขาได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับศัตรู หนึ่งในนั้นคือความเฉลียวฉลาดที่มาพร้อมกับการวิเคราะห์ฝ่ายตรงข้ามจนสามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายได้



ถ้าพูดถึงยุคหลังสงครามร้อนปีที่ผ่านมา   มันก็น่าประหลาดใจไม่น้อยที่ Tommy เป็นผู้ชายที่เอ่ยปากเรื่องความเท่าเทียมทางเพศและเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้ออกความเห็น   ซึ่งในยุคนั้น ผู้คนจำนวนมากรวมไปถึงสื่อต่างๆได้ต่อต้านเรื่องการเรียกร้องสิทธิสตรี*  แต่ลงท้ายแล้ว เขาก็จะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องกิจการครอบครัวในฐานะผู้นำอยู่ดี    


* ไม่นานก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้คนในปลายยุค Victorian และยุค Edwardian ยังยึดมั่นแน่วแน่ว่า ผู้หญิงมีบทบาทดูแลครอบครัว ไม่ใช่การทำงานนอกบ้าน  พวกเธอไม่ได้มีทางเลือกอื่นมากนักนอกจากรับการสนับสนุนค่าเลี้ยงดูจากสามี  และไม่จำเป็นต้องเข้าถึงสิทธิต่างๆที่ผู้ชายได้รับ เช่น  การเลือกตั้ง การเล่าเรียนสูงๆ ไปจนถึงการเลือกทำอาชีพที่ใฝ่ฝัน


นอกจากจะสูบบุหรี่ตลอดเวลาจนถูกล้อเลียนเป็น meme  ( แม้แต่ตอนที่นอนเตียงโรงพยาบาลเพราะถูกซ้อมจนเละไปหมด)     ความ iconic ของ Tommy คือผมทรงไถข้างนั่นเอง  มี content เรื่องทรงผมนี้ออกมาเพียบ และแน่นอนว่าช่วงที่ซีรีส์กำลัง peak ก็มีหนุ่มๆไปตัดตามกันหลายคน
David Beckham เป็นแฟนตัวยงของซีรีส์ และมีช่วงที่แต่งตัวคล้ายๆกับหนุ่มมาเฟียยุค 1920s และยังไปเยือนกองถ่ายมาแล้ว  ทำให้แฟนๆลือหนักมากว่าเขาอาจจะได้ไปปรากฏตัวใน Peaky Blinders ในฐานะนักแสดงรับเชิญ  ซึ่งก็มีการปฏิเสธข่าวกันแข็งขัน  แต่ก็มีคนเชื่อต่อไปว่า ซีซันต่อไปอาจจะมีเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้



Sam Heughan   - Jamie Fraser แห่ง Outlander


อาจจะไม่ใช่หนุ่มอังกฤษแต่มาจากที่ราบสูงที่อยู่ติดกัน    Sam Heughan  เคยทำให้แฟนๆใจละลายกับลุคนักรบหนุ่มสก็อตที่สวมคิลท์รายตารางไปออกศึก ( รวมถึงขนฟางในไร่ที่บ้านก็ยังใส่)    ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับ "กระโปรงสำหรับผู้ชาย"  แต่เครื่องแต่งกายที่เป็นสัญลักษณ์ของชาวสก็อตนี้ก็ทำให้แฟนๆนิยาย Outlander สมใจกันตามๆกัน   

ใช่แล้วค่ะ  Outlander เป็นผลงานอีกเรื่องที่สร้างมาจากวรรณกรรมดัง  ยอดขายสูงถึง 25 ล้านเล่ม   เป็นผลงานของ Diana Gabaldon ที่วางขายมาตั้งแต่ปี 1991    พล็อทตัวเอกเดินทางข้ามเวลาไปพบรักกับคนในที่อาศัยอยู่ในคนละศตวรรษและต้องผจญกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆตามประวัติศาสตร์ทำให้ผู้อ่านติดหนึบ     เมื่อถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์  ก็เกรียวกราวในหมู่ fangirl มาก  แม้จะสร้างหลายซีซันจนออกน้ำออกทะเลไปหลายประเทศ   แต่เอกลักษณ์ของหนุ่มสก็อตในตัวพระเอกก็ไม่ได้จางหายไปไหน

Jamie Fraser เป็นทหารรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาที่ต้องเข้าร่วมการรบเพื่อต่อต้านอำนาจของอังกฤษ  เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูล Fraser ที่อาศัยในปราสาทและที่ดินทำกินผืนย่อม  ชีวิตที่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของเขาต้องพลิกผันไปเมื่อได้พบกับ Claire พยาบาลสาวชาวอังกฤษที่ข้ามเวลาจากช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มายังสก็อตแลนด์ในปี  1743   เรื่อง romance ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคของคนต่างยุคก็ได้เริ่มขึ้น

ถ้าจะให้บรรยายว่า เหตุใด Jamie จึงเป็นตัวละครจากซีรีส์พีเรียดที่ได้รับความนิยมสูง ความหล่อเหลาและรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นก็ไม่ได้ต่างจากพระเอกเรื่องอื่นค่ะ แต่สิ่งสำคัญคือ ความแสนดีของเขานั่นเอง ดีแบบใสซื่อจนอยากจะอ้อนใส่แรงๆ ยิ่งได้เห็นความใส่ใจในตัวหญิงอันเป็นที่รักแล้วมันทำให้เกิดความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างฟินจิกหมอนกับอิจฉาอยากได้บ้่างอะไรแบบนั้น!


ลองเปิด Netflix ชมซีซัน 1 ก่อนก็ได้นะ



อีกจุดเด่นของOutlanderคือ ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องความรักที่ทำให้จิตใจต้องเคลิบเคลิ้ม  แต่ที่จริงแล้วมีเรื่องราวการผจญภัยเยอะมาก  พระนางต้องเดินทางกันทุก season และย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย   costume จะเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน   ดูกันให้เพลินไปเลย เพราะ Jamie จะมาในชุดในรูปแบบต่างๆ  ไม่ได้มีแต่คิลท์ลายตาราง


ขอเตือนกันไว้ก่อนว่า หากใครขวัญอ่อนต่อ love scene จัดหนัก  อาจจะต้องคอยเลื่อนข้ามหรือทำใจก่อนชมนะจ๊ะ    แฟนๆบางคนเชื่อว่า ความ sexy ของซีรีส์และตัวพระเอก ทำให้แฟนที่ไม่สามารถแยกแยะการแสดงกับชีวิตจริงได้กลายมาเป็น stalker สร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าตัว

เป็นซีรีส์รักประวัติศาสตร์อีกเรื่องที่ไม่ได้นำเสนอความรักอันงดงามเพียงเท่านั้น  แต่เผยถึงความโหดร้ายในศตวรรษที่ 18  ซึ่งได้สร้างความช็อคและการถกเถียงว่าต้อง dark ขนาดนี้ด้วยหรือ     แม้แต่พระเอกที่ได้รับความนิยมด้วยนิสัยและการกระทำแบบฮีโร่ก็ยังต้องพบกับความอัปยศที่สุดในชีวิต      มีกระชากใจทุกซีซัน จนต้องสับสนว่า นี่คือเรื่องราวรักหวานซึ้งหรือดราม่าสุดเครียดกันแน่  และผู้สร้างก้ได้เดินหน้าทำ season 6 ต่อไป แม้จะได้รับเสียงวิจารณ์ว่าเนื้อเรื่องออกทะเล เข้ารกเข้าพง   แต่สิ่งที่ดูไม่เปลี่ยนไปคือความ hot ของ Jamie นั่นเอง!

คาในเพียงอย่างเดียวตรงที่ทั้งพระเอกและนางเอกเข้าวัยกลางคนกันแล้ว  แต่นอกจากมีผมหงอกแล้วดูแตกต่างจากตอนที่เพิ่งตกหลุมรักกันที่ตรงไหน  กล้องซูมมาใกล้ๆก็ยังเป๊ะกันทั้งคู่!




คุณไม่เห็นด้วยกับเราเหรอว่า พระเอกจากซีรีส์ย้อนยุคนั้นดีต่อใจจริงๆ!



The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE