เคล็ดนี้ไม่มีลับกับการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดสำหรับผิวบอบบางระคายเคืองง่ายและมีสิว..อะไรดีและอะไรควรระวัง
Junjaowkha review
09 พ.ค. 62
30
7
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวจีบันทุกคนเรากลับมาอีกครั้งในกระทู้ที่สอง แรงบันดาลใจของกระทู้นี้เกิดจากสภาพผิวที่ย่ำแย่ของเราอีกเช่นเคย ต้องขอบคุณสภาพผิวในช่วงที่พังขั้นสุดของเราที่ทำให้เราหันมาดูแลตัวเองและใส่ใจกับการเลือกสกินแคร์มาบำรุงผิวมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการทำความสะอาดผิวหน้าหรือในส่วนของการบำรุง ซึ่งบางอย่างก็ดี บางอย่างก็รู้สึกเฉยๆ และบางอย่างก็ทำให้ผิวหน้าของเราระคายเคืองยิ่งกว่าเดิมอี๊กกกกก T ___T เราจึงอยากนำประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการกอบกู้ผิวหน้าช่วงที่พังสุดของเรามาแลกเปลี่ยนให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ทุกคนคะไม่ว่าเราจะใช้สกินแคร์ที่ดีที่สุด แพงที่สุด ให้มงลงกันมากที่สุดแค่ไหน แต่หากเราทำความสะอาดผิวหน้าไม่สะอาดหมดจด สกินแคร์ที่เราประโคมบำรุงเข้าไปเค้าก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพของเค้านะคะ (มันน่าเสียดายเงินในกระเป๋าจริงๆ) แถมยังเกิดการอุดตันอีกด้วยค่ะ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้สุดท้ายแล้วเราก็ต้องย้อนกลับมาที่ Back to basics
เอาล่ะเรามาเริ่ม Back to basics กันเถอะ
นี่คือสิ่งที่เราใช้ในช่วงนี้มีทั้งตัวที่ดีงามและตัวที่ทำให้ระคายเคืองมากขึ้น ....ลองติดตามเนื้อหาต่อไปกันดูนะคะ
สะอาดอย่างเดียวไม่พอต้องหมดจดด้วย พูดถึงการล้างหน้าล้างแบบไหนก็สะอาดจริงมั้ยคะ แต่จะล้างหน้าอย่างไรให้สะอาดหมดจดด้วยล่ะ? ต้องขอบคุณผิวหน้าบอบบาง ระคายเคืองง่าย และมีสิวอินดี้ในวัย 30++ ของเรา ที่ทำให้เราได้ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีการล้างหน้าแบบใหม่ซึ่งสาวๆ หลายคนน่าจะเคยทำมาแล้วและกำลังทำอยู่....แต่เราไปอยู่ที่ไหนมา ฮือๆๆ วิธีที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือวิธีการล้างหน้าตามแนวโพรงขนนั่นเองค่ะ
ภาพแสดงทิศทางการล้างหน้าตามแนวโพรงขน
เพื่อนๆ ลองหยิบกระจกมาส่องเพื่อดูโพรงขนของตัวเองกันนะคะ ว่าปลายเส้นขนของเพื่อนๆ พุ่งไปทางไหน ...เส้นทางนั้นจะเป็นเส้นทางที่เพื่อนๆ จะนำมาใช้ในการทำความสะอาดผิวหน้าของตัวเอง รวมถึงเอามาใช้ในขั้นตอนของการบำรุงผิวได้ด้วยค่ะ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราเลยนะเพราะมันทำให้ผิวหน้าของเราเกิดการระคายเคืองน้อยลง ที่สำคัญวิธีนี้ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าของเราได้ด้วยนะคะทุกค๊นนนน เพราะโพรงขนเป็นตัวที่ทำให้คลอลาเจนและอิลาสตินมายึดเกาะผิวหน้าของเรา ผิวของเราจึงยังคงความเรียบเนียน ยืดหยุ่นและไม่หย่อนคล้อยนั่นเอง หากเราล้างหน้าแบบถูไปถูมาย้อนรูขุมขนจะทำให้คลอลาเจนและอิลาสตินยึดเกาะโพรงขนไม่ดีผิวหน้าของเราจึงเกิดการระคายเคือง ในที่สุดสิ่งสกปรกก็จะมาอุดตันในรูขุมขนของเราและได้ของแถมคือหน้าเหี่ยวมาอี๊ก ....ไม่ดีจริงๆ เลยใช่มั้ยคะ เราเริ่มล้างหน้าด้วยวิธีนี้ตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. 62 ที่ผ่าน มาถึงตอนนี้สิ่งที่เราสัมผัสได้ คือ ผิวหน้าเรียบเนียนมากขึ้น รูขุมขนดูดีขึ้น และสิวเสี้ยนดำๆ ขาวๆ เล็กๆ บริเวณจมูก แก้ม และคาง ลดลงไปมากๆ เลยค่ะ เราคิดว่าวิธีการล้างหน้าแบบนี้แหละทำให้สกินแคร์ที่เราใช้อยู่ทำหน้าที่ของมันได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นผิวหน้าจึงดูดีขึ้น ในเดือนแรกๆ เพื่อนๆ จะรู้สึกว่าใช้มือลูบใบหน้าของตัวเองแล้วรู้สึกสากๆ ผิวหน้าไม่เรียบเนียน อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะเพราะสิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ดีที่บอกเราว่าสิ่งอุดตันบนใบหน้าเริ่มผุดและจะหลุดไปแล้วน๊ะ อดทนทำแบบนี้ทุกวันไปเรื่อยๆ ผิวหน้าก็จะเรียบเนียบขึ้นค่ะ สิวอุดตันต่างๆ ก็ลดลงด้วย เพราะการล้างหน้าตามแนวโพรงขนจะทำให้สิ่งที่อุดตันในรูขุมขนและสิ่งปรกบนใบหน้าหลุดออกมาตามธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น ผิวหน้าที่เกิดการอักเสบก็จะลดลง รูขุมขนก็เล็กลงอีกด้วยค่ะ... มันฟินดีจริงๆ การล้างหน้าด้วยวิธีนี้เพื่อนๆ จะเริ่มจากบริเวณไหนก่อนก็ได้นะคะ แต่ขอให้ทั่วถึงทุกจุด (จากภาพเราทำเป็นสีๆ แยกไว้ให้แล้วว่าสีอะไรล้างในแนวไหนบ้าง... วาดไปก็หลอนไป ฮ่าๆๆ) แต่เพื่อไม่งง !! เรามาเริ่มที่หน้าผากกันก่อน ตามด้วยจมูก และไล่ลงมากตามความสบายใจได้เลยค่ะ ที่สำคัญคือต้องล้างอย่างเบามือทะนุถนอมผิวหน้าของเราที่สุดของที่สุดนะคะ ช่วงแรกจะรู้สึกว่ามันยุ่งยากหน่อยแต่ทำไปซักพักเราก็จะชินไปเอง....เพราะมีแรงจูงใจจากผลลัพธ์ที่ได้นะเออ
พักสายตาแป็บนึงแล้วมาลุยกันต่อในหมวดผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้าในช่วงนี้กันค่ะ * อะไรที่ดีก็ว่าดีและอะไรที่ควรระวังก็ลองใช้วิจารณญาณกันดูนะคะ *
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนนะคะว่าสภาพผิวหน้าของแต่คนไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะมีผิวมันเหมือนกัน ผิวผสมเหมือนกัน และผิวแห้งเหมือนกัน แต่เราผิวของเรามีโครงสร้างความแข็งแรงต่างกัน มีความไวต่อมลภาวะและตอบสนองต่อสกินแคร์ต่างกัน เพราะฉะนั้นเราอยากให้เพื่อนๆ นำข้อมูลที่ได้รับในวันนี้ไปตัดสินใจโดยใช้วิจารญาณของเพื่อนๆ เอง เพราะบางอย่างที่ไม่โอเคสำหรับเราอาจจะดีกับเพื่อนๆก็ได้ค่ะ ^^
ผลิตภัณฑ์สำหรับการเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์สำหรับการเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางค์ที่เราใช้มาตลอด แม้แต่ตอนที่ผิวบอบบาง ระคายเคืองมากขึ้นก็ไม่มีอาการแพ้และระคายเคืองเพิ่มเลย นั่นคือ
ผลิตภัณฑ์สำหรับเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางค์
สำหรับเช็ดหน้า
สำหรับเช็ดหน้าและรอบดวงตา
นีเวียยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยืนหนึ่งสำหรับเราจริงๆค่ะ โดยเฉพาะสูตรใหม่ Micellar AIR Skin Breathe Expert ทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจดจริงๆ สบายผิวมาก ไม่แสบ ไม่ระคายเคืองด้วยนะ ...รัก
สำหรับเช็ดรอบดวงตา
สามสิ่งนี้คือผลิตภัณฑ์ที่เราใช้เช็ดทำความสะอาดรอบดวงตา ทำความสะอาดได้ดีหมดจดทุกตัว แต่ขอให้คะแนนตามลำดับความชอบ ดังนี้นะคะ อันดับ 1 : Bifesta เค้าทำความสะอาดได้อย่างอ่อนโยน แปะๆ แป๊บเดียว และเช็ดเบาๆ อายไลน์เนอร์ชนิดกันน้ำก็หลุดออกได้อย่างง่ายดาย อันดับ 2 : Nivea ตัวนี้สูสีกับ Biferta เหมือนกันนะคะ เราชอบ Bi. มากกว่าเลยให้อันดับ 2 พอ แต่เรื่องทำความสะอาดผิวหน้าต้องให้ Nivea อันดับ 1 อันดับ 3 : Garnier ตัวนี้แสบตา เลยหล่นมาเป็นอันดับที่ 3
แต่สิ่งเหล่านี้ต้องใช้สำลีเช็คทำความ แม้ว่าสำลีจะมีผิวสัมผัสบางเบาหรืออ่อนโยนแค่ไหนก็ตาม แต่การใช้สำลีก็ยังทำให้ผิวหน้าของเราเกิดการระคายเคืองมากขึ้นอยู่ดีโดยเฉพาะในช่วงที่ผิวอ่อนแอแบบนี้ เราจึงใช้วิธีนี้น้อยลงค่ะโดยเราจะใช้เพียง 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์เท่านั้น เพื่อให้สำลีช่วยกวาดสิวเสี้ยนเล็กๆๆ ที่ผุดออกมาให้หลุดไวมากขึ้น (แอบใจร้อนเบาๆ) และหันมาใช้ออยล์ทำความสะอาดเครื่องสำอางค์แทนค่ะ
ต้อง AIME นี่แหละเป็นสิ่งที่ผิวหน้าของเราคู่ควร
AIME เป็นสำลีที่เราใช้แล้วชอบที่สุดเพราะหนา นุ่ม เป็นขุยยากกกกก ราคาเบา สบายกระเป๋าตามฐานเงินเดือนที่เหลือ ฮ่าๆๆๆ
เมื่อผิวหน้าอ่อนแอไม่อยากสัมผัสสำลี เราก็เปลี่ยนมาใช้คลีนซิ่งออยล์แทนค่ะ
Smooth E Extra Sensitive : Serum Cleanser
ตัวนี้เป็นออยล์ตัวแรกที่เราใช้ เราชั่งใจอยู่นานว่าจะทำให้แพ้หรือระคายมากขึ้นมั้ย แต่ของมันต้องลองอีกแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ และค่อนข้างมั่นใจในแบรนด์สมูทอีพอสมควรเพราะเคยใช้มาหลายตัวก็รักนะ ตัวนี้มีลักษณะเป็นน้ำใสๆ มันๆ เพราะมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ กลิ่นหอมอ่อนๆ เราใช้ 3-4 ปั๊ม นวดทั่วใบหน้าและลำคอตามแนวโพรงขนให้เครื่องสำอางค์หลุดออกให้หมด จากนั้นหยดน้ำสะอาดปริมาณหนึ่งลงบนฝ่ามือและนำมาล้างตามแนวโพรงขนเช่นเดิมค่ะ เนื้อผลิตภัณฑ์จะเปลี่ยนจากออยล์เป็นน้ำนม จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผลลัพธ์ที่ได้คือ ไม่แพ้ รู้สึกอ่อนโยนกับผิวหน้า แต่ไม่อ่อนโยนกับดวงตาเพราะแสบตา ฮ่าๆๆๆ (นี่เป็นข้อเสียข้อเดียวของสิ่งนี้แต่ไม่กี่วันเราก็จะชินไปเองค่ะ ...ใช่เหรอ) ล้างเครื่องสำอางค์ได้หมดจดมากๆๆๆๆๆ แม้เครื่องสำอางค์กันน้ำ ไม่อุดตัน ราคาไม่แพง เลิฟมาก ลงตัวที่ตัวนี้ เราก็เลยยังไม่ได้ลองเปลี่ยนไปใช้คลีนซิ่งออยล์ของแบรนด์อื่น ...เดี๋ยวหน้างง > v <
เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางค์กันแล้วมาล้างหน้ากันอีกซักทีนะคะ
โดยเราจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี pH Balance เป็นหลักค่ะ ... มาดูกันเลยจ้า
Acne-Aid
ตัวนี้เป็นพระเอกของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อผิวหน้าของเราอ่อนแอ บอบบางลง จะทำให้เกิดการระคายมากขึ้น ในที่สุดผิวหน้าจะเกิดการอักเสบง่ายขึ้นและเกิดสิวตามมาค่ะ ... (อันนี้ช้ำเพราะตอนสาวๆ เราไม่เคยจะเป็นสิว พออายุ 30 ++ สิวอินดี้ก็มาเยือนทุกวี่วัน) เนื้อสัมผัสเป็นแบบคลีนซิ่งเนื้อสีขาวเหลวข้น ใช้ผสมน้ำเล็กน้อยแล้วถูเบาๆ ที่ฝ่ามือให้เกิดฟอง ก่อนล้างหน้า ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้คือ ผิวหน้าสะอาด ไม่แห้งตึง ไม่ทำให้ระคายเคืองเลยค่ะ เราใช้ในตอนเย็นเป็นหลัก แต่วันไหนมีสิวบุกก็จะใช้ในตอนเช้าด้วยค่ะ ใช้เช้าและเย็นไปเล้ยยยย !!
Cetaphil Gentle Skin Cleanser
สำหรับตัวนี้เรารักกันมานานมากๆ เลย เหมาะกับทุกสภาพผิว มีความอ่อนโยนสุดๆ ปราศจากน้ำหอม เนื้อสัมผัสคล้ายๆกับ Acne-Aid แต่มีความข้นน้อยกว่าและไม่มีฟอง ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ คือ ผิวหน้าสะอาด ไม่ระคายเคือง ไม่แสบตา เราใช้สำหรับล้างหน้าในตอนเช้าเป็นหลัก โดยพอกบนใบหน้าแล้วทิ้งไว้ก่อน จากนั้นไปอาบน้ำเราหรือทำอย่างอื่นไปก่อน เมื่อเวลาได้ที่แล้วเราจะนวดๆ ที่ผิวหน้าตามแนวโพรงขนและล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ.... สะอาดหมดจดสบายผิวจริงๆ
เพื่อนๆ เห็นสิ่งดีๆ ไปแล้ว คราวนี้มาดูสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันทำให้ผิวหน้าของเราระคายมากว่าเดิมกันดีกว่านะคะ ได้แก่..............
Biore Make up Remover Cleansing Milk
ตัวนี้คาดหวังไว้สูงว่าต้องไม่แพ้แน่ๆ เพราะตอนวัยรุ่นเคยใช่รุ่นเก่าแบบหลอดมันดีมากๆ แต่กลับผิดหวังเพราะใช้แค่คืนเดียวตื่นเช้ามาผิวหน้ามีผดแดงๆ คันยุบยิบๆ ก็เลยครั้งเดียวพอ ฮือๆ ถ้าพูดถึงเรื่องความสะอาดตัวนี้ทำออกมาได้ดีเลยนะคะ สะอาดหมดจดแม้เครื่องสำอางค์กันน้ำ สำหรับคนที่ไม่แพ้ตัวนี้น่าอิจฉาสุดๆ
SENKA Perfect White Clay
สำหรับตัวนี้ช่วงที่ผิวหน้าแข็งแรงเป็นตัวที่ใช้ดีมากกกกกก ฟองโฟมนุ่มมากกกก ผิวหน้าสะอาด สังเกตได้จากหลอดที่บี้แบน.. แต่พอผิวเราถูกทำร้ายจากมลภาวะจากสภาพอากาศ บลาๆๆ เราไม่สามารถใช้ตัวนี้ได้เลยเพราะระคายเคืองมากค่ะ รู้สึกผิวหน้าแห้งตึง ก็เลยพอแค่นี้แระกันนะ
LAROCHE-POSAY EFFACLAR
ส่วนตัวนี้เราก็คาดหวังไว้สูงเหมือนกันเพราะแบรนด์นี้เด่นเรื่องผิวระคายเคือง บอบบาง แพ้ง่าย จริงๆ ก็ดีนะคะ แต่ก็พูดว่าดีได้ไม่เต็มปาก เพราะคุณเค้าใช้ดีมากๆ ในช่วงเวลาที่ผิวหน้าของเราแข็งแรง แต่ถ้าวันไหนผิวหน้าเจอมลภาวะหนักๆ ตัวนี้สำหรับเราทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น แถมคันยุบยิบด้วยค่ะ ก็เลยพักไว้ จะทิ้งไปก็เสียดายเพราะตุนไว้เยอะ ฮ่าๆๆ เลยเอามาใช้ช่วงที่รู้สึกว่าผิวหน้าแข็งแรงขึ้นมาบ้างแล้วดีกว่า ... ยังมีเยื่อใยต่อกันเบาๆ
เมื่อล้างหน้าเสร็จแล้ว เราจะซับหน้าด้วยการใช้กระดาษทิชชูสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ วิธีนี้เพิ่งเริ่มใช้ตอนหน้าพังค่ะ เมื่อก่อนเราใช้ผ้าขนหนูสำหรับซับหน้ามาตลอดๆ แต่พอหน้าพังก็กังวลเรื่องแบคทีเรียสะสม ตอนนี้เลยหันมาใช้ทิชชูแทนดีกว่า
เราถูกใจสิ่งนี้...ซับเบาๆ ฟินเบาๆ
อ๊ะๆ ทำความสะอาดผิวหน้าสองชั้นแล้วมาเช็คดูอีกทีดีกว่าว่าผิวหน้าของเราสะอาดจริงและหมดจดหลอกกันหรือเปล่า
โทนน้ำตาล โทนนู้ด โทนสีสุภาพ ฤ จะสู้โทนเนอร์
โทนเนอร์ที่รัก
เซตนี้กลับมาอีกแล้วในกระทู้นี้เพราะการใช้โทนเนอร์นับเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญของการทำความสะอาดผิวให้หมดจดอีกครั้งหลังล้างหน้า อีกแนวคิดหนึ่งการใช้โทนเนอร์เป็นการปรับสมดุลและเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป โทนเนอร์ที่เราใช้หลักๆ มี 2 นะคะ คือ Thayers rose petal และ d program Balance Care Lotion (ขวดสีฟ้า) ส่วนตัวเสริมที่ต้องใช้อย่างทะนุถนอมเพราะกลัวหมด คือ น้องเห็ด .. เค้าเด็ดจริงๆ วิธีการใช้โทนเนอร์ของเรามี 2 วิธี คือ 1.หยดลงบนสำลีแล้วเช็ดลงบนใบหน้าตามแนวโพรงขน และ 2. หยดลงบนฝ่ามือแล้วลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าตามแนวโพรงขน ...เราใช้วิธีที่ 2 มากกว่าเพราะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ มาเริ่มกับตัวที่เราเลิฟๆ ที่สุดกันเลยนะคะ
"ORIGINS™ MEGA-MUSHROOM RELIEF & RESILIENCE SOOTHING TREATMENT LOTION"
ให้เป็นตัวเสริมแต่เป็นตัวที่รักที่สุด เพราะให้ความชุ่มชื่น ลดอาการคัน แดง ตุ่ม ผด ผื่น ได้ดีมากกกกก น้องเห็ดเค้าปลอบประโลมผิวหน้าพังๆ ของเราได้ขั้นสุดจริงๆ ค่ะ แอบอยากให้แบรนด์ทำเป็นสเปรย์น้ำแร่เอาไว้ฉีดพ่นใบหน้าระหว่างวัน ตัวนี้เราใช้เป็นทั้งโทนเนอร์และน้ำตบ เมื่อไหร่ที่มีตุ่มคันยุบยิบ แดง/ไม่แดง ขึ้นที่ผิวหน้าเราจะใช้น้องเห็ดโปะๆ ตรงบริเวณนั้น หรือจะชุบสำลีแล้วแปะทิ้งไว้ก็ได้นะคะ แล้วเพื่อนๆ จะได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ของเค้าค่ะ .... ตัวนี้เชียร์
d program Balance Care Lotion
ส่วนตัวนี้เป็นลูกรักที่หยิบใช้บ่อยที่สุด จริงๆ ก็ทุกวันเลยค่ะ ไม่ตอนเช้าก็ตอนเย็น เค้าเป็นโลชั่นน้ำตบที่เราเอามาใช้เป็นโทนเนอร์เพราะต้องการปรับสมดุลให้ผิวหน้าก่อนการบำรุง d program เค้ามีหลายสูตรโดยแบ่งเป็นสีๆ ให้เพื่อนๆ ได้เลือกใช้ตามสภาพผิวหน้าของเพื่อนๆ นะคะ เนื้อสัมผัสเป็นน้ำใสๆ ไม่มีสี ไม่กลิ่น และให้ความชุ่นชื่นแก่ผิว ดีต่อผิวบอบบางแพ้ง่ายที่สุดค่ะเพราะเค้าทำให้ผนังหุ้มเซลล์ผิวของเรามีความแข็งแรง เมื่อผิวของเราแข็งแรงเราก็จะแพ้อะไรต่อมิอะไรยากขึ้นนั่นเอง
Thayers rose petal
ตัวสุดท้ายเป็นโทนเนอร์ที่เหมาะกับสาวผิวมัน เป็นสิว รูขุมขนกว้าง ส่วนเรา..เรามีผิวผสมบ้าง แห้งบ้าง และขาดน้ำ เราเลือกใช้ตัวนี้เพราะเริ่มมีสิวและต้องการให้รูขุมขนกระชับขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ช่วยลดสิวได้ในระดับนึงเลยนะคะ ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้าได้ดี แต่......เมื่อใช้ต่อเนื่องไปซักพัก เรารู้สึกว่าผิวหน้าเราระคายเคืองมากขึ้น ไม่รักเหมือนใช้ช่วงแรกๆ แล้วอ่ะ ช่วงนี้เลยขอพักไว้ก่อน ไว้หน้าแข็งแรงกว่านี้แล้วจะกลับมาใช้อีกแระกันนะ... ยังมีเยื่อใยต่อกันอยู่
สำลีที่เราใช้คู่กับโทนเนอร์ค่ะ ชิ้นเล็กๆที่เห็นนั้นเราตัดแบ่งครึ่งเองค่ะเพื่อความคุ้มค่า ฮ่าๆๆๆ
และนี่ก็เป็นวิธีการทำความสะอาดผิวหน้าของเราในช่วงที่ผิวหน้าบอบบาง ระคายเคืองง่าย แพ้ง่าย และเราก็คงจะทำวิธีนี้ตลอดไปเพราะผลลัพธ์ที่ได้สุดแสนจะคุ้มค่าจริงๆ ค่ะ ... ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ผิวของเราอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ เพื่อนๆ ที่เห็นหน้าของเราทุกวี่วันอาจจะคิดว่า นี่คือดีขึ้นแล้วเหรอ ?? ... เราขอบอกตรงนี้เลยว่า นี่แหละดีขึ้นแล้วจริงๆ T ___ T สุดท้ายเราหวังว่าข้อมูลจากกระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดูแลผิวหน้าของตัวเองนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามน๊า ^ ____^ บ๊ายบาย