Lancome Skin Screen เครื่องตรวจผิว 10 มิติ ความล้ำหน้าแห่งวงการความงาม

58 9

เมื่อไม่นานมานี้เวฟมีโอกาสไปตรวจสภาพผิวกับ Lancome คิดว่าเพื่อนๆน่าจะทราบข่าวกันมาบ้างแล้ว หลังจากที่เวฟทราบข่าว ก็ตื่นเต้นและแอบมีกังวลร่วมด้วย ที่กังวล คือ เวฟกลัวผลลัพธ์หลังการตรวจผิว ยิ่งทางแบรนด์เคลมมาว่า เครื่อง Skin Screen รุ่นใหม่นี้สามารถวิเคราะห์สภาพผิวได้ถึง 3 ระดับชั้นผิวหนัง เวฟแอบคิดในใจนะว่า ควรไปต่อ หรือถอยกลับ กล้าๆกลัวๆ กลัวรับสภาพผิวหน้าตัวเองไม่ได้

 

สำหรับรีวิวนี้ เวฟขออนุญาตเล่าเป็นบรรยกาศและสอดแทรกสาระดีๆจากการที่เวฟไปตรวจสภาพผิวกับ Lancome ด้วยเครื่อง Skin Screen ที่ทางแบรนด์ยืนยันว่า สามารถตรวจผิวได้ถึง 10 มิติ อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางลังโคมที่ผสานเทคโนโลยี ไตรโพลาร์ไลท์ ผนวกกับระบบการวิเคราะห์ผิวสุดล้ำ ด้วยความที่เป็นลิขสิทธิเฉพาะ เวฟจึงไม่สามารถถ่ายถอดข้อมูลเกี่ยวกับระบบการทำงานของเจ้าเครื่อง Skin Screen ให้เป็นรูปธรรมได้ชัดเจนกว่านี้ครับ เวฟขอสรุปให้ง่ายๆว่า เครื่อง Skin Screen ของลังโคมตัวนี้ คือ ความล้ำหน้าที่สุดสำหรับการตรวจสภาพผิว ณ ตอนนี้ครับ

มาเริ่มตรวจสภาพผิวกัน...
สำหรับเวฟ ครั้งแรกที่เห็นเครื่อง Skin Screen มันก็ไม่ได้แตกต่างจากเครื่องตรวจผิวโดยทั่วไป หากแต่มีตัวถ่ายรูปและเก็บตัวอย่างสภาพผิวได้รอบด้าน เวลาใช้ก็แสนจะง่าย เอาคางและหน้าผากวางตรงบริเวณที่เครื่องกำหนด ปิดตา และถ่ายรูปบันทึกสภาพผิว (เรื่องความสะอาดของเครื่องมือตรวจผิว เวฟขอมาการันตีว่า สะอาด มีการทำความสะอาดให้ก่อนที่จะใช้บริการทุกครั้งครับ คนที่เป็น OCD กลัวความสกปรกแบบเวฟ หายห่วงได้เลย เวฟต้องขอขอบคุณผู้เชียวชาญการตรวจผิวด้วยเครื่อง Skin Screen 10 มิติ ที่ทำความสะอาดเครื่องตรวจผิวก่อนทุกครั้ง จนไม่ต้องกังวลครับ)
ขั้นตอนในการตรวจสภาพผิว จะเริ่มที่การถ่ายรูปผิวหน้า 3 มุมครับ ได้แก่ หน้าตรง แก้มซ้าย และแก้มขวา โดยการบันทึกสภาพผิวเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ จะทำการถ่ายเก็บตัวอย่างสภาพผิวทั้งหมด 9 ครั้ง โดยมีแสงแฟลชและไฟด้วยกัน 3 แบบ สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

  1. แสงสีขาว (White Light) : ตัวนี้ใช้แสดงผิวชั้นบน
  2. แสงโพลาไรซ์ (Cross Polarized) : ใช้ตรวจวัดสภาพผิวระดับชั้นใต้ผิวหนัง
  3. แสงยูวี (UV Light) : ใช้ตรวจสอบผิวชั้นลึก แสงในลำดับนี้จะทำให้ผิวหน้าอุ่นขณะถ่ายเก็บภาพตัวอย่างผิว ตรงนี้ไม่มีอันตรายต่อผิวหน้านะครับ
หลังจากผ่านขั้นตอนการเก็บบันทึกภาพสภาพผิวหน้าของเราแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อนำมาเป็นข้อมูลสำหรับใช้ประกอบการประมวลผล โดยจะอิงจากเพศ อายุ เฉดสีผิว ประเภทผิว ลักษณะการปรนนิบัติผิว ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เรียกง่ายๆว่า การสอบถาม Skincare Routine ของเรานั่นเอง รวมถึงการตอบคำถาม ว่าด้วยข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิว ในส่วนการตอบข้อกังวลปัญหาผิว สามารถเลือกได้ 6 ตัวเลือกครับ สำหรับสภาพผิวของเวฟ เวฟเป็นกังวลในเรื่อง ผิวขาดน้ำ ริ้วรอย จุดด่างดำ ริ้วรอยรอบดวงตา ใต้ตาหมองคล้ำ และขาดความกระจ่างใส
โดยข้อมูลส่วนตัวจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลเดิมที่มีการเปรียบเทียบสภาพผิวจากกลุ่มตัวอย่าง 20,000 คนในช่วงอายุที่ต่างกัน ซึ่งผลการประเมินผิวของเรา จะถูกนำเสนอค่าผลลัพธ์เป็นเปอร์เซ็นต์ผ่านการเปรียบเทียบข้อมูลสภาพผิวในกลุ่มคนช่วงอายุเดียวกัน เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ก็จะไปสู่ขั้นตอนการอ่านผลลัพธ์หรือผลวิเคราะห์ผิวในระดับ 10 มิติ ดังนี้

  1. จุดด่างดำ
  2. ความชุ่มชื้น
  3. ความกระชับ
  4. ความเรียบเนียน
  5. รูขุมขนอุดตัน
  6. รูขุมขนกว้าง
  7. ผลกระทบของรีงสี UV
  8. รอยแดง
  9. จุดด่างดำที่เกิดขึ้นใหม่
  10. ริ้วรอย
โดยผลการวิเคราะห์จะถูกแสดงโดยการเรียงลำดับที่ จากปัญหาผิวที่มีมากที่สุดไปน้อยที่สุดครับ และค่าเปอร์เซ็นต์ที่แสดงในผลวิเคราะห์ คือ ตัววัดสภาพผิว ถ้าได้เปอร์เซ็นต์ต่ำๆ นั้นหมายความว่า ผิวต้องได้รับการดูแลโดยด่วน หรือจะสังเกตจากแถบสีในกราฟผลวิเคราะห์สภาพผิวก็ได้ครับ โดยสีเขียว คือ ผลลัพธ์ของสภาพผิวที่ดี แย่ลงมาหน่อยก็จะเป็นสีเหลือง แต่ถ้ามีผลลัพธ์แสดงในเส้นกราฟสีแดง นั่นหมายความว่า ถึงเวลาที่เราต้องใส่ใจการดูแลผิวหน้าอย่างจริงจังครับ (การอ่านกราฟไม่ยากเลย 0% คือ ผิวแย่ควรได้รับการปรนิบัติที่เหมาะสม - 100% แสดงว่าสภาพผิวดีเยี่ยม ซึ่งผลที่ได้ในแต่ละมิติหลังการตรวจสภาพผิว ผู้เชียวชาญจะช่วยเราวิเคราะห์ไปทีละมิติ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ )

หลังจากที่ได้ผลวิเคราะห์ผิวแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยอธิบายสภาพและปัญหาของผิว โดยดูไปที่ละมิติ รวมทั้งหมด 10 มิติครับ เราจะเห็นได้เลยว่า บริเวณไหนของผิวที่มีปัญหา หรือกำลังจะมีปัญหา และต้องรีบรับการบำรุงอย่างเร่งด่วน เวฟขอเปรียบเทียบเครื่อง Skin Screen 10 มิติ เป็นเสมือนเครื่องชี้นำในการปรนนิบัติผิวก็ว่าได้
หลังจากที่เราทำความเข้าใจสภาพผิวผ่านผลวิเคราะห์ทั้ง 10 มิติแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยแนะนำการดูแลผิว ผ่านโปรแกรมปรินิบัติผิว โดยจะช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้ เพื่อให้ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาผิวได้ตรงจุดมากที่สุดครับ ตรงนี้ไม่มี Hard Sell เลยครับ คือ ไม่ต้องกังวลว่าไปรับบริการตรวจผิวแล้วจะต้องซื้อสินค้า ถ้าพึงพอใจ อยากลองสัมผัสผลลัพธ์ เปิดประสบการณ์ดีๆกับลังโคม ก็อยากให้ได้ลองผลิตภัณฑ์กันครับ แต่ถ้าใครที่ยังไม่พร้อม ก็สามารถนำความรู้จากการตรวจสภาพผิวไปประยุกต์ใช้ในการดูแลผิวในชีวิตประจำวันได้ครับ เวฟขอมายืนยันว่า ผู้เชี่ยวชาญน่ารักทุกคนครับ
ใครมีเวลาว่างก็ไปลองตรวจสภาพผิวกับลังโคมกันดูนะครับ เครื่องนี้ใช้งานง่ายๆ ไม่ต้องลบเมคอัพ สะอาด ให้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 30 นาที รู้สภาพผิวตัวเอง จะได้ดูแลผิวได้ตรงจุดด้วยครับ

เวฟได้อะไรจากการตรวจผิวในครั้งนี้...
สิ่งที่เวฟได้ในการตรวจสภาพผิวครั้งนี้ คือ รู้ว่าจุดไหนที่เราจะต้องใส่ใจมากยิ่งขึ้น และจุดไหนที่เรารักษาได้ตรงจุดและดีแล้ว ตัวอย่างเช่น เวฟมีปัญหาเรื่องผิวขาดน้ำ ความชุ่มชื้นของผิวยังไม่ดีนัก จุดนี้พอจะทราบถึงสาเหตุได้ เนื่องจากปัจุบันเวฟยังคงใช้ตัวยารักษาสิวอยู่ จึงมีผลต่อสมดุลน้ำในผิว ทำให้ขาดความชุ่มชื้น แม้จะมีการบำรุงดีแล้วก็ตาม ในขณะเดียวกัน เวฟก็ดีใจที่ปัญหาเรื่องริ้วรอย เมื่อเปรียบเทียบกับคนช่วงอายุเดียวกันพบว่า ริ้วรอยยังไม่ใช่ปัญหาของผิว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คงการดูแลเช่นเดิมต่อไป

จบแล้วครับ สำหรับประสบการณ์ดีๆที่เวฟได้ไปสัมผัสมาผ่านการตรวจวิเคราะห์ผิวด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Lancome Skin Screen

แล้วอย่าลืมมาเชคสภาพผิวกันนะครับ
ขอบคุณครับ


Wave1992

Wave1992

สวัสดีครับ ชื่อ เวฟ ครับ เวฟชอบสกินแคร์ มีความสุขกับการดูแลตัวเอง เวฟเชื่อมาตลอดว่า เราทุกคนมีความสวยหล่อในแบบของเรา สามารถดูแลและพัฒนาความงามกันได้ แค่เราใส่ใจ เข้าใจการดูแล การมีใบหน้าและผิวพรรณที่สุขภาพดีจึงไม่ไกลเกินเอื้อมครับ การดูแลผิวคือจริตที่ทุกคนพึงมี ปัญญาจะเกิดเมื่อเราหมั่นศึกษา ความงามจะมาเมื่อเรารักสกินแคร์ ????

FULL PROFILE