ด้านมืดที่น่าสะเทือนใจของชีวิตไอดอล

118 27
หลังที่มีการยืนยันแน่ชัดว่า Sulli ไอดอลสาวชื่อดังได้ลาจากโลกนี้ไปด้วยการฆ่าตัวตาย  คลื่นความโศกเศร้าที่โหมกระหน่ำจิตใจแฟนๆจากหลายประเทศ     และสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เมื่อเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมา    ผู้คนก็เริ่มหาตัวการเพื่อกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมอันนี้


หลายคนยอมรับว่า แม้จะช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้นและทำใจได้ยากลำบากต่อการสูญเสีย แต่สิ่งที่เธอต้องเผชิญมาเนิ่นนานกลับไม่ทำให้นึกประหลาดใจที่เธอเลือกจะจากไป สัญญาณของ mental health ได้สร้างความกังวลใจขึ้นในกลุ่มแฟนๆที่เป็นห่วงเป็นใยในตัวเธอ หากเธอเจ็บป่วยทางจิตใจตามที่มีรายงานออกมา เส้นทางไอดอลที่ Sulli ต้องก้าวฟันฝ่าช่างหฤโหดและอาจจะเป็นสิ่งที่ผลักไสเธอไม่ให้ดิ้นรนมีชีวิตอย่างเจ็บปวดต่อไป



อันตรายใหญ่หลวงจาก Cyberbully





ในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ศิลปินกับภาพลักษณ์อันสวยหรูคือสิ่งที่แยกจากกันไม่ออก ไม่ใช่แค่ดีแบบคนธรรมดาที่มีข้อผิดพลาดกันได้บ้าง แต่จะต้องสมบูรณ์แบบเพื่อสนองตอบความคาดหวังของแฟนๆ แต่ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนในโลกชื่นชอบได้หมด ท่ามกลางความปลาบปลื้มชื่นชมจากผู้คนมากมาย ก็ยังมีคนที่มองคนดังด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยอคติ และก่อ cyberbully เพื่อความสะใจส่วนตัวเท่านั้น






แม้จะต้นสังกัดได้ประกาศเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าหากมีใครปล่อยข่าวใส่ร้ายป้ายสีและใช้วาจาหมิ่นประมาทศิลปินก็อาจจะถูกคำเนินการเอาผิดทางกฎหมาย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่บรรเทาความรุนแรงทางตัวอักษรลงไปได้ นอกจากจะสร้างรอยแผลทางใจให้กับผู้ถูกกระทำแล้ว บรรดาความเห็นเกลียดชังเหล่านี้ อาจจะเป็นเครื่องกำหนดชะตาชีวิตการทำงานในวงการของพวกเค้าได้เลย ไม่ว่าข่าวฉาวจะมีมูลหรือไม่ คนดังจะถูกยัดเยียดให้เป็นเจ้าปัญหา ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย (หรือที่จริงก็อาจจะถูกมโนไปเอง) ก็สามารถลุกลามกลายเป็นดราม่าใหญ่โต


ถึงขนาดว่า  หากมีภาพที่ทำให้ผู้ชมตีความว่ากำลังชักสีหน้าไม่พอใจ แม้จะแค่ไม่กี่วินาที ไอดอลก็อาจจะถูกจิกกัดว่า ไร้สัมมาคารวะ ไม่เป็นมืออาชีพ รวมไปถึงตั้งฉายาแรงๆให้  ร้ายยิ่งกว่านั้นก็อาจตามจองเวรขุดคุ้ยแบบกัดไม่ปล่อย
แฟนของ Sulli คนหนึ่งระบายกับผู้เขียนอย่างโศกเศร้าว่า   เป็นห่วงเธอมาโดยตลอดและเคยสังหรณ์ใจว่าอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมา หลังจากที่ต้องเห็นเธอต่อสู้กับ cyberbully มายาวนาน   ความรุนแรงผ่านตัวอักษรเริ่มปะทุขึ้นเมื่อ Sulli ยอมรับว่าคบหากับศิลปินชายที่แก่กว่า14 ปี และทำให้แฟนๆจำนวนมากไม่พอใจกับการตัดสินใจของเธอ  พวกเค้าเชื่อว่าไอดอลสาวสวยและดังมากพอที่ต้องมีความรักกับหนุ่มหล่อที่ "คู่ควร" มากกว่า     กระแสแอนตี้ความรักของ Sulli รุนแรงขึ้นจนมีเสียงเรียกร้องให้ต้นสังกัดพักงานเธอ  !    

มันอาจจะฟังดู extreme แต่นี่คือสังคมที่คนดังจะต้องกล่าวขอโทษอย่างอ่อนน้อมเมื่อจำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว หากแฟนๆไม่ยอมรับคนรักของไอดอลแล้วจะเกิดเกรี้ยวกราดขนาดจะตัดเส้นทางทำมาหากินของศิลปินสุดหวงของพวกเค้าไปเลย นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่แหวกแนวในเกาหลีใต้แต่อย่างใด การแสดงความรักในรูปแบบ fandom จะต้องมีค่าตอบแทนที่สูงลิบลิ่วอยู่เสมอ



แม้เธอจะยุติความสัมพันธ์กับแร็พเพอร์รุ่นพี่ไปแล้ว แต่ก็มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของชนวนดราม่าที่พุ่งรุมเร้าเข้ามาไม่หยุด ชาวเน็ทกล่าวโทษว่า"ความฉาวโฉ่" ของ Sulli เป็นบ่อนทำลายความสำเร็จของวง จากนั้นเป็นต้นมา เธอตกเป็นเป้าหมาย cyberbully จนไม่สามารถฝืนทำงานได้ต่อ ต้นสังกัดประกาศยืนยันชัดเจนว่าเธอขอพักจากการทำงานเพราะความเห็นเกลียดชังและการใส่ร้ายป้ายสี ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่เมื่อเธอตัดสินใจกลับคืนสู่วงการ มันก็เป็นระยะเวลาเพียงไม่นานก่อนที่พวกเราจะได้รับรู้ว่าจะได้เห็นเธอเป็นครั้งสุดท้าย ...



เราไม่ได้พยายามสร้างความโกรธแค้นใดๆหรือจองเวรกับพวกชาวเน็ทที่รุมล่วงละเมิดSulli  แต่ลิงค์ด้านบนคือตัวอย่างของความรุนแรงของ cyberbully ที่เราไม่ได้เห็นจากweb ข่าวภาษาอังกฤษ     และอยากจะให้มีความเข้าใจว่า  Sulli ไม่ได้จากไปเพราะความอ่อนแอหรือขาดความอดทน   แต่ความโหดร้ายของสังคมต่างหากที่พรากเธอไป






ประเด็นข้อขัดแย้งที่เป็นเดจาวูของวงไอดอล

 อุตสาหกรรม K Pop   ผงาดขึ้นมาในวงการดนตรีโลกได้ทั้งๆที่มีกำแพงภาษาเป็นอุปสรรคสำคัญโดยที่จุดแข็งหนึ่งนั่นคือ training ไอดอลเพื่อขายผลงานในรูปแบบกลุ่ม   ภาพลักษณ์ที่หลากหลายของไอดอลในวงเดียวกันสามารถดึงดูดใจแฟนๆให้คอยติดตามไอดอลเป็นมีความ bias (หรือที่เรียกติดปากว่าเป็นเมน) และสนับสนุนสมาชิกคนอื่นๆในวงไปพร้อมๆ กัน       พวกเรามักคุ้นเคยกับเสนอภาพของเพื่อนรักที่ร่วมต่อสู้ท่ามกลางหยาดเหงื่อ เลือดเนื้อและน้ำตาจนกลายมาเป็นศิลปินดัง

แต่นั่นก็มีจุดอ่อนตามมาด้วยค่ะ


ความรักในรูปแบบของ K Pop fandom ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความคาดหวังและเงื่อนไขอันสูงส่ง หากสมาชิกในวงต้องผจญกับพายุข่าวลือที่กระหน่ำทำลายชื่อเสียงจนมัวหมอง แทนที่การปลีกตัวเพื่อหนีจากกระแสกดดันจะช่วยเหลือให้อะไรดีขึ้น แฟนๆ บางกลุ่มจะโทษให้เธอหรือเขาคนนั้นเป็นบ่อนทำลายความรุ่งโรจน์ของวงตัวเอง แม้จะเป็นเพื่อนรักกัน ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเปรียบเทียบได้เลย

สวยกว่า
เต้นเก่งกว่า
อัธยาศัยดีกว่า
พูดภาษาอังกฤษเก่งกว่า

แฟนๆ สามารถยกสารพัดสิ่งมากดดันราวกับต้องการจะให้ไอดอลมาแข่งขันฟาดฟันกันเอง ยิ่งได้รับความสนใจมากกว่าคนอื่นๆ ก็ต้องพบกับข้อกล่าวหาว่าเป็นลูกรักของผู้บริหาร

และนั่นคือสิ่งที่ Sulli ต้องเผชิญหน้ามาโดยตลอด แม้ว่าเธอจะออกจากวงไปแล้ว ความเกลียดชังก็ยังตามหลอกหลอนเธอไม่หยุดหย่อน



หลังจากที่ถูกจัดหนักเรื่องบังอาจมีแฟนที่ไม่คู่ควร เธอถูกโจมตีอย่างรุนแรงอีกว่าเป็นต้นเหตุที่ f(x) ถูกดองงานยาวนาน แม้จะมีการยืนยันชัดเจนว่าแรงกดดันจากความเห็นเกลียดชังบน internet ส่งผลต่อตัวเธอรุนแรงมากมายจนไม่สามารถฝืนทนทำงานต่อได้ แต่สัญญาณแห่งความทุกข์ใจ (หรือที่เรียกว่า cry for help) ที่ Sulli แสดงออกกลับถูกดูแคลนว่าเป็นเพียงเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ หรืออาการเสแสร้งสำออยว่าตัวเองเป็นเหยื่อ


แม้สาเหตุที่ Sulli เลือกจบชีวิตตัวเองเช่นนี้จะไม่มีการยืนยันชัดเจน แต่ข้อเท็จจริงในสิ่งที่เธอต้องเผชิญมาโดยตลอดก็บ่งบอกว่ามันหนักหนาสาหัสมากแค่ไหน เราต้องยอมรับว่า ความเห็นอันแสนร้ายกาจเหล่านี้ได้คร่าชีวิตเหยื่อของโรคซึมเศร้าไปแล้วมากมาย ผู้ป่วยหลายคนรู้สึกหมดอาลัยตายอยากที่จะดำเนินชีวิตต่อ แม้ว่าจะได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญและมีคนรอบข้างที่พยายามช่วยเหลือและทำความเข้าใจในโรคนี้ ก็พวกเค้ายังต้องพบกับช่วงเวลาที่อาการกำเริบจนอยากจะยุติทุกอย่างด้วยการหนีหายไปจากโลกนี้

แล้วคนที่ถูกซ้ำเติมด้วยความเกลียดชังจากชาวเน็ทจะต้องทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ทุกคนน่าจะจิตนาการกันออก มันคงไม่ต่างจากมือใหญ่ยักษ์ทรงพลังที่กำลังผลักให้เหยื่อตกลงไปในเหวลึกที่ยากจะปีนกลับขึ้นมาได้











การแบกรับภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ


ความสูญเสียจากกรณี Sulli ทำให้เราพยายามหาข้อมูลนอกเหนือจากเว็บภาษาอังกฤษ และได้ค้นพบว่า ประสบการณ์ cyberbully ของเธอช่างหนักหนาสาหัส และ Sulli ไม่ได้เป็นไอดอลหนึ่งเดียวที่ต้องทุกข์ใจกับเรื่องนี้ มันช่างน่าเศร้าที่คำว่า mental illness กลายเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลี แม้จะมีความเคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์ป้องกันไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่ก็คงเลี่ยงคำถามไปไม่ได้ว่า นี่คือวิธีการแบบวัวหายแล้วล้อมคอกหรือไม่ ? เมื่อได้สอบถามความคิดเห็นจากชาวเกาหลีคนหนึ่ง ก็ได้รับคำอธิบายกระจ่างชัดว่า


It's all about self - image.


สังคมเกาหลียึดติดกับเรื่องภาพลักษณ์มาก แม้แต่คนธรรมดาที่ไม่ได้มีชื่อเสียงก็ยังต้องพยายามเพื่อจะแสดงคุณสมบัติเพื่อให้คนรอบข้างยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา ความสามารถพิเศษ ทักษะการเข้าสังคม เด็กๆ จะได้รับการปลูกฝังเพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวด้วยศักยภาพที่สังคมคาดหวัง ความกดดันนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เกาหลีใต้กลายมาเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในเอเชียและติด top 10 ของโลก การฆ่าตัวตายคือสาเหตุการตายสูงสุดของวัยรุ่นเกาหลี


และสำหรับไอดอลแล้ว พวกเค้าต้องเจอกับความกดดันมากขึ้นแปรผันตามกับมาตรฐานความคาดหวังจากสังคมที่สูงไปกว่าเดิม นายทุนผู้เป็นเจ้าของธุรกิจนี้ได้เลือกนำเสนอภาพลักษณ์ของเหล่าไอดอลในรูปแบบของมนุษย์ perfect เพื่อสร้างความนิยม จนแฟนๆทั้งในและต่างประเทศได้ยึดมั่นแน่วแน่ว่าพวกเค้าคือแบบอย่างของคนคุณภาพที่ไร้ที่ติ

แต่นั่นต้องแลกกับอะไรบ้าง ?

- การดูแลรักษารูปลักษณ์ให้อยู่เหนือมาตรฐานความงามแบบเกาหลี


มีการเปิดเผยมาหลายครั้งแล้วว่า วิถีชีวิตแบบไอดอลดูจะไม่สนับสนุนเรื่องสุขภาพที่ดีเท่าใดนัก จากคำบอกเล่าของตัวพวกเค้าเอง การทำงานที่ต้องเดินทางและมีตารางงานแน่นหนาในแต่ล่ะวันทำให้มีเวลานอนหลับน้อย ในแต่ล่ะวันต้องใช้พลังงานมากมายไปกับการทำงานและฝึกซ้อมเพื่อ entertain แฟนๆ แต่ต้องคำนึงถึงเรื่องน้ำหนักตัวอยู่เสมอ จนเป็นที่มาของสารพัดสูตร diet ลดน้ำหนักให้ผอมฮวบในเวลาสั้นๆ ลบคำว่า healthy weight ออกไปจาก dictionary ไปได้เลย เพราะถ้าไม่ผอมบางก็อาจจะถูกตราหน้าว่า "พยายามไม่พอ" หรือแม้กระทั่งถูกกล่าวหาว่าฉุดมาตรฐานของไอดอลให้ตกต่ำลง

ในความเป็นจริง จะมีสักกี่คนที่ระบบเผาผลาญทำงานดีจนกินเท่าไรก็ยังผอมบาง ? นอกจากจะต้องเหนื่อยล้าจากการโหมทำงานก็ยังไม่สามารถกินเพื่อทดแทนพลังงานที่เสียไปได้เต็มที่ หลายคนต้องนับแคลอรี่อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าร่างกายของพวกเขาจะโหยหาอาหารมากแค่ไหน หากหลุดวินัยการรักษาความผอมไปเพียงนิดเดียว ชาวเน็ทที่มีวาจาเป็นอาวุธก็พร้อมจะ bully เรื่องรูปลักษณ์ไอดอลทันที

พักผ่อนน้อย กินน้อย งานหนัก(มากกกกกก) คุณต้องแปลกใจรึเปล่าที่ไอดอลหลายคนเคยเป็นลมกลางเวทีมาแล้ว !   ร่วงกันต่อหน้าต่อตาแฟนๆ จนกลายเป็นเรื่องที่ดู "ปกติ" แต่มันฟังดูน่าเศร้าซะมากกว่า


คนทั่วไปที่ต้องเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานก็ยังเกิดอาการเครียดหนักจนต้องขอเบรค    แต่นี่คือกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ต้องพยายามข้ามขีดจำกัดตัวเอง  ฝืนทนทำงานแม้ร่างกายไม่พร้อม  เมื่อต้องดำเนินชีวิตเช่นนี้ไปนานๆ  นอกจากสุขภาพร่างกายจะย่ำแย่ลง  ความสุ่มเสี่ยงจาก mental illness ก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย
วงไอดอลชื่อดังต่างประสบกับเรื่องเป็นลมระหว่างการแสดงมาแล้วทั้งนั้น




เราเคยได้ยินมาว่า ศิลปินที่โด่งดังระดับโลกนั้นจะต้องตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกทัวร์ที่ต้องทุ่มเทแรงใจแรงกายอย่างหนัก พวกเค้าจะต้องแน่ใจว่ามีสุขภาพแข็งแรงเตรียมพร้อมจริงๆ มันจึงไม่ใช่เรื่องสุดช็อคหากซุปตาร์เหล่านี้จะต้องเลื่อนงานออกไปตามคำสั่งของแพทย์ (ทางค่ายจึงต้องทำประกันคอนเสิร์ตไว้ให้รัดกุมหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา) แต่จากค่านิยมเรื่องการทำงานที่แตกต่างของเกาหลีใต้ ภาพของไอดอลที่ล้มพับกลางเวทีคือสัญลักษณ์แห่งการทุ่มเท ไอดอลบางคนประกาศว่า แม้จะรู้ตัวดีว่าป่วยมาก แต่ก็ต้องทนแสดงไปให้จบเพื่อรอยยิ้มของแฟนๆ อาจจะฟังเหมือนสปิริตอันแรงกล้าของศิลปิน แต่คุณอาจจะเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา หลังจากมีเคสฟ้องร้องเรื่องสัญญาทาสไอดอล พวกเค้าต้องการจะพิสูจน์เรื่องความเป็นมืออาชีพหรือถูกบีบให้ทนกันแน่ ?






ความกดดันเริ่มต้นตั้งแต่การเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัด    ขั้นตอนการสร้างกลุ่มศิลปินที่โด่งดังของเกาหลีใต้นั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่องความโหดหิน     หนุ่มสาวที่มีความฝันเดียวกันได้มารวมตัวกันเพื่อฝึกฝนความเป็นไอดอลให้ตรงกับความต้องการของต้นสังกัด   แต่ถึงจะมีคุณสมบัติโดดเด่น เช่น รูปร่างหน้าตาสวยงาม  พรสวรรค์ในการขับร้อง   ทักษะของนักเต้นเท้าไฟ    นั่นไม่ได้หมายความว่าความฝันของพวกเค้าจะเป็นจริงได้หมด    

การแข่งขันเพื่อให้เป็น "ผู้ที่ถูกเลือก" มีการเดิมพันสูง พวกเค้าต้องพับชีวิตที่มีอิสระเก็บใส่ลิ้นชักอดีต แล้วหันมาตั้งตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมเพื่อแสดงศักยภาพให้โดนใจทีมงานนักปั้นไอดอล และต้องใช้ชีวิตภายใต้การควบคุมจากกฎอันเข้มงวด หนึ่งในเรื่องที่กระทบใจเราก็คือ การตรวจน้ำหนักของไอดอลและบทลงโทษหากลดน้ำหนักไม่ได้ตามเป้าที่ต้นสังกัดกำหนดไว้ เช่น สั่งให้ไปออกกำลังลดสัดส่วนและงดอาหาร ไอดอลคนหนึ่งเปิดเผยว่า พวกเธอจะถูกควบคุมมากขนาดที่ต้องคอยวัดรอบต้นขาทุกๆวัน เพราะทีมที่คอยควบคุมนั้นได้ตั้งเป้าไว้แล้วว่าไอดอลสาวควรจะมีเส้นรอบเต้นขาได้กันคนละเท่าไร

ยิ่งค้นข้อมูลลึกลงไป ก็ยิ่งเศร้าค่ะ


Suga แห่ง BTS ได้เปิดใจถึงความหวาดวิตกที่เกิดขึ้นก่อนที่จะได้เดบิวท์ ช่วงที่เป็นเด็กฝึกงานก็เคยรูปร่างใหญ่กว่านี้ และทุ่มเทออกกำลังเพื่อจะได้ดูดี   ในขณะที่รับjobเป็นพนักงานส่งสินค้าไปด้วย เขาโชคร้ายเจอกับอุบัติเหตุบนท้องถนนจนบาดเจ็บที่ไหล่ก็ถูกหมอห้ามไม่ให้ออกกำลัง เขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Grazia ว่า

"สื่อมักจะเล่นเด็นของ beauty standard ที่เชิดชูความผอมเพื่อดึงดูดความสนใจ แต่อีกด้านหนึ่งของโลกก็ยังมีผู้คนที่ยากไร้ที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องและกำลังจะอดตาย พวกเราควรจะสนใจในเรื่องนั้นมากกว่าไม่ใช่เหรอครับ "

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยอมรับว่า ถึงจะผอมก็ยังวางแผนเรื่องไดเอท เพราะนี่คือหน้าที่ของไอดอลที่จะตัองดูแลรูปลักษณ์ให้ดูดีในการปรากฏตัวท่ามกลางผู้คนที่รอชื่นชมนั่นเอง



แต่แม้จะกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิก Boy band ที่โด่งดังไปในหลายทวีปทั่วโลก Suga กลับต้องทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยทางจิตใจ ทั้งโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หวาดกลัวการเข้าสังคม และ ย้ำคิดย้ำทำ      ในสังคมที่ผู้คนยังไม่เปิดใจต่อ mental illness อย่างเต็มที่ Suga ได้แชร์ประสบการณ์เพื่อชี้ให้สังคมตระหนักต่อปัญหานี้ผ่านบทเพลงที่แต่งขึ้นมาเองและไม่ได้ปิดบังเรื่องการเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย

"ผมอยากจะบอกว่าทุกคนในโลกนี้มีความรู้สึกโดดเดี่ยวและศร้าใจกันได้ทั้งนั้น ผมจึงหวังว่าเราสามารถอยู่ในภาวะแวดล้อมที่ทุกคนสามารถร้องขอความช่วยเหลือและเปิดใจบอกเล่าถึงความยากลำบากที่ต้องเจอ และสามารถบอกใครสักคนว่าคิดถึงได้"



แม้ว่าเขาจะเปิดเผยเรื่องความเจ็บป่วยทางจิตใจให้สังคมได้รับรู้   แต่ไม่กี่เดือนก่อน  Suga ได้ปรากฏตัวพร้อมกับใบหน้าที่ดูอิ่มเต็มมากขึ้นเล็กน้อย  นั่นก็เรียกเสียงวิจารณ์ได้กระหึ่มทันที   hater ไม่แคร์หรอกว่า  มาตรฐานความงามแบบ K Pop จะทำให้หลายคนรู้สึกกดดันมากแค่ไหน      โดยเฉพาะผู้ที่กำลังต่อสู้กับปัญหา mental health และรับการบำบัดรักษาทางจิตมาแล้ว  พลังงานด้านลบของคอมเมนท์เหล่านี้ก็เหมือนกับปีศาจร้ายดีๆนี่เอง



IU ยอมรับว่าเธอเคยป่วยเป็น Bulimia  ความกดดันในอาชีพนี้ทำให้รู้สึกไร้ค่า ไร้ความสามารถ  เธอใช้กินอาหารปลอบใจตัวเองแต่มันกลับไม่ได้ผล เธอจะไม่หยุดกินจนกว่าตัวเองจะอาเจียนออกมา  หลังจากที่น้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ  เธอก็หันมารับการบำบัดจนอาการดีขึ้น    เมื่อได้ทราบถึงความร้ายกาจที่ IU เคยเจอก็ไม่ประหลาดใจเลยว่าเหตุใดเธอจึงจิตตกจนถึงขั้นเป็นโรคนี้   ตอนที่เธออายุเพียง 16 ปี   ในระหว่างที่อยู่บนเวที  ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนในกลุ่มผู้ชมก็ตะโกนเรียกเธอว่า "หมู"  ต่อจากนั้นคนอื่นๆก็ผสมโรงร้องด่าเธอว่าหมูๆๆ  ทำให้เธอไม่มีทางลืมวันนั้นไปได้เลย







- การพิสูจน์ตัวเพื่อจะได้การยอมรับ


สื่อเคยตีแผ่เรื่องราวของเส้นทางหฤโหดของไอดอลมาแล้วหลายครั้ง รวมไปถึงเบื้องหลังที่เน่าเฟะอย่างการบังคับให้ไอดอลฝึกหัดไปพบกับ "สปอนเซอร์" เพื่อดึงดูดเม็ดเงินสนับสนุนเข้าสู่ค่าย และความพยายามหมกเม็กคดีล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง กว่าที่ได้รับเลือกให้เดบิวท์ก็ต้องฝ่าฟันความยากลำบากมามากแล้ว แต่บทท้าทายต่อมาคือโลดแล่นในวงการนั่นเอง ระดับการแข่งขันพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีคุณสมบัติครบครันก็ยังไม่การันตีความสำเร็จของไอดอลได้

ทั้ง ๆ ที่ต้องถูกต้นสังกัดควบคุมชีวิตส่วนตัวและแทบไม่มีเวลาพักผ่อนหรือรับสารอาหารที่เพียงพอ ไอดอลจะต้องเติมเต็มพรสวรรค์ด้วยพรแสวง แสดงศักยภาพให้โดดเด่นมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 ฝึกแต่งเพลง compose เพื่อมีส่วนร่วมในการผลิตดนตรี เพื่อก้าวข้ามคำว่า product ที่ถูกต้นสังกัดออกแบบมาเอาใจตลาด แต่เป็นศิลปินที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่น่าประทับใจ

แม้ว่าชีวิตการทำงานจะหนักมากแค่ไหนก็ยังมีไอดอลอีกหลายคนที่ศึกษาจนจบในระดับปริญญา และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ส่วนหนึ่งที่พวกเค้าต้องพยายามขนาดนี้มาจากความปรารถนาที่จะได้รับการapprove จากสังคมที่เชิดชูความสมบูรณ์แบบที่เต็มแพคเกจ หน้าตาดี รวย เก่ง การศึกษาสูง พวกเค้าเหล่านั้นจะได้รับความรักและความชื่นชมในความพยายามที่จะขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้น



แต่อย่าได้มีจุดอ่อนขึ้นมา ...   เพราะความน่ากลัวของnetizen จะพุ่งเข้าใส่ทันที!
 G- Dragon อาจจะเป็นศิลปินทรงอิทธิพลที่ก้าวข้ามการควบคุมของต้นสังกัดด้วยความสามารถที่โดดเด่นจนกลายเป็นต้นแบบให้ไอดอลรุ่นน้อง   แต่เขาเคยพบกับช่วงเวลาอันมืดหม่น  หลังจากที่ต้องเผชิญกับ scandal เพลง Heart Breaker ที่ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนเอาทำนองเพลงดังอย่าง Right Round ของ Florida ศิลปินชาวอเมริกัน     เมื่อตกเป็นเป้าการโจมตีอันรุนแรงจากชาวเน็ท   เขาก็รับมันไม่ไหวถึงขนาดปิดตัวเองจากทุกคน แม้กระทั่งครอบครัวและรู้สึกท้อแท้หดหู่อยู่นาน

"ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผมต้องแก้ไขเพื่อจะไม่ให้มีข้อผิดพลาดอีก สิ่งเดียวที่นักร้องอย่างผมทำได้คือการขึ้นแสดงที่ดีขึ้นในครั้งต่อๆไป ไม่ใช่เอาแต่เขียนส่งคำขอโทษ
ผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ผมหลบเลี่ยงที่จะรับโทรศัพท์จากครอบครัวและเพื่อนๆราวกับว่าผมเป็นผู้กระทำผิด ผมโศกเศร้ากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำร้ายจิตใจ ผมอยากรู้ว่าเพราะอะไรพวกเค้าจึงคิดกับผมได้ร้ายกาจแบบนั้น แต่ในทีุ่ดผมก็ต้องก้าวต่อไปให้ได้ครับ"


G Dragon อาจจะ move on จนกลับมาประสบความสำเร็จได้    แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้       เพราะแม้กระทั่งไอดอลระดับtop ยังดิ่งได้ขนาดนี้   ยังมีศิลปินอีกหลายคนที่ต้องฝ่าฟันแรงกดดันมหาศาล    จนทำให้พวกเราต้องหวาดหวั่นว่าจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย  







ปัญหาของ Netizen เมื่อไอดอลมี opinion ออกนอกกรอบ



Sulli เคยถูก netizen vote ให้เป็นเซเลบที่อยากให้งดการออกสื่อ social media มากที่สุด และให้เหตุผลว่า แต่ละ post เธอมีการแสดงออกทางเพศจนเกินงาม และมักจะก่อดราม่าจากเสียงวิจารณ์เรื่องการเป็นแบบอย่างไม่ดีต่อคนรุ่นใหม่ หรือจะให้ถ่อยสุดๆ ก็ในระดับที่มีกาตั้งชื่อเธอว่าเป็นนังหัวนม Sulli ที่ชอบโชว์เหมือนโสเภณี!


เราไม่คิดว่าเหตุผลหลักที่ Sulli เคยถูกโจมตีไม่หยุดหย่อนนั้นจะมาจากเรื่องรสนิยมการแต่งกายที่ไม่นิยมการใส่บราเท่านั้น แต่มันน่าจะมาจากการแสดงออกที่สวนกระแสไม่เอาใจค่านิยมดั้งเดิมที่จัดผู้หญิงให้มีบทบาทเฉพาะอย่าง แน่นอนว่ามันไม่ใช่บทบาทของการมีปากมีเสียง ความกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์สังคมและแนวคิดที่ไม่เท่าเทียม ไอดอลถูกยกไว้เพื่อเป็นแบบอย่างอันดีงามและเป็นที่รักของคนหมู่มาก ไม่ควรสร้าง controversy ใดๆ

แต่ Sulli คือหญิงสาวที่กล้าประกาศออกมาว่า เธอรังเกียจการถูกข่มขืนทางสายตา และไม่ยอมรับคนที่มองเธอเช่นนั้นมาเป็นแฟนคลับ

เธอสนับสนุนกฎหมายการทำแท้งที่ถูกกฎหมายอย่างเต็มที่

เธอ post ภาพที่ดู sexy เพราะไม่คิดว่าจะแตกต่างอะไรกับผู้ชายที่อวดเนื้อหนังแต่ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนๆ


และเธอไม่ยอมขอโทษในการแสดงความเห็นอย่างเสรี





เราขีดเส้นใต้ไว้ชัดๆ เพื่อให้เน้นให้เห็นวัฒนธรรมการขอโทษในวงการนี้

CedarBough Saeji ดร.ผู้เชียวชาญด้านวัฒนธรรมเกาหลีแห่ง Indiana University ได้ให้ความเห็นต่อ CNN ว่า

" Sulli กล้าหาญค่ะ เธอได้แสดงออกในสิ่งที่พวกเหยียดเพศไม่ชื่นชอบติดต่อกันหลายครั้ง เธอยืนหยัดไม่ขอโทษในเรื่องพวกนั้นจนทำให้เธอเป็นที่สนใจ"

Saeji อาจารย์ผู้สอนวิชา Korean Popular Music in Context ได้ให้ข้อมูลว่า เหล่าคนดังในวงการ K Pop จะถูกบีบให้ออกมาขอโทษ เมื่อพวกเค้าไม่สามารถก้าวไปถึงมาตรฐานความคาดหวังที่สูงจนแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ Sulli ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวตน

"สังคมแห่งนั้นโจมตีเธออย่างรุนแรงเพียงเพราะเธอไม่ยอมตามน้ำไปกับบรรทัดฐานสังคมแบบเกาหลี มันช่างน่าเศร้าเหลือเกินค่ะ"

และแนวคิดแบบก้าวหน้านี่เองที่ทำให้ผู้คนมากมายรุมbully และหันมาใส่ร้ายป้ายสีเธออย่างสนุกสนาน









Sulli ไม่ได้เป็นไอดอลเพียงผู้เดียวที่ต้องตกเป็นเหยื่อของการลวงละเมิดทางวาจา (verbal abuse) หลังจากแสดงออกทางความคิดเพื่อเรียกร้องให้สังคมเกิดความเท่าเทียมทางเพศ แต่ไอดอลหญิงชื่อดังหลายคนก็เคยประสบกับเรื่องนี้มาแล้ว


Irene แห่ง Red Velvet ถูกแฟนคลับขู่ว่าจะเลิกสนับสนุน หลังจากที่เธออ่านหนังสือชื่อดังที่ว่าด้วยเรื่องราวสังคมเหยียดเพศในเกาหลีใต้ แต่เหมือนกับตลกร้าย เมื่อ host ชื่อดังอย่าง Yoo Jae-suk และไอดอลหนุ่ม RM แห่ง BTS ที่เปิดเผยว่าอ่านหนังสือเล่มนี้เช่นกัน กลับไม่ถูกโจมตีเหมือนกับ Irene
สำหรับเราแล้ว นี่ช่างเป็นเหตุการณ์ที่สมกับสังคมชายเป็นใหญ่ แม้แต่ผู้ชายที่เลือกสนับสนุนสิทธิสตรีก็ยังรอดตัวจากความโกรธเกรี้ยวที่ผู้หญิงต้องเจอ
Sexism is real!


หรือจะเป็นเรื่องสุดช็อคของ Naeun วง APink ที่ใช้คำโทรศัพท์ที่มีคำว่า girls can do anything ก็ถูกโจมตีหนักจนต้องรีบลบรูปออกและต้นสังกัดต้องออกมาชี้แจงว่าไม่ได้เจตนาก่อดราม่า เป็นแค่เคสที่ได้รับเป็นของขวัญจากแบรนด์


OMG!


ดราม่าการต่อต้านสิทธิเท่าเทียมทางเพศนั้นอาจจะทำให้คุณสงสัยว่า  ผู้คนในสังคมแห่งนั้นต้องการสิ่งใด  ?   ให้ผู้หญิงก้มตาก้มตารับคำสั่งจากชายผู้เป็นผู้นำ   หวาดกลัวตัวสั่นตอนถูกตะคอกใส่ไม่ต่างจากภาพที่เราได้เห็นจากในซีรีส์  ทำหน้าที่เมียและแม่ให้เต็มที่โดยไม่ต้องมีปากมีเสียงแม้จะถูกล่วงละเมิด        และเมื่อมีคนเรียกร้องเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและเชิดชูคุณค่ามนุษย์โดยไม่แบ่งแยกเรื่องเพศ   คนเหล่านั้นกลับถูกกระหน่ำทำร้ายด้วยคำพูด    สื่อชั้นนำจากตะวันตกต่างพร้อมใจชูประเด็นนี้และทิ้งคำถามที่คลางแคลงใจเราว่า  ความสูญเสียในครั้งนี้ก็สามารถจะเป็นจุดเปลี่ยนแนวคิดที่ฝังรากลึกในสังคมเกาหลีได้จริงหรือ ?


มันอาจจะเป็นความหวังแบบลมๆแล้งๆ แต่เราก็ยังรอคอยว่าสักวันหนึ่ง ผู้คนจะย้อนมองกลับไปมองความผิดพลาดที่ผ่านมาและสร้างวุฒิภาวะที่เอื้อประโยชน์ให้ทุกฝ่าย ไอดอลไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ถูกตั้งprogram ให้ยิ้มแย้มสร้างความสุขให้แฟนๆตลอดเวลา แต่เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจและความรู้สึกไม่ต่างจากคนทั่วไป พวกเค้าไม่ใช่ product ที่จะจับจองเป็นเจ้าของ เมื่อแฟนๆไม่ถูกใจเมื่อใดก็รุมย่ำยีให้สาแก่ใจ

ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียเช่นนี้กับคนที่เรารัก โปรดใคร่ครวญก่อนที่จะทำร้ายคนอื่น คำพูดเพียงไม่กี่คำก็อาจจะพรากชีวิตหนึ่งไปจากครอบครัวคนรักอย่างไม่มีวันหวนคืนมา

 ขอให้หยุด cyberbully สักที


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE