ทำไมถึงหนับหนุน cleansing oil ~ ความรู้เด็กม.ปลาย

0 20

พ่อแม่ให้เลือกระหว่างวิทย์กะศิลป์ก็คิดหนักค่ะ
สุดท้ายก็เลือกสายวิทย์ค่าาาและเรียนจนผ่าน

อะไรก็จำไม่ค่อยได้ ลืมไปเยอะเรย ชอบอยู่แค่นี้ เครื่องสำอางค์กะแฟชั่น
เวรกรำๆ

แต่มีเหตุผลแบบวิด-กะ-ยา-สาด ว่าทำไมหนับหนุน คลีนซิ่งออยล์?


ปกติแล้วส่วนผสมเครื่องสำอางค์มักจะมีน้ำมันเป็นส่วนผสม หรือสารพวกลิพิด(lipid) ไขมัน ไม่อย่างงั้นก็มอยส์เจอร์ไรเซ่อที่มีความมัน
ตัวความมันในเครื่องสำอางค์เนี่ยมันจะกันน้ำ หรือี่โดนน้ำไม่ลอกไม่เลอะ

น้ำมีคุณสมบัติโมเลกุลเป็นประจุบวกกับลบในตัวเดียวกัน(polar) ในขณะที่น้ำมันไม่มีประจุบวกหรือลบ(nonpolar)
น้ำจะทำปฏิกริยากับสารเคมีที่มีประจุ และจะดึงดูดกัน
อ้างอิง https://en.wikipedia.org/wiki/Nonpolar#Non-polar_molecules ภาษาอังกฤษ



ส่วนเครื่องสำอางค์มีความมัน มันก็ไม่มีประจุ
เมื่อเอาน้ำล้าง มันเป็นคนละพวก ตัวหนึ่งมีประจุ อีกตัวไม่มี มันก็ไม่เข้าหากัน
น้ำเปล่าเฉยๆ ก็เลยล้างเครื่องสำอางค์ไม่ได้
และทำไมล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแล้วไม่สะอาดเมื่อเราหน้ามัน
จริงไหม?

อย่าเพิ่งหลับนะๆๆ

ถ้าจะทำความสะอาดเครื่องสำอางค์ก็ต้องใช้ตัวล้างค่ะ
ซึ่งตัวล้างต้องมีคุณสมบัติเปง nonpolar จึงจะดึงดูดเข้าหากันและชะล้างเอาเครื่องสำอางค์ออกไปได้
เหมือนเวลาเราซักผ้า ผ้าที่ใช้แล้วจะมีเหงื่อและไขมันติดอยู่ จึงต้องใช้สบู่ซักผ้าหรือผงซักฟอก

ตัวล้างเครื่องสำอางค์มีหลายแบบ ก็ใช้คุณสมบัติแบบนี้เหมือนกัน
แต่ที่ชัดที่สุดก็เป็นคลีนซิ่งออยล์เพราะมันเป็นน้ำมัน
เมื่อมันเป็นน้ำมันก็จะมีคุณสมบัติnonpolar และจะดึงดูดกับสิ่งสกปรกบนใบหน้าให้ออกมาผสมกับน้ำมัน
แล้วเครีื่องสำอาง เหงื่อ คราบสกปรก ฝุ่น ไขมันก็จะหลุดออกจากหน้า
ก็เทคลีนซิ่งออยล์และลูบเบาๆ บนหน้าให้เครื่องสำอางค์หลุดออกมาผสมกับน้ำมัน
ลูบเบาๆ ก็ออกเพราะประจุมันไม่มีเหมือนกัน nonpolar มันจะดูดกันเอง

ตัวคลีนซิ่งออยล์มักจะเปลี่ยนสภาพเมื่อโดนน้ำ คุณสมบัติเปลี่ยนค่ะกลายเป็น polar
เพราะฉะนั้นคนใช้คลีนซิ่งออยล์หน้ากับมือต้องแห้งสนิทจึงจะได้ผลดีที่สุด
เพื่อให้น้ำมันจับตัวกับสิ่งสกปรกได้หมด และค่อยล้างออก

และเราก็ล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่า
เครื่องสำอางค์ก็จะไม่กลับไปติดใบหน้าเพราะมันรวมตัวกับน้ำมันแล้ว
แค่นี้หน้าก็จะสะอาด

แต่ยังไม่จบนะคะ
สิ่งที่อยู่ใต้เครื่องสำอาง คือน้ำมันที่ใบหน้าผลิตและสารตกค้างอื่นๆ ซึ่งบางทีอาจมีคุณสมบัติเป็น polar ก็ได้
เราก็ใช้สบู่หรือโฟมล้างออกอีกต่อหนึ่ง
คุณสมบัติของสบู่เนี่ยมันทำให้ polar กับ nonpolar สลายตัวและเข้ากันได้
จึงทำให้ใช้น้ำล้างหน้าที่เหลือเมื่อผสมสบู่แล้ว เพื่อให้สบู่ดึงสิ่งสกปรกที่เหลืออกให้หมด

แล้วทำไมถึงไม่สนับสนุนคลีนซิ่งแบบอื่นๆ ล่ะ

อ้าว อย่างงี้ไง เพราะเซลล์ผิวหนังของคนเนี่ยเป็นชั้นๆ
เมื่อมันเป็นชั้นๆ และถูออกแรงๆ ก็จะลอกออกแล้วทำให้เป็นแผลได้
ในการใช้คลีนซิ่งแบบอื่นๆ เช่น คลีนซิ่งมิลค์ ต้องเทใส่สำลีและถูใบหน้า ถูไปถูมา
ถ้าสำลีคุณภาพห่วยก็ทำให้เซลล์ลอกออกมาเยอะเกินไป อักเสบได้
ทางที่ดีถ้าไม่ถูก็จะดีกว่า

ร่างกายเมื่อเซลล์ลอกเยอะก็ต้องผลิตเซลล์เพิ่ม
การผลิตเซลล์ในบางครั้งถ้าหนังชั้นนอกมันลอกออกมาหมดหรือเป็นแผล
ก็จะผลิตเป็นสะเก็ด ถ้าอักเสบก็บวมขึ้นมาเป็นสิว เพราะเม็ดเลือดขาวมารักษาแผล ก็จะเป็นผดๆ หรือสิว
ยิ่งอักเสบมากก็ยิ่งเป็นสิวเม็ดหย่ายๆ

สารตกค้างบนใบหน้าก็มีผลทำให้เป็นสิวค่ะถ้าเช็ดไม่ออก
เพราะหน้าเรา ถ้าส่องด้วยกล้องมันจะเป็นรูพรุนๆ และถ้าสกปรกไปอุดรูพวกนี้ มันก็อักเสบ
พอมันอักเสบ ก็เป็นสิวขึ้นมา

ก็เรยไม่สนับสนุนเรื่องการเช็ดเครื่องสำอางค์ด้วยคลีนซิ่งมิลค์ที่ต้องใช้สำลีเช็ดหน้า
เพราะเราจะสัมผัสใบหน้ามากเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง และเกิดเป็นเม็ดสิวได้ค่ะ
เหตุผลข้างต้นก็ได้บอกไปว่า คลีนซิ่งออยล์ถ้าใช้ถูกวิธีก็ไม่สัมผัสใบหน้าเยอะ หน้าจึงไม่อักเสบ
เพราะตัวเราเองเช็ดแบบนั้นก็แสบหน้าจริงๆ ตามที่หลักวิดกระยาสารทเค้าอธิบายไว้

 

ไม่รู้เขียนแล้วทำให้สาวจีบันงงหรือเปล่า แบบว่าอธิบายมะค่อยรู้เรื่อง
แต่ก็เอาสิ่งที่เรียนมาประยุกต์ใช้เนอะ คอมเม้นหน่อยนะคะ
อยากรู้ว่าเขียนแนวนี้แล้วชอบไหมอ่ะ???


 


crystal_candy

crystal_candy

ครีมที่ดีที่สุดในโลก คือสมาธิ
คิดค้นโดยพระพุทธเจ้า

ไม่ได้โฆษณา
แต่ได้ผลจริง 100%
ถ้าทำต่อเนื่อง

ไม่ต้องจ่ายตังค์แพงๆ ด้วย

FULL PROFILE

Comment

เขียนความเห็นได้เลยจ้า..

Recent comments ความคิดเห็นล่าสุด