Review : ว่าด้วยเรื่องของงานผิวที่คุ้มค่าแก่การลงทุน

97 30
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราตั้งใจมากที่จะมารีวิวพวก Base Makeup ที่เราใช้แล้วชอบ เอาแบบให้ครบทั้ง 4 ขั้นตอนเลย เริ่มจาก ไพร์เมอร์ , รองพื้น , คอนซีลเลอร์และแป้งฝุ่น ทุกตัวที่เราเอามารีวิวในวันนี้ต้องขอบอกว่าเป็นระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ทุกตัว บางอันอาจจะเป็น Mini Size แต่ก็เป็นของที่เราซื้อมาจาก Sephora และแพง เราว่าเพิ่มเงินอีกนิดคือได้ไซส์จริงเลยล่ะ ของที่รีวิวนะคะ จะมีทั้งออกเงินเอง , แบรนด์ส่งให้และรางวัลจากจีบัน เราจะบอกว่าแต่ละตัวได้มายังไง

ที่เรามี คือ
  1. ไพร์เมอร์ 3 ตัว มีของ Hourglass , Covermarkและ Suqqu
  2. คุชชั่นมีทั้งหมด 3 ตัว มีของ Sulwhasoo , Giorgio Armani และ Shu Uemura
  3. รองพื้นมี 6 ตัว คือ Lancome ,  Three , Covermark , Shu Uemura , Estee Lauderและ Sisley
  4. คอนซีลเลอร์มีทั้งหมด 2 ตัว คือ Narsและ M.A.C. 
  5. แป้งฝุ่นมี 3 ตัว คือ Chanel , Hourglass และ Laura Mercier


Hourglass Veil Mineral Primer


ตัวนี้เราซื้อเองนะคะ หมดไป 1 ขวด (30 ml.) กับ 2 หลอดใหญ่(60 ml.)
เนื้อไพร์เมอร์เป็นสีขาวขุ่น มีความคล้าย Porefessional ของ Benefit พอทาลงหน้าแล้วจะมีความลื่นๆหน่อยและเหมือนมีฟิล์มขาวบางๆเคลือบหน้าอยู่ ทำให้ลงและเกลี่ยรองพื้นง่ายขึ้น ถ้าต้องการความเป๊ะปัง แต่งหน้าแน่นออกงาน หรือจะแต่งไปทำงานให้หน้าแน่นติดทนทั้งวัน ตัวนนี้คือดีที่สุดเท่าที่เราลองมา เท่าที่เรารู้สึกคือตัวนี้ทำให้รองพื้นมันช้าลง แน่นอนว่าตัวนี้ไม่ช่ายงานเผยผิวสวย

มีทั้งหมด 3 ไซส์ แต่เราชอบซื้อไซส์ใหญ่สุด เราเคยใช้ไซส์กลางที่เป็นหัวปั๊ม ด้วยความที่เนื้อไพรเมอร์ค่อนข้างข้น เวลาใกล้จะหมดปั๊มออกยากมาก เราซื้อที่เมกา แต่เราจะลงราคาไทยนะคะ
          8.9 ml ราคา 850 บาท
          30 ml ราคา 2,250 บาท
          60 ml. ราคา 3,150 บาท


=========================================================


Covermark Moisture Clear Base


เป็นไพร์เมอร์สีเนื้อที่ช่วยปรับสีผิวให้ดูเนียนเรียบ คือหน้าเราชอบมีปัญหาผิวแดง ไพรเมอร์นี้สามารถช่วยปรับสีผิวให้ดูเท่ากันได้ในระดับนึง ทำให้รองพื้นเกลี่ยง่ายขึ้น ช่วยทำให้รองพื้นมันช้าลงและติดทนนาน เป็นไพร์เมอร์ที่เหมาะกับคนผิวแห้งอย่างเรามาก และเราชอบความหรูหราของสีแพ็กเก็จมาก อันนี้แบรนด์ส่งให้ใช้นะคะ

ราคา 1,300 บาท (25g.)


=========================================================



Suqqu Treatment Serum Primer


ไพร์เมอร์เป็นสีชมพูอ่อน เป็นแนวให้งานผิวสวย ไม่ใช่แนวหน้าแน่นเป๊ะปัง ถ้าวันไหนอยากให้ดูผิวสวย หยิบตัวนี้ใช้คู่กับรองพื้นงานผิวไม่มีผิดหวังแน่นอน สมราคามากๆ อันนี้เราได้รางวัลมาจากจีบันค่ะ

ราคา 2,300 บาท (30g.)


=========================================================



M.A.C. Studio Finish Concealer SPF 35


สีที่เราใช้คือ NC 30 ใช้มาอันที่ 3 แล้วค่ะ คอนซีลเลอร์ตัวนี้คงเป็นตัวโปรดของใครหลายๆคน เราชอบมาก เราซื้อตามแฟลตเมทคนไทย เค้ามีสิวฮอร์โมนที่คางแต่สามารถปิดได้มิดมากเวลาแต่งหน้า เราก็เลยลองใช้ตาม จนตอนนี้กลายเป็นตัวโปรดของเราไปแล้ว เราลองใช้ปิดแพนด้าใตต้าก็สามารถปิดได้ไม่ทำให้รอยดูเด่นออกมา ไม่เน้นร่องเส้นใตตาเราด้วย แต่ต้องใช้แบบไม่หน้ามาก

ราคา 950 บาท (7g.)


=========================================================



Nars Radiant Creamy Concealer


สีที่เราใช้คือสี Custard ตัวนี้เราซื้อมาใช้กลบใตต้าโดยเฉพาะ เพราะถ้าใช้ปิดสิวต้องรอให้แห้ง บางทีรีบขี้เกียจรอ55 เนื้อcreamy สุดๆ เกลี่ยง่าย ปกปิดใต้ตาได้ดี ถึงใต้ตาจะแห้งขาดการบำรุงก็ยังเกลี่ยง่ายอยู่ ที่ Sephora มี 2 ไซส์ ที่เรามีคือไซส์เล็ก ยังไม่ได้ซื้อไซส้ปกติซักทีเพราะอันเล็กก็ใช้ได้นาน แถมซื้อแล้วลืมซื้ออีก ก็เลยต้องใช้ให้หมดก่อน

ราคา 1,320 บาท (ไซส์ปกติ 6ml.)


=========================================================



Sulwhasoo Snowise Brightening Cushion


สีที่เราใช้ คือ สี 21 ตัวนี้เป็นคุชชั่นที่ให้งานผิวสวยและทำให้ผิวดูกระจ่างใสด้วย ตอนแรกที่ลงจะดูแมทท์ๆหน่อย แต่พอความมันของผิวเริ่มออก ก็ให้งานผิวที่ดูฉ่ำๆหน่อย งานผิวสไตล์เกาหลี อันนี้ได้มากจากจีบัน

เนื้อคุชชั่น – บางเบามาก ถ้าเป็นสีเดียวกับผิวหน้าลงไปแล้วเนียนกับผิวเลย
การเกลี่ย – เกลี่ยง่ายมาก เพราะเนื้อบางเบา
การปกปิด – เป็น Light Coverage เน้นงานผิวสวย แต่สามารถลงเพิ่มเฉพาะจุด
                    เพื่อเพิ่มการปกปิดได้
เฉดสี – ยังมีให้เลือกน้อยไปหน่อย เน้นไปทางผิวขาวมากกว่า
คุมมัน – สำหรับเรา เราว่าไม่ได้คุมมันเท่าไหร่ แต่ซับมันแล้วก็ยังสวยอยู่
ความติดทน – เค้าเคลมว่าติดทน 12 ชม. ซึ่งเราว่าติดทนได้จริง

ถ้าจำไม่ผิดราคา 2,100 บาท มีรีฟิล 1 อัน


=========================================================



Giorgio Armani My Armani to go Cushion


สีนี้สี 4.5 เข้มกว่าผิวจริงเรา เป็นคุชชั่นที่ให้งานผิวที่สวยฉ่ำมาก ถ้าใครชอบงานผิวสวยอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดีต้องคุชชั่นตัวนี้เลยค่ะ ตลับก็ดาวยหรูหราสไตล์แบรนด์นี้

เนื้อคุชชั่น – จะหนากว่าตัว Sulwhasoo หน่อยแต่ก็เกลี่ยง่ายอยู่
การเกลี่ย – สามารถเกลี่ยได้ง่าย
การปกปิด – เป็น Light to Medium Coverage สามารถปิดความแดงของผิวหน้าได้ แต่ถ้าอันไหนที่ชัดมาก็ยังต้องใช้คอนซีลเลอร์
เฉดสี – มีให้เลือก 6 เฉดสี
คุมมัน – เราว่าไม่เด่นเรื่องนี้นะ
ความติดทน – ติดทนใช้ได้เลย ถึงจะไม่คุมมัน แต่ถึงจะมันเมื่อซับแล้วก็สวยเหมือนเดิม เนื้อคุชชั่นไม่ติดกระดาษซับมันออกมาเยอะ

ราคา 2,700 บาท ไม่มีรีฟิล


=========================================================



Shu Uemura Brethable Lasting Cushion Foundation


อันนี้เราได้รางวัลมาจากจีบัน สี 564 (Medium Light Sand)
เป็นคุชชั่นที่ให้งานผิวเป๊ะมากกว่าผิวฉ่ำ เค้าบอกว่าเป็นเนื้อเดียวกับรองพื้น หลายๆคนบอกว่าตัวนี้ไม่ดี ไม่คุมมัน เป็นคราบ แต่สำหรับเรา เราชอบนะ ถ้าเบลนด์ดีๆจะไม่เป็นคราบและต้องรอใหเซตตัวเข้ากับผิว ให้ความมันของผิวออกมาก่อนถึงจะสวย

เนื้อคุชชั่น – หนาที่สุดใน 3 ตัวที่เรามี เนื้อคุชชั่นตัวนนี้จะให้ความแมทท์
การเกลี่ย – สำหรับเราเกลี่ยง่ายนะ แต่ถ้าเกลี่ยไม่ดีจะเป็นคราบ
การปกปิด – เป็น Medium Coverage ที่ปิดไม่ได้คือสิวแดงเม็ดใหญ่และรอยดำที่ชัดมาก
เฉดสี – เราว่ามีให้เลือกเนอะพอสมควร มีให้เลือกตาม Undertone
ความคุมมัน – สามารถคุมมันได้ 4-5 ชม. หลังจากนั้นผิวก็ไม่ได้ดูมันจนน่าเกลียดนะ
ความติดทน – ติดทนดี ถึงจะหน้ามันแค่ไหน ซับแล้วก็ยังสวยอยู่ เนื้อคุชชั่นหลุดติดกระดาษซับมันมาไม่เยอะ

ราคา 2,100 บาท ไม่มีรีฟิล


=========================================================



Lancome Teint Idole Ultra-Wear Foundation


รองพื้นลูกรักของเรา ตามที่เราเคยรีวิวไปแล้ว นี่คือขวดที่ 6และกำลังจะหมดแล้ว เป็นตัวที่เราใช้ทำงานคู่กับ Hourglass Veil Mineral Primer ใช้แปล้วหน้าดูเป๊ะมาก เราว่าตัวนี้จะให้งานผิวสวยหรือผิวเป๊ะขึ้นอยู่กับไพรเมอร์ที่ใช้ด้วย

เนื้อรองพื้น - ตัวนี้จะเป็นเนื้อครีมไปเหลวมาก เนื้อหนาหน่อย
การเกลี่ย - เกลี่ยง่าย ลงที่หน้าแล้วไม่แห้งไวมากพอมีเวลาให้เกลี่ยได้ เวลาเกลี่ยต้องระวัง ต้องเกลี่ยให้ทั่วโดยเฉพาะคนที่ใช้รองพื้นเข้มกว่าหน้าแบบเรา
การปกปิด - เป็น Medium Covrage ตรงที่เป็นสิวแดงใหญ่หรือรอยดำจากสิวต้องปกปิดด้วยคอนซีลเลอร์
เฉดสี - มีให้เลือกเยอะ เลือกได้ตาม Undertone เลย
คุมมัน - ได้ดีในระดับนึง ประมาณ 5-6 ชม. ก็ดูมันแล้ว แต่พอซับมันแล้วก็ยังดูสวยอยู่
ความติดทน - อย่างที่เราเคยทำ Wear Test ไว้ ติดทนมากถึงแม้จะหน้ามันแค่ไหนก็ตาม ซับความมันออกแล้วก็สวยเหมือนเดิม ถ้าไม่เคยแต่งไว้ 30 กว่าชม.ี่พูดไม่ได้จริงๆ

ราคา 1,850 บาท (30ml.)


=========================================================



Three Complete Harmony Foundation


สีเราใช้ คือ สี204 เข้มกว่าหน้าจริงเราเยอะเลยล่ะ เป็นรองพื้นเนื้อครีมที่ยังมีความเป็น liquid อยู่ ไม่หนามากและไม่หนักหน้า เค้าเคลมว่าสามารถยืดหยุ่นตามผิวเราแล้วก็อำพรางริ้วรอยได้ อันนี้เป็นอีกตัวที่เราชอบมาก ทากี่มีก็รู้สึกว่าผิวสวย แต่เรื่องแพ็กเก็จเนี่ยให้ใช้ระวังยังไงก็เลอะ

เนื้อรองพื้น - เป็นอย่างที่เค้าบอกจริง Creamy Liquid  เนื้อไม่หนามาก เหมือนจะเป็นแบบน้ำแต่ก็มีความเป็นเนื้อครีมด้วย
การเกลี่ย - เกลี่ยง่ายมากๆ เกลี่ยแล้วเนียนไปกับผิวเลย เป็นงานผิวที่สวยมาก
การปกปิด - เป็น Medium Coverage เราว่าปกปิดพอๆกับ Lancome ตัวนี้ช่วยพรางรูขุมขนได้ในระดับนึง
เฉดสี - มีให้เลือก 9 เฉดสี สี204 เป็นโทนเหลือง
คุมมัน - ตัวนี้ไม่ค่อยคุมมัน เราว่าเค้าเน้นงานผวสวยมากกว่าที่จะเป็นแบบแมทท์ แต่ถ้าใช้กับ Hourglass Veil Mineral Primer ก็จะคุมมันขึ้นมาหน่อย
ความติดทน​ - ถึงจะเป็นรองพื้นงานผิวก็ติดทน ซับมันแล้วยังสวยอยู่ เนื้อรองพื้นติดกระดาษซับมันออกมาไม่เยอะ

ราคา 2,650 บาท (28g.)



=========================================================



Covermark Moisture Veil LX


สีที่เราได้มาคือ สี MN20 และ MO10 เป็นรองพื้นเนื้อแป้ง คือปกติที่เราแต่งหน้าก็จะมี 4 ขั้นตอน Primer+ =Foundation+Concealer+Powder แต่พอเราใช้อันนี้ก็จะเหลือแค่ 2 ขั้นตอน เพราะได้ฟีนิชที่ดูเหมือนลงแป้งอยู่แล้ว ปกปิดได้ดี สามารถลงเพิ่มในส่วนที่ต้องการการปกปิดได้ เหมาะกับวันที่เร่งด่วน อารมณ์ตื่นสายไปทำงานแทบจะไม่ทันแล้ว ตัวนี้คือดีเลย หลังทาเสร็จผิวจะไม่สวยเท่าไหร่ แต่หลังจาก 1 ชม.ผิวจะดูสวยขึ้น แม่กับพี่สาวเราบอกว่าไมต่างจากเวลาที่เราแต่งปกติ 4 ขั้นตอนเลย

เนื้อรองพื้น - เป็นรองพื้นที่ปาดแล้วรู้สึกเลยว่าหนากว่าแป้งผสมรองพื้นทั่วไป แต่ในความหนานั้นก็รู้สึกได้ถึงความชุ่มชื่น
การเกลี่ย - ค้วยความที่เป็นเนื้อแป้งไม่ได้แห้งมาก เกลี่ยง่ายและเนียนดี
การปกปิด - Medium Coverage เพราะเค้าเป็นรองพื้นเนื้อแป้งเลยปกปิดได้ดีกว่าแป้งผสมรอพื้นทั่วไป ถ้าต้องการ Full Coverage สามารถลงเพิ่มเฉพาะจุดได้
เฉดสี - เท่าที่เราดูในเวปเค้ามี 6 สี
คุมมัน - สามารถคุมมันได้ดีเลยล่ะ 5-6ชม2ถึงจะเริ่มดูมันเยอะ
ความติดทน - ถือว่าทำได้ดีเท่ารองพื้นเลย ติดทนหลังจากซับมันแล้วก็ยังสวย

ราคา 2,200 บาท ( ตลับพร้อมพัฟ 700 บาท รีฟิล 1,500 บาท)
 


=========================================================



Shu Uemura Unlimited Breathable Lasting Foundation


สีที่เราใช้คือสี 764 เป็นรองพื้นที่ให้แนวสวยเป๊ะ ไม่ช่ายแนวเผยผิวสวย ตอนแรกๆที่ลงจะดูแห้งๆ เป็นคราบตามรูขุมขน ไม่สวยเลย เหมือนต้องรอให้รองพื้นเซตตัวกับความมันบนใบหน้าถึงจะสวย

เนื้อรองพื้น - เนื้อเหลว แต่แห้งไว
เกลี่ยง่าย - เป็นรอวพื้นที่เกลี่ยง่าย แต่ต้องเกลี่ยให้เนียนไม่งั้นจะเป็นคราบ
การปกปิด - เป็น Medium Coverage ก็ยังต้องใช้คอนซีลเลอร์ช่วยในการปกปิดอยู่
เฉดสี - มีให้เลือก 24 เฉดสี เลือกได้ตาม Undertone เลย
คุมมัน - หน้าจะเริ่มมันมาหลังจาก 5-6 ชม. ถือว่าคุมมันได้โอเคเลย
ความติดทน - ติดทนได้ดีเลยล่ะ หลังจากที่ซับมันแล้วรองพื้นยังดูสวยอยู่ ติดกับกระดาษซับมันมาไม่มาก 12 ชม.ก็ยังสวยอยู่

ราคา 1,950 บา (35ml.)



=========================================================



Estee Lauder Double Wear Stay-in-Place Foundation


สีนี้คือสี 3W1 Tawny เข้มกว่าผิวเราเยอะเลยล่ะ ตัวนี้ได้มาจากจีบัน รองพื้นนี้คงไม่ต้องพูดเยอะ หลายๆคนรู้จักดีอยู่แล้ว ถ้าต้องการการปกปิด สวยแบบหน้าแน่นเวลาออกงานหรือจะเป็นงานรับปริญญา ตัวนี้คือดี

เนื้อรองพื้น - ค่อนข้างหนาเลยล่ะ แห้งไวต้องรีบเกลี่ย
การเกลี่ย - อย่างที่บอกเลยค่ะว่าเนื้อแห้งไวต้องรีบเกลี่ย และด้วยความที่เนื้อหนาหน่อยต้องระวังเป็นปื้นๆ หนาเป็นบางจุด ใครมีปัญหาร่องเส้นใตต้าต้องใช้นิ้วช่วยเกลี่ยด้วย ไม่งั้นตกร่องแน่นอน
การปกปิด - Medium to Full Coverage ตัวนี้เรายังไม่ให้ Full Coverage เพราะเราเคยใช้รองพื้นที่ปกปิดมากกว่านี้แบบไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์เลย รองพื้นตัวนี้ยังไม่สามารถปิดรอยดำที่ชัดมาก
เฉดสี - มีให้เลือกเยอะมากตาม Undertoneเลย
คุมมัน - เราว่าตัวนนี้คุมมันได้ดีมากเลยล่ะ ถึงหน้าจะมันแต่ก็ดูผ่อง แต่อย่าปล่อยให้หน้ามันมาก เพราะถ้ามันมากแล้วเวลาซับมันเนื้อรองพื้นจะติดกระดาษซับมันออกมาเยอะ ทำให้มีการหลุดลอกเยอะและดูเป็นคราบ
ความติดทน - ติดทนดี แต่อย่างที่เราบอกว่าหลังจากที่หน้ามันมากๆ ซับแล้วจะมีการหลุดลอกบ้าง อันนี้พูดถึงช่วงประมาณ 12 ชม.

ราคา 1,950 บาท (30ml.)



=========================================================



Sisley Phyto-Teint Ultra Eclat Foundation


อันนี้ได้มาจากงานจีบัน สีที่เราได้มาคือ 2 Soft Beige

รองพื้นสุดยอดของงานผิวสวย เบลอรูขุมขนได้ดี ถึหน้าจะมันแต่ผิวก็ยังดูสวย ตอนที่ลองเสร็จดูมีความเป็นแป้ง แต่เซตตัวเมื่อไหร่คือผิวสวยเลย

เนื้อรองพื้น - เหลวและบางเบามาก
การเกลี่ย - เกลี่ยง่ายมาก เพราะเนื้อรองพื้นเหลวและไม่แห้งไว
การปกปิด - Light Coverage งานผิวสวยมักจะไม่มากับการปกปิดที่สูงมาก เพราะงานผิวสวยไม่ควรที่จะดูหนาและหนักหน้า
เฉดสี - มีให้เลือกน้อยไปหน่อย
คุมมัน - ไม่เด่นเรื่องคุมมันนะ แต่ถึงหน้าจะมัน ผิวก็ดูสวย
ความติดทน - ติดทนใช้ได้เลยล่ะ หลังจากซับมันก็ยังดูสวยอยู่

ราคา 2,800 บาท (30ml.)



=========================================================




Chanel Poudre Universelle Libre Natural Finish Loose Powder


สีที่เราใช้ คือ 30 Naturel เป็นแป้งฝุ่นที่มีความทึบของสี จะไม่ช่าย Translucent เราชอบใช้เซตรองพื้น ดูเนียนดี ไม่ได้ช่วยเรื่องคุมมันมาก อันนึงใช้ได้นานมากถึงจะแต่งหน้าทุกวันก็เกือบปีเลย เรื่องราคาเราไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะล่าสุดเราซื้อที่แอร์พอร์ตในโดฮา ราคาที่เคาน์เตอร์น่าจะประมาณ 2,500 บาท


=========================================================




Hourglass Veil Translucent Setting Powder


ตัวนี้เนื้อแป้งละเอียดดี เราชอบมากๆพอๆกับChanel เป็นTranslucent ที่ใช้เซตรองพื้น ช่วยคุมมันได้บ้าง ราคาโหดพอสมควรนะ ส่วนเรื่องแพ็กเก็จนี่สวยหรูมาก

ราคา 1,900 บาท (10 g.)


=========================================================



Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder


ตัวนี้เป็นตัวโปรดของใครหลายๆคน แต่เราเฉยๆใช้ได้ แต่ไม่ได้ชอบเท่า Chanelและ Hourglass เรื่องคุมมันก็ช่วยได้ในระดับนึง ในSephora มีไซส์เล็กด้วย (9.3g) เราซื้อมา 23 ดอลล่าร์

ราคาไซส์ปกติ 1,690 บาท (29g.)


=========================================================

อันนี้เ็นความเห็นส่วนตัวและความรู้สึกหลังใช้ของเรานะคะ แต่ละตัวมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะเลือกใช้แบบไหน ที่รีวิวมาทั้งหมดเราชอบและยังใช้ต่อ เพราะถาไม่ชอบเราส่งต่อไปแล้ว เวลาที่เราใช้รองพื้นต่างกันมันให้ฟีนิชคนละแบบจริงๆ มันเป็นความสนุกของการแต่งหน้าที่ต้องคิดว่าวันนี้อยากใช้ตัวไหน อยากได้ผิวแบบไหน ในเรื่องความติดทนเราพูดถึง 10 ชม.ขึ้นไป บางตัวคนอื่นอาจะว่าติดทน ทำไมเราว่าติดทนในระดับนึงเท่านั้น และเรื่องความติดทนเนี่ยขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย เราเป็นคนที่ไม่ชอบจับหน้าตัวเองเวลาแต่งหน้า รองพื้นเลยติดทน แต่ถ้าคนที่ชอบจับหน้า มันต้องหลุดอยู่แล้วค่ะ จะหาติดทนมากขนาดว่าจับหน้าแล้วไม่หลุด เราว่ายากหรือไม่มีเลยล่ะ

ก็หวังว่าจะชอบรีวิวนี้กันนะคะ ถ้าข้อมูลตรงไหนผิดบอกเราได้นะคะ เรามึมาก55


BYE XOXO


KathyC

KathyC

ชื่อเตยค่ะ อดีตแอร์โฮสเตสตัวอวบของสายการบินเมืองแขก รักการแต่งมากก แต่ฝีมือยังไม่ดีเท่าไหร่
ถ้าอยากรู้จักมากขึ้นเรามี FB Page : KathyC ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรก็สามารถไปถามกันได้ค่ะ

YouTube Chanel : Kathy Chanpen
Instagram : kathychanpen

FULL PROFILE