ส่องวิธีจัดการปัญหานักเรียนถูกครูทารุณในโรงเรียนต่างประเทศ

59 4
 Talk Of The Town  จากเหตุการณ์เด็กนักเรียนถูกทารุณกรรมในโรงเรียน สถานที่ที่ควรจะปลอดภัยสำหรับทุกคนได้สร้างคลื่นความโกรธเกรี้ยวให้กับสังคม รวมถึงความหวาดหวั่นที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำซากและสร้างบาดแผลในจิตใจให้เด็กๆอีกมากมายสักเท่าไร   เมื่อได้รับรู้ประสบการณ์เลวร้ายของชาวเน็ทที่นำมาแบ่งปัน  (เฆี่ยนจนเนื้อแตกเลือดไหล  จับกดน้ำ  บังคับให้แก้ผ้าต่อหน้าเพื่อน  และเรื่องน่ากลัวอีกมากมาย) ก็ทำให้เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจได้เข้ามาสร้างมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของเยาวชนผู้เป็นอนาคตของพวกเรา


มันยากที่ทำใจยอมรับว่า มีคนจิตใจร้ายกาจปะปนในสังคมโดยที่คุณไม่สามารถรู้เลยว่า ฉากหลังใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรนั้น อาจจะเป็น abuser ที่เป็นอันตรายต่อเด็กที่ไร้ทางสู้ แม้แต่ประเทศที่มีกฎหมายคอยคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กๆ โดยมีบทลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด ก็ยังมีเรื่องราวแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นได้บ้าง แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ได้ยินบ่อยครั้งจนคนในสังคมเคยชินและถูกบีบให้ยอมรับด้วยคำพูดสวยหรูว่า "ได้ดีเพราะไม้เรียว" แต่กลายเป็นความทรงจำปวดร้าวฝังลึกของคนมากมาย


เราลองมาสำรวจกันค่ะว่า เมื่อครูประทุษร้าย ทารุณทางร่างกายและจิตใจของเด็ก  ในแต่ละประเทศจะรับมือกันอย่างไร







California  USA


ครูกระชากคอและทุ่มเด็กชายวัยหกขวบลงพื้น
"ครูเดินมาที่ผม ดึงคอเสื้อผมขึ้นแล้วทุ่มผมลงพื้น  เธอทุ่มแรงมากฮะ  เธอไปบอกครูใหญ่ว่าเป็นความผิดผมหมดเลย  บอกว่าผมตีเธอ  แต่ผมไม่ได้ทำ"

Chance Hill  เด็กวัยเพียงหกขวบเล่าเหตุการณ์กับนักข่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย  แม่ของเขายอมรับว่า  ลูกชายอาจจะมีพฤติกรรมซุกซนที่อาจจะต้องรับมือไม่ง่ายนัก แต่เขาสามารถเรียนได้อย่างปกติ    จึงไม่สามารถยอมรับการกระทำของครูได้   

หลังจากที่ครูคนดังกล่าวได้ระเบิดอารมณ์ใส่เด็กชายวัยอนุบาลต่อหน้าครูอีกคน ครูใหญ่ได้รับรายงานจากพยานและติดต่อกับแม่เด็กเพื่อเล่าเหตุการณ์อย่างไม่ปิดบังว่า ลูกชายของเธอถูกครูทำร้ายร่างกาย จึงมีการแจ้งความเพื่อเอาผิดครูที่ถูกพักงานในระหว่างการสอบสวน และแม่ยังเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากโรงเรียนเพื่อการันตีว่า ลูกชายของเธอจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อกลับไปเรียน


แต่ในระหว่างนั้น ผู้ปกครองของเด็กบางคนในคลาสได้ออกโรงปกป้องครูที่ทุ่มเด็กลงพื้น และแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เด็กที่มีพฤติกรรมที่ยากจะรับมือต่างหากที่คือตัวปัญหา

" เธอเป็นครูที่ดีที่สุดในโลกและมีความอดทนสูงมาก ผมอดทนแบบเธอไม่ได้หรอก" พ่อของเด็กในคลาสคนหนึ่งได้แสดงความเห็นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น


ครูที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์รายงานต่อผู้บริหารทันที

ครูใหญ่ติดต่อผู้ปกครองให้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่อำพรางความจริงไว้

พักงานครูต้นเหตุเพื่อสืบสวนให้กระจ่าง

ตำรวจรับเรื่องและเข้ามาสอบสวนและถูกปล่อยตัวเนื่องจากเป็นคดีลหุโทษ


ฟังแล้วดูแตกต่างจากประเทศที่เราคุ้นเคยกันใช่ไหม ?




มาติดตามอีกกรณีที่คล้ายคลึงจาก

Ohio ,USA


ครูกระชากคอเสื้อเด็กอนุบาลจนตัวลอยแล้วกระแทกกับผนัง
พ่อแม่ของเด็กชาย Ian Nelsonต้องสะเทือนใจจนหลั่งน้ำตาเมื่อได้เห็นภาพของลูกชายถูกครูกระชากตัวลอย และกระแทกกระทั้นกับผนัง และบีบแก้มให้เด็กเงยหน้ามองระหว่างที่พูดอะไรบางอย่าง   ภายหลัง พยานได้ระบุว่า ครูได้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า "ชั้นเบื่อแกเต็มที"   "ชั้นเบื่อพ่อแม่ของแก" และ "ชั้นจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ"

ในเบื้องต้น ครูอนุบาลที่ทำงานในโรงเรียนนี้มายาวนานสิบกว่าปีถูกพักงานชั่วคราวโดยที่ไม่ได้รับเงินเดือนเป็นเวลา 10 วัน แต่นั่นไม่ทำให้พ่อแม่รู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด พวกเค้ายืนยันว่า นี่คือการกระทำร้ายแรงถึงขั้นไล่ออก ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้มีการตั้งข้อหาทำร้ายเด็ก เธอถูกปรับเป็นเงิน 250 ดอลลาร์ และได้รับคำสั่งศาลให้ไปบำบัดเพื่อควบคุมอารมณ์โกรธ  และเจ้าตัวก็ลาออกจากความเป็นครูในเวลาต่อมา




Washington  ,  USA

ครูถูกจับหลังจากขู่จะใช้ปืนยิงนักเรียน
แม้  Julie Hillend-Jones  จะเป็นครูวัยกลางคนที่มีคนได้ยืนยันว่า ดูไม่มีพิษภัยและเสนอตัวช่วยเหลือนักเรียนเป็นอย่างดี    แต่เมื่อเธอได้โทรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับเงินชดเชยจากอาการPTSD  (การเกิดภาวะสะเทือนใจหรือเครียดจัดหลังจากเหตุการณ์รุนแรงบางอย่าง) และเจ้าหน้าที่แนะนำว่า  เธออาจจะต้องใช้สิทธิ์จากประกันของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องนี้เอง   คำตอบกลับที่น่าตกใจของเธอคือ  " ชั้นจะยิงพวกเด็กๆทิ้งซะ"   เมื่อเจ้าหน้าที่ขอให้เธอทวนคำพูดเพราะไม่แน่ใจว่าว่าเป็นคำขู่จริงหรือไม่   เธอก็ขู่ยิงนักเรียนอีกครั้ง     เธอวางสายทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่เตือนว่า นี่คือคำพูดที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง  และเจ้าหน้าที่ก็โทรแจ้งตำรวจทันที
เมื่อโรงเรียนทราบข่าวเรื่องคำขู่นี้ก็พักงานเธอทันที  ตำรวจได้ตามไปควบคุมตัวที่บ้าน และพบว่าสภาพจิตใจของครูรายนี้อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง และถือเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในชุมชน   แม้เธอจะไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม และไม่พบอาวุธใดๆ  แต่ก็ถูกจับกุมเพื่อพิจารณาโทษจากศาล

ตำรวจได้แสดงความเห็นต่อคดีนี้ว่า
"ทุกคนรู้ดีว่าอย่าได้พูดเรื่องปืนหรือขู่ฆ่าในโรงเรียน ถ้านักเรียนเป็นกระทำเรื่องนี้ พวกเค้าก็ต้องถูกจำคุก เมื่อครูเป็นคนกระทำ มันจึงเป็นตัวอย่างที่แย่มาก และต้องเตรียมตัวเข้าคุกเหมือนกัน"

เรื่องปืนเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมชาวอเมริกัน โดยเฉพาะที่ได้เกิดเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะพูดออกมาอย่างไม่ยั้งคิดหรือกำลังเกิดความเครียด ครูคนนี้ถูกจับกุมและวางเงินประกันถึงห้าหมื่นเหรียญ ศาลสั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้โรงเรียน และต้องอยู่ห่างอย่างน้อย 500 ฟุต และห้ามติดต่อนักเรียนหรือคนที่ทำงานในโรงเรียน


ส่วนโรงเรียนก็พยายามสร้างความเชื่อใจจากนักเรียนและผู้ปกครองว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง เหล่านักเรียนที่ได้ทราบเรื่องต่างก็ช็อคว่า ครูที่เป็นผู้ชี้นำสั่งสอนกลายมาเป็นคนที่ขู่ฆ่าพวกเค้าซะเอง







เกาหลี


ครูต่างชาติถูกจับเพราะเปิดวีดีโอที่มีเนื้อหารุนแรงให้ลูกศิษย์ดู


คุณเป็นอีกคนรึเปล่าที่เคยถูกบังคับให้ดูวีดีโอการคลอดลูกในค่ายจริยธรรมของโรงเรียน และเมื่อนึกย้อนกลับไป มันก็อาจทำให้รู้สึกขัดแย้งสับสน เพราะอย่าว่าแต่ภาพทารกที่กำลังโผล่จากช่องคลอดที่ค่อยๆปริออกจากกันได้ แม้แต่เลือดจำนวนไม่มาก คนที่เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถทำใจมองได้ แล้วภาพที่มีความรุนแรงนี้เหมาะสมกับเด็กตรงไหน ?

แต่ที่เกาหลีใต้ มีคดีสร้างเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางเมื่อครูจากประเทศแคนาดาได้เปิดวีดีโอบน Youtube ชื่อว่า What Does Human Flesh Taste Like? ที่แสดงภาพของผู้ดำเนินรายการที่ทดลองกินชิ้นส่วนเนื้อขาของตัวเอง ให้นักเรียนวัยเพียง 7 ขวบดู แม้จะเป็นการจำลองภาพขึ้นมาเพราะการกินเนื้อคนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่เนื้อหาในวีดีโอก็ยังรุนแรงและชวนสยอง บางคนอ่อนไหวอาจจะคลื่นไส้ได้เลยทีเดียว

เมื่อผู้ปกครองได้รับรู้ จึงรวมตัวแจ้งจับครูที่ทำทารุณกรรมทางจิตใจต่อเด็กๆวัยไร้เดียงสา ตำรวจพยายามขอหมายจับเพื่อป้องกันไม่ให้ครูต่างชาติรายนี้หนีกลับประเทศ และเมื่อได้สอบปากคำ เธอก็ยืนยันว่า ที่ทำลงไปเพราะเด็กๆอยากรู้อยากเห็นเองว่า เราสามารถกินเนื้อคนได้หรือไม่  

ตำรวจยอมรับว่า การสอบสวนเป็นไปได้ยาก เพราะเด็กนักเรียนยังเล็กมากและรู้สึกช็อคกับภาพที่ได้เห็นอยู่ ส่วนผู้ปกครองก็ยิ่งโกรธหนักขึ้นไปอีกเมื่อได้รู้คำอธิบายเหตุผลจากคนกระทำ พวกเค้าเชื่อว่า ครูไม่ได้รู้สึกผิดหรือมองว่าเป็นมันสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้เด็กๆมากขนาดไหน


แม้จะไม่แน่ชัดว่า ตัวครูสาวได้รับการลงโทษเช่นใด  แต่เมื่อพิจารณาจากวัฒนธรรมและความ protective ของพ่อแม่ชาวเกาหลีแล้ว   เราค่อนข้างมั่นใจว่า   เธอคนนี้จะไม่ได้สอนในโรงเรียนดังกล่าวอีกต่อไป   

Canada



ครูให้เด็กดูวีดีโอเรื่องฆาตกรหั่นศพที่รุนแรงขนาดที่ตำรวจบางคนดูแล้วยังสยอง
คุณจะรู้สึกอย่างไร หากลูกหลานกลับมาเล่าให้ฟังว่า ครูวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองได้เปิดวีดีโอที่มีภาพและเนื้อหาอันรุนแรงของฆาตกรหั่นและกินเนื้อคนที่ และน่าสะอิดสะเอียนกว่านั้นคือการกระทำชำเราชิ้นส่วนของศพอีกด้วย



ฟังดูแล้วคล้ายกับเรื่องที่เกิดในเกาหลีใต้ แต่วิธีการรับมือของโรงเรียนจะแตกต่างออกไป แม้นักเรียนจะเป็นเด็กที่โตแล้ว แต่โรงเรียนได้จัดหาจิตแพทย์เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับนักเรียนที่หวาดผวาจนตกอยู่ในความเครียดหลังจากได้ดูวีดีโอที่มีเนื้อหารุนแรง



แม้ว่าที่จริงแล้ว  ได้มีการยกมือโหวตหาเสียงส่วนมากเพื่อตกลงดูวีดีโอนั้นในกลุ่มนักเรียนเอง!



ใช่แล้วค่ะ   ถึงนักเรียนจะเป็นเด็กโตที่เข้าวัยรุ่นแล้ว แต่การตัดสินใจของพวกเค้าไม่สามารถนำมาหักล้างความผิดของครู     เพราะหน้าที่ของบุคลากรที่เป็นผู้ใหญ่คือการป้องกันผู้เยาว์ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจเพียงพอ   เด็กบางคนยอมรับว่า   ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงร่วมโหวตดูวีดีโอ  แต่เมื่อได้ดูไปสักพักก็รู้ตัวว่าคิดผิดซะแล้ว และที่สำคัญ เด็กบางคนไม่ต้องการดูวีดีโอนี้  แต่ต้องจำใจดูจากแรงกดดันของเพื่อนในห้อง

รัฐมนตรีศึกษาธิการของรัฐQuebec ได้ตำหนิการกระทำนี้ว่า น่าประหวั่นพรั่นพรึง แสดงชัดเจนว่าครูขาดความยั้งคิด และไม่เห็นคุณค่าทางการศึกษาจากให้เด็กๆได้ดูวีดีโอนี้แม้แต่น้อย


ครูตัวการถูกพักงานภายในวันเดียวกับที่ได้เปิดวีดีโอนี้ให้นักเรียนดู แสดงถึงความจริงจังของโรงเรียนในการคุ้มครองเด็กๆในโรงเรียน หลังจากที่ส่งอีเมลเพื่อขอโทษต่อการกระทำ บอร์ดบริหารโรงเรียนได้เรียกตัวครูมาสอบสวนทางวินัยและเปิดโอกาสให้เล่าเรื่องราวในฝั่งตัวเอง และตัดสินใจสรุปบทลงโทษไล่ออกจากโรงเรียน  เพราะไม่สามารถยอมรับการกระทำนี้ได้  ส่วนตำรวจก็ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน


การเปิดวีดีโอสยองที่มีภาพของชายที่แทงและกินศพให้เด็กๆดูได้ สร้างข้อถกเถียงไปทั่ว เพราะตัวนักเรียนหลายคนได้ออกมาปกป้องคุณครูว่าทำไปเพราะคำขอร้องของพวกเค้า แต่ Mahfooz Kanwar อาจารย์ภาคอาชญาวิทยา แห่งมหาวิทยาลัย Mount Royal University ได้ให้ความเห็นว่า เขาจะไม่ยอมเปิดวีดีโอเช่นนี้ให้นักเรียนในวัยผู้ใหญ่ดูด้วยซ้ำ หากว่ามันเกิดขึ้นกับลูกหลานของเขาเองก็คงรู้สึกแย่มากเพราะมันสามารถสร้างความเสียหายต่อเด็กๆได้ เด็กบางคนอาจจะเกิดความกลัวฝังใจไปตลอดชีวิต

แล้วใครล่ะที่จะมารับผิดชอบ ?


Tuscany  ,Italy


ครูอนุบาลในโรงเรียนจีนถูกจับหลังจากทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาล   อ้าง อยู่จีน ใครๆก็ทำเป็นเรื่องปกติ

แม้ในประเทศจีนจะมีกฎหมายเอาผิดกับผู้ทำทารุณเด็ก  แต่ก็ยังมีการถกเถียงเรื่อง "เส้นแบ่งที่เหมาะสม"ในการคสบคุมนักเรียนให้อยู่ในวินัยด้วยการใช้ความรุนแรง   ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป   พ่อแม่ชาวจีนจำนวนมากมายไม่สามารถทำใจยอมรับในการลงโทษที่รุนแรงจนเด็กๆต้องเจ็บตัวได้อีกต่อไป  ( คล้ายคลึงกับบางประเทศที่ยึดมั่นว่าความเป็นครูนั้นมีบุญคุณใกล้เคียงกับบุพการี และสามารถกระทำต่อเด็กได้ตามใจชอบโดยที่ผู้ปกครองต้องยอมรับ)    เคสการทารุณเด็กในประเทศจีนมีเยอะมากๆ   และมีการเอาผิดอย่างจริงจังแล้วค่ะ   ยกตัวอย่างปีที่แล้ว  ครูอนุบาลในจีนที่ใช้คลิปหนีบกระดาษทิ่มไปตัวเด็กที่ไม่นอนกลางวันก็ต้องชดใช้ความผิดในคุกเป็นเวลา18เดือน


เมื่อจีนเริ่มกวดขันพฤติกรรมความรุนแรงของครูในโรงเรียน คุณอาจจะไม่คาดคิดว่า ครูจีนที่เดินทางไปทำงานที่ยุโรปที่มีกฎหมายปกป้องเด็กที่เข้มแข็งจะกล้ากระทำรุนแรงเช่นนี้   
เหตุการณ์ในโรงเรียนจีนที่ประเทศอิตาลีสร้างเสียงกล่าวขวัญไปทั่วประเทศ  เมื่อครูสาวสองคนได้ทารุณเด็กๆที่มีวัยระหว่าง 3 - 6  ขวบ   ทั้งใช้ไม้เรียวตี เตะ เหวี่ยงกระแทก ใช้ไม้ถูพื้นทุบ  โหดไม่ต่างจากครูโรเรียนดังแห่งหนึ่ง!

ผู้ปกครองของเด็กล่วงรู้ในเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกหลานจากคำบอกเล่าของครูหรือหนักงานคนอื่นๆในโรงเรียน  พวกเค้าจึงติดต่อตำรวจเพื่อสืบสวนในคดีทารุณเด็ก   ตำรวจมิได้นิ่งนอนใจ  รีบการติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยไม่ให้ครูทั้งสองรู้ตัวและได้หลักฐานการทำร้ายมาอย่างชัดเจน  เพียงไม่กี่วันก็พบว่า เด็กๆถูกทำร้ายไปมากกว่าสี่สิบครั้ง  หลายครั้งมีความรุนแรงจนสะเทือนใจ      เด็กส่วนใหญ่จะมีเชื้อชาติจีน  แต่ก็เป็นพลเมืองที่พำนักในอิตาลี และแน่นอนว่าครูโหดสองคนนี้จะต้องรับโทษตามกฎหมายของอิตาลี



หลังจากที่ครูโหดถูกจับกุม หนึ่งนนั้นได้อ้างอย่างหน้าด้านหน้าทนว่า ไม่มีใครมาก่อนว่า ไม่สามารถทุบตีเด็กได้ เพราะทีจีน การใช้ไม้เรียวตีเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กเป็นเรื่องปกติ


แต่ทันทีที่ชาวเน็ทจีนได้รู้ข่าวที่งามหน้าไปถึงอิตาลีก็โต้กลับว่า   พฤติกรรมความรุนแรงทีปรากฏอยู่ในวีดีโอนั้น  ถ้าเกิดในจีน ก็ต้องถึงมือตำรวจไม่ต่างกัน    (  การทำโทษเด็กด้วยความรุนแรงในโรงเรียนเป็นสิ่งที่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่าห้ามทำ  แต่ในทางปฏิบัติ  สังคมต่างก็รับรู้ว่ายังมีครูที่ทำโทษเด็กด้วยการใช้กำลัอยูทั่วไป ไม่ต่างจากเมืองไทย)




คนที่ชอบใช้ความรุนแรงกับเด็กอาจจะอ้างเหตุผลล้านแปดเพื่อปกป้องการกระทำของตัวเอง แต่เด็กตัวเล็กๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะหลบหนีหรือแม้แต่รวบบรวมความกล้าบอกผู้ใหญ่ที่บ้านในสิ่งที่เกิดขึ้น หลายคนถูกขู่เข็ญหรือหวาดกลัวจนแสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติ ประสบการณ์ที่ถูกทำร้ายในวัยเด็กอาจจะส่งผลกระทบกับสุขภาพจิตอย่างหนักหนาสาหัสจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเราต่างหวังเหลือเกินว่า ข่าวที่กำลังเกรียวกราวจะไม่ได้เป็นกระแสที่อีกไม่นานก็เงียบหายไปจนลืมเลือนกันไปหมด แต่ขอให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการคัดเลือกบุคลากรที่จะมาทำงานเพือเด็กๆ รวมถึงเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่หนุนให้เกิดการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนเพราะคำว่า "บุญคุณ" หรือ " หวังดี" มาสร้างบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจของเด็ก ยุติแนวคิดที่จะพัฒนาคนด้วยการสร้างรากฐานจากความหวาดกลัว มาใช้วิธีที่สร้างสรรค์และไม่ผิดกฎหมาย

ดังตัวอย่างที่ชัดเจนจากสวีเดน ประเทศที่มักถูกจัดให้มีระบบการศึกษาที่ยอดเยี่ยมและสามารถผลิตทรัพยากรบุคคลมาพัฒนาประเทศจนก้าวหน้า ข้อห้ามเรื่องการทำโทษเด็กด้วยความรุนแรงทุกประเภทเริ่มเป็นครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 1979 และจากการสำรวจวิจัยก็พบว่า ประเทศที่เด็กๆที่ได้รับการปกป้องจากความรุนแรงด้วยน้ำมือผู้ใหญ่ทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน อัตราอาชญากรรมจะต่ำกว่า


แล้วพวกเรายังต้องมีการทำโทษด้วยการใช้ความรุนแรงกับเด็กอยู่อีกหรือ ?     



The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE