สกินแคร์ฟื้นฟูผิวอ่อนแอระคายเคืองง่าย จะ PM 2.5 หรือสภาพอากาศแบบไหนก็เอาอยู่

143 47
         สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเราที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสภาพผิวหน้าพังๆ ของเรานั่นเอง สาเหตุความพังในครั้งนี้เกิดจากสภาพอากาศที่เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 และมลภาวะจากฝุ่น PM 2.5 ในช่วงต้นปี 2019 แต่ยังไม่หยุดแค่นั้นในตอนนี้ฝนก็เทลงมานะคะทุกคน สงสารผิวหน้าของตัวเองจับใจมันจะต้องสตรองเบอร์ไหนถึงจะฝ่าฟันกับสภาพอากาศแบบนี้ไปได้
        ลองผิดลองถูกมาหลายเดือนในที่สุดเราก็เจอสกินแคร์ที่ทำให้ผิวหน้าของเราดีขึ้นมากๆ แถมเรายังรู้สึกว่ามันดีขึ้นกว่าเดิมอีกนะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่มีปัญหาผิวหน้าใกล้เคียงกันและเพื่อนๆที่กำลังมองหาสกินแคร์ตัวใหม่ และอยู่ในระหว่างการตัดสินใจซื้อนะคะ
        สภาพผิว : ผิวผสม พออายุ 30 ++ กลายเป็นคนผิวแห้ง ขาดน้ำ ช่วงที่หน้าพังจะมีสิวง่ายมาก ผิวระคายเคืองง่าย มีผดผื่น คันยุบยิบ เดี๋ยวหน้าแห้งเดี๋ยวหน้ามัน ผิวหยาบกร้านมากค่ะ
​เรามาเริ่มกันทีละขั้นตอนเลยนะคะ
ขั้นตอนที่ 1 อีกขั้นของการทำความสะอาดผิวหลังล้างหน้า
                   หลังล้างหน้าเราควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดอีกครั้งด้วยโทนเนอร์ หรืออีกแนวคิดหนึ่งการใช้โทนเนอร์เป็นการปรับสมดุลผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป
        สรุปว่า : การใช้โทนเนอร์นั้นสำคัญมากๆ นะคะทุกคน

        โทนเนอร์ที่เราเลือกใช้มี 2 ตัวค่ะ คือ Thayers rose petal และ d program Balance Care Lotion (ขวดสีฟ้า)
         วิธีการใช้โทนเนอร์ของเรามี 2 วิธี คือ 1.หยดลงบนสำลีแล้วเช็ดลงบนใบหน้าตามแนวโพรงขน และ 2. หยดลงบนฝ่ามือแล้วลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าตามแนวโพรงขน ...เราชอบใช้วิธีที่ 2 มากค่ะเพราะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองน้อยลง

เริ่มที่ตัวแรกกันเลยนะคะ
            Thayers rose petal อันโด่งดังนาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เราเลือกใช้ตัวนี้เพราะปัญหาสิวและรูขมขนกว้าง เนื้อสัมผัส เป็นน้ำใสๆ เมื่อเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าแล้วให้ความชุ่นชื่นได้ดี แต่กลิ่นไม่ค่อยพึงใจเท่าไหร่ค่ะ ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดมากขึ้น เรื่องสิวช่วยได้เล็กน้อย ส่วนเรื่องรูขุมขนกว้างยังเห็นผลไม่ชัดเจนคงต้องให้เวลาเค้าหน่อย
ตัวที่สอง
            d program Balance Care Lotion ตัวนี้จริงๆแล้วเค้าเป็นโลชั่นน้ำตบแต่เราเอามาใช้เป็นโทนเนอร์เพราะรู้สึกว่าช่วยปรับสมดุลให้ผิวได้ดีเลยทีเดียว เนื้อสัมผัสเป็นน้ำใสๆ ไม่มีสี ไม่กลิ่น d program เค้าเคลมผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเค้าไว้ว่าเหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายและช่วยเป็นเกราะป้องกันมลภาวะรวมถึงฝุ่น PM 2.5 ที่ทำร้ายผิวหน้าของเรา  สำหรับสูตรสีฟ้าเหมาะสำหรับผิวมัน ช่วยปรับสมดุลความมันบนใบหน้า และให้ความชุ่นชื่นแก่ผิว ซึ่งผิวแห้งขาดน้ำของเราก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร ดีงามมากค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 การบำรุงผิว
            ในขั้นตอนนี้เราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นเรื่องการปรับสมดุลผิว ปลอบประโลมผิวและเติมความชุ่มชื่นแก่ผิวเป็นหลักค่ะ ต่อด้วยเรื่องริ้วรอยแห่งวัยเพราะวัยขนาดนี้แล้วริ้วมันต้องมารอยมันต้องมี ซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละตัวเค้าก็มีคุณสมบัติเด่นๆ ที่แตกต่างกันออกไป ที่สำคัญยังช่วยฟื้นฟูผิวหน้าบอบบาง ระคายเคืองง่าย และพัง พัง พัง !! ของเราให้ดีขึ้นได้ ..... เรามาทำความรู้จักกันทีละตัวเลยนะคะ

ปลอบประโลมผิวและปรับสมดุลอีกหนึ่งขั้นตอน
            น้องเห็ดตัวดังของเรานาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักอีกเช่นเคย น้องเค้าดีจริงๆค่ะสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลยนะ สามารถใช้เป็นโทนเนอร์หรือน้ำตบก็ได้แต่เราชอบใช้เป็นน้ำตบมากกว่า เนื้อสัมผัสเป็นน้ำใสๆ มีกลิ่นเห็ดที่มีความหอมแบบสดชื่นๆ แต่บางคนก็ไม่ชอบกลิ่นน้องเค้านะคะ ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ก็ควรมองข้ามกลิ่นนั้นไป ฮ่าๆๆ ผลลัพธ์ที่ได้ น้องเห็ดช่วยปลอบประโลมและลดการระคายเคืองของผิวได้ดีมาก ผิวแดง เป็นตุ่ม ผด ผื่น  ลอก แห้ง คัน คันแบบคันยุบยิบ น้องเค้าเอาอยู่แถมยังให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ 
ความชุ่มชื่นแก่ผิวต้องมา ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวขาดน้ำ จงหายไป

         เพราะพื้นฐานของผิวที่ดีเกิดจากผิวที่มีความชุ่มชื่นจริงๆค่ะคุณ เรียกได้ว่าความชุ่มชื้นเป็นนางเอกของทุกสภาพผิว และทุกๆปัญหาผิวเลยจริงๆนะคะ  จากที่บอกไปตอนต้นว่าผิวหน้าของเราเคยเป็นผิวผสมมาก่อนแต่พออายุมากขึ้นเจอมลภาวะต่างๆเยอะขึ้นกลายเป็นคนที่ผิวแห้งขาดน้ำ ระคายเคือง ผิวอ่อนแอมาก เราก็เลยหันมานับ 1 ใหม่ ด้วยการเริ่มต้นจากการเติมความชุ่มชื่นแก่ผิวเป็นหลัก เมื่อผิวหน้ามีความชุ่มชื่นจะเกิดการระคายเคืองลดลง ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น รูขุมขนกระชับและเล็กลง สิวลดลง หน้ามันลดลง ... สำหรับคนที่มีผิวหน้ามันจริงๆ แล้วอาจเป็นคนที่มีสภาพผิวหน้าแห้งขาดน้ำแบบเรา (เราขอแนะนำให้ไปตรวจสภาพผิวหน้าของตัวเองเพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาให้ตรงจุดดีกว่าค่ะ) และคนส่วนใหญ่รวมถึงเราในตอนนั้นก็มีความเข้าใจว่าการเติมความชุ่มชื่นให้ผิวจะทำให้หน้ามันมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามาปรับความเข้าใจกันใหม่ดีกว่าค่ะเพราะมีช่วงหนึ่งที่เรากลายเป็นสาวหน้ามันด้วยเหมือนกันแต่ความชุ่มชื่นเค้าช่วยเราไว้ได้ทัน ขออธิบายสั้นๆแบบนี้ค่ะ ผิวหน้ามันเกิดจากสภาพผิวของเราที่จริงๆ แล้วเป็นผิวแห้งขาดน้ำทำให้ต่อมน้ำมันผลิตน้ำมันออกมาเพื่อชดเชยความชุ่นชื้นให้แก่ผิวหน้ามากเกินไปจึงส่งผลให้ผิวหน้าของเราเกิดความมันมากขึ้น แต่ปัญหานี้หมดไปจากการเติมความชุ่มชื่นสู่ผิวค่ะ 
            ตามมาดูสกินแคร์ที่เรานำมาเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิวหน้าในช่วงที่ผิวเราพังสุดๆกันเลยค่ะ
            จัดว่าเป็นสกินแคร์ในหมวดที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นแก่ผิวได้ดีงามมากเวอร์เลยนะคะ เราเคยใช้ขนาดทดลอง 15 ml เมื่อปีที่แล้ว (ปี 2018) และก็คิดว่าจะใช้ตลอดๆๆ แต่ก็อยากรู้อยากลองของใหม่ๆ เลยปันใจลองสกินแคร์ตัวอื่นไปปเรื่อยๆ สุดท้ายต้องกลับมาซบอกคุณเค้าเหมือนเดิม รอบนี้จัดหนัก 125 ml ไปเล้ย จุใจใหญ่เบิ้ม ตัวนี้เหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวขาดน้ำ เนื้อสัมผัสเป็นเจลใสๆ เย็นๆ คนหน้ามันน่าจะชอบ กลิ่นหอมอ่อนๆ เนื้อเจลบางเบา ซึมเร็ว ให้ความชุ่มชื้นดีมากค่ะ จัดการผิวแห้งลอกอยู่หมัด
            ตัวนี้ราคาเบาๆ เราชอบใช้สลับกับ Clinique Moisture Surge Extended Replenishing Hydrator ค่ะ แต่จะเน้นใช้  Clinique Moisture Surge Extended Replenishing Hydrator มากกว่าเพราะให้ความชุ่มชื่นและเก็บความชุ่มชื่นได้ดีกว่า เนื้อสัมผัสเป็นน้ำใสๆ มีความหนืดเล็กน้อย หยดลงบนฝ่ามือแล้วตบที่ใบหน้าเบาๆ สักพักก็ซึมหมด ไม่เหนอะหนะผิว วันไหนรู้สึกว่าหน้าโทรมต้องการเติมความชุ่มชื้นเราจะเอามาทาโบกหนาๆบนใบหน้าแล้วนอนเลยค่ะตื่นมาหน้านุ่มชุ่มชื้นมาก หรือจะใช้หยดลงบนสำลีแล้วแปะเป็นมาร์ครอบดวงตาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นก็ได้ผลดีเหมือนกันนะคะ
ในวันที่มีสิวและยาแต้มสิวดูจะรุนแรงเกินไป
            d Program มาอีกแล้วจ้าคราวนี้เปลี่ยนสีเปลี่ยนสูตรกันบ้างนะคะ สิวของเราเกิดจากฮอร์โมนในช่วงวันนั้นของเดือนเป็นหลักและจากปัจจัยกระตุ้นจากมลภาวะและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงหนักๆ ประจวบเหมาะกับในช่วงนั้น PM 2.5 บุกหนักมากทำให้เรามีสิวผดเต็มไปหมด ผิวหน้าในช่วงที่เป็นสิวเป็นผิวหน้าที่บอบบางระคายได้ง่ายอยู่แล้วเราจึงลองเปลี่ยนจากการใช้ยาแต้มสิวที่ดูรุนแรงมาใช้ d program Acne Care Emulsion (ขวดสีเหลือง) ต่อจากสกินแคร์หมวดที่เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เนื้อสัมผัสของเค้าเป็นเนื้อเจลกึ่งเหลว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ซึมไว ผลลัพธ์ที่ได้คือ สิวมีขนาดเล็กลงและลดน้อยลงเพราะเค้าช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้ด้วยนะคะและตอนนี้สิวเสี้ยนบนจมูกของเราก็ลดน้อยลงด้วยค่ะทุกคน ... ควรลอง
อาหารเสริมตัวเด็ดสยบทุกปัญหาผิว
            สำหรับตัวนี้เราขอยกให้เป็นอาหารเสริมของผิวหน้าที่ทุกคนควรได้ลองเลยนะคะ ใจจริงเราคิดว่ามันควรเป็นอาหารหลักของผิวเราต่างหากแต่ติดตรงที่ราคาแรงส์สมกับความเป็นคลาแรงส์ ฮ่าๆๆ ถ้าถามว่าขวดนี้หมดแล้วจะใช้ต่อไหมเราตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยค่ะว่า "ใช้ต่อค่ะ" ของมันต้องมีนะคะทุกคน  Clarins Double Serum ตัวนี้เด็ดดวงจริงๆค่ะ #ควรค่าแก่การลงทุน# ตอนแรกเรามีความกังวลว่าจะแพ้เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลังกอบกู้หน้าพังๆ ของตัวเองอยู่ แต่ของมันต้องลองมันต้องเสี่ยงกันซักตั้งนะ ปรากฏว่าไม่แพ้.....น้ำตาจะไหล เนื้อสัมผัสของเค้าเป็นเซรั่มที่แยกน้ำและน้ำมันออกจากกัน บางเบา สบายผิว ตัวน้ำมันไม่ได้ทำให้รู้สึกเหนอะหนะเลยค่ะ ซึมไว ผิวไม่อุดตัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆๆๆ เราประทับใจผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ...ครั้งแรกที่ใช้เลยจริงๆค่ะ สัมผัสได้เลยว่าช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัสลงบนผิวหน้าของเรา และความเรียบเนียนก็มีเพิ่มขึ้นตามลำดับ รูขุมขนเล็กลง ความแห้งกร้านลดลง สุขภาพผิวแข็งแรงขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น โดยเฉพาะร่องแก้มของเราที่เราสังเกตได้ชัดเจนที่สุด อีกสิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้คือเรามีสิวอักเสบลดลงและเมื่อไหร่ที่เริ่มจะเกิดสิวตัวนี้เค้าเอาอยู่นะคะ กดไป 2 ปั้ม ใช้โบกตอนกลางคืนตื่นเช้ามาหน้าเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น งงมาก ...ลองเถอะค่ะ 
ปิดท้ายปัญหาผิวอ่อนแอแห้งระคายเคืองผดผื่นคัน
            คุณคนนี้มองเผินๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลยใช่ไหมคะ ... แต่ทุกคนคะอย่าเพิ่งมองข้ามเค้าไปค่ะ โดยเฉพาะคนที่ผิวหน้าระคายเคืองง่าย มีผดผื่นแดงหรือไม่แดงก็ได้ มีอาการคันยุบยิบที่ใบหน้า ส่วนของเราช่วงที่หน้าพังมักจะมีตุ่มคันยุบยิบขึ้นมาบ่อยมากทุกวันวันละหลายๆรอบบวกกับผิวหน้าแห้งกร้านมากขึ้น แพ้เหงื่อ แพ้ฝุ่น โดยเฉพาะช่วงที่ PM 2.5 เข้ามาถาโถม (อันนี้ร้ายจริง) ทำให้หนังหน้าของเราเองแพ้ๆ พังๆ พังๆ แพ้ๆ เลยตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านขายยาแห่งหนึ่งเพื่อไปหาเวชสำอางค์มาใช้มีความโชคดีที่เจอเภสัชกรที่ให้คำแนะนำได้ดีมากๆ เลยได้สิ่งนี้มา ตัวนี้ถือเป็นสกินแคร์ลำดับต้นๆ อีกหนึ่งตัวที่เข้ามากู้หน้าของเรา เราใช้มาหนึ่งเดือนเต็มเข้าสู่เดือนที่สองแล้ว ปัญหาผิวหน้าทั้งปวงก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แถมยังทำให้เรากลับไปใช้สกินแคร์ตัวเดิมที่อยู่ๆ เคยใช้ดีกลับกลายเป็นใช้ไม่ได้เลยจากสภาพผิวหน้าที่อ่อนแอแพ้ง่ายในช่วงนั้นเพราะแสบและระคายเคืองมาก (ร้องไห้) จนถึงวันนี้เรากลับไปใช้สกินแคร์ตัวเดิมได้แร้น ... เราว่าเราขาดคุณคนนี้ไม่ได้แล้วจริงๆนะคะ สำหรับตัวนี้ในตอนเช้าเราใช้เป็นลำดับสุดท้ายก่อนลงครีมกันแดด (ไม่งงนะ ?) ส่วนตอนกลางคืนเราใช้เป็นลำดับสุดท้ายทาเสร็จเข้านอนได้เลยค่ะ พอผิวหน้าดีขึ้นก็เริ่มใช้สลับกับสกินแคร์ตัวเดิมที่มี ถือว่าเป็นสกินแคร์ตัวเด็ดอีกตัวราคาเบาๆ ที่ฐานเงินเดือนของเราคู่ควร ฮ่าๆๆ 
         สกินแคร์เซตนี้เค้ามีสองสูตรให้เลือกนะคะ คือ la roche posay toleriane ultra สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ผิวแห้งมาก กับ la roche posay toleriane ultra light สูตรนี้เหมาะกับผิวมันและผิวผสมค่ะ

สิ่งสุดท้ายสำคัญมากและห้ามลืม
       นั่นก็คือครีมกันแดดนั่นเองค่ะ
       เราลงทุนกับสกินแคร์เพื่อฟื้นฟูผิวหน้าของเราไปตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่กันแล้ว จะมาตกม้าตายตอนจบกันไม่ได้นะค๊ะ (ขอเสียงสูงนิสสส) ครีมกันแดดที่เราเปลี่ยนมาใช้ช่วงหน้าพังและใช้จนมาถึงตอนนี้ และจะใช้ตลอดไป นั่นคือ.......
​​​​
            d program มาตอนจบแบบสวยๆ อีกแล้วววว... เราชอบแบรนด์นี้มากจริงๆ และก็รู้สึกได้ว่าคุณคนนี้เค้ากำลังจะโด่งดังนะเออ ขอเล่าให้ฟังกันอีกครั้งนะคะ d program เค้าอยู่ในเครือ  Shiseido ซึ่งเค้าได้พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องสำอางเพื่อต่อต้านมลภาวะ ฝุ่นละอองต่างๆ รวมถึง PM 2.5 และเกสรดอกไม้ ในทุกๆผลิตภัณฑ์ของเค้าเลยทีเดียว ตัวนี้เป็นครีมกันแดดที่เคลมไว้ว่าเหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย SPF40 PA+++ ปกป้องได้ตั้งรังสี UVA และ UVB ตัวนี้เราฝากเพื่อนซื้อที่ญี่ปุ่นค่ะเพราะที่ไทยของหมดจึงได้ SPFมาแค่ 40 เท่านั้น แต่ในไทยจะมี SPF46 กันเลยทีเดียว เนื้อสัมผัสเป็นแบบเอสเซนส์มีความคล้าย ANESSA ขวดสีเหลือง แต่มีความเหลวกว่านิดหน่อยที่สำคัญไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่หนักหน้า ไม่อุดตัน ทำให้หน้ากระจ่างใสขึ้น มีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อโดยเฉพาะสำหรับคนที่เหงื่อออกง่ายและเหงื่อออกมากเหมือนเราเค้าเอาอยู่นะคะ  ทริคของเราเวลาใช้กันแดดตัวนี้คือเมื่อไหร่ที่มีเหงื่อออกบนใบหน้ามากๆ เราจะไปตากแอร์เย็นๆ ซักแป๊บให้เหงื่อบนใบหน้าแห้งก่อนแล้วใช้นิ้วมือ (อย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อนนะคะ) ค่อยๆ เกลี่ยแป้งบนใบหน้าที่เป็นคราบจากเหงื่อให้สม่ำเสมอกันเพียงเท่านี้หน้าก็จะไม่เป็นคราบแล้วค่ะ แต่ถ้าไม่มีแอร์ให้ตากหน้าที่ชุ่มเหงื่อเราจะใช้กระดาษทิชชูสำหรับเช็ดหน้าค่อยๆ ซับเหงื่อออก .... ก็รอดนะคะ ซึ่งครีมกันแดดบางตัวทำแบบนี้ไม่ได้แถมยังเป็นคราบหนักกว่าเดิมอีก 
            และนี่ก็เป็นสกินแคร์ทั้งหมดที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าของเราอย่างได้ผลจริงๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะคะ หากใครเคยใช้ตัวไหนและได้ผลเป็นอย่างไรหรือมีสกินแคร์ตัวอื่นๆ ที่อยากแนะนำให้เราได้ลองใช้บ้างก็นำมาแลกเปลี่ยนและเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ


                        ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ ...บ๊ายบาย



Junjaowkha review

Junjaowkha review

สวัสดีค่ะ เราชื่อเล่นจันทร์เจ้านะคะหรือเรียกว่าอินก็ได้ค่ะ ในตอนนี้อายุของเราก็เข้าสู่เลข 3++ แล้ว ผิวหน้าก็แลดูจะย่ำแย่ ไม่อึดถึกทนเหมือนตอนสาวๆ ตั้งแต่ ปี 2019 นี้ จึงถือว่าเป็นปีที่เป็นการเริ่มต้นดูแลตัวเองอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการเลือกใช้สกินแคร์ที่พิถีพิถันมากขึ้นเพราะเราเชื่อว่าการเลือกใช้สกินแคร์ดีๆ เป็นการบอกรักตัวเองอย่างหนึ่ง

ช่องทางการติดตามหรือติดต่องาน

FB Page : Junjaowkha review
IG : junjaowkhareview
Youtube : Junjaowkha review
Line : intirala

FULL PROFILE