2ปี ผ่านไป สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรไปได้บ้าง

43 13
สวัสดีค่ะ ชื่อปามนะคะ จริงๆเราคิดมาสักพักนึงละ แถมคนรอบตัวหลายๆคนก็อยากให้ลองเขียนเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น ที่มีความคิด เคยผ่านวิกฤตทางความคิดมาแบบเรา ให้ก้าวผ่านและเป็นดั่งเราที่สง่างามได้ในทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ทำซักที เพราะยังติดกรอบความคิด ติด Mind Set ที่ว่า

 "ฉันยังดีไม่พอ รอให้ฉันดีกว่านี้ก่อนได้ไหม แล้วฉันน่ะเหรอจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครได้กัน?" 



​แต่พอวันนี้ก้าวข้ามผ่านความคิดนั้นมาได้แม้จะยังไม่ 100% ก็ตาม แต่มันทำให้เราค้นพบสิ่งที่สำคัญว่า แม้เราจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงอย่างมากที่เกิดขึ้นกับเราซึ่งเราควรภูมิใจในตัวเอง และควรแบ่งปันเพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆ ที่สร้างแรงขับเคลื่อนไม่มากก็น้อยให้คนที่เคยอยู่ในจุดเดียวกัน ลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่างกับตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม 


​เริ่มแรกเลย เมื่อก่อนปามเคยอ้วนมากถึง 110 กิโล! 

​ใช่ค่ะ เคยหนักสุดๆเป็นร้อยโล ในช่วงที่กำลังใกล้จะเรียนจบ ตอนนั้นเนี้ยใจอยากเปลี่ยนแปลงมาก อยากผอม เคยกินยาลดน้ำหนัก เคยอดอาหาร เคยกิน 500แคลต่อวัน จนสุดท้ายมันก็โยโย่ไป โยโย่มา จนเป็นร้อยโลอย่างที่บอก

จนช่วงเรียนจบเนี้ย ก็จบมาแบบอ้วนๆค่ะ ความฝันที่อยากใส่ชุดรับ ปรญ. สวยๆ ดูดี ล่มสลายค่ะ เป็นได้แค่ฝัน เพราะความจริงก็อ้วนเป็นร้อยโลอยู่ดี ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
ตอนนั้นรู้สึกยอมแพ้แล้วค่ะ คิดว่าคงผอมไม่ได้แล้ว

จนช่วงเริ่มทำงานค่ะ ก็เป็นผู้หญิงอีกคนนึงที่มีปัญหา ทั้งด้านความคิดและร่างกาย ดูแลตัวเองไม่เป็นและไม่คิดดูแลด้วย

"Mind Set พังและบิดเบี้ยว" คิดเสมอว่าเออก็ฉันไม่สวยไงฉันก็ไม่จำเป็นต้องดูแลตัวเองปล่อยมันไปอย่างนี้เนี่ยแหละ ทำยังไงมันก็ไม่มีทางสวยขึ้นมาหรอก ฉันไม่ใช่คนสวย อ้วนก็อ้วน ดำอีก
แต่ถามว่าใจลึกๆนั้นอยากสวยอยากดูดีมั้ย ไม่ใช่แค่ปามนะคะ ปามคิดว่าทุกคนนั่นแหละที่อยากจะสวยแต่อยู่ที่ว่าความอยากนั้นน่ะ มันคือยากขนาดไหน แค่อยากที่เป็นความคิดหรืออยากจนกระทั่งอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ซึ่งบอกได้เลยนะคะปามน่ะ คืออยากแบบแรกค่ะ แค่อยากที่เป็นความคิด แต่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรให้ตัวเองดีขึ้น
ง่ายๆสั้นๆคำเดียวเลยค่ะ "ขี้เกียจ" 

จนกระทั่งวันนึงนะคะ ก็ได้มีพี่ที่รู้จักกันมาเตือนสติ ทำทำให้เราคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองค่ะ

เค้ามาเตือนเราค่ะว่าเราควรลดน้ำหนักหนักได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะเพิ่งอายุ 20 ต้นๆแต่สภาพร่างกายมันเลยไปไกลแล้ว ซึ่งมันเป็นเหมือนการจุดประกายความคิดที่เราลึกๆคิดไว้เหมือนกันว่า ร่างกายเรามันไม่โอเคถ้ามองข้ามความสวยงามไป ร่างกายเรานั้นโคตรแย่ เป็นทอมซินอักเสบ เป็นกรดไหลย้อน เสี่ยงเป็นเบาหวาน เป็นภูมิแพ้ เป็นอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตและการทำงาน
เราเลยเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะโดยมีพี่เขาคอยให้กำลังใจและให้ความรู้เดินไปพร้อมกับเรา มันทำให้เรารู้สึกว่าหลังจากนี้ตลอดระยะเวลาในการที่เราอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราไม่ได้สู้ไปตัวคนเดียวเรามีคนอยู่ข้างๆ support เราเสมอคอยให้กำลังใจและผลักดันเราไปให้ถึงที่สุด


ซึ่งเราคิดว่า การที่ใครซักคนอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้น ถ้าเค้ารู้สึกว่าเค้าไม่ได้อยู่ระหว่างทางที่เดินคนเดียวมันจะทำให้เขาไปได้ไกลและไปได้นาน เรื่องลดน้ำหนักก็เหมือนกันค่ะจริงๆถ้ามีเพื่อนร่วมลดไปพร้อมกันมันจะดีมากเลยล่ะ

จากวันที่เราตัดสินใจ เราก็เริ่มทำทันที โดย การคุมอาหาร กินข้าวให้ครบ 3 มื้อและทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยที่ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับ bmr และระบบเผาผลาญของร่างกายด้วย รวมถึงต้องเข้าใจเรื่องสารอาหารที่ร่างกายต้องการด้วยนะคะ ระหว่าง อาหารกับสารอาหาร ไม่เหมือนกัน

ส่วนมากเนี่ยอาหารที่เราทานนะคะ เราจะเน้นเป็นพวกโปรตีน ถ้าจากที่หาง่ายๆเลยคือไข่ต้ม แล้วก็พวกอกไก่จะเน้นผัดกับน้ำ จะไม่ค่อยใช้น้ำมัน ถ้าอยากทานเมนูทอดจริงๆ จะทอดด้วยน้ำมันมะกอก ด้วยปริมาณที่น้อยมาก ข้าวแนะนำให้เป็นข้าวกล้องนะคะ
แกงจืด แกงส้ม ต้มยำ แนะนำให้ทานเพราะเป็นเมนูอาหารไทยที่ลดน้ำหนักได้ดี  

การออกกำลังกายของเรานะคะ เราเน้น เดิน ค่ะเพราะการเดินเนี่ยจะเป็นการเบิร์นไขมันได้ค่อนข้างดีสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ ซึ่งคิดสภาพนะคะถ้าให้เราที่มีน้ำหนักตัว 100 กว่าโลไปวิ่ง หัวเข่าข้อเข่าเราจะรับไหวได้มากแค่ไหน คงเสื่อมก่อนพอดีจริงไหมคะ
และอีกอย่างการเดินเนี่ยเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดแล้วค่ะ เพราะในแต่ละวันเราเดินกันเยอะมาก หรือถ้าใครไม่ค่อยได้ขยับตัว การเดินเนี่ยก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกในการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดแล้วเหมือนกัน
ทำง่ายทำได้ทุกที่และทำได้ในชีวิตประจำวันทุกวันค่ะ


พอถึงจุดๆนึงนะคะเราจะเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเราน่ะมีการพัฒนาขึ้นเล็กน้อย เราเลยเริ่มเวทเทรนนิ่งเพิ่มค่ะ ทำเองที่บ้านเรียนรู้เอาจาก YouTube และตามสื่อโซเชียลต่างๆค่ะ

​ในที่สุดในที่สุดการเปลี่ยนแปลงก็เริ่มมีให้เห็น ให้เราชื่นใจ

หลังจากที่ผ่านความรู้ความเข้าใจในการดูแลตัวเอง และเริ่มลงมือทำ อย่างมีวินัย ผลลัพธ์ที่ได้มันก็ออกมาค่อนข้างน่าภูมิใจนะคะ จาก 110 กิโลเนี่ย เหลือปัจจุบัน 85 กิโลค่ะ 

​แต่ถามว่าดูผอมหรือยังก็ไม่นะคะ เราก็ยังมีพุงอยู่ ยังดูตัวใหญ่อยู่ แต่ว่า เรารู้ตัวเลยว่าเราผอมลงมาเยอะแล้ว 





แต่เชื่อไหมว่าแม้ว่าเราจะรู้ตัวเองว่าเราผ่านอะไรมา และเราลดไปได้เท่าไหร่ เราเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน แต่ ก็ยังมีคนรอบตัวที่ทำให้เราบั่นทอนกำลังใจตัวเองในการที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป

​ทุกวันนี้ก็ยังเจออยู่นะคะ คนที่ชอบพูดบั่นทอนกำลังใจเรา ว่าเรา ว่าเนี้ยหรอผอมแล้ว? ยังตัวใหญ่ ยังบึกบึนเหมือนผู้ชายเลย ว่าเราอ้วน ว่าเราตัวใหญ่เปรียบเทียบสารพัด "ว่าเราผอมแต่ในโลกส่วนตัวบ้างแหละ ใช่สิก็มันอ้วนนี่มันถึงต้องรู้จักแต่งตัว ว่าแต่ยังไงให้ตัวเองดูผอม" 
​ซึ่งตอนแรกหวั่นไหวนะคะ รู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ที่ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ทั้งๆที่เรารู้สึกว่า เฮ้ยเราเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้วนะเว้ย แต่ทำไมมันยังไม่ดีพอวะ? 

​เราติดอยู่ในเรื่องนี้มานานมากทำให้เราไม่มั่นใจในตัวเอง เหมือนเป็นปมด้อยอยู่ลึกๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว คนพวกนั้นเนี่ยไม่เคยเห็นเลยนะคะว่าเมื่อก่อนเราอ้วนมากขนาดไหน เราเลยต้อง Reset Mind Set ของตัวเอง ต้องเรียบเรียงระบบความคิดในหัวใหม่อยู่นานเลย กว่าจะก้าวข้ามผ่านมาได้ 

​มันเป็นเรื่องตลกมากเลยนะคะ มันเป็นเรื่องตลกมาก ที่เราผอมลงมาหลายสิบโลแล้ว แต่เรายังไม่กล้าแต่งตัว เรายังรู้สึกว่าเราไม่ดีพอ ไม่มั่นใจ เป็นเพราะแค่ลมปากของคนอื่น ทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเอง กลายเป็นว่าพอมีคนชมมีคนทัก ว่าเราดูดีขึ้นนะเราผอมลง แต่เรากลับไม่ฟังเสียงของคนพวกนั้นเลย เรากลับฟังแค่เสียงของคนที่ว่าเรา แล้วนำมาคิด จนรู้สึกว่านั่นน่ะคือเสียงในหัวของเรา แล้วไปเชื่อตามเสียงเหล่านั้น 

​บอกตามตรงเลยนะคะเรื่องพวกนี้เนี่ย ถ้าก้าวผ่านไปด้วยตัวคนเดียวเนี่ยมันยากมาก เพราะลำพังแรงใจของเราเองเนี่ย มันอาจจะมีไม่มากพอ ในการไม่หวั่นไหวไปกับคำว่าเราเหล่านั้น เพราะฉะนั้นนะคะ เราแนะนำว่า ให้ลองฟังพวกวิธีการสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองเยอะๆ วิธีการให้อภัยตัวเอง วิธีเปลี่ยน Mind Set อย่างน้อยๆเนี่ย มันจะทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราเจอไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่เจอ แต่มีคนอื่นที่เจอเหมือนเรา แต่เขาก็ก้าวข้ามผ่านมันมาได้ จนเป็นเขาในทุกวันนี้

​สุดท้ายแล้วนะคะเราก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะมีความคิดที่กลั่นกรองแล้วเหมือนทุกวันนี้ กล้ามั่นใจในตัวเองมากขึ้นกล้าจะพัฒนาการแต่งหน้าการแต่งตัวของตัวเองให้ดีขึ้นโดยที่ไม่สนว่าใครว่าเราเยอะเกินไปหรือน้อยเกินไป

มั่นใจไปเลยค่ะเชื่อในพลัง ความงดงามที่เรามีในตัวของเราเอง พอความคิดของเราเป็นบวก สิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้นกับเราก็จะบวกตาม ถ้าเรามองให้มันเป็นบวกมันก็จะบวก  เมื่อก่อนเราเชื่อว่าเราอ้วนเราก็จะเจอแต่คนบอกว่าเราอ้วน แต่พอเรามั่นใจว่าเราอวบเราแค่อวบเราผอมลงมาแล้วก็จะมีคนเริ่มทักเราเองว่า "เราผอมลง นี่น้องไม่ได้อ้วนนะน้องแค่ดูอวบๆเอง"

อันนี้เขาเรียกว่าแรงดึงดูดค่ะ 

​เรามีรูปการเปลี่ยนแปลงให้ดูเป็นบางส่วน ทั้งการแต่งตัว บุกคลิกภาพภายนอก และการแต่งหน้า อยากให้กำลังใจทุกคนในการเปลี่ยนทั้งร่างกายและความคิดของตัวเองนะคะ 
​ตอนนี้เป็นคนมั่นใจมากค่ะ กล้าที่จะเปลี่ยนขนาดที่ว่า ไปตัดผมแบบ Men's Vcut hair มาเลยทีเดียว อิอิ การแต่งหน้าก็พัฒนาขึ้นเยอะมากค่ะ แต่ยังพัฒนาต่อได้อีก 

​สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ แล้วหวังว่า โพสๆนึงของปามจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ใครได้บ้าง ไม่มากก็น้อยค่ะ ขอบคุณค่า

​เรื่องการแต่งหน้าก็พัฒนามาไกลมากกกกกกเหมือนกันค่ะ​


Sudarat Sud

Sudarat Sud

FULL PROFILE