หุ่นสวยแซ่บก็ยังหนีไม่พ้นBody-Shaming

96 27
Topic ร้อนแรงที่ใครๆต่างพูดถึงคงหนีไม่พ้นเรื่อง body - shaming สาวงามระดับมงกุฎเวทีจักรวาล     เมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ  กับคนที่มั่นใจเต็มที่ว่า การตำหนิติเตียนเรื่องรูปลักษณ์ของคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึง "เสรีภาพทางการแสดงความเห็น" และ "ความตรงไปตรงมาไม่เสแสร้ง"    โดยมิได้ระลึกถึงคำว่า "มารยาททางสังคม" ที่เราไม่ควรจะทำร้ายจิตใจผู้อื่นด้วยคอมเมนท์ที่รุนแรงเหล่านี้  



สิ่งที่ทำให้ข้องใจสุดๆนั่นก็คือคุณสมบัติที่ผู้คนคาดหวังจากนางงาม ที่นอกเหนือจากความสวยเลิศเลอ พวกเธอควรแสดงความอ่อนโยนมีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์อีกด้วย
(หรือที่จริงเราเข้าใจผิดไปเอง ?)



กลายเป็น topic ที่ชวนสตั๊น ที่แม้แต่บรรดาคนดังที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามก็ยังไม่รอดจาก body- shaming

แม้แต่ที่สวยเป๊ะขนาดนั้นก็ต้องรับมือกับbody - shaming หลายคนยอมรับตรงๆว่า ถึงจะพยายามทำใจให้เข้มแข็งสักแค่ไหนก็จิตตกได้เหมือนกัน ที่น่ากลัวกว่านั้น มันเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิตใจได้

แล้วคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม "ความงามในอุคมคติ"ล่ะ ? พวกเราต้องก้มหน้าก้มตายอมรับการ bully ว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่ต้องผ่านไปให้ได้ แล้วพวกที่มีความสุขที่ได้ body-shameก็ไม่ต้องรับผิดชอบคำพูดร้ายๆของตัวเอง ไปสร้างความเจ็บปวดให้กับคนอื่นต่ออย่างสบายใจ

มันยุติธรรมเหรอคะ ?


นี่มันปี 2019 แล้ว   มีการรณรงค์อย่างจริงจังที่จะลดปัญหา body-shaming ที่อาจส่งผลร้ายต่อจิตใจอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง    ตามสถานที่ทำงานในบางประเทศถือว่าการใช้คำพูดเหยียดหยามเรื่องรูปลักษณ์คือการคุกคามประเภทหนึ่ง และกำหนดบทลงโทษชัดเจน   ดีไซน์เนอร์ทรงอิทธิพลบางคนที่เคยหยามหยันคนอื่นก็ยังถูกกดดันจนต้องออกมาขอโทษ    แนวโน้มที่จะลดความแตกแยกดูจะเป็นไปได้ด้วยดี   แต่ก็ดูเหมือนว่า ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งหาได้แคร์!  ยังใช้ถ้อยคำทิ่มแทงคนอื่นเพื่อความสะใจเพียงชั่วครั้งชั่วคราว



ความพอดีของโลกนี้อยู่ตรงไหน ยากที่จะตอบได้
"มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กล่าวหา Victoria's Secret ว่ายัดเบียดความคิดผิดๆให้กับผู้ชมให้ยึดติดในความผอม  เมื่อลองคิดภาพตัวเราที่ได้ยืนอยู่ข้างพวกเธอคงไม่ต่างจากฮอบบิทตัวกลม !

ในVictoria's Secret fashion show ที่จัดขึ้นปีละครั้ง นางแบบรูปร่างบอบบางทั้งหลายต้องทุ่มเทมากกว่าจากเดิมหลายเท่าเพื่อทำให้ตัวเองดูดีที่สุดให้เข้าภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ยึดมั่นในความงามในอุดมคติ

แต่แม้กระทั่งนางแบบที่ผอมเพรียวเสมอก็มี shape ที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องมีสัดส่วนเป็นนาฬิกาทรายไปหมด การโพส มุมกล้องและเสื้อผ้าหน้าผมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นำมาปรุงแต่งให้เกิดความสมบูรณ์แบบ ดีไซน์เนอร์บางคนยอมรับว่าให้ความสำคัญการคัดเลือกสาวผอมมาทำหน้าที่นำเสนอเสื้อผ้าให้สวยงามดึงดูดใจ เพราะเสื้อผ้าย่อมดูดีมากที่สุดหากอยู่บนตัวนางแบบที่ผอมสูง พวกเธอถูกเปรียบเทียบกับไม้แขวนเสื้อชั้นดีที่สามารถขายจุดเด่นของศิลปะการออกแบบได้มากที่สุด




เราเคยได้ยินมาว่า ฝ่าย casting ของ Victoria's Secret ชื่นชมนางแบบลำตัวยาว เอวบางขนาดใกล้เคียงกับกระดาษ A4 แขนขาเรียวยาวไม่สิ้นสุด  แต่กระนั้นสาวๆที่ผ่าน casting เข้ามาก็ไม่ได้มีbody shapeเหมือนกันไปหมด  แน่ล่ะว่าพวกเธอผอมบางอย่างถ้วนหน้า  แต่ เพราะเป็นนางแบบชุดชั้นใน  จึงเกิดการเปรียบเทียบอยู่ดีว่าใครมีสัดส่วนที่สวยที่สุด   ถึงจะผอมมากขนาดไหนก็ต้องอวด curves 

ทั้งๆที่พวกเธอเริ่ดได้ขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่าเหล่านักวิจารณ์จะไม่ยอมให้พวกเธอพักหายใจหายคอจากการออกกำลังและคุมอาหารอย่างเคร่งครัดได้เลย แม้แต่ Candice ก็ยังต้องเหนื่อยใจกับ fat - shaming ทั้งๆที่เธอเพิ่งคลอดลูกได้เพียง 12 วัน ก็ยังมีคนส่งข้อความร้ายกาจว่าหน้าท้องหลังคลอดทำให้เธอดูแย่ ! เจ้าตัวถึงกับต้องส่งข้อความขอร้องว่าปล่อยให้เธอพักผ่อนที่ชายหาดอย่างสบายใจด้วยเถอะ นางแบบก็เป็นคนเหมือนกัน



คลอดได้ 12 วัน ถูกจิกกัดเรื่องรูปร่าง ...  เกิดอะไรขึ้นกับสังคมเรา!



ในระยะเวลาหลายสิบปีของการประกวด Miss Universe ผู้ชมจะพบกับความเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานความงามอย่างชัดเจน  แต่เดิมที่สาวงามผู้เข้าประกวดจะมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดูอิ่มเอิบ ก็เปลี่ยนมาเป็นรูปร่างที่เพรียวบางไม่ต่างจาก supermodel    สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชม    พวกเธอช่างงดงามจนน่าอิจฉา



ความคาดหวังอันสูงลิบนี่เองที่ทำให้ Catriona Gray นางงามจักรวาลที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมายถูกดึงเข้าสู่ดราม่า body - shaming


ที่จริงแล้ว Cat ต้องเจอbody - shaming มาตั้งแต่ปีก่อนแล้วค่ะ ถูกคนร่วมชาติ bully เอาเต็มๆ มีนางงามรุ่นพี่ออกมาแขวะว่า ถึงหน้าเธอจะสวยแต่หุ่นไม่เป๊ะพอที่จะคว้ารางวัลชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม และคู่แข่งอีกคนที่มีหุ่นผอมเพรียวจากการทุ่มเทออกกำลังน่าจะเป็นผู้ชนะมากกว่า



พอจะนึกภาพกันออกใช่มั้ยคะ    ยังมีคนอีกมากที่ยึดมั่นว่าผู้ที่สมควรจะได้รับรางวัลการันตีเรื่องรูปร่างสมบูรณ์แบบนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่ผอมเอวบาง  มีไลน์กล้ามสวย  ขาเล็กเรียว  มี curve ได้แต่พองามเท่านั้น  หรือจะให้ชัดๆก็คือรูปร่างแบบนางแบบ VS ส่วนใหญ่นั่นเอง   หากคุณเป็นสาวผอมที่เอวดูตรง ไม่ได้เว้าเป็นตัว S  หรือมีต้นขาที่ดูกลมกลึงไม่ยาวเหยียดเป็นตะเกียบ หรือมีสิ่งใดก็ตามที่เข้าใกล้เส้นความอวบ    "ความงามที่คู่ควร"  ก็จะถูกลดคะแนนลงไปทันที



มาถึงตรงนี้ พวกเราก็คงเห็นกันชัดเจนแล้วว่า การต่อต้าน body- shaming และ cyberbully ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องไม่เข้าข้างคนชาติเดียวกัน เพราะตัวเหยื่อการ bully ก็เคยเจอประสบการณ์เดียวกันในประเทศตัวเองจนกลายเป็นประเด็นเผ็ดร้อนมาก่อนที่จะเจอการจิกกัดจากคนในบ้านเราซะอีก







นอกจาก Cat แล้ว ยังมีใครอีกบ้างที่เป็นเจ้าของรูปร่างสวยแซ่บ แต่กลับถูกเล่นงานด้วย body shaming

มาติดตามกันค่ะ



Pia Wurtzbach


เราจดจำเหตุการณ์สุดช็อคที่พิธีกรประกาศชื่อนางงามจักรวาลผิดได้ดี   กระแสต่อต้าน Miss Philippines  จากแฟนนางงามอเมริกาใต้นั้นรุนแรงมาก    มีการนำภาพมุมที่ดูไม่เป๊ะของเธอมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่มีรุปร่างไม่ต่างจากนางฟ้า VS และเหยียดหยันว่าความงามของเธอไม่ถึงขั้นที่จะคว้ามง   

และที่น่าเจ็บปวดกว่านั้นก็คือ ผู้กำกับหญิงที่รับหน้าที่กำกับหนังเรื่องแรกของ Pia ได้วิจารณ์แบบไม่ไว้หน้าว่าเธออ้วนเกินไป


เรากำลังพูดบผู้หญิงที่มีความงามดีกรีเวทีนานาชาติ เธอมีใบหน้าเล็กนิดเดียว ส่วนสูง170 ที่มาพร้อมกับทรวดทรงเย้ายวน แต่นั่นกลับไม่ดีพอสำหรับวงการแสดงของฟิลิปปินส์


Pia ได้แต่เก็บความเจ็บปวดไว้ในใจและยอมรับมัน


เพราะคนที่มีอำนาจที่จะตัดสินการคัดเลือกให้ใครมาเป็นนักแสดงไม่เห็นความจำเป็นกับคำพูดแบบประนีประนอม ทั้งๆที่มีอีกหลายวิธีชักจูงให้นางเอกลดน้ำหนักเพื่อให้เข้ากับบทหนัง


Pia เชื่อว่าตัวเองอ้วนจริงๆ เธอยังรู้สึกขอบคุณคนที่ body- shame ตัวเองเพราะ "อุตส่าห์พูดความจริง"





เห็นเธอแล้วบางคนอาจจะกรีดร้องว่า ตรงไหนคือส่วนเกิน ??? แต่ถ้าคุณได้ยิน comment โจมตีย้ำว่าอ้วนซ้ำกันติดต่อเป็นเวลานานๆ มันก็จะสะกดจิตคุณได้จริงๆ


   หากเราไม่เอาแต่เปรียบเทียบกับคนที่ผอมกว่า ขายาวกว่า เอวบางกว่า   ในโลกแห่งความเป็นจริง เธอคือสาวงามที่มีรูปร่างสวยงามออร่าเปล่งประกายโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน  


Taylor Swift

ยังจำได้ไหมว่า ตอนที่เทย์มีรูปร่างผอมพอๆกับเพื่อนๆนางแบบดัง เธอถูกจิกกัดมาตลอดว่าเป็นสาวก้นแบนที่เอาแต่เลือกคบสาวผอมด้วยกัน


หลังจากที่ถูกDiplo และชาวเน็ทล้อเลียนว่าหุ่นผอมแห้งไร้ก้น    เมื่อเธอเริ่มมีเนื้อหนังและก้นก็เริ่มเด้งเห็นชัด     เทย์กลับต้องมาเจอข้อหาว่าอ้วน   จาก skinny- shame กลายมาเป็น fat- shame !


อุตส่าห์สร้าง account มาด่า

ผู้หญิงหลายล้านคนทั่วโลกต่างก็รู้ดีค่ะว่า ณ จุดหนึ่งของช่วงชีวิตที่เราเริ่มอายุมากขึ้น   แม้ว่าจะมีพฤติกรรมเหมือนเดิม แต่ก็มีปัจจัยบางอย่างทำให้พวกเราเริ่มน้ำหนักขึ้น    Taylor ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้นนั้น   ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอดูเป็นสาวที่ผอมตามธรรมชาติ  ด้วยส่วนสูงเฉียดๆ 180 ซ.ม ก็ยิ่งเป็นข้อได้เปรียบให้เธอดูผอมบางไม่ต่างจาก supermodel  

(ถ้าตีไปว่าเธอหนักสัก 58 ก.ก. แน่นอนว่าเธอต้องดูผอมมากกว่าผู้หญิงที่สูง 160 ซ.ม. ที่หนักพอๆกัน)


แต่ความเปลี่ยนแปลงของเธอกลับทำให้มีคนลุกออกมาเยาะเย้ยว่าเป็นสาวหุ่นอ้วนเบอะที่ควรไปหาวิธีไดเอทหรือเทรนเนอร์ช่วยลดหุ่น



มันกลายเป็นตลกร้ายสำหรับเรา เพราะใครบางคนที่ปิดบังตัวตนบน internet กำลังด่าว่าสาวตัวสูงปรี๊ด ต้นขาเฟิร์ม น่องเล็กเรียว เปิดเอวได้อย่างสบายใจ พวกเค้านำภาพจากการเคลื่อนไหวบนเวทีที่อาจจะมีที่ดูไม่โอเคมาเปรียบเทียบกับตอนที่เธอเป็นสาวหุ่นนางแบบ และต้องยอมรับค่ะว่า costume ที่เธอสวมใส่ใน concert นั้นไม่ได้ส่งให้รูปร่างดูเพรียวบาง รวมไปถึงมุมกล้องทีอาจทำให้ดูตัวใหญ่กว่าความเป็นจริงได้



นี่คือรูปร่างในปัจจุบันของ Taylorที่ไม่ได้มาจากมุมกล้องที่ถ่ายจากด้านล่างเหมือนกับใน concertค่ะ

เราว่า  ถ้าจะเรียกเทย์ว่าเป็นสาวอวบ    มันอาจจะทำให้สาวอวบตัวจริงเค้ามองบนกันได้นะ

เี่รู้สึกเหวอไปกับกรณีนี้ไม่น้อย    ผู้คนอาจจะรู้สึกแปลกตาไปบ้างเพราะความคุ้นเคยกับTaylor ในภาพลักษณ์สาวผอม   แต่เราไม่ได้คาดคิดสักนิดว่าเรื่องนี้จะถูกนำมาใช้โจมตีเธอ     เมื่อนึกถึง Kylie Jenner นำเสนอรูปร่างที่อวบอั๋นจนกลายมาเป็นไอดอลที่สาววัยรุ่นมากมายยึดเป็นแบบอย่าง    พอ Taylor เริ่มอวบขึ้นมาบ้าง กลับต้องพบกับดราม่า  fat-shame

คนเรามีรสนิยมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางคนอาจจะหวังในใจว่า Taylor น่าจะทำเหมือนกับเซเลบคนอื่นๆ ด้วยการเรียกตัวเชฟมาปรุงเมนูลดน้ำหนัก เข้าโปรแกรมรีดไขมันกับเทรนเนอร์ดังเพื่อเปลี่ยนร่างให้ผอมเหมือนเดิม (มีภาพเธอออกกำลังกายให้เห็นเรื่อยๆ แต่เชื่อว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ความผอม)


แต่จะมีสิ่งใดเล่าที่สำคัญไปกว่าความรู้สึกของเจ้าตัวเอง Taylor ได้เปิดใจในเรื่องรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไว้ดังนี้




"ชั้นค้นพบหนทางที่ทำให้เลิกจงเกลียดจงชังอณูไขมันทุกออนซ์ในร่างกาย ชั้นพยายามเต็มที่จนเปลี่ยนความคิดได้ใหม่ว่า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาทำให้เรามีส่วนเว้าส่วนโค้ง ผมก็เงางามขึ้น และยังมีพลังมากกว่าเดิม"

"ชั้นว่าพวกเราหลายคนต่างก็ใส่ใจในการไดเอท แต่ถ้าหักโหมมากไปก้ทำให้เกิดอันตรายได้นะคะ มันไม่มีอะไรได้ได้ผลแน่นอนอย่างรวดเร็วขนาดนั้น ชั้นจึงเรียนรู้ที่จะเปิดใจยอมรับรูปร่างของตัวเองอยู่ทุกๆวันค่ะ"





Barbara Palvin


ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดว่า Barbara คือนางแบบ plus size คนแรกของ Victoria's Secret

แบรนด์ไม่ได้ประกาศชื่อฺ Barb ในฐานะ plus size นะคะ และสาวงามคนนี้ก็ไม่เคยใช้ label นี้ในการทำงานในฐานะนางแบบด้วย


จริงแล้ว เมื่อจัด fashion show ปีที่แล้ว ตัวผู้บริหารก็ยังเคยออกมาชี้แจงสาเหตุที่ไม่เคย cast นางแบบ plus size แต่ Barb คือหนึ่งในผู้ถูกเลือก และภายหลังก็ได้ทำสัญญาทหน้าที่เป็นนางฟ้า VS มันจึงเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่า แบรนด์ไม่ได้มองเธอเป็นสาว plus size แต่อย่างใด


แต่ข้อถกเถียงมันเริ่มขึ้นหลังจากเพจหนึ่งแสดงความยินดีกับBarb  ที่ได้รับโอกาสให้ร่วมงานกับ Victoria's Secret  ในฐานะนางแบบ plus size คนแรกของแบรนด์  แล้วชาวเน็ทและสื่อบางเจ้าก็เข้าใจไปว่าแบรนด์ยกให้ Barbเป็นสาวplus size จริงๆ   จนลุกลามเป็นดราม่าจากความไม่พอใจ หาว่าแบรนด์ยัดเยียดแนสคิดเรื่องรูปร่างที่เกินจริงให้ผู้คน  เพราะดูยังไงเธอก็คือสาวมีส่วนเว้าส่วนโค้ง  แต่ไม่ได้size ใหญ่ขนาดนั้น
หลายคนวิกพากษ์ Victoria's Secret อย่างเผ็ดร้อนว่าไม่มีเบิ่งมองดูโลกแห่งความเป็นจริงว่าสาวplus size จริงๆเป็นเช่นไร    แต่เป็นความเข้าใจผิดจากแชร์ข้อมูลจากเพจหนึ่งเท่านั้นค่ะ    ย้ำชัดเจนอีกครั้ง  แบรนด์ไม่มีนโยบาย cast  นางแบบ plus size และ trans   Ed Razek  ได้ยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า  แม้จะเคยใคร่ครวญเรื่องนี้มาก่อนแล้วแต่ก็เลือกที่จะผ่านกลุุ่มนางแบบ plus size และ transไป นั่นเป็นเพราะพวกเธอไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์ได้ตั้งไว้   และเป้าหมายการตลาดของแบรนด์ไม่ใช่หลากหลายถึงขนาดคนทุกรูปแบบในโลก  



"เราพยายามจะทำรายการพิเศษเพื่อนำเสนอplus size ในปี 2000 แต่ไม่มีใครแสดงความสนใจเลย ถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจเหมือนเดิม"


แต่ Ed เป็นหนึ่งในผู้ที่เลือก Barb เข้ามาเป็นนางฟ้า VS เธอจึงไม่ใช่นางแบบ plus size ของแบรนด์แน่นอนค่ะ


แต่ก็ไม่ใช่ว่า Barb จะรอดพ้นเรื่องfat - shame ชาวเน็ทเคยเหยียดว่าเธออ้วนมาแล้วหลายครั้ง


ลองมาดูการโหวตจากเว็บ.skinnygossipอเลยค่ะ จำนวนผู้โหวตสองร้อยกว่าคน และเสียงส่วนใหญ่คิดว่าเธอเข้ากับคำว่า "สวยแต่อ้วนไปหน่อย"




หลังจากที่ถูกโจมตีเรื่องรูปร่างที่อวบอิ่มมาหลายครั้ง สาวสวยชาว Hungarian ก็โต้กลับแบบสั้นๆได้ใจความว่า  เธอไม่ได้ผอมเหมือนกับตอนยังเป็นวัยทีน  แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองอ้วนแต่อย่างใด   


เราขอย้อนไปถึงเส้นทางการชื่อในวงการของ ฺBarb กันก่อนค่ะ เธอไม่ได้ต่างจากนางแบบสาวสวยอีกมากมายที่เดินทางจากต่างประเทศมาเซ็นสัญญาเทำงานในmodeling ดัง ในช่วงวัยทีนที่เธอเป็นนางแบบ runway เธอผอมกว่าในปัจจุบันพอสมควร


แต่สังเกตนะ ถึงจะเป็นวัยทีน เธอก็ไม่ได้ผอมแบบ stick thin เมื่อได้มองภาพเธอแล้วไม่คิดว่าเธอดู underweight เหมือนกับนางแบบอีกมากมายใน fashion show

หลังจากเปล่งประกายบนrunway ในไม่กี่ season น้ำหนักตัวของ Barb ก็เพิ่มขึ้นค่ะ ก็ตอนนั้นแหละที่ผู้คนเริ่มเม้ากันหนาหูว่า ไหวเหรอเนี่ย นางแบบ runway ที่มีหุ่น curvy เนี่ยนะ มีการตั้งกระทู้โจมตีน้องรุนแรง เอารูปมุมที่ดูไม่ค่อยโอเคมาเหยียด ต้องยอมรับเลยว่า ฉุนแทนมากๆ เพราะคนที่ต้องสร้างอาชีพจากรูปร่างที่ผอมบางต้องน้ำหนักตัวขึ้นก็อาจจะจิตตกมากเหมือนกันค่ะ hater ได้ฟันธงว่า Barb ที่อวบอิ่มจะต้องถูกอัปเปหิไปจากวงการแน่ๆ

ปรากกฏว่าไม่ดับค่ะ เราว่าปังกว่าตอนผอมด้วยซ้ำ เพราะน้องเบนสายมาเป็นนางแบบ commercial และเนื้อหอมมากซะด้วย
จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การร่วมงานกับ Sports Illustrated     นิตยสารที่ได้รับการชื่นชมในจุดยืนที่สนุน body positivity    ไม่ได้รีทัชภาพนางแบบจนไร้ที่ติจนแทบจะกลายเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ    ไม่ได้มีแต่หญิงสาวที่มีหุ่นเหมือนนางฟ้า VS เท่านั้นที่ได้ถ่ายแบบให้กับ SI   เราได้เห็นสาวรูปร่างนักกีฬากล้ามเนื้อแน่น  สาวplus size    คนที่เราไม่ได้เห็นใน fashion show แบรนด์หรู   พวกเค้ากล้าจะนำเสนอความงามอีกรูปแบบหนึ่งและมันโดนใจผู้คนมากมายซะด้วย

อีกตัวอย่างที่ชัดเจนนั่นคือ Kate Upton ที่ถูก body - shame มาโดยตลอด เธอถูกบล็อก skinnygossip เหยียดว่าเป็นนางแบบไร้เอว ขาใหญ่ นมหย่อนคล้อย แต่กลับประสบความสำเร็จมากมายในการเป็นนางแบบขึ้นปก SI และ ฺBarb ก็ก้าวตาม Kate มาติดๆค่ะ เธอสร้างชื่อเสียงรายได้โดยที่เส้นรอบต้นขาไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด


.ในที่สุดBarb ก็คว้าปีกนางฟ้า VS มาครอบครองได้สมกับที่ใฝ่ฝันมานาน กว่าที่เราจะได้เห็นนางแบบที่มีเนื้อหนังและความเว้าโค้ง มันทิ้งก็ช่วงมานานหลายปีนับตั้งแต่Tyra Banks แแขวนปีกโบกมืออำลาแบรนด์ และตอนนี้แฟนๆก็ตื่นเต้นที่จะได้ติดตามผลงานของนางแบบที่ทำให้รู้สึก "เข้าถึงได้" ที่สำคัญ เธออาจจะไม่ได้นำเสนอ beauty standard ของ high fashion แต่ก็มีฐานแฟนคลับที่ปึ้กอยู่แล้ว เสียงสนับสนุนเธอจึงกระหึ่มเลยทีเดียว


ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ เรา respect แนวคิดของแบรนด์ที่ต้องการรักษาตลาดด้วยการนำเสนอสินค้าด้วยนางแบบที่ผอมเพรียวเท่านั้น แต่จะมีลูกค้ามากมายเท่าใดที่มีสะโพกสวยเด้งและเอวคอดกิ่วเหมือน Candice ?




.ในวันนี้  Barb ไม่ได้กลับมาผอมเหมือนเมื่อหลายปีก่อน  แต่เธอได้กลับมาเดินrunway ให้กับแบรนด์ดัง  เนื่องจากกระแส "inclusive" และ "diversity" นั้นได้รับความนิยมไปทุกหนทุกแห่ง  แบรนด์ที่เคยเมินนางแบบที่มีเนื้อหนังก็เริ่มแสดงท่าทีสนับสนุนรูปร่างที่หลากหลาย 
เราไม่คิดว่าความนิยมชมชอบในรูปร่างอันผอมบางนั้นเป็นเรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด    ไม่ว่าใครก็มีความชอบส่วนบุคคล  แต่ทันทีที่มีใครอ้าง "การแสดงความเห็นอย่างเสรี"เพื่อเหยียดหยามรูปลักษณ์ของคนอื่น จึงไม่น่าแปลกที่มีกระแสต่อต้านตามมา     เพราะแม้แต่พวกที่ชอบ bully คนอื่นก็ต้องรู้แก่ใจอยู่แล้วว่า body -shaming ห่างไกลจากสิ่งที่พึงกระทำต่อเพื่อนมนุษย์   แต่ก็เลือกจะทำเพื่อสนองความต้องการบางอย่างของตัวเอง   มันไม่ใช่เรื่องสร้างสรรค์ชวนจรรโลงใจสักนิด

ลองสมมุตินะสมมุติ

หากเราไปเหยียดหยามว่านักร้องคนหนึ่งอ้วนขึ้นจนดูไม่ได้ วงการดนตรีจะพัฒนาขึ้นรึเปล่านะ หรือว่าเธอควรจะถูกปรับเงินหลักล้าน โทษฐานที่บังอาจมีต้นขาที่ใหญ่ขึ้น ? วงการbeauty queen ก็เช่นเดียวกัน fat - shame นางงามคนอื่นแล้วจะช่วยยกระดับการประกวดรึ ก็หาไม่!

ถ้ามีใครคิดว่าเราควรจะทำใจยอมรับและปล่อยพวก bully ทำร้ายจิตใจคนอื่นได้ตามใจชอบ ลองหลับตานึกถึงคนที่เรารักถูกจิกกัดว่าไม่ดีพอเพราะมีรูปร่างอ้วนสิคะ เราจะปรี๊ดได้ขนาดไหน!




ไม่มีใครบังคับให้คุณแปลงร่างเป็นนางฟ้าที่โบยบินมาจากทุ่งลาเวนเดอร์มาคอยโปรยคำชมให้กับทุกคนในโลกหรอกค่ะ พวกเราต่างก็มีความคิดด้านลบกันได้ทั้งนั้น แต่การเก็บอคติส่วนตัวเอาไว้ในใจโดยไม่ต้องไปทำร้ายคนอื่นไม่เห็นจะยากเย็นแสนเข็ญตรงไหน และที่สำคัญ ตัวอย่างของคนที่พังเพราะปากมีมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งแต่กี่ครั้ง ลองเรียนรู้ที่จะเปิดใจกว้างยอมรับเพื่อนมนุษย์บ้าง คุณก็อาจจะมีความสุขมากขึ้นก็ได้นะ


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE