โศกนาฏกรรมซ้ำรอยแห่งวงการ K Pop

95 15
เพียงไม่กี่เดือนก่อน แฟนๆ K Pop จำนวนมากมายต้องใจสลายต่อการสูญเสีย Sulli นักร้องสาวผู้เด็ดเดี่ยวกล้าหาญที่ต้อสู้กับ Cyberbully มายาวนาน แต่โรคซึมเศร้าที่แสนร้ายกาจก็มาพรากตัวเธอไปจากโลกนี้ไป  
แต่ข่าวล่าสุดต้องบีบหัวใจพวกเราอีกครั้ง เมื่อไอดอลสาวเพื่อนรักของ Sulli ถูกพบเป็นร่างไร้วิญญาณในบ้าน   และมันต้องทำให้หลายคนต้องสับสนว่า  นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น !
ก่อนที่จะมีการเปิดเผยโศกนาฏกรรมครั้งนี้   เราได้ยินมาว่า Koo Hara พยายามก้าวไปข้างหน้าหลังจากที่ต้องเผชิญเรื่องราวสุดบีบคั้นจากการฟ้องร้องอดีตแฟนหนุ่มด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายและขู่ว่าจะเปิดเผยภาพลับเฉพาะที่แอบถ่ายโดยปราศจากความสมัครใจของเธอ

และเราต่างทราบกันดีค่ะว่า ในสังคมเกาหลี หากคนดังมีเรื่องราว scandal ที่เกี่ยวข้องกับคลิปฉาวและ domestic violence ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอายจนยากจะหวนคืนวงการในเร็ววัน แม้ว่าจะขึ้นว่าเป็นผู้ถูกกระทำก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะกลับมาสร้างชื่อเสียงในเกาหลีได้ แต่อดีตสมาชิกสาววง Kara ยังไม่ได้หมดหวังไปหมด เธอเริ่มโพรโมทผลงานเพลงใหม่ที่ญี่ปุ่น ที่ประเทศบ้านเกิดก็ยังมีงานเข้ามา และดูเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่สดใส


แต่ในระหว่างนั้นก็มีข่าวร้ายที่เปรียบเสมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ  เมื่อ Sulli  ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองKoo Hara ได้ถ่ายทอดความโศกเศร้าผ่าน social media    เพื่อขอโทษที่ติดภารกิจอยู่ที่ญี่ปุ่นและไม่สามารถไปงานศพเพื่อนรักได้   
" Sulli  ชั้นขอโทษที่ไปหาไม่ได้ เพราะตอนนี้ชั้นอยู่ที่ญี่ปุ่น จึงไม่มีทางเลือกอื่นที่จะพูดกับเธอนอกจากพูดผ่านที่นี่     ขอให้เธอมีความสุขอยู่บนนั้นและได้ทำทุกสิ่งที่เธอปรารถนา   ชั้นจะมีชีวิตและทุ่มเททำงานต่อไปเพื่อเธอ       ทุกๆคนคะ  ชั้นกับ Sullie สนิทกันมากเหมือนเป็นพี่น้อง    ชั้นจึงต้องเปิด live เพื่อพูดกับเธอ   ชั้นขอโทษด้วยค่ะ  โปรดอย่ากังวลในตัวชั้นนะคะ "    

ภาพของ Koo Hara ที่ปรากฏใน live เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและน้ำตา และทำให้แฟนๆหลายคนต้องวิตกกังวล เพราะไม่กี่เดือนก่อน ได้มีข่าวว่าเธอต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยายาบาลจากการพยายามฆ่าตัวตายมาแล้ว พวกเค้าก็ได้หวังแต่เพียงว่า เธอจะก้าวข้ามความเจ็บปวดไปได้จริงๆ เธอเดินทางมาบอกลา Sulliในงาน memorial service ในภายหลัง และ update ผลงานให้แฟนๆติดตามบน social media  มาโดยตลอด

แต่ความหวังนั้นไม่เป็นผล ......





นี่คือภาพสุดท้ายของ Koo Hara ที่ได้ post บอกราตรีสวัสดิ์กับแฟนๆเมื่อคืนก่อน

และเธอก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย




เหยื่อความรุนแรงและการ ฺBlackmail


หลังจากที่มีข่าว Koo Hara เสียชีวิต trending บน social media ของเกาหลีที่พุ่งทะยานขึ้นมาคือ # 최종범_처벌 หรือที่แปลว่า ลงโทษ Choi Jong-bum  อดีตแฟนที่ถูกเธอฟ้องร้องข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน และกระทำผิดอาชญากรรมทางเพศหลังจากที่ได้ถ่ายภาพลับของเธอและขู่ว่าจะทำลายเธอด้วยการอัพโหลดคลิปประจาน




เมื่อปีที่แล้ว Koo Hara ได้ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่าวเผ็ดร้อน หลังจากที่อดีตแฟนได้ให้สัมภาษณ์และโชว์ภาพที่มีรอยข่วนตามร่างกายจากฝีมือของนักร้องสาวสวย เพราะว่าเขาต้องการแยกทางกับเธอ ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยเทคะแนนความสงสารที่ "หน้าตาอันหล่อเหลา"ต้องมีรอยแผลข่วนลึก และโจมตีเธอว่าเป็นผู้หญิงที่นิยมความรุนแรง ในขณะที่ยังมีคนที่เฝ้ารอการอธิบายจากฝ่ายหญิงว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร


แต่กระแสก็ตีกลับเมื่อเธอได้ให้สัมภาษณ์กับ Dispatch


Goo Hara ระบุว่า Choi Jong Bum ผู้เป็นอดีตคนรักมักเกิดความระแวงว่าเธอจะไปพบกับชายอื่น การทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นเมื่อเขาค้นพบว่าเธอปิดบังเรื่องการนัดพบกับผู้จัดการและเพื่อนชายอีกคน เธอได้อธิบายเหตุผลที่ต้องโกหกเขาเรื่องการติดต่อกับผู้ชายคนอื่นว่า ในยามปกตินั้น แฟนเก่าของเธอจะปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี แต่เมื่อมีเรื่องของผู้ชายเข้ามาเกี่ยวขึ้นมาเมื่อใด เขาก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่เมื่อเขารู้ความจริงก็บุกเข้ามาหายามวิกาลและไม่สามารถควบคุมโทสะได้จนกลายเป็นการต่อสู้ที่รุนแรง เธอยอมรับว่าข่วนเขาเพื่อป้องกันตัว แต่ก็ถูกผลักและปาของใส่จนฟกช้ำไปหมด    ก่อนจากไป เขายังขู่ว่าจะทำลายอาชีพของเธอด้วยการประจานกับ Dispatch

Dispatch ได้เผยแพร่ภาพความบาดเจ็บของไอดอลสาว รวมไปถึงใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันอาการเลือดคั่งในช่องคลอดและท่อปัสสาวะและยังมีความบอบช้ำของเอ็น กระดูกและกล้ามเนื้อ ในขณะที่ฝ่ายชายได้อ้างว่า บาดแผลของเธอน่าจะเกิดขึ้นเพราะว่าเขาพยายามจับตัวเธอไว้ให้หยุดเข้ามาทำร้าย และยืนยันว่าไม่ได้ลงไม้ลงมือโดยตรงแน่นอน (ซึ่งสวนทางกับสภาพของเธอที่ดูน่วมไปทั้งตัว)


ฝ่ายชายยืนกรานปฏิเสธทุกอย่าง  รวมถึงผลการตรวจร่างกายที่ยืนยันอาการบาดเจ็บของ Goo Hara และพร้อมสู้คดีต่อ
แม้จะได้รับกำลังใจจากแฟน ๆ มากแค่ไหน แต่คำพูดเหล่านั้นก็คงกัดกร่อนจิตใจเธอให้ชอกช้ำมากขึ้นทุกที Koo Hara ยืนยันผ่าน social media ว่าเธอกำลังดีขึ้นและพยายามเต็มที่เพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนๆ แต่หลายคนกลับสัมผัสได้ว่า นั่นคือสัญญาณที่ไม่ปลอดภัยจากโรคซึมเศร้า และได้รับการยืนยันจากจิตแพทย์คนหนึ่งว่า สิ่งที่อยู่ภายใต้คำพูดแง่บวกของเธอคือความพยายามที่จะสื่อให้คนอื่นรับรู้ว่าเธอกำลังทุกข์ทรมานอยู่นั่นเอง


ในเดือนพฤษภาคม พวกเราก็ได้รับข่าวน่าตระหนก เมื่อ Goo Hara ได้post ข้อความเรื่องการต้องเสแสร้งว่าไม่เป็นไร ทั้งๆที่ภายในกำลังแตกสลาย และลงท้ายด้วยคำว่า "ลาก่อน" ไม่นานหลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า เเธอพยายามฆ๋าตัวตายด้วยวิธีเดียวกับ Kim Jong-hyun แต่ผู้จัดการส่วนตัวได้เข้าช่วยเหลือทันการณ์ แม้ผู้คนมากมายจะโล่งอกที่เธอรอดชีวิตมาได้ แต่  hate comment ก็ยังตามจองล้างจองผลาญเธอไม่หยุด



หลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือจนรอดชีวิตจากการฆ่าตัวตาย เธอก็ยังต้องุทุกข์ใจกับคำพูดว่าร้ายต่างๆนานา จนกระทั่งเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Koo Hara ได้ประกาศว่าจะเอาผิดกับพวกที่ใช้คำพูดคุกคามเธอผ่าน social media

"ชั้นจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับพวกที่ส่งความเห็นที่จงเกลียดจงชัง โดยที่ชั้นจะไม่อ่อนข้อใดๆ เพื่อเป็นการปกป้องสุขภาพจิตใจของตัวชั้นเอง ชั้นหวังเหลือเกินว่าจะพวกคุณจะมองมาที่ชั้นด้วยความรักและพูดจากันด้วยคำพูดสุภาพอ่อนโยนกัน"

"โรคซึมเศร้ามันไม่ง่ายเลย คุณบอกว่าชั้นซึมเศร้าเพราะสุขสบายเกินไปเหรอคะ ชั้นมีทุกอย่างขึ้นมาได้เพราะตั้งใจพยายามและทำงานหนัก คุณรู้รึเปล่าคะว่าความซึมเศร้านั้นคืออาการเจ็บป่วย การยอมรับบาดแผลของผู้อื่นด้วยจิตใจเมตตาปราณีนั้นหายไปที่ไหนหมด ?"

" ชั้นพยายามจะเข้มแข็งกว่านี้และเปิดเผยด้านดีๆให้พวกคุณได้เห็น คุณควรทำบ้างนะ คนดังทั้งหลายไม่ได้มีทุกอย่างได้โดยไม่ต้องพยายาม พวกเราต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตส่วนตัวมากกว่าใครๆ เราต้องทุกข์ทนจากสิ่งที่ไม่สามารถบอกให้เพื่อนๆและครอบครัวให้รู้ได้ มันเป็นสิ่งที่ไร้คนเข้าใจ ถึงแม้จะเปิดปากเล่าออกมาก็ตาม"


" คุณมีสิทธิ์จะเปิดเผยความรู้สึกได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะ post คำพูดร้ายกาจในเน็ท คุณช่วยใคร่ครวญสักนิดได้มั้ยว่า นี่คือตัวตนข้างในจริงๆของคุณหรือไม่? "








"การตัดสินที่ยุติธรรมจากศาล"   คือสิ่งที่หลายคนรอคอย   แต่ Goo Hara ต้องเผชิญความทุกข์ใจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน  ทั้งการฟ้องร้องที่เต็มได้ด้วยความตึงเครียก และกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เย้ยหยันว่าเธอโป้ปดมดเท็จ แม้จะมีทั้งหลักฐานและพยานคือ housemate ที่หลบอยู่ในห้องที่ให้การสอดคล้องกับเธอก็ตาม   



ศาลชั้นต้นตัดสินได้ที่โทษรอลงอาญา 3 ปี และยังมีการสาดโคลนกลับว่าฝ่ายหญิงเป็นผู้ถ่ายคลิปเอง และการส่งคลิปผ่าน KakaoTalk กลับไปก็เพื่อ"จบความสัมพันธ์" มิใช่การขู่ blackmail คำแก้ต่างนั้นกลับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารอดตัวจากคุก จากคำพิพากษาที่ยึดว่ายังไม่มีการเผยแพร่คลิปหรือหาเงินจากคลิปนั้นทำให้เขาหลุดจากข้อกล่าวหาการกระทำผิดทางเพศ







เรื่องนี้ทำให้เกิดการถกเถียงไม่สิ้นสุดว่า โทษที่เขาได้รับนั้นสาสมกับความผิดหรือไม่ ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจที่รู้ว่า Choi Jong Bum ยังไม่ต้องติดคุก ก็ยังมีคนคิดว่าเขาไม่ได้มีความผิดมากมายขนาดนั้น แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าเขามีความผิดฐานข่มขู่ (blackmail ) จริง แต่เขาก็ไม่ได้ส่งคลิปลับให้ใครอื่นนอกจากตัวอดีตแฟนสาว และเธอก็ยังสมยอมถ่ายคลิปเอง แต่กลับต้องถูกดำเนินคดี













ฝ่าย Koo Hara ก็ต้องขอสู้เพื่อต่ออุทธรณ์ต่อเพื่อให้เขาได้รับโทษที่เธอคิดว่าสาสมกับการกระทำผิดที่ผ่านมา ทนายของเธอประกาศว่า

"ศาลยอมรับว่า Choi Jong Bum มีความผิดในการข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน แต่กลับลงโทษให้รอลงอาญาไว้เท่านั้น นี่ดูจะไม่ใช่โทษที่สาสมต่อการกระทำผิดเลย"


คดีฟ้องร้องของ Koo Hara กระตุ้นให้เกิด petition เพื่อให้แก้กฎหมาย revenge porn ให้มีโทษหนักยิ่งขึ้น และเอาผิดผู้ที่ใช้รูปในการครอบครองขู่ว่าจะประจานเหยื่ออีกด้วย มีผู้คนมากกว่า 275,000 คนร่วมกันลงชื่อเพื่อเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากที่ผ่านมาก็ยังมีเรื่อง revenge porn เกิดขึ้นในเกาหลีมาแล้วหลายครั้ง แต่โทษกลับไม่สาสมกับความทุกข์ของเหยื่อที่ถูก blackmail บีบบังคับให้ยินยอมทำตามใจผู้กระทำผิดเพราะหวั่นเกรงจะถูกประจาน ไม่ต่างจากการถูกผลักลงนรกทั้งเป็น






เพื่อนร่วมวงการต้องใจสลาย




Koo Kara อาจจะก้าวผ่านยุคอันเรืองรองแห่งความเป็นไอดอลไปแล้ว เธอเป็นศิลปินอีกคนที่ต้องผจญกับปัญหาเรื่องสัญญากับต้นสังกัดและการต้องแยกจากเพื่อนร่วมวง  อันเป็น pattern ที่แสนตึงเครียดของไอดอลเกาหลี  แต่เธอยังมีเพื่อนร่วมวงการอีกหลายคนที่เคยผ่านอุปสรรคหนักหนาในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันและคอยมอบกำลังใจให้     จนถึงวันนี้  เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกอีกต่อไปแล้ว     เหล่าเพื่อนพ้องต่างแสดงความโศกเศร้าอาลัยใยความสูญเสียครั้งนี้


เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา Koo Hara ได้ส่งข้อความไปอวยพรวันคล้ายวันเกิดให้ TOP แห่งวง Big Bang แต่อาจจะเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวอะไรบางอย่าง หรือจะเป็นเพราะเจ้าตัวต้องเผชิญกับ scandal ที่หนักหนาสาหัสจนเลือกปลีกตัวจากสังคม ทำให้ไอดอลหนุ่มรุ่นพี่ไม่ตอบข้อความของเธอ แต่เมื่อเธอเสียชีวิตไปแล้ว เขาก็ได้แต่เสียใจที่ละเลยคำอวยพรของเธอ

" ข้อความสุดท้ายของเธอคือคำอวยพรสุขสันต์วันเกิดที่พี่ไม่ได้ตอบกลับไป พี่ต้องขอโทษจริงๆ ขอให้เธอไปสู่สุคติเถอะนะครับ"


TOP อาจจะกำลังเตือนใจพวกเราในการให้ความสำคัญกับมิตรภาพที่ใครบางคนหยิบยื่นให้ เพราะอาจจะมีวันหนึ่ง กว่าที่เราตระหนักว่าได้สูญเสียเค้าไปแล้ว มันก็สายเกินไป ...


rapper หนุ่ม Din Din ได้ระบายความอัดอั้นตันใจไว้ว่า

" Hara ตอนที่ผมเริ่มที่จะมีชื่อเสียงในวงการ เธอแสดงความห่วงใยและบอกว่าหากเจอกับความยากลำบากเมื่อใดก็ให้ติดต่อเธอได้เลย เธอช่างเป็นคนงดงามและเปล่งประกาย ผมขอโทษจริงๆที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อเธอและช่วยเหลือเธอได้แม้แต่น้อย ผมขอโทษ ผมน่าจะทำอะไรเพื่อช่วยเธอสักนิดก็ยังดี ผมเสียใจมากจริงๆ ผมรู้สึกโมโหและเกลียดโลกใบนี้เป็นที่สุด แต่ก็หวังว่าอยู่ตรงนั้นแล้วเธอจะมีความสุขนะ
ผมขอโทษ ขอบคุณ"



Kim Heechul  ไอดอลหนุ่มรุ่นพี่เคยร่วมงานและสนิทสนมกันมานาน ได้ unfollow ทุกคนบน instagram  และตั้งค่าให้ account เป็น private หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของ Koo Hara ออกมา      หลายคนเชื่อว่า สถานการณ์ขณะนี้อาจจะเปรียบเหมือนกับแผลที่ถูกกรีดลึกมาสดๆ จนตัวเขาไม่ต้องการให้ใครเทียวมาตอกย้ำให้เขายิ่งชอกช้ำใจมากไปกว่านี้อีก

Kim Heechul คือคนดังที่ลุกขึ้นมาตอบโต้ cyberbully อย่างหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว เขามีมิตรภาพที่ดีงามทั้งกับ Koo Hara และ Sulli แต่ต้องสูญเสียพวกเธอไปติดๆกัน และผู้หญิงที่น่าชื่นชมทั้งสองคนก็เคยต้องเป็นเหยื่อของคำพูดสุดแสนร้ายกาจจากพวกไร้หัวคิด จนอาจจะเป็นสิ่งที่ผลักให้พวกเธอไปอยู่มุมมืดที่ไร้ทางออก



ปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขในเร็ววันหรือไม่ ?




จาก Sulli Act  มาถึง Koo Hara


โศกนาฏกรรมซ้ำรอยที่เกาหลีใต้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเหลือเกินว่า ความกดดันในการเป็นคนดังวงการบันเทิงของประเทศนี้มันหนักหนาสาหัสกว่าคำว่า "คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ" ไปมากมายนัก เพราะเสียงโจมตีจากถึงขั้นเสือกไสให้คนที่มีปัญหาสุขภาพจิตให้ไปตาย หรือเยาะเย้ยการพยายามฆ่าตัวตายที่ไม่สำเร็จว่าเป็นการกระทำของพวกเสพติดความสนใจจากคนอื่นนั้นฟังดูอำมหติตจนแทบไม่น่าเชื่อว่า ในชีวิตจริง บุคคลเหล่านั้นใช้ชีวิตตามปกติตามกลไกของสังคมโดยดูไม่ออกเลยว่าจะใจร้ายได้ถึงขนาดนั้น หลายครั้งที่คนดังพยายามใช้กฎหมายเอาผิดกับคนเหล่านี้ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจไม่ฟ้องร้องต่อเมื่อพบว่าเจ้าของ hate comment เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น เด็กวัยรุ่น คนทำงาน หรือแม่บ้านที่โอดครวญสำนึกผิด พวกเขาได้รับโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง


 แต่จิตใจที่ถูกทำร้ายจนเสียหายไปแล้วไม่สามารถเยียวยาให้หายวันคายคืนได้เหมือนกัยตอนที่ป่วยเป็นไข้      เพียงไม่กี่คำพูดก็เปรียบเหมือนกับการยื่นยาพิษให้กับคนที่เหนื่อยล้าในการต่อสู้กับความเกลียดชังของเพื่อนร่วมโลก  แต่ก็ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำซาก  จนสร้างความกังวลว่า  หรือคนในสังคมกำลังหื่นกระหายให้มีรายต่อไป ?



พวกเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อเท็จจริงไปได้เลยว่า ยังมีคนดังในวงการแห่งนี้ที่กำลังพบกับความยากลำบากจากความคาดหวังที่สูงเหลือเชื่อจากสังคม พวกเขาอาจจะไม่ได้ประกาศออกสื่อว่ามีความเจ็บป่วยทางจิตใจ หรือเข้าข่าย suicidal (มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย) แต่ความรุนแรงของ cyberbully บวกกับความตึงเครียดของชีวิตคนดังที่ถูกหาประโยชน์ราวกับเป็นสินค้านั้นทำให้หลายคนทำนายไว้ล่วงหน้าว่า Kim Jong-hyun Sulli และ Koo Hara จะไม่ใช่สามชีวิตสุดท้ายที่ต้องสังเวยให้กับโรคซึมเศร้า เพราะด้วยควาววิตกว่า ยังไม่มีแนวทางชัดเจนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานี้จากภาครัฐและเอกชน



แต่ก็ได้มีความหวังใหม่ขึ้นมา

หลังจากที่ Sulli ได้หนีจากโลกโหดร้ายกับเธอไปแล้ว ก็มีนักกฎหมายจากสมาคมต่างๆ ได้หารือกันเพื่อนำเสนอร่างกฎหมายที่เรียกว่า Sulli's law ที่สามารถจัดการเอาผิดกับhate comment ที่สร้างความเสียหายให้กับศิลปินในวงการ และมีรายงานออกมาว่า จะมีการจัดประชุมเพื่อเสนอร่างกฎหมายนี้ในเดือนธันวาคม และยังมีเซเลบอีกหลายคนที่ผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากจาก cyberbully ตั้งใจร่วมสนับสนุนการร่างกฎหมายนี้ด้วย







เราขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ Koo Hara มาณ ที่นี้    เธออาจจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับโลกที่โหดร้ายอีกต่อไป   แต่เราก็หวังเหลือเกินว่า  ในวันข้างหน้า จะไม่ได้รับข่าาวสุดช็อคซ้ำรอยเดิมอีก   แต่ใครล่ะที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสังคมที่ฝังรากลึกจนยากจะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ?


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE