รีวิว+แชร์ประสบการณ์ face oil กว่า 8 ตัว + วิธีการเลือกซื้อให้เหมาะกับผิว

48 20
สวัสดีค่ะ กลับมาเจอกันอีกแล้วนะคะ ^^
วันนี้เราจะมาทำรีวิวการใช้ Face oil ของเรา
พร้อมวิธีการเลือกซื้อที่เหมาะกับผิว โดยเฉพาะผิวเป็นสิวที่ไม่ควรพลาด!
ซึ่งสกินแคร์ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้นั้น
เป็นอะไรที่มีประสิทธิภาพสูงมากจริงๆ
ก่อนจะทำการรีวิว Face oil ที่เคยใช้
เราจะมาแนะนำสิ่งที่ควรรู้ในการเลือกซื้อ Face oil กันก่อนค่ะ
1. Fatty acid
หรือก็คือ กรดไขมัน
ซึ่งในน้ำมันทุกตัวจะมีกรดไขมันหลากหลายชนิดมากๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน
วันนี้เราจะหยิบ 2ตัวหลักๆ มาพูดกัน เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายๆอย่างคร่าวๆกันนะคะ
1.1 Oleic acid เจ้ากรดไขมันตัวนี้จะมีอยู่ในน้ำมันทุกชิด แต่จะมีมากน้อยต่างกันไป
น้ำมันที่มี Oleic acid สูง จะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง ผิวผู้ใหญ่
เพราะมีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นได้สูงค่ะ
1.2 Linoleic acid จะเป็นกรดไขมันที่มีคุณสมบัติในการช่วยควบคุมการผลิต Sebum ในผิว
น้ำมันที่มีเปอร์เซนต์ของ Linoleic acid สูง จะมีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมเร็ว
จึงเหมาะกับคนผิวมัน เป็นสิวค่ะ
2. Comedogenic Rating
หรือให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ระดับการอุดตันรูขุมขนค่ะ โดยเรียงจาก
ระดับ 0 คือ น้ำมันที่ถูกจัดได้ว่าจะไม่มีการอุดตันรูขุมขน หรือมีแต่น้อยมากๆ
 ระดับ 1 คือ น้ำมันที่ถูกจัดว่า จะมีโอกาสอุดตันรูขุมขนได้น้อยมากในกลุ่มคนส่วนใหญ่
 ระดับ 2 คือ น้ำมันที่ถูกจัดว่าเป็นน้ำมันที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในกลุ่มคนส่วนใหญ่ แต่อาจเกิดอาการดังกล่าวได้ในคนบางกลุ่ม
 ระดับ 3 คือ น้ำมันที่คนที่ได้ใช้ส่วนมากจะมีอาการอุดตัน ซึ่งมีผลทำให้เกิดสิวได้
 ระดับ 4 คือ น้ำมันที่ถูกจัดว่าเมื่อใช้แล้วจะเกิดอาการอุดตันในกลุ่มคนส่วนใหญ่
 ระดับ 5 คือ น้ำมันที่ก่อให้เกิดอาการอุดตันแน่นอน ซึ่งจะมีน้อยคนมากที่ใช้แล้วไม่เกิดอาการดังกล่าว
ข้อมูลที่กล่าวมา เป็นข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมมาจากหลายๆแหล่งที่มา
ก่อนที่เราจะลองใช้ Face oil เมื่อหลายปีที่แล้วค่ะ
เพื่อให้เราเข้าใจการทำงานของน้องๆมากขึ้น
และก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละคนจะต่างกัน
เนื่องจากสภาพผิวที่ต่างกัน
และในบางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้
ดังนั้นลองทดสอบการแพ้กันก่อนนะคะ
โดยส่วนตัวมีผิวบอบบาง อุดตันง่าย เป็นสิวง่ายค่ะ
และแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการรีวิว!
 โดยเราจะเรียงจากตัวแรกที่เคยใช้ ไปจนตัวที่ใช้อยู่ในตอนนี้ค่ะ


1. Argen oil
คนที่เป็นสิวน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้าง เพราะมันเคยดังมากๆในหมู่คนรักษาสิว
ตอนที่เราได้ใช้ พวกรอยสิวจะค่อยลดลง และช่วยเรื่องความชุ่มชื้น
นั่นเป็นเพราะในอาร์เกนออย มีกรด Oleic ในปริมาณที่สูงกว่ากรด Linoleic อยู่เล็กน้อย
แต่สำหรับเราก็ยังพบการอุดตันบ้างเล็กน้อย ทั้งๆที่ Comedogenic rating อยู่ที่ระดับ 0 
โดยรวมๆแล้วเราจึงคิดว่า อาร์เกนออยน่าจะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งและเป็นสิว


2. Grape seed oil + Tea tree oil
ทีทรีออยมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
แต่ Essential oil ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นตัวเดี่ยวๆ เพราะอาจเกิดอาการแสบร้อนผิวได้
เราเลยลองใช้น้ำมันเมล็ดองุ่น ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Dry oil คือ ซึมไว ไม่ทิ้งความมันบนผิว มาผสมใช้ด้วยกัน
น้ำมันเมล็ดองุ่น ขึ้นชื่อว่าเหมาะกับคนที่เป็นสิว เนื่องจากเปอร์เซนต์ของกรด Linoleic (63-72%) ที่มีสูงกว่ากรด Oleic (21%)
ตอนที่ใช้สิวแห้งเร็วมาก และไม่ค่อยมีสิวอักเสบขึ้นมาเลย แต่ยังคงพบอาการอุดตันบริเวณจมูกเล็กน้อย (Comedogenic rating : 1)

 
3. Sweet almond oil
น้ำมันตัวนี้เหมาะกับคนผิวแห้ง และบอบบาง
มีคุณสมบัติในการเติมความชุ่มชื้น และกักเก็บความชุ่มชื้นไปในตัว
เพราะมีเปอร์เซนต์ของกรด Oleic มากกว่ากรด Linoleic
และมีระดับ Comedogenic rating : 2
แต่น้องขึ้นชื่อเรื่องการทำความสะอาดด้วยเช่นกัน
เราจึงใช้น้องคนนี้ ในการละลายเครื่องสำอาง แล้วค่อยเช็ดออก
เนื่องจากน้องมี Vitamin E สูง หลังเช็ดออกหน้าก็จะนุ่มๆ สะอาดเกลี้ยงมาก
และเราใช้เช็ดเครื่องสำอางอย่างเดียว เลยไม่พบอาการอุดตัน

 
4. Tamanu oil
Comedogenic rating : 2
Linoleic acid 29-38%
Oleic acid 34-41%
ทั้งๆที่มีระดับการอุดตันขนาดกลางๆ
แต่น้ำมันตัวนี้มีคุณสมบัติในการลดรอยด่างดำ และปัญหาผิวอื่นๆได้ดีมาก
จึงแนะนำให้ใช้แบบแต้มทีละจุด เพื่อลดโอกาสการอุดตัน


5. Pomegranate seed oil
Comedogenic rating : 1
มีกรด 2ตัวในเปอรเซนต์ที่ไล่เลี่ยกันมาก เป็นน้ำมันที่มีความบาลานซ์มากที่สุดตัวหนึ่ง
โดยให้ความชุ่มชื้นสูง แต่ไม่เหนียวเนอะหนะ
เจ้าน้องเบอร์ 4 กับ 5 (น้ำมันทามานู กับ น้ำมันเมล็ดทับทิม) นี่แหละคือตัวพีค
เพราะเราใช้น้องๆผสมกัน แล้วมาทาผิวบริเวณที่มีรอยแพ้เหงื่อ
(ไปหาเภสัชกร เขาก็บอกว่า เบื้องต้นให้ดูแลเรื่องความชุ่มชื้นให้มากๆก็จะดีขึ้น เลยใช้ออยซะเลย)
เห็นผลลัพธ์ดีมากขนาดนี้
เราเลยจัดการทาหน้าด้วยซะเลย
6. Rice bran oil
เป็นน้ำมันที่ให้ความชุ่มชื้นได้ดี แต่ไม่เหนียวเนอะหนะอีกตัว
โดยมีเปอร์เซนต์ของกรด Oleic เยอะกว่ากรดLinoleic เพียงเล็กน้อย
เราชอบใช้น้ำมันรำข้าวในช่วงที่อากาศหนาว เพราะใช้แล้วผิวนุ่มนิ่ม ชุ่มชื้นดี
แต่ด้วย Comedogenic rating อยู่ที่ระดับ 2 
เราเลยไม่ใช้ติดต่อกันหลายๆวัน จะเว้นวันใช้แทน
เพราะถ้าใช้ติดต่อกันนานเกินไป ก็มีสิวขึ้นเหมือนกัน


7. Olive oil
น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติคล้ายกับน้ำมันบนผิวของคนเรา
แต่ด้วยกลิ่นที่ไม่น่าอภิรมย์
และ Comedogenic rating :2
เราจึงนำมาใช้ในการละลายเครื่องสำอางก่อน แล้วค่อยเช็ดออก
ระหว่างที่นวดๆผิวด้วยน้องคนนี้ สิวเสี้ยนจะหลุดออกง่ายมาก และผิวก็นุ่มมาก

 
8. Rose hip oil
น้องคนนี้หาซื้อง่ายมาก ตาม Drug store มีแน่นอน
ด้วยความที่น้องคนนี้มีเปอร์เซนต์ของกรด Linoleic สูงกว่ากรด Oleic
บวกกับ Comedogenic rating อยู่แค่ที่1 เท่านั้น
ผลลัพธ์ที่ได้กับผิวเราจึงดีที่สุด ในบรรดาทุกตัวที่ใช้มาเลย
คือผิวมีความนุ่ม เด้ง รอยสิวไปหมด แล้วผิวใสมาก สิวแทบไม่มี
แต่ในน้องคนนี้เขามี Vitamin A และมีเนื้อสีส้ม
เราเลยใช้แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น


หวังว่ารีวิวของเราอันนี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆที่อยากลองใช้ Face oil กันนะคะ
ขอย้ำอีกครั้งว่าผลลัทธ์์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
แต่ถ้าซื้อมาใช้แล้วผิวหน้าไม่ปลื้ม
ก็เอามาหมักผม หรือทาผิวก็ได้ค่ะ >__<
ผลลัพธ์ที่ได้ ดีมากนักแล


Pachara Wang

Pachara Wang

สวัสดีค่ะทุกคน
ยินดีต้อนรับสู่ My beauty diary
เราตั้งใจเขียนบล๊อกนี้เพื่อแนะนำตัวเราเองในอนาคตและเพื่อนๆที่บังเอิญผ่านมาได้มาอ่านรีวิวการใช้สกินแคร์ของเรา เพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจซื้อ
เราตื่นเต้นมากที่จะได้แชร์ความชอบของเราให้กับเพื่อนๆที่ๆมีความสนใจคล้ายๆกัน
เราหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการอ่านกระทู้ของเรานะคะ

FULL PROFILE