สกินแคร์ที่ช่วยลดปัญหาผิวเพื่อผิวแข็งแรงและสุขภาพดีในวัย 30s

55 18
WITH <strong>FYNE</strong> / เนื้อหานี้มีแบรนด์ที่ร่วมงานอยู่

ผิวสวยสุขภาพดีเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ปรารถนานะคะ เราก็เช่นกันค่ะ โดยเฉพาะเมื่อผิวเข้าสู่วัย 30s แล้วด้วย ยิ่งต้องคัดสรรสกินแคร์อย่างพิถีพิถันมากขึ้น แอบเสียดายอยู่ลึกๆ ที่หันมาดูแลผิวตัวเองช้าเกินไป แต่มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน๊อะ  > V < ในปีนี้ถือเป็นปีที่เราหันมาดูแลสภาพผิวของตัวเองอย่างจริงจังและได้ลองใช้สกินแคร์ใหม่ๆ หลายตัว บางตัวก็ใช้ตั้งแต่ปลายปี 2018 และพักไปช่วงนึงจนถึงเวลาวนกลับมาใช้อีกครั้ง บางตัวเพื่อนๆ อาจจะเคยเห็นผ่านตาในกระทู้ที่ผ่านมาบ้างแล้วซึ่งมันก็ถึงวงรอบของมันจึงทำให้เราได้หยิบมาใช้ในช่วงนี้ ส่วนบางตัวก็เป็นสิ่งที่ใช้อย่างต่อเนื่องแบบขาดไม่ได้ซักวัน โดยสกินแคร์ที่เราใช้ในช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นสกินแคร์ที่ให้ผลลัพธ์ที่ลงตัวกับผิวของเราที่สุดในสภาวะแวดล้อมที่มีทั้งฝน ทั้งแดด และมลภาะ PM 2.5 ที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง แถมยังนอนน้อยแต่สภาพผิวกลับไม่พังและยังคงความแข็งแรงไม่แพ้พังง่ายเหมือนเดิม เอาล่ะได้เวลามาดูสเตปการบำรุงผิวของเราและมาทำความรู้จักกับสกินแคร์แต่ละตัวกันเลยคร้า

สภาพผิว ?
ผิวผสมค่อนไปทางแห้ง ขาดน้ำเป็นพักๆ และระคายเคืองง่าย มีสิวเสี้ยน สิวอุดตัน ส่วนสิวอักเสบมีนานๆครั้ง

Thayers rose petal witch hazel toner 


ข้อมูลจากแบรนด์ ?

โทนเนอร์ปรับสภาพผิวสูตร Rose Petal Witch Hazel ผสมน้ำดอกกุหลาบ และว่านหางจระเข้ เหมาะสำหรับผิวธรรมดาหรือผิวมันแต่ขาดน้ำ มาพร้อมกับสารสกัดจาก Aloe vera และ Alcohol-Free Toners มีส่วนประกอบจาก Witch Hazel เปลือกของ วิช ฮาเซล ที่นำมาใช้ มีคุณประโยชน์มีสาร Hamamelitannin มากกว่าสารสกัดจากใบ 34 เท่า และมากกว่าสารสกัดจากส่วนของลำต้น 87 เท่า ช่วยหยุดการสลายตัวของ Hyaluronic acid ในผิวหนังได้ ช่วยกระชับรูขุมขน และมี Acrylates/C 10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer ซึ่งออกฤทธิ์เคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำและความชุ่มชื่น มีสาร Tannin ช่วยสมานแผล ช่วยต่อต้านการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย Rose Petal water ช่วยฟื้นฟูผิวที่ขาดน้ำ รักษาความนุ่ม ชุ่มชื่นผิว ช่วยให้ผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ สมานแผล ลดอาการแพ้อักเสบของผิว กระชับรูขุมขน ปรับสมดุลการผลิตน้ำมันของผิว และช่วยต้านอนุมูลอิสระ สาเหตุของริ้วรอย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยวิตามินซีซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิตคอลลาเจน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวและช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น ปราศจากน้ำหอม ปราศจากสารพาราเบน ใช้สารกันเสียจากธรรมชาติ  ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ และระคายเคือง

ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ?

เป็นน้ำใสๆ มีกลิ่นกุหลาบนิดๆ


วิธีใช้ ?

ใช้หลังล้างทำความสะอาดใบหน้าทั้งเช้าและเย็น เราใช้ 2 วิธี นะคะ 

         วิธีที่ 1 หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีในปริมาณที่เพียงพอต่อการเช็ดทำความสะอาดผิว สำหรับเราเราชอบหยดชุ่มๆ เพื่อลดการเสียดสีของสำลีกับผิวหน้า เช็ดเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ด้วยความงกเราจึงแอบแถมไปเช็ดที่น้องจุ๊กกรู๊แร้ (รักแร้) ด้วยค่ะ 555555... เฮ้ย!!! มันดีอ่ะทุกคนน้องจุ๊กกรู๊.. สะอาดขึ้นในทันที ทั้งนี้ให้เว้นเว้นบริเวณรองดวงตา

        วิธีที่ 2 หยดลงบนฝ่ามือในปริมาณที่เพียงพอต่อการใช้แล้วตบลงบนผิวหน้าอย่างเบามือ เราชอบใช้วิธีนี้ในตอนเช้าที่สุดเลยค่ะ

        นอกจาก 2 วิธีที่เราบอกไปแล้ว คุณคนนี้เค้ายังทำหน้าที่เป็นมาส์ก หรือฉีดพ่นสเปรย์ลงบนใบหน้า เพื่อเติมความชุ่มชื่นในระหว่างวันได้ด้วยนะคะ

ผลลัพธ์ ?

ตัวนี้เราใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2018 แล้วนะคะ เราว่าเค้าเป็นโทนเนอร์ที่เหมาะกับสาวผิวมันถึงผิวผสมที่เป็นสิว รูขุมขนกว้าง ส่วนเรา..เรามีผิวผสมบ้างแห้งบ้างและขาดน้ำ แต่ที่เราเลือกใช้ตัวนี้เพราะตอนนั้นมีสิวและต้องการให้รูขุมขนกระชับขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ช่วยลดสิวได้ในระดับนึงเลยค่ะ ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้าได้ดี แต่...เมื่อใช้ต่อเนื่องไปซักพัก เรารู้สึกว่าผิวหน้าเราระคายเคืองมากขึ้น ไม่รักเหมือนใช้ช่วงแรกๆ เลยขอพักไว้ก่อนยาวๆ ในที่สุดก็ได้วนกลับมาใช้อีกครั้ง ขอบอกเลยว่าการกลับมาของพี่เค้าในรอบนี้ ประทับใจกว่าเดิมมากตอนนี้หยิบมาใช้ทุกวันเช้า-เย็น โดยไม่มีอาการระคายเคืองใดๆ เลยค่ะ คงเป็นเพราะผิวของเราแข็งแรงมากขึ้นอาการระคายที่เคยเป็นจึงหายไปและตอบสนองต่อคุณคนนี้ได้ดีกว่าเดิม เค้าทำความสะอาดผิวอีกหนึ่งขั้นตอนได้ดีมาก เราเคยคิดว่าเราทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสะอาดดีแล้วนะ แต่พอเช็ดแล้ว โอ้วววว โห.. ที่เราเคยคิดไว้มันไม่ใช่เลยค่ะ มีคราบเหลืองติดสำลีตลอดๆ นอกจากนี้เค้ายังช่วยปรับสมดุลผิว ทำให้ผิวชุ่มชื่น พร้อมรับการบำรุงจากสกินแคร์ตัวต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย สิวลดลง ไม่เกิดการอุดตัน ซึมเข้าสู่ผิวได้ไวมากๆด้วย


? ชิ้นนี้เปย์ตัวเองมาเม้าท์มอยคร้า

Sulwhasoo First Care Activating Serum EX


ข้อมูลจากแบรนด์ ?

เป็นสุดยอดพรีเซรั่มอันดับหนึ่งที่ทรงประสิทธิภาพแห่งการปรนนิบัติผิวภายในเพื่อผิวสวยสมบูรณ์แบบ จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว ช่วยปรับสมดุล กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ให้ผิวที่ดูเปล่งปลั่งและเพิ่มประสิทธิภาพให้ผิวดูดซึมสกินแคร์ที่ใช้ตามมาดียิ่งขึ้นมากถึง 3 เท่า มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้ 5 สมุนไพร ส่วนผสมหลักของนวัตกรรม JAUM Balancing Complex™ ได้แก่ รากโกฐขี้แมว (Rehmania) รากดอกโบตั๋นจีน (Peony Flower’s Root) เมล็ดบัวหลวงอินเดีย(Mature Lotus Seed) ดอกลิลลี่ขาว (White Lily) และ โซโลมอนส์ซีล (Solomon’s Seal) สามารถปลดปล่อยอานุภาพแห่งพฤกษาพรรณให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น ต่อต้านปัญหาผิวแห้งกร้าน ริ้วรอยแห่งวัย ผิวหมองคล้ำ ขาดความกระชับ ฟื้นบำรุงให้ผิวชุ่มชื่น ยืดหยุ่น แลดูอ่อนเยาว์ และแลดูสุขภาพดี ด้วยเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะ “PREXtract Process™“ ที่นำสารสกัดของสมุนไพรทั้ง 5 ชนิดภายหลังจากการผ่านกรรมวิธีโพเจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาผ่านกระบวนการในการใช้แรงดันอากาศที่มากถึง 1,000 เท่าเพื่อการซึมซับที่ดียิ่งขึ้น

ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ?

เป็น Serum สีน้ำตาลอ่อนๆ เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว มีกลิ่นสมุนไพรให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย


วิธีใช้ ?

ใช้ในขั้นตอนแรกสุดของการบำรุงผิวหน้า คำแนะนำจากแบรนด์ให้ถูฝ่ามือให้อุ่นก่อนกดพรีเซรั่มลงไป 2-3 ปั๊ม ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นนำฝ่ามือทั้งสองโอบใบหน้าเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ซึบซาบลงสู่ผิว หรือใช้การนวดไปยังจุดต่างๆของใบหน้าก็ได้นะคะ โดยส่วนตัวเราแล้วเราจะใช้ 1-2 ปั๊ม แล้วประกบมือลงบนใบหน้าให้เซรั่มซึบเข้าสู่ผิว อีก 1 วิธีที่เราเพิ่งค้นพบได้ไม่นานมานี้คือเค้าสามสารถทำหน้าที่เป็นมาส์กหน้าและรอบดวงตาในวันที่เหนื่อยล้าได้ด้วย แถมเอาไปผสมกับอายครีมก่อนการบำรุงรอบดวงตาได้ด้วยนะ นี่เป็นสิ่งที่เราชอบมั๊กๆ เพราะอายครีมซึบเข้าสู่ผิวได้ไวและให้ผลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่ะ


ผลลัพธ์ ?

เจ้าตัวนี้เราเริ่มใช้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาและใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 2 เดือน ก็รู้สึกเอ๊ะ!!! ขึ้นมาว่า ทำไมมันรู้สึกเฉยๆ ตอนนั้นก็แอบเสียดายเงินอยู่เหมือนนะคะจึงขอพักน้องเค้าไว้แบบเก็บลืม 5555 ไม่กี่เดือนผ่านไปกลับรู้สึกว่าผิวหน้าไม่ชุ่มชื่น ไม่แข็งแรง ผิวโทรม คราวนี้แหละรู้เลยว่าเฮ้ย!!! ต้องวนกลับมาใช้น้องเค้าแล้วล่ะ การกลับมาในรอบนี้คือติดมาก เราใช้ทุกวันเช้าเย็นเลยค่ะเพิ่มเติมคือนำมาผสมกับอายครีมก่อนลงรอบดวงตาด้วย จะบอกว่าอายครีมที่หนึบๆหนืดๆ เกลี่ยง่าย ซึมซาบไว โดยที่ไม่ต้องลงน้ำหนักรอบดวงตาเหมือนก่อนใช้น้องเค้าเลย ปลื้ม... ส่วนอายครีมที่มีเนื้อบางเบานี่ไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะยิ่งเกลี่ยง่ายซึมไวมากขึ้นไปอี๊ก (เสียงสูง) ความรู้สึกโดยรวมคือเค้าส่งเสริมให้สกินแคร์ตัวต่อๆไปซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นและทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น กลิ่นสมุนไพรทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายผิวทุกครั้งที่ใช้ ส่วนเรื่องริ้วรอยและความกระจ่างใสยังไม่เห็นผลเท่าไหร่นะคะ แต่ผิวชุ่มชื่นยืดหยุ่นเนี่ยสำหรับเราแล้วเค้าทำได้ตามคำเคลมค่ะ


? ชิ้นนี้เปย์ตัวเองมาเม้าท์มอยคร้า

ORIGINS™ MEGA-MUSHROOM RELIEF & RESILIENCE SOOTHING TREATMENT LOTION


ข้อมูลจากแบรนด์ ?

ทรีทเมนต์โลชั่นสูตรน้ำเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวบอบบางแพ้ง่ายให้แข็งแรงขึ้น ทำให้รู้สึกสบายผิวจากความระคายเคือง อุดมไปด้วยคุณประโยชน์จากเห็ดหลินจือ (Reishi) เห็ดถั่งเฉ้า (Cordyceps) เห็ด Chaga ที่ผ่านกระบวนการหมักเพื่อให้ได้สูตรที่ดีที่สุดต่อผิว ผสานการทำงานร่วมกับพืชสรรพคุณสูงซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn) พร้อมแลคโตบาซิลลัสที่ช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว เตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง ยิ่งไปกว่านั้นสูตรเอกสิทธิ์ใหม่นี้ยังมีส่วนผสมของเห็ด Coprinus ที่อุดมด้วยคุณประโยชน์ในการบำรุงผิว ให้แลดูสุขภาพดี มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ คืนความเนียนกระชับให้ผิวไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ Parabens Sulfates และ Phthalates

ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ?

เนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นน้ำใสๆ มีกลิ่นหอมของน้องเห็ด ที่ให้ความรู้สึกสะอาด สดชื่น และผ่อนคลาย ซึบซาบเข้าสู่ผิวไว


วิธีใช้ ?

เจ้าตัวนี้ทำหน้าที่ได้ทั้งโทนเนอร์และน้ำตบเลยนะคะ 

        หากใช้เป็นโทนเนอร์ ก็เพียงเทโลชั่นลงบนสำลีแล้วเช็ดทั่วบริเวณผิวหน้าและลำคอ แต่ในช่วงที่ผิวเราแพ้หรือระคายเคือง เราถึงจะใช้น้องเค้าเป็นโทนเนอร์เช็ดทำความสะอาดผิวและจะใช้สำลีเช็ดแค่ตอนเย็นเท่านั้นเพื่อเคลียสิ่งสกปรกที่อาจจะยังคงตกค้างอยู่ ส่วนในตอนเช้าเราจะใช้เป็นน้ำตบ ทั้งนี้เพื่อลดการระคายเคืองของผิวหน้านั่นเองค่ะ 

        ทั้งนี้ในสภาพผิวปกติเราจะให้เค้าทำหน้าที่เป็นตบโดยหยดลงบนฝ่ามือในปริมาณที่พอเหมาะแล้วค่อยๆ ประกบมือลงใบหน้าจนน้องเค้าซึมเข้าสู่ผิวจนหมด

        นอกจากนี้เค้ายังทำหน้าที่เป็นมาส์กช่วยปลอบประโลม ลดการระคายเคือง ในวันที่ผิวของเราต้องเจอมลภาวะหนักๆ ได้ด้วยนะคะ


ผลลัพธ์ ?

หากเพื่อนๆ ได้ติดตามกระทู้ที่ผ่านมาของเราก็จะเห็นได้ว่าจะเจอน้องเห็ดตัวนี้อยู่ในทุกๆกระทู้ บอกจากใจเลยว่ารักมากและขาดไม่ได้เลยซักวัน เพราะน้องเห็ดช่วยปลอบประโลมและลดการระคายเคืองของผิวได้ดีมาก ผิวแดง เป็นตุ่ม ผด ผื่น ลอก แห้ง คัน คันแบบคันยุบยิบ น้องเค้าเอาอยู่แถมยังให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง และช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป รู้สึกสดชื่นและสบายผิวทุกครั้งที่ใช้ ตัวนี้เรายกให้เป็นลำดับที่หนึ่งในลิสของที่ต้องมีเลยค่ะเป็นสิ่งที่ใกล้หมดแล้วต้องรีบตุน นี่ก็เอาไซส์ 400 ml มาตุนแล้วเรียบร้อย ขวดนี้ 200 ml เราใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์มาถึงวันนี้เค้าก็ยังไม่หมดเลยนะ ใช้ได้นานมากกกกกกกกจริงๆค่ะ คุ้ม!!!!


? ชิ้นนี้เปย์ตัวเองมาเม้าท์มอยคร้า

FYNE BHA Clarifying Serum


ข้อมูลจากแบรนด์ ?

2% BHA ช่วยให้ผิวได้รับการผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพเพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ส่งผลให้สิวอุดตันลดลง สิวอักเสบลดลง รอยดำรอยแดงลดลง และรูขุมขนดูเล็กลง อีกทั้งยังเป็นเซรั่มเนื้อบางเบาที่ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีไม่ตกค้างบนผิว อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวระคายเคืองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีส่วนประกอบที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว ผิวจึงได้รับการบำรุงให้คงความชุ่มชื่น ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่เป็นสิวและผิวระคายเคืองแพ้ง่ายเป็นพิเศษ ปราศจากสารก่อการระคายเคือง เช่น Silicone, Alcohol, Fragrance, Paraben, Mineral oil, Colorant จึงลดโอกาสการเกิดการแพ้ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคลอลาเจน และมีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติอีกด้วย 
ผ่านการทดสอบ 
  • Dematologically Tested
  • Non Irritating
  • Clinically Tested

ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ?
เป็น BHA ที่อยู่ในรูปแบบของ Serum ใสๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เนื้อสัมผัสหนึบๆ แต่บางเบา และซึมเข้าสู่ผิวง่ายมั๊กๆ ซึมวั๊บเข้าไปโดยไม่ทิ้งความรู้สึกหนึบหรือเหนอะหนะเลยค่ะ


วิธีใช้ ?
คำแนะนำจากแบรนด์คือ ใช้ครั้งละ 1-2 หยด แต่สำหรับเราช่วงแรกเราทดลองใช้ในปริมาณ 1-2 หยด ตามคำแนะนำของแบรนด์ก่อนนะคะ เมื่อมั่นใจได้ว่าไม่เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง และด้วยพื้นที่ของใบหน้าที่กว้างขวางพอตัว เราจึงใช้ครั้งละ 2-3 หยด ทาบางๆ ทั่วใบหน้า และแต้มบริเวณลำคอตามจุดที่มีสิว คุณคนนี้เราใช้ทุกวันเช้า-เย็นเลยค่ะ

ข้อแนะนำ ?
สำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือยังไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวมาก่อน ควรทดลองใช้วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1-2 หยด หรือวันเว้นวันก่อนก็ได้นะคะ แต่ข้อมูลจากที่เราศึกษามาจากแบรนด์ โดยทางแบรนด์อ้างอิงจาก ????? เว็ปไซต์ข้อมูลทางการแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือได้ให้ข้อมูลไว้ว่า "การใช้ Salicylic Acid หรือ BHA ในการรักษาสิว ควรใช้ทาบางๆทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง หรือใช้ตามแพทย์สั่ง" ซึ่งเราทดลองเช้า-เย็นทุกวัน ติดต่อกันมาประมาณ 3 สัปดาห์ ก็ยังสามารถใช้ได้ผลดี ไม่เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองเลยค่ะ

ผลลัพธ์ ?
จากการใช้ติดต่อกันประมาณ 3 สัปดาห์ เราว่าเค้าช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้ชัดเจนที่สุด ในกลุ่มผลัดเซลล์ผิวที่เราเคยใช้มา รู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกันนะคะแต่ได้ดู live ของคุณโดนัท ( DONUT BEAUTY BRAINS ) จึงถึงบางอ้อว่าเป็นเพราะ BHA สามารถละลายในน้ำมันได้ดีจึงซึมสู่ผิวลึกกว่า AHA ทำให้สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียในรูขุมขนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดอาการผิวแห้งระคายเคืองเลยค่ะ ใช้ติดต่อกันราวๆ วันที่ 4-5 จะสังเกตเห็นว่าสิวที่ผุดขึ้นมาอยู่ก่อนแล้วยุบไวแห้งไวและหลุดไวมากกว่าปกติ ยิ่งใช้ร่วมกับเจลแต้มสิวยิ่งเสริมประสิทธิภาพกันได้ดียิ่งขึ้นแต่ต้องใช้ควบคู่กับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ด้วยนะคะ จากนั้นจะพบว่าสิวอุดตันในชั้นผิวทะยอยกันผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแต่ถามว่าเรากังวลมั้ย ... ตอบเลยว่า ไม่เลยค่ะ เพราะว่าเค้าทำให้สิวที่ผุดขึ้นมายุบไวแห้งไวและหลุดง่ายมั๊กๆ โดยไม่เกิดการอักเสบซ้ำ เพราะแบบนี้เค้าจึงช่วยลดการอุดตัน ลดสิวอุดตัน สิวอักเสบ ลดสิวเสี้ยน ลดรอยดำ รอยแดง และทำให้รูขุมขนกระชับและเล็กลงได้ด้วย ฝ้าและกระบางๆแลดูจางลงอีกด้วยนะคะ หากถามว่า..  ถ้าใช้หมดแล้วจะซื้อมาใช้เองมั้ยตอบเลยว่าซื้อมาใช้ต่ออย่างแน่นอนค่ะ 

Clarins Double Serum


ข้อมูลจากแบรนด์ ?

เป็นเซรั่มที่แยกน้ำและน้ำมันออกจากกัน โดยผสมผสานสารสกัดจากพืชธรรมชาติอันทรงประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งตรงลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า มากถึง 20 ชนิด เพื่อให้ 5 ปัจจัยสำคัญ ที่มอบผลลัพธ์แห่งความของผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ ด้วยการเลียนแบบระบบการปรับความสมดุลของผิวสุขภาพดี ระหว่างนํ้าและนํ้ามัน Hydric + Lipidic System สามารถมอบการบำรุงล้ำลึก ช่วยฟื้นคืนการทำงานของ 5 ปัจจัยสำคัญในผิวให้มีการประสิทธิภาพสูงสุดในการลดเลือนทุกสาเหตุของผิว ร่วงโรย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยลึก ผิวไม่เรียบเนียน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ความอ่อนเยาว์ ของผิวที่ดูอ่อนกว่าวัย จากการทดลองพบว่า 7 วัน หลังการใช้ ผิวดูสุขภาพผิวแข็งแรง ผิวเรียบเนียน 4 สัปดาห์ ผิวดูกระชับ ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น รูขุมขนเล็กลง ผิวแลดูกระจ่างใส เพียง 1 สัปดาห์ รูขุมขนที่ดูกว้าง และริ้วรอยต่าง ๆ จะดูลดลง และภายใน 1 เดือน ผิวแลดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน กระชับ และงดงามขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ?

เป็นน้ำและน้ำมันที่มีกลิ่นหอมผ่อนคลาย และเนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนอะหนะ 


วิธีใช้ ?

โดยส่วนตัวเราใช้ทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ ปรับขนาดของหัวปั๊ม (เล็ก-ใหญ่) และจำนวนปั๊ม ตามสภาพผิวแต่ละวัน เมื่อก่อนเราจะปรับเป็นหัวเล็กแล้วปั๊ม 2 ที รู้สึกประหยัดดี 5555 แต่ตอนนี้เราได้ซื้อเค้ามาตุนไว้แล้วช่วงนี้ก็จะหมุนปั๊มใหญ่ กด 1 ที ให้หนำใจไปเลย อิอิ เมื่อปั๊มบนฝ่ามือแล้วให้ทำการวอร์มบนฝ่ามือก่อนนะคะ จากนั้นจึงค่อยๆประกบฝ่ามือ กดๆ ลงให้ทั่วใบหน้าและลำคอค่ะ


ผลลัพธ์ ?

เราประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และทุกๆครั้งที่ใช้เลยค่ะ เค้าดีงามทั้งกลิ่นและเนื้อสัมผัส มีส่วนประกอบที่เป็นน้ำมันก็จริงแต่มีความเบาสบายผิว รู้สึกผิวเนียนนุ่ม เรียบเนียนตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ อันนี้อินมากและอินอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ หลังจากใช้มาอย่างต่อเนื่องจนเค้าจะหมดอยู่แล้วสังเกตเห็นได้เลยว่าผิวเรียบเนียน อิ่มฟู รูขุมขนกระชับ และที่ปลื้มมากคือริ้วรอยร่องแก้มและริ้วรอยเล็กๆ แลดูตื้นขึ้นด้วย ที่สำคัญเค้าช่วยเรื่องความชุ่มชื่นและช่วยเติมน้ำให้ผิวได้ด้วยนะคะ นอนดึกแค่ไหน เจอมลภาวะหนักแค่ไหนผิวก็ไม่โทรม ยกความดีงามนี้ให้เป็นสกินแคร์ลำดับต้นๆ ที่เราจะแนะนำให้เพื่อนๆ ที่ต้องการดูแลผิวและหวังผลเรื่องการลดเลือนริ้วรอย ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู และรุขุมขนกระชับ น้องคนนี้ใครได้ใช้ตามก็ติดใจทุกคนเลยค่ะ นี่ก็ซื้อมาให้คุณแม่ได้ลองใช้บ้างและซื้อตุนให้ตัวเองแล้วเรียบร้อยเลย


? ชิ้นนี้เปย์ตัวเองมาเม้าท์มอยคร้า

FYNE Skin Barrier Serum-in-Cream


ข้อมูลจากแบรนด์ ?

อ่อนโยนกับทุกสภาพผิว ผิวเป็นสิวสามารถใช้ได้ ไม่อุดตัน ช่วยให้ผิวผ่อนคลายจากการระคายเคืองต่างๆ ฟื้นฟูผิวจากปฏิกิริยาของยาหรืออาการผดผื่นแพ้ระคายเคืองจากมลภาวะ ให้ความรู้สึกสบายผิว ผิวไม่แห้งและไม่มันจนเกินไป ช่วยเติมความชุ่มชื่นและรักษาสมดุลของน้ำใต้ผิว ด้วยส่วนผสมที่มี Ceramind จึงช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง ชุ่มชื่น ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างให้การเรียงตัวของเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) เรียงตัวได้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการระคายเคืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ Chamomile Extract, Centella Asiatica Leaf Extract, Canadian Willow Herb Extract ช่วยลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวที่เผชิญมลภาวะมาตลอดทั้งวัน ผิวจึงแข็งแรง สุขภาพดี และเรียบเนียนยิ่งขึ้น

ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ?

เป็น Serum in cream เนื้อสีขาวบางเบา ไม่มีกลิ่น ซึมเข้าสู่ผิวไว ให้ความชุ่มชื่นโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะ


วิธีใช้ ?

จากแบรนด์

  • ผิวแห้ง : ☀️ เช้า 3 ปั๊ม  ? ก่อนนอน 7 ปั๊ม

  • ผิวผสม : ? เช้า 2 ปั๊ม  ?ก่อนนอน 6 ปั๊ม

  • ผิวมัน : ⛅️ เช้า 1 ปั๊ม  ? ก่อนนอน 5 ปั๊ม

สำหรับเราที่มีผิวผสมค่อนไปทางแห้ง เราใช้เช้า - ก่อนนอน ครั้งละ 2-3 ปั๊ม ทาทั่วใบหน้าโดยเน้นจุดที่ผิวแห้งมากเป็นพิเศษ 


ผลลัพธ์ ?

เป็นกลุ่มมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยลดปัญหาผิวขาดน้ำของเราได้ดีเลยทีเดียว แถมยังเบาสบายผิว ทำให้สามารถลงสกินแคร์ที่มีเนื้อเข้มข้นหรือเนื้อครีมต่อได้โดยไม่รู้สึกหนักผิวและไม่เกิดการอุดตัน ส่วนเรื่องลดความระคายเคืองต่างๆ เค้าทำออกมาได้ดีตามคำเคลมเลยค่ะ ผิวของเราจากที่เคยระคายเคือง มีผดผื่น แดงคันง่าย ก็กลับแข็งแรงมากขึ้น ไม่เกิดอาการดังกล่าวเลยค่ะ และไม่ต้องง้อสเปรย์น้ำแร่ในระหว่างวันด้วยนะ เมื่อผิวชุ่มชื่นและผิวโดยรวมแข็งแรง ผิวจึงมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และรับการบำรุงจากสกินแคร์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วยค่ะ



Kiehl’s Super Multi-Corrective Cream


ข้อมูลจากแบรนด์ ?

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ยกกระชับผิวหน้า และต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยที่มองเห็นได้ชัดเจน ได้รับการพิสูจน์ทางคลินิกแล้วว่าช่วยให้ผิวดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน น้ำหอม จึงปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน จึงเหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย มีคุณสมบัติเด่นในการจัดการปัญหาผิว 5 ประการใน 1 เดียว คือ ผิวรอบดวงตากระชับ ดูโตขึ้น ผิวดูกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวหน้าแลดูกระชับ ได้รูปยิ่งขึ้น ผิวเรียบเนียนและชุ่มชื้นมากขึ้น ประกอบด้วยส่วนผสม 3 ชนิดที่สามารถแก้ปัญหาความร่วงโรยของผิวหน้าหลายประการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ จัสโมนิค แอซิด (Jasmonic Acid) สารสกัดจากต้นบีช (Beech Tree Extract) ไฮยาลูโรนิก แอซิดที่ผ่านการแยกส่วน (Fragmented Hyaluronic Acid) เมื่อส่วนผสมทั้งสามชนิดนี้อยู่รวมกันจะเกิดปฏิบัติการเทคโนโลยี Tri-Active ที่ช่วยกันทำงาน ทำให้ผิวที่ร่วงโรยและมีปัญหาหลากหลายประการดูดีขึ้น เรียบเนียนละเอียดยิ่งขึ้น และลดเลือนริ้วรอยได้เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง

ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ?
เนื้อครีมสีขาว เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสที่สบายผิว มีสารสกัดจากต้นบีชทำให้ผิวชุ่มชื่นโดยไม่เหนียวเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบสมุนไพร ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย


วิธีใช้ ?
เราใช้ทาลงบนผิวหน้าทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ ทั้งนี้จะวอร์มบนมือก่อนหรือไม่วอร์มก็ได้นะคะ ตัวนี้เราไม่ค่อยชอบวอร์มแต่จะใช้วิธีแต้มลงบนผิวหน้าแล้วใช้ปลายนิ้วมือกดๆนวดๆบนผิวหน้าเบาๆ เป็นอะไรที่ฟินมาก

ข้อแนะนำ ?
สำหรับคนที่มีสภาพผิวผสมจนถึงผิวมันหากใช้ในตอนเช้าอาจจะลดปริมาณลงหน่อยนะคะเพราะเนื้อครีมเค้าเข้มข้นแต่เอาจริงๆคือซึมไวอยู่เหมือนนะ สภาพผิวแบบเราใช้แล้วแฮปปี้ทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ โดยเฉพาะหากใช้ช่วงหน้าหนาวนี่จะฟินมากเพราะเค้าช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น ไม่แห้งตึง ดังนั้นลองปรับให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองดูนะคะ

ผลลัพธ์ ?
ตัวนี้เราใช้ตั้งแต่ปลายปี 2018 นะคะ ไปขอเทสเตอร์ที่เคาท์เตอร์คีลส์มาลองก่อน ปรากฏณ์ว่าประทับใจมากจนต้องซื้อไซส์จริงมาใช้ต่อ เราใช้อย่างต่อเนื่อง 3 เดือน เลย และหยุดพักแป๊บเพราะอยากลองสกินแคร์ตัวอื่น 555 (แอบนอกใจ) แต่ในที่สุดก็วนกลับมาใช้อย่างต่อเนื่องอีกครั้งค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้คือได้ผิวที่เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ผิวฟู แน่น กระชับ ริ้วรอยเล็กๆ ดูลดเลือนลง ถ้าหมดแล้วจะซื้อต่อมั้ย??? คิดว่าจะซื้อต่อนะคะ แต่ขอลองสกินแคร์ตัวอื่นๆ ที่น่าสนใจดูก่อน ถ้าไม่เวิร์คจะกลับมาซบอกน้องคีลส์ตัวม่วงกระปุกนี้อีกแน่นอนคร้า

? ชิ้นนี้เปย์ตัวเองมาเม้าท์มอยคร้า


Dramatically Different™
Moisturizing Lotion+  & Lines & Wrinkle


ข้อมูลจากแบรนด์ ?

Dramatically Different™ Moisturizing Lotion+ & Lines & Wrinkle
เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์สูตรแรกของคลีนิกข์ที่ได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิว โดยเสริมระดับความชุ่มชื่นระหว่างวัน และเสริมปราการปกป้องผิวตามธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่เพิ่มความมัน และคงเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม ผลิตภัณฑ์มีสีเหลืองที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มเนียน และซึมซาบสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ช่วยบำรุงให้ผิวรู้สึกนุ่ม เปล่งปลั่ง และมีสุขภาพผิวดีแลดูอ่อนเยาว์ เหมาะสำหรับผิวแห้งมาก ถึงผิวผสมค่อนข้างแห้ง
Lines & wrinkles - rides & ridules 

เป็นบูสเตอร์ที่เหมาะสำหรับผิวที่มีริ้วรอย ประกอบด้วยสารบำรุงเข้มข้นจากเวย์โปรตีนสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เติมเต็มริ้วรอยแห่งวัย ซ่อมแซมฟื้นฟูผิว และปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื่นเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น

ลักษณะของผลิตภัณฑ์ ?

เนื้อผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นพอตัวเลยค่ะแต่เกลี่ยง่ายนะ ช่วงแรกที่ทาจะรู้สึกหนึบๆหน่อย แต่ไม่นานก็ซึมซาบเข้าสู่ผิวโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะกวนใจตอบโจทย์คนผิวผสมค่อนไปทางแห้งแบบเรามั๊กๆ ในการปั้มเพียง 1 ครั้ง เราจะได้ Moisturizer 90% Booster 10% เลยทีเดียว โดยเค้าจะแยกชั้นกันนะคะ ตัวนี้มีกลิ่นนมๆโปรตีนๆ ด้วยอ่ะ .. แอบหิวเลย 55555


วิธีใช้ ?

ใช้วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น โดยปั๊มลงบนฝ่ามือ 1-2 ปั๊ม แล้วแต้มตามจุดต่างๆ จากนั้นเกลี่ยให้ทั่วผิวหน้าและลำคอ ต่อด้วยใช้อุ้งนิ้วมือกดๆ นวดๆ บนใบหน้าอย่างเบามือหรืออีกวิธีหนึ่งคือ วอร์มลงบนฝ่ามือแล้วค่อยๆ ประกบลงบนใบหน้าและลำคอก็ได้ค่ะ วิธีนี้จะได้ความรู้สึกที่เบาสบายผิวมากกว่า ตัวนี้เราใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 1 เดือน กว่าๆ แล้วนะคะ ตอนนี้นำมาใช้สลับกับ Kiehl’s Super Multi-Corrective Cream ตัวข้างบนเพราะกลัวจะใช้น้องคีลส์ไม่ทันเดี๋ยวจะหมดอายุซะก่อน


ข้อแนะนำ ?

หากใช้ในตอนเช้าควรเลือกกันแดดที่มีเนื้อบางเบาเพราะจะทำให้สกินแคร์ที่ลงไปแล้วไม่เป็นขุยค่ะ


ผลลัพธ์ ?

ผิวนุ่มชุ่มชื่นมากขึ้น และสิ่งที่ทำให้รู้สึกแตกต่างจากสกินแคร์เนื้อครีมตัวอื่นๆคือ สัมผัสได้ในทันทีว่าผิวแน่นมากขึ้น เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะทำให้ผิวอิ่มฟู และกระชับมากขึ้นทุกครั้งที่ใช้ ช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวแห้งผากมีผดผื่นคันขึ้นจากผิวที่แห้งและขาดน้ำจากการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอดีขึ้นตามลำดับ สำหรับริ้วรอยบางๆ ก็ดูลดเลือนลง ส่วนริ้วรอยร่องลึกก็ดูตื้นขึ้นด้วยนะคะ สังเกตได้จากเวลาแต่งหน้าแล้วระหว่างวันแป้งตกร่องแก้มและร่องใต้ตาน้อยลงกว่าเดิมถ้าเปรียบเทียบกับช่วงแรกๆ ที่ใช้คือลดลงอย่างชัดเจน สำหรับเรื่องรูขุมขนเจ้าตัวนี้ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่จากสิ่งที่เราสังเกตเห็นคือรูขุมขนของเราดูกระชับมากขึ้นน่าจะเป็นเพราะผิวได้รับความชุ่มชื่นอย่างเต็มที่และเราใช้ควบคู่กันไปกับสกินแคร์ที่กล่าวถึงข้างต้นซึ่งเค้าก็ช่วยเสริมประสิทธิภาพกันและกันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว


? ชิ้นนี้ได้มาจากการร่วมกิจกรรมของจีบันคร้า


และนี่ก็คือสกินแคร์ที่เราใช้ในช่วงนี้นะคะ กระทู้นี้เราขอตัดอายครีมและครีมกันแดดออกไปก่อนไม่เช่นนั้นแล้วกระทู้นี้จะเป็นกระทู้ที่ต้องอ่านข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว 55555  ส่วนคลีนซิ่งต่างๆ จะพยายามรวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านกันในโอกาสต่อไป ในส่วนของคลีนเซอร์เราได้รีวิวเอาไว้แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อนๆ ที่สนใจสามารถย้อนเข้าไปอ่านได้ที่ Story ของเรานะคะ


ก่อนจะขอตัวไปจิบกาแฟในวันนี้ เราอยากจะบอกทุกคนว่า ทุกคนเก่งมากเลยค่ะที่อ่านมาจนถึงจุดนี้ ปรบมือให้ตัวเองงงงงง เย้!! ?และขอขอบคุณแบรนด์ฟายน์ที่ให้โอกาสเราได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆที่กังวลมาอย่างยาวนาน ประทับใจในผลลัพธ์ที่ได้มากถ้าหมดแล้วคงต้องซื้อมาใช้ต่อแบบยาวๆ ไป ขอบคุณสกินแคร์ทุกชิ้นที่ช่วยบำรุงผิวของเราให้ดีขึ้น และขอขอบคุณจีบันที่เปิดพื้นที่ให้เราได้นำประสบการณ์การใช้สกินแคร์ต่างๆ มาเม้าท์มอยและแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ นะคะ ?


สภาพผิวของแต่ละคนตอบสนองต่อสกินแคร์แตกต่างกันออกไป ผลลัพธ์ที่เรานำมาบอกเล่าในวันนี้เป็นเพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผิวหน้าของเราคนเดียวเท่านั้นนะคะ ^ v ^


ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม

แล้วพบกันใหม่นะคะ

บ๊ายบาย




Junjaowkha review

Junjaowkha review

สวัสดีค่ะ เราชื่อเล่นจันทร์เจ้านะคะหรือเรียกว่าอินก็ได้ค่ะ ในตอนนี้อายุของเราก็เข้าสู่เลข 3++ แล้ว ผิวหน้าก็แลดูจะย่ำแย่ ไม่อึดถึกทนเหมือนตอนสาวๆ ตั้งแต่ ปี 2019 นี้ จึงถือว่าเป็นปีที่เป็นการเริ่มต้นดูแลตัวเองอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการเลือกใช้สกินแคร์ที่พิถีพิถันมากขึ้นเพราะเราเชื่อว่าการเลือกใช้สกินแคร์ดีๆ เป็นการบอกรักตัวเองอย่างหนึ่ง

ช่องทางการติดตามหรือติดต่องาน

FB Page : Junjaowkha review
IG : junjaowkhareview
Youtube : Junjaowkha review
Line : intirala

FULL PROFILE